˹���á Forward Magazine

ตอบ

อีโตจัน (11)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อีโตจัน (11) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

http://www.facebook.com/hysteriaculture

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

(ความเดิมจากตอนที่แล้ว) – – การปะทะกันที่หอนางโลมจีนระหว่างพวกจันทรากับราชินีพัดเหล็กคาโอริ แก๊งค์ของมาดามDitaบุกเข้าไปโจมตีที่หอนางโลม

มิซาเอะกำลังปฐมพยาบาลจียอนที่นอนนิ่งไม่ได้สติหลังจากการปะทะกับฮโยรินเช่นเดียวกับจันทราที่ใช้กำลังภายในทั้งหมดในการยื้อชีวิตของลูกสาวไว้อย่างสุดความสามารถโดยมีเคียวโกะที่น้ำตานองหน้าคอยช่วยปั๊มหัวใจอยู่เป็นระยะๆ “ฮารุกะตายแล้ว!!!” หลี่ชิงวิ่งหน้าตาเลิ่กลั่กลงมารายงานสถานการณ์ ทำเอาหนีตั่วแจ้ถึงกับเข่าทรุดลงไปอีกครั้ง “ม่ายน่าเลย โถ่ อาฮารุกะ!!! อีบอกอั๊วว่าอีจากลับปายเรียน กลับไปหาพ่อแม่ อีเพิ่งพ้นจากขุมนรกแต่กลับต้องมาตาย สวรรค์โปรดมีตาเอาคนที่ฆ่าอีมาให้กฏหมายลงโทษด้วย” หนีตั่วแจ้คร่ำครวญในขณะที่ร่างของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ถูกลำเลียงขึ้นรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน เอียนจือ ดอกทองได้เป็นคนที่ออกมารับหน้าและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ในขณะที่จันทราและเคียวโกะได้ติดตามไปที่โรงพยาบาลแต่มิซาเอะยืนยันจะขออยู่ที่เกิดเหตุเพื่อดูแลหนี่ตั่วแจ้และช่วยให้ปากคำกับเจ้าหน้าทีโดยจะรีบติดตามไปพร้อมๆกับเอียนจือทันที – – ณ โรงแรมโตเกียวพาราไดซ์มาดามDita,โดมินิค,แคทลายี,ฮโยรินและพรรคพวกได้เดินเผชิญหน้ากับราชินีพัดเหล็กคาโอริและฝนอีกครั้งที่ล็อบบี้โรงแรม นางมารที่กำลังนั่งจิบแชมเปญด้วยสีหน้าสบายๆเหมือนกับว่าเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่การเดินออกไปช็อปปิ้งกับเพื่อนสาวกลุ่มใหญ่ “ถ้าไม่รังเกียจดิฉันขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ?” มาดามDitaเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวังจะผูกมิตรไมตรี “เกรงว่ามีที่ว่างๆอีกเยอะในบริเวณนี้” นางมารหันไปมองมาดามDitaด้วยรอยยิ้มเย็นชาและน้ำเสียงเหยียดๆประดุจนางพญากำลังสนทนากับไพร่ “จริงๆดิฉันคิดว่าเราควรจะปรองดองกันไว้มากกว่านะคะเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกัน” มาดามDitaดูเหมือนจะไม่ยอมถอยหลังง่ายๆ เธอคว้าเก้าอี้มานั่งและหันไปมองคาโอริด้วยแววตาท้าท้ายและทรงอำนาจไม่แพ้กัน “นี่ไม่ใช่การเจรจาธุรกิจนะอีฝรั่ง!!!” ฝนยืนขึ้นแผดเสียง ฮโยรินที่มีสีหน้าแข็งกร้าวเดินมายืนประจันหน้ากับฝนแต่แล้วก็ทรุดตัวลงชักดิ้นชักงอด้วยความทรมาน “ฝน” นางมารสั่งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่เฉียบขาดทำให้ฝนได้สติหยุดใช้พลังจิตในการบีบกรีดแทงประสาทของฮโยริน “ดิฉันกับจันทรามีเรื่องที่จะต้องชำระสะสางกันเป็นการส่วนตัวและใครที่ขัดขวางหรือแทรกแซงจุดจบก็จะเป็นเหมือนๆกันคุณคงรู้ดี” นางมารไขว่ห้างพลางยิ้มแย้มให้Ditaที่รีบตอบมาด้วยสีหน้างุนงง “ดิฉันไม่ทราบว่าคุณหมายถึงอะไร?” นางมารหันไปหัวเราะพลางหยิบชุดของเพชรของราชวงศ์ถังที่ชิงคืนมาจากโทโโอะจากฝนมาเปิดชื่นชม Ditaมองไปที่ชุดเครื่องเพชรนั้นแล้วดูเหมือนจะเข้าใจความหมายทันทีเช่นเดียวกับแคทลายีที่เบิกตาโพลง “ดิฉันหวังว่าคืนนี้การแทรกแซงกันระหว่างองค์กรของเราจะสิ้นสุดลงเพราะมันยาวนานเหลือเกินแต่ดิฉันหวังว่าเราจะกลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้สักวัน ราตรีสวัสดิ์ค่ะLadyทั้งสอง” มาดามDitaรีบผละออกจากวงสนทนาทันที

“Diamondติดต่อมิสเตอร์โทโมเอะสิ” มาดามDitaสั่งแคทลายีเสียงเฉียบขาดในลิฟท์แต่เป็นฮโยรินที่รีบรายงานขึ้นมาทันที “เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คฤหาสน์โทโมเอะ เกรงว่าคุณโทโมเอะและทุกคนในบ้านจะเสียชีวิตหมดแต่ที่แปลกก็คือสายในกรมตำรวจของเราแจ้งมาว่าคุณโทโมเอะได้โทรมาแจ้งว่ามีคนบุกรุกเข้าไปในบ้านพอกำลังเสริมไปถึงก็พบว่ารถตำรวจทั้ง5คันที่ส่งไปก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นซากอยู่ในคฤหาสน์ด้วยหลังจากที่ควบคุมเพลิงได้ค่ะ” แคทลายีและโดมินิคดูเหมือนจะตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้ยินแต่เป็นมาดามDitaที่เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงอำมหิตว่า “เราพบแล้วว่าใครคือคนที่กวาดล้างองค์กรของเราทั่วประเทศจีน โดมินิคกับDiamondช่วยประสานเอเย่นต์ของพวกเราทั่วเอเชีย ในเยอรมนีและอเมริกาด้วยนะ โอกาสถอนรากถอนโคนมาถึงละ” Ditaหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะที่ราชินีพัดเหล็กคาโอริและฝนได้นั่งฟังแผนการณ์ชั่วของนางงูเห่าสองหน้าผ่านทาง Galaxy Note2 ของนางมาร – – มิซาเอะ,หนีตั่วแจ้และเอียนจือ ดอกทองได้เดินทางมาถึงโรงพยาลโดยจียอนที่ฟื้นคืนสติดีแล้วกำลังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยลุ้นอาการของอีโตจันกับเคียวโกะและจันทรา “อีโตจันเป็นยังไงบ้าง?” มิซาเอะเข้ามาถามจันทรา “เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วค่ะแต่ชั่วโมงกว่าแล้วหมอยังไม่ออกมาบอกความคืบหน้าอะไรเลย” เคียวโกะตอบแทนจันทราที่นั่งเงียบน้ำตานองหน้า “คุงจันทราค้า เอ่อ แจ้ขอถามว่าคุณรู้จักกับแม่นางผู้หญิงสวยๆที่ถือพัดสู้กับคุงด้ายยังไงอ้า” หนีตั่วแจ้เปิดปากถาม จันทราที่ดูเหมือนสติจะกลับคืนมาถึงกับพูดอะไรไม่ถูก “บอกความจริงกับพวกเราเถอะจันทรา พวกเราตกอยู่ในอันตรายเดียวกันแล้วมีอะไรจะได้ช่วยกันแก้ไข” มิซาเอะเข้าไปนั่งโอบไหล่ “อาแจ้จำความได้ดีม่ายเคยลืมอ่าสมัยที่ญี่ปุ่นกับจีนมีสงครามกันตอนนั้นแจ้ยางเด็กๆอยู่เลย มีทหารญี่ปุ่นบุกไปที่บ้านแจ้แล้วฆ่าเหล่ากับเหล่าม่าลื้อตายหมดเลยอ่าเอียนจือ (เธอหันไปมองลูกสาว) พวกมันบุกขึ้นมาจับอาป๊ากับอาม๊าแยกกับแจ้และอาเฮียแต่แล้วอาผู้หญิงคนที่ถือพัดมาสู้กับลื๊อนั่นอ๊าอีเปนคนมาช่วยครอบครัวของอั๊วไว้ มันจาเป็นไปด้ายยางงายเพราะเรื่องราวมันก็ร่วมจะ70ปีเข้าปายแล้วอ่า แต่อียังดูสวยเหมือนเดิมดูไม่แก่เลยตอนนั้นแจ้เพิ่งจะ5-6ขวบเองยังจำหน้าอีได้ไม่ลืม” หนีตั่วแจ้เล่าเรื่องราวให้ทุกคนในห้องฟัง “มันจะเป็นไปได้ยังไงค่ะม๊า? ตอนนี้ม๊าก็70กว่าแล้วถ้าเป็นอีจริงๆตอนนี้อีก็ต้องอายุเป็นร้อยแล้วนะ” เอียนจือแทรกขึ้นมา “เธอชื่อ’เมหลีฮั๊ว’มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนราชวงศ์ถัง” จันทราเอ่ยผ่านความเงียบ “เธอพูดอะไรอยู่น่ะจันทรา แบบนั้นผู้หญิงคนนั้นก็อยู่มาร่วมจะพันปีได้แล้วนะ!!!” มิซาเอะหันไปมองด้วยความงุนงง ก่อนที่จันทราจะเล่าเรื่องราวที่เธอพอรู้ทั้งหมดของราชินีพัดเหล็กคาโอริให้ทุกคนฟัง

เรื่องเล่าของจันทรา – – เมหลีฮั๊วเป็นลูกสาวลับๆของฮ่องเต้ก่อนราชวงศ์ถังจะขึ้นครองราชย์กับนางสนมคนหนึ่ง ในวัยเด็กเธอมีทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์พร้อมแต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์พ่อของเธอถูกฆ่าและแม่ของเธอถูกแม่ทัพข่มขืนก่อนจะให้ทหารทั้งกองทัพรุมข่มขืนจนตาย เมหลีฮั๊วได้ถูกขันทีคนสนิทของฮ่องเต้พาหนีไปในดินแดนไกลโพ้นบนยอดเขาที่ปัจจุบันเป็นแทบของ’ทิเบต’ความยากลำบาก ความอดอยากและความทุกข์ทรมานหล่อหลอมเธอเป็นคนใหม่พร้อมกับวรยุทธ์และกำลังภายในที่ขันทีถ่ายทอดให้เธอ หลังจากที่ขันทีที่ชุบเลี้ยงเธอได้เสียชีวิตลงเธอได้ตระเวนไปฝึกวิชาและกำลังภายในจากทั้งสำนักมวยจีน กระบี่กระบองตลอดจนยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะได้เป็นนางบำเรอของไต้ซือสำนักมารที่ถ่ายทอดวิชาให้เธอจนอวิชาเหล่านั้นอัดแน่นวนเวียนอยู่ในตัวเธอด้วยความแค้นเมหลีฮั๊วได้ลอบเข้าไปสมัครเป็นจอมยุทธ์หญิงในวังออกรบเพื่อสร้างความดีความชอบและความไว้วางใจให้แก่ฮ่องเต้และราชสำนักจนได้ขึ้นมเป็นคนสนิท เธอใช้เสน่ห์ในการหว่านล้อมฮ่องเต้จนมีใจให้เธอก่อนจะสังหารพระองค์และคนในตำหนักจากภายในในขณะที่คู่ต่อสู้กำลังประชิดเข้ามาในราชสำนัก เมหลีฮั๊วลักลอบออกมาแล้วเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังในการปกครองของราชวงศ์จีนรุ่นสืบรุ่น จากบรรดาศพในสมรภูมิรบและแดนประหารสู่ศพของหญิงสาวบริสุทธิ์ที่เธอนำเลือดมาอาบสังเวยเพื่อบูชามารในจิตวิญญาณของเธอทำให้เธอเป็นอมตะจวบจนทุกวันนี้ เธอเป็นเบื้องหลังของการปกครองราชวงศ์มองโกลและมีความคับแค้นต่อประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาทำสงครามและเข่นฆ่าคนจีนพร้อมย่ำยีหญิงสาวในช่วงสงครามจีนกับญี่ปุ่น เธอได้ลอบเข้ามาเป็นเกอิชาในสำนักของจักรพรรดิญี่ปุ่นก่อนจะสะกดจิตให้พระองค์โจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์จนเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาส่งระเบิดนิวเคลียร์มาทำลายฮิโรชิม่ากับนางาซากิ – – “หมายความว่าผู้หญิงคนนี้คือซูสีไทเฮาอย่างงั้นเหรอ?” มิซาเอะถามแต่จันทราส่ายหน้า “ถ้าพูดให้ถูกโลกไม่เคยรู้จักซูสีไทเฮา เบื้องหลังม่านนั้นคือศพขององค์ซูสีไทเฮาที่ถูกเมหลีฮั๊วชักใยในการปกครองราชวงศ์เป็นแรมปี” จันทราพูด “แล้วทำไมเขาถึงตามล่าเธอล่ะจันทรา?” จียอนถาม “เพราะว่าช่วยชีวิตลูกสาวของเขาคนหนึ่งแล้วพาหนีมาที่ญี่ปุ่นน่ะสิ ฉันเคยถูกแคทลายีกับเจ้านายฝรั่งคนดังของมันล่อลวงจากประเทศไทยมาขายในซ่องที่เซี่ยงไฮ้” เคียวโกะกับมิซาเอะถึงกับปิดปาก “นางมารเป็นคนบุกไปทลายซ่องนั่นเพื่อช่วยฉัน เธอนำฉันมาชุบเลี้ยงและยอมถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ฉันเป็นศิษย์คนแรกของเธอ ฉันเป็นนักฆ่าของนางมารช่วยเธอในการทลายขบวนการมืดของพวกญี่ปุ่นที่หวังจะยึดครองแผ่นดินจีนและตามล้างโคตรพวกคนจีนที่ขายแผ่นดิน” จันทราเอาหน้าซบกับมือเมื่อเธอจำใจต้องเปิดเผยถึงปมหลังของตัวเอง

“นางมารพบรักกับนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งก่อนจะมีลูกสาวด้วยกันสองคน คืนที่นางมารคลอดลูกคนที่สองเธอได้เกิดนิมิตเห็นขันทีอาจารย์ของเธอได้มาเข้าฝันว่าจง’สังหาร’เชื้อสายของนางซะเพราะเชื้อสายของนางเปรียบเสมือนวัฏจักรของกงกรรมที่จะย้อนกลับมาพรากความยิ่งใหญ่ไปจากเธอ เชื้อสายของเธอคือบ่วงแค้นของทุกชีวิตที่ถูกเธอสังหารอย่างเหี้ยมโหดที่จะตามมาสำเร็จโทษเธอภายหลัง แต่ด้วยความเป็นนางจึงไม่สามารถทำใจที่จะฆ่าลูกของตัวเองด้วยคมมีดได้ พัดเหล็กอันทรงพลังที่นางนำมาใช้ในสมรภูมิไม่รู้กี่ครั้งถึงกับร่วงตกลงพื้นเมื่อนางไม่สามารถที่จะปลิดชีพทารกทั้งสองได้นางจึงได้นำด็กทั้งสองใส่ตระกร้าไม้แล้วปล่อยให้ลอยไปตามกระแสธารแห่งยถากรรม ฉันตามลงไปช่วยเด็กทั้งสองจนเกิดการปะทะกับสมุนคนสนิทของนางมารได้แผลเป็นที่แก้มกับอกมา (เธอชี้ไปที่แผลเป็นที่ถูกกรีดขนาดใหญ่บนใบหน้า) ฉันช่วยชีวิตทารกมาได้เพียงคนเดียวและพาหลบหนีมาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงดูเหมือนลูกมาตลอด16ปี” จันทราเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในห้องฟัง “หมายความว่าอีโตจันไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณแม่เหรอคะ?” เคียวโกะถาม เธอดูเหมือนกับจะควบคุมตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ร้องไห้ “อีโตจันคือสายเลือดของนางมาร” จันทราหันมาตอบเด็กสาวพร้อมน้ำตานองหน้า “แล้วเด็กอีกคนถูกฆ่าเหรอ?” มิซาเอะถาม “เปล่า!!!การต่อสู้มันกะทันหันและชุลมุนมากๆ อีโตจันถูกแรงระเบิดจนลอยตกน้ำฉันต้องเลือกที่จะดำลงไปช่วยส่วนเด็กอีกคนหนึ่งลอยไปเรื่อยๆตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ตอนแรกฉันก็นึกว่าแม่หนูคนนั้นได้ตายไปแล้ว แต่มันเหมือนปาฏิหารย์ที่16ปีผ่านมาฉันได้รู้ว่าพี่สาวของอีโตจันยังมีชีวิตอยู่” จันทรามองไปที่เอียนจือที่ยืนอยู่ตรงหน้า บรรยากาศในห้องเงียบกริบและเอียนจือมองหน้าจันทราเหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อในทุกสิ่งที่เธอเล่า

“รูปตะกร้าในไอโฟนของเอียนจือคือตะกร้าใบนั้นที่ฉันจำได้ดีไม่ลืม ‘ตะกร้าไม้ที่ฉันตั้งใจทำมันขึ้นมาเอง’ ฉันเลี้ยงดูเด็กคนนี้มาตลอดหนึ่งปีก่อนอีโตจันจะเกิดและพอวันนี้ฉันได้เห็นเธอใช้วิชาฝ่ามือโลหิตทำให้ฉันรู้ว่าเธอคือลูกของนางมารจริงๆเพราะในยุทธภพนี้เหลือเพียงนางมาร’เมหลีฮั๊ว’เพียงคนเดียวที่เป็นวิชานี้ เธอปะทะกับนางมารได้ดีกว่าที่ฉันคาดไว้แม้ความกร้าวแกร่งจะห่างไกลแต่เธอมีเกราะบางอย่างที่นางมารไม่สามารถทลายเข้าไปถึงตัวได้” จันทราบอกกับเอียนจือ ดอกทองที่ยืนน้ำตาไหลพรากเช่นเดียวกับหนีตั่วแจ้ “ขอโทษครับพวกคุณเป็นญาติของน้อง’อาโตอิ อีโตจัน’ใช่มั้ยครับ?” นายแพทย์เดินเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา “เลือดกรุ๊ปAจากทางเราไม่พอ ทางโรงพยาบาลขอความช่วยเหลือจากทางคุณแม่หรือพี่น้องของทางคนไข้ด้วยครับ” เอียนจือเงยหน้าขึ้นมา “คุณหมอลองเอาเลือดฉันไปตรวจดูค่ะเผื่อจะช่วยได้!!!” – – ทางสถานีตำรวจโตเกียวได้ทำการส่งตัวนักโทษคดีบุกรุกบ้านของอาจารย์มิซาเอะไปฝากขังที่เรือนจำแถบชินจูกุ ระหว่างทางได้มีรถสีดำ3คันขับตามหลังรถของทางราชทัณท์มา ‘ฮโยริน’ ได้โผล่ตัวขึ้นมาจากหลังคารถที่ค่อยๆเลื่อนเปิดออกพอสบโอกาสเธอก็ยิงขีปนาวุธRPGใส่รถขันดังกล่าวจนระเบิดกระจุยเป็นผุยผง “เรียบร้อยค่ะ มาม่า” เธอโทรรายงานแคทลายีที่กำลังทำผมให้มาดามDitaที่ห้องพัก “ดีมากฮโยริน” แคทลายีพูดด้วยความปิติ ในขณะเดียวกันฮโยรินที่เพิ่งวางสายจากแคทลายีได้ส่งLINEหาคนอีกคนว่า “เป็นไปตามแผน!!!”

รุ่งเช้าเคียวโกะและมิซาเอะขอตัวไปที่โรงเรียนในขณะที่จียอนที่อาการเริ่มดีขึ้นยืนยันที่จะขอออกจากโรงพยาบาลเพื่อประสานงานกับกองกำลังหน่วยปราบปรามจากเกาหลี (เธอเชื่อว่าที่สถานีตำรวจโตเกียวมีสายของDitaและแคทลายี) เธอได้รับปากกับเอียนจือว่าจะไปส่งหนีตั่วแจ้ถึงที่ภัตราคารโดยปลอดภัยจันทรากับเอียนจือได้นั่งมองอีโตจันที่พ้นขีดอันตรายแล้วและกำลังนอนหลับสนิท”ขอบคุณมากๆนะคะที่ดูแลน้องสาวของหนูมาอย่างดี” เอียนจือกล่าวขอบคุณจันทราที่ยิ้มโดยหน้าอาบน้ำตา “ฉันเสียใจจริงๆถ้าฉันทำได้ดีกว่านี้เธอกับอีโตจันก็จะไม่ต้องพรากจากกันถึง16ปี” แต่เอียนเจอยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้จันทรา “มันเป็นเรื่องที่ฟ้ากำหนดไว้แล้วล่ะค่ะ ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น น่าตลกดีนะแม่เราแท้ๆกลับจะทิ้งเราให้ตายแต่คนที่ไม่ใช่แม่กลับเลี้ยงดูทนุถนอมเราอย่างดี” – – ที่โรงเรียนมิซาเอะได้ประกาศข่าวที่ทำเอาทั้งมัธยม4/2ถึงกับช็อคไปตามๆกันนั่นคือเรื่องที่”อีโตจันถูกยิง”กับ”การเสียชีวิตยกครอบครัวของบ้านโทโมเอะ ยามาซากิ” มิซาเอะพูดกับลูกศิษย์หน้าชั้นเรียนด้วยน้ำตา เคียวโกะหันไปเห็นซาโตชิและชินย่าที่ถึงกับปล่อยโฮออกมากับการจากไปอย่างไม่คาดคิดของเพื่อนรัก “ครูจึงอยากขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้ดีเพราะภัยจากอาชญากรตอนนี้มันอยู่รอบตัวเรา อ๋อ แล้ววันนี้เรามีเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาเรียนกับเราด้วยนะจ๊ะ” ความเศร้าโศกหายไปกลายเป็นความตื่นเต้นและครูใหญ่ที่ท่าทางดูมึนๆเดินเปิดประตูนำเด็กสาวผมทองร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งเข้า มิซาเอะและเคียวโกะถึงกับตาเหลือกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “ครูขอแนะนำเพื่อนใหม่ของเรา” ครูใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเหม่อลอยและดวงตาที่ว่างเปล่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะเพื่อนๆทุกท่านดิฉันชื่อ’ฝน’เพิ่งย้ายมาจากประเทศจีนค่ะ” เด็กผู้ชายในห้องดูจะขบขันกับเรือนผมสีทองบนร่วงพองๆบวมๆของเธอเช่นเดียวกับผู้หญิงบางคนในห้องที่เริ่มเขม่นจะหาเรื่องแกล้งเธอ ไม่มีใครในห้องนี้ล่วงรู้ถึงอันตรายและพิษสงที่อยู่รอบกายเด็กสาวคนนี้เลยนอกจากเคียวโกะและอาจารย์มิซาเอะ ฝนเดินตรงไปนั่งตรงโต๊ะของอีโตจันข้างเคียวโกะ “เอ่อ ฝนจ๊ะตรงนั้นเป็นที่ของอีโตจันครูว่าหนูย้ายไปนั่งแทนที่ของยามาซากิตรงโน้นดีกว่าจ๊ะ” มิซาเอะรีบพูด “ได้ค่ะ” ฝนบอกเสียงเยียบเย็นก่อนจะหันไปกระซิบกับเคียวโกะว่า “เมื่อคืนกูเป็นคนฆ่าไอ้โทโมเอะเองแหละ สนุกฉิบหายเลย อีช้างเย็ด!!!” เคียวโกะหน้าถอดสีและมองตามฝนไปด้วยความไม่เชื่อว่าจะต้องมาอยู่ร่วมห้องกับฆาตกรที่เพิ่งฆ่าเพื่อนของเธอและไหนยังจ้องจะฆ่าเพื่อนสนิทของเธออีก

พอถึงเวลาพักกลางวันเด็กนักเรียนกลุ่มหญิงขาโจ๋ในห้อง4/2ประมาณเกือบ10คนได้เข้ามายืนล้อมฝน “ไหนๆขอต้อนรับน้องใหม่หน่อยสิ” หัวหน้าแก๊งค์พูดแต่เคียวโกะตะโกนห้าม “นี่พวกเธอ!อย่าไปมีเรื่องกับเขาเลย” หนึ่งในแก๊งค์หันมาตวาดแหว “เธอดูเฉยๆน่าเคียวโกะ พวกฉันล่ะหมั่นไส้ยัยนี่ตั้งแต่เห็นหน้าละ” ฝนยืนยิ้มกริ่มอยู่กลางวงล้อมในขณะที่นักเรียนชายในห้องบางคนเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ บางคนตะโกนห้าม บางคนตะโกนเชียร์ “ถ้าอยากจะอยู่ห้องนี้เธอก็ต้องคอยถือกระเป๋าให้ฉัน เลี้ยงขนมพวกฉันและแบ่งเงินให้พวกฉันใช้” หัวหน้ากลุ่มหัวเราะ “ไม่งั้นพวกฉันจะตบเธอทุกวันวนจนครบทั้งกลุ่ม เธอจะว่าไง” ฝนแสยะยิ้มก่อนที่จะกระชากคอของเด็กสาวที่ยืนพูดกับเธออยู่เข้ามาแล้วสวนหมัดเข้าใส่หน้าชนิดเต็มแรงจนเด็กสาวหมุนตัวลอยไปกระแทกกับกระดานดำจนหมดสติไป เด็กสาวที่เหลือถูกฝนพุ่งเข้าใส่บ้างก็โดนจิกผมกระแทกกับกำแพง บ้างก็โดนถีบ บ้างก็โดนกระแทกฝ่ามือเข้าที่หน้าอก ฝนจับคนที่ตัวใหญ่ที่สุดทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงถึง5ครั้งและเอาเก้าอี้ไล่ฟาดใส่พวกเธอเต็มแรง “นี่ฝนหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” อาจารย์มิซาเอะที่วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงดังสั่นลงไปถึงห้องพักครู “ที่นี่โรงเรียนเธอจะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ” มิซาเอะดุแต่ฝนหันมาประจันหน้า “แล้วจะทำมาย?!!! เรียกผู้ปกครองมาพบเลยสิ อยากเจอมะ ผู้ปกครองอ่ะ?!!!” ฝนท้าทาย มิซาเอะเงียบไป “ฝน!!! ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้เธอเป็นนักเรียนห้องครู ครูว่าเราน่าจะ…” แต่ฝนเดินชนจนมิซาเอะเซถอยไป “วันนี้เรียนแค่นี้แหละ” ฝนเดินไปเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปดื้อๆท่ามกลาวความตกตะลึงของครูบาอาจารย์และเพื่อจักเรียนห้องอื่นที่วิ่งเข้ามาดู

อีโตจันฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยกำลังภายในที่จันทราและเอียนจือมอบให้เธอลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สดชื่นเพราะการถูกเยียวยาจากภายใน จันทราและเอียนจือเล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟังอีโตจันที่ได้รู้ความจริงว่าเอียนจือเป็นพี่สาวแท้ๆถึงกับโถมตัวเข้าไปกอดเอียนจือและร้องไห้ก่อนจะหันมากอดจันทรา “ยังไงแม่ก็คือแม่ของหนู ไม่สำคัญเลยว่าจะไม่ได้อุ้มท้องหรืออะไรก็ตามแม่รักและเลี้ยงดูหนูมาอย่างดี” เช่นเดียวกับจันทราที่กอดลูกน้ำตานองหน้า “ถึงแม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆของลูกแม่ก็รักลูกเหมือนกับเป็นลูกแท้ๆ แม่ขอโทษที่ต้องปิดบังเรื่องนี้” เคียวโกะและมิซาเอะเปิดประตูมากับภาพน่ารักและอบอุ่นนั้นก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ก่อนที่เคียวโกะที่อารมณ์แปรปรวนจะรีบเปลี่ยนเรื่องโดยทันควัน “ฉันล่ะไม่อยากเชื่อเลยว่ายัยฝนร้อยปีนั่นจะมาเรียนห้องเดียวกับเรา” เคียวโกะระเบิดอารมณ์ออกมาหลังจากที่เล่าวีรกรรมที่โรงเรียนวันแรกของฝนให้ทุกคนฟัง “ฉันว่านางมารคงจะเริ่มเกมส์แล้วล่ะและเธอเล็งเป้าหมายมาถูกคืออีโตจัน” จันทราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด – – ณ ห้องประชุมชั้นใต้ดินโรงแรมโตเกียวพาราไดซ์ มาดามDitaได้ฉายสไลด์ถึงแผนผังการรีโนเวท The Salon Of Love ให้กลายเป็นอาวุธย่อมๆซึ่งการติดตั้งทั้งหมดจะแล้วเสร็จในคืนนี้พร้อมกับแผนของการส่งสินค้าล็อตต่อไปที่เร่งเข้ามาโดยครั้งนี้เธอฉายภาพของเด็กสาวเพียงคนเดียวบนจอ “อย่างที่ดิฉันบอกว่าเรากำลังเจอเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนั่นคือกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นผู้ที่มีวิทยายุทธ์และศิลปะการป้องกันตัวสูงส่ง เราเสียคนของเราไปพอควรซึ่งเป็นมือที่ปานกลางถึงแนวหน้าฉันเลยคิดว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีจัดการกับพวกหนูที่ถูกให้มาติดกับ โดยฉันได้ศึกษามาแล้วและคิดว่าเราจะพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายที่อ่อนที่สุด” เธอหันไปยิ้มให้กับรูปของเคียวโกะ ทุกคนในห้องปรบมือให้กับแผนการณ์สุดอัจฉริยะโดยไม่มีใครรู้เลยว่าในมุมมืดของห้องนั้นราชินีพัดเหล็กคาโอริได้แฝงตัวอยู่ในเงา

ณ โกดังสินค้าย่านชานเมือง – – “เฮียพวกมันมาละ” ลูกน้องของเล้งหนึ่งในมาเฟียใหญ่ประจำโตเกียวได้มารายงาน ในขณะที่มาดามDita,Dominicและผู้ติดตามนับ30เดินมาถึงจุดนัดหมาย “มาดามมีธุระอะไรจะเจรจาก็รีบเข้าเรื่องเลยครับ” เล้งพูดห้วนๆด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ช่วงหลังๆดิฉันได้รับรายงานจากสายของเราในโตเกียวว่าหลายสิ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่เขาเคยทำกันไว้ โดยเฉพาะเรื่องของสินค้าที่ดูเหมือนว่าเมอร์ซิเออร์จะใช้เส้นทางขนส่งที่’ล้ำเส้น’พวกเรา” Ditaพูดด้วยเสียงเยือกเย็น “มาดามเข้าใจกันหน่อยสิครับชั่วโมงนี้หากินลำบ่ก เส้นทางการขนส่งยากับอาวุธของมาดามเป็นเส้นทางเดียวที่ตำรวจไม่กล้าไปแหยม คนทำธุรกิจเดียวกันก็แบ่งๆกันหากินไป ผมอยู่ได้มาดามก็อยู่ได้ ผมอยู่ไม่ได้มาดามจะมามั่งมีคนเดียวมันก็ไม่ใช่” เล้งพูดออกแนวนักเลงจนDitaถึงกับปิดปากหัวเราะ “โฮะๆๆๆ นี่หรือคะเฮียเล้งบิ๊กชีสของยากูซ่าใหญ่แห่งนครโตเกียวช่างไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย อย่ามาเอาเปรียบกันดีกว่าค่ะเพราะเส้นทางลำเลียงเหล่านั้นมันเป็นกรรมสิทธิ์ที่ดิฉันผูกขาด” DitaพูดจบDominicและสมุนก็ชักปืนทั้งขึ้นมาเช่นเดียวกับอีกฝั่ง Ditaแสยะยิ้มก่อนที่Diamondและฮโยรินจะนำกลุ่มชายชุดดำอีกนับร้อยขนาบข้างและล้อมหลังกลุ่มของเล้งพร้อมกับเล็งสารพัดอาวุธสงครามไปที่กลุ่มคนคนเพียงหยิบมือ DitaและDominicอาศัยโอกาสที่เล้งและสมุนหันไปมองกับกลุ่มคนรอบๆถอยร่นเข้าไปในฝูงลูกสมุนปลายแถวทั้ง30คนอันเป็นเกราะมนุษย์ที่เธอคัดสรรมาอย่างดีจนพ้นจากระยะการโจมตีของเล้งและสมุน “ฝากจัดการต่อด้วยนะฮโยริน” DitaและDominicเดินออกมาขึ้นรถลีมูซีนด้านนอกที่มีDiamondคอยรับรองในขณะที่เสียงปืนด้านในระเบิดขึ้น

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com