4 Teen Divas of 2000's: The First Series Britney Spears
เป็นการcomebackกลับมาเขียนรีวิวเพลงสากลอีกครั้งหลังจากหายไปนานมาก จริงๆแล้ว ตอนแรกกะจะเขียนรีวิวครั้งนี้เพื่ออุทิศให้แก่อีแมนดี้ (ว้ายยย ไม่ได้อุทิศให้เพราะมันตายแล้วนะคะ แค่ต้องการแสดงทัศนะให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่อีนี้เท่านั้น) แต่พอลองไตร่ตรองแบบพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งก็คิดว่าชื่อชั้นอีแมนดี้คงไม่มีปัญญาเรียกเรตติ้งให้รีวิวของดิฉันได้มากมายนัก ไหนๆก็เขียนถึงอีแมนดี้แล้ว ก็เลยเขียนถึงอี3ตัวที่เหลือที่แจ้งเกิดเป็นพ็อพสตาร์สฺในยุคเดียวกับอีแมนดี้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน ซึ่งดิฉันก็วางรีวิวครั้งนี้ออกเป็น4ซีรี่ย์สฺต่อกัน ซึ่งทีนดิว่าในยุคมิลเลนเนียมคนแรกที่ดิฉันจะเขียนถึงนั้น คงต้องเป็นคนที่พอจะเรียกเรตติ้งให้รีวิวซีรี่ย์แรกของดิฉันได้ ส่วนฉายาคำว่าทีนดิว่านั้น ฉันคิดว่ากะเทยในบอร์ดนี้ก็คงเคยได้ยินกันมาบ้าง ดังนั้นฉันขอไม่ขยายความอธิบายเพิ่มตรงประเด็นนี้นะคะ ถ้าสงสัยอยากได้คำอธิบายดีๆก็ไปหาอ่านเอาเองละกัน ก็ขอจบการกล่าวปาฐกถาเพียงแค่นี้แล้วเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่านะ
Blackout: 87%
เริ่มต้นก็ควรเป็นขุ่นแม่ของดิฉันที่ดิฉันเทิดทูนบูชานักหนา (แต่ปัจจุบันคงขอลดสถานะขุ่นแม่เหลือแค่ฐานะนักร้องคนหนึ่งที่ดิฉันคลั่งไคล้ก็แล้วกัน) ก็ใครซะอีก ถ้าไม่ใช่ขุ่นแม่บริตนี่ย์นั้นเอง คือตอนแรกนะก็กะไปรื้อรีวิวอัลบั้มเก่าๆมาแปะ เพราะขี้เกียจเขียนอะไรยาวๆ แต่นึกไปนึกมาก็คิดว่าแล้วก็ลองรีวิวอัลบั้มที่ไม่เคยพูดถึงเลยจะดีกว่า แต่รีวิวรอบนี้ดิฉันคงไม่มาแบบencyclopediaหรอกนะ ถ้ากะเทยต้องการประวัติว่า ขายได้เท่าไหร่ ใครแต่งบ้าง แต่งเพลงไหน หรือคำวิจารณ์ของสำนักสื่อสิ่งพิมพ์ดังๆต่างๆเค้าว่าอย่างไร อัญเชิญไปหาเอาเองนะคะ ดิฉันไม่ใช่ web search engine
ก่อนอื่นตามสูตรการเขียนรีวิว patternแรกก็ต้องบรรยายถึงความรู้สึกของผู้เขียนก่อนใช่ม่ะ?
/บิ้วอินเนอร์แบบอีเปียตอนได้มง
สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของฉันที่มีต่ออัลบั้มนี้นะ คือแบบรู้สึกค่อนไปทางธรรมดามากกว่า ไม่ได้amazedแบบbritney-armyนางอื่นๆส่วนใหญ่รู้สึกกัน คือถ้าถามว่าเป็นอัลบั้มที่ดีไหม ถ้าอิงเฉพาะตัวเนื้องานก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ ก็ถือเป็นอัลบั้มที่เรียกว่าดีได้เต็มปากอัลบั้มหนึ่งทีเดียว แต่ตัวฉันเองก็มีเหตุผลบางประการที่ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบอะไรกับอัลบั้มนี้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ4อัลบั้มแรก ว่ากันตรงๆฉันว่าอัลบั้มนี้มีimpactค่อนข้างน้อย ทั้งในแง่ของการมีกระแสในพื้นที่สื่อ(ไม่นับพวกscandalนะ อันนั้นฉันว่าก็ช่วย แต่เป็นการช่วยทำลายเนื้องานมากกว่า) การโปรโมตต่างๆ รวมทั้งในเรื่องของความนิยมและการกู้ศรัทธาของบรรดาแฟนเพลงให้กลับมาอีกครั้ง ไม่รู้สิ่ จะบอกว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้สึกถึงตัวตนความเป็นบริตนี่ย์ในอัลบั้มนี้เลยแม้แต่นิดเดียว รวมทั้งอินเนอร์ต่างๆที่นางพยายามrepresentอารมณ์จากความหมายของเพลงในแต่ละแทร็ค คือฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ยืนยันความเป็นบริตนี่ย์ สเพียร์สฺคือมีแค่เสียงแล้วจบแค่นั้น ก็แน่นอนตอนทำอัลบั้มนี้นางก็ใช่ว่าจะมีสติสตังอยู่ครบ แต่พ้อยท์จริงๆไม่ใช่แค่เพราะนางบ้าอย่างเดียวหรอก แต่งานทิมบาแลนด์สไตล์ก็ทำให้คนฟังรู้สึกเลี่ยนและเอียนอยู่มิใช่น้อย ที่สำคัญคือการเข้าไปtakeoverแนวทางของตัวศิลปินคนนั้นๆให้ถูกกลืนไปด้วยความเป็นทิมบาแลนด์ (อีเหี่ยวฟ้าและอีภูธรเนลลี่ก็ถือเป็นเคสเดียวกัน) เช่นหลายๆแทร็คในอัลบั้มนี้ยกตัวอย่าง Get Naked (I Got a Plan) (ซึ่งจะขอไปพูดต่อในรีวิวแบบtrack by trackอีกที) แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้อดีของอัลบั้มนี้ที่ชัดเจนมากคงหนีไม่พ้นความเป็นเอกภาพของซาวด์ในอัลบั้มนี้ คือภาพรวมซาวด์ในแต่ละแทร็คก็ยังสามารถrepresentความเป็นblackoutที่เป็นธีมหลักของอัลบั้มนี้ได้อยู่ แต่ฝั่งcomposeนี้เห่ยมาก เหมือนwritersแต่ละตัวไม่ได้นัดกันมา เพลงนี้นะเนื้อหาฉันจะอินเนอร์กะหรี่อารมณ์แบบร่านมั่วผู้ชายแบบนัดเซ็กซ์หมู่โดนรุมโทรมรัวๆให้อีพวกร่านติดสัตว์ตามทวิตเตอร์อายกลับไปแดกยาฉีดปลวกตายไปเลย แต่พอเพลงต่อมากูจะสวย มองกูสิ่ กูรวย แล้วจะเปผู้ชายแดกแทน คือแบบ เนื้อหาแต่ละเพลงไร้ซึ่งแก่นสารมากๆไม่รู้ตกลงจะสื่อถึงถึงblackoutตรงไหนมิทราบคะ? กระหลั่วหัวโปกมาก ส่วนหอกคือนางไร้อินเนอร์มากค่ะ กูร้องเสร็จปิดจ็อบล่ะ จบ บาย คือบางเพลงเนี่ย อย่างที่บอกคือแต่งได้กระหรี้หรี่ แต่โทษทีนะคะหอกนางร้องเหมือนโดนหมอที่โรงบาลบ้าขู่ว่าถ้าไม่ร้องจะเอาไฟฟ้ามาช็อตแตดเลยเกิดกลัวหรือยังไงมิทราบ แต่อินเนอร์นางคือไร้อารมณ์เป็นชะนีหมดเมนส์หรือรังไข่ฝ่อ มดลูกไหลอะไรแบบนั้น
/เบะปากรัวๆ
Singles of Blackout
Gimme More: 5/5
สารภาพตามตรงเมื่อก่อนไม่อินกับเพลงนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไตเติ้ลแทร็คที่ดิฉันเบ้ปากใส่บ่อยมาก คือต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งติดภาพจำความห่วยแตกทั้งการโปรโมตต่างๆของเพลงนี้ทั้งจากค่ายและตัวหอกเองที่พอรวมกันแล้วก็พังพินาศศพไม่สวยอย่างที่รู้ๆกัน เริ่มตังแต่MVที่เรียกว่าสั่วก็คงดูให้เกียรติกันเกินไป เพราะมันต่ำตมจนแทบจะหาอะไรเปรียบมิได้ ส่วนอีหอกในMVเพลงนี้นะหรือคะ อย่าได้เซด เหมือนพะยูนตะกายเสา ถุงน่องก็ขาดประหนึ่งกะหรี่อนาถาตามบ้านพักคนชรา สภาพสถานที่ถ่ายทำก็อย่างกับซ่องป่าที่renovateมาจากเล้าหมู
/speechless
เฮ้อออ ฉันก็ได้แต่อเนจอนาถใจแทน ได้แต่ถอนหายใจรัวๆ ฉันแปลกใจอยู่อย่างคืออีไดเร็คเตอร์ปล่อยผ่านสภาพพะยูนเด้งเสาแบบนั้นออกมาได้ยังไง แต่เคราะห์ดีคือเท่าที่ทราบปัจจุบันอีJake Sarfatyก็หายลงนรกภูมิไปแล้ว (เหมือนไปทำงานสายภาพยนตร์มั้ง ไม่มั่นใจ) ก็ดีแล้วค่ะ MVนรกแตกแบบนั้น นักร้องคนไหนเค้าจะกล้าจ้างมึงไปทำให้เป็นเสนียดชีวิตอีกคะ (จริงๆมันมีเนื้อหามากกว่านี้ แต่ประเด็นนี้ขอมพูดถึงนะ เพราะสุดท้ายมึงก็เลือกมาได้แต่ซีนห่วยๆ) ส่วนVMA 2007นี้ฉันขอไม่ยุ่งนะคะ เอาgifไปตอบแทนความรู้สึกของฉันต่อโชว์นี้ก็แล้วกัน
เฮ้อออ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอะค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้เสียดายแทนก็คือ ถ้าเปลี่ยนโชว์ในVMAเป็นโชว์กินหมี่หม้อที่ทัวร์ในFemme Fataleนะ ฉันมั่นใจว่าฟีดแบ็คแง่บวกของทั้งเพลงนี้และอัลบั้มนี้ต้องล้นหลามอย่างแน่นอน ไหนๆพูดถึงโชว์นี้แล้วก็ขอพูดถึงทัวร์ของนางในยุคหลังๆหน่อย คือเข้าใจว่านางคงเต้นแบบอินเนอร์ปังๆไม่ได้เหมือนช่วงท็อปฟอร์มแล้วก็เหอะ แต่อย่างน้อยฉันก็คิดว่านางก็น่าจะครีเอทโชว์ที่อลังได้มากกว่านี้ อย่างกินหมี่หม้อในทัวร์Femme Fataleเนี่ย บอกเลยเป็นอะไรที่stunningมากๆ เป็นเพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่ไม่ต้องแรง ไม่ต้องใช้energyเยอะแบบสมัยก่อน แต่ดูขลัง อลังการ สมเป็นควีนมากๆ เอาตรงๆนะ โชว์นี้ดูปังกว่าหลายๆเพอร์ฟอร์มแมนซ์ของนางช่วงสมัยท็อปๆอีก เฮ้อออ you gotta work นะคะ bitch!!!
กลับมาที่ตัวเพลงอีกครั้ง(ยังรีวิวไม่จบนะจ้ะ) สำหรับฉันนะ เพลงนี้ถ้าตัดภาพลักษณ์เรื่องเละเทะของนางออกไปแล้วดูกันที่เนื้องานเพียวๆ ฉันคิดว่าเพลงนี้เป็นอีกหนึ่งงานที่ดีและสมบูรณ์แบบมากที่สุดเพลงหนึ่งในcareerของนางเลยก็ว่าได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะฉันโตขึ้นด้วยแหล่ะ ทำให้มุมมองต่อเพลงนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นทั้งภาคเนื้อหาหรือตัวดนตรีเอง มันเป็นอะไรที่strongมาก พูดถึงฝั่งเนื้อหาก่อนแล้วกัน แน่นอนว่าตั้งแต่อัลบั้มที่สามเป็นต้นมา บริตนี่ย์เองนางก็มีหลายๆเพลงที่พูดถึงชีวิตตัวเอง โดยเฉพาะแนวจิกๆกัดๆทั้ง OverprotectedหรือMy Prerogative รวมทั้งPiece of Meในอัลบั้มนี้ก็ด้วย (ไม่รู้ควรจะนับLuckyด้วยดีหรือเปล่า?) แต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างเพลงเหล่านั้นกับเพลงนี้ คือเพลงเหล่านั้นเป็นสิ่งที่บริตนี่ย์พยายามpresentในมุมที่ว่านางเป็นผู้ถูกกระทำหรือตกเป็นเหยื่อของสังคมที่คอยขีดเส้นให้กับนาง อธิบายง่ายๆก็คือนางพยายามปลดแอกจากกรอบต่างๆผ่านเพลงเหล่านั้น กลับกันGimme Moreคือการท้าทายกับสิ่งที่นางพยายามดิ้นรนจะหนีจากมันมาตลอด ในที่นี้คงหนีไม่พ้นบรรดาปากเหยี่ยวปากกาที่คอยรุมทึ่งชีวิตของนางเป็นปลิงดูดเลือด อีกทั้งบรรดาพวกปากเดินสายบุญทั้งหลาย ที่คอยก้นด่านางสารพัด แต่ไม่แคล้วเป็นพวกเกลียดตัวกินไข่ที่ต้องคอยสอดเสือกสาระแนตลอดเว ในที่สุดเมื่อบรรลุได้ว่าไม่ว่ากูจะทำอะไรพวกมึงก็ตามด่ากูอยู่ดี ดังนั้นขุ่นแม่ของดิฉันก็เลยแซ่บสะท้านสะบัดบ็อบด้อนท์แคร์เหล่าpaparazziและบรรดาhaters อีกทั้งสนองกลับให้เสร็จสรรพ (อ้อ ที่จริงแล้วอีฉากพยายามถอดเสื้อโชว์นม โชว์หุ่นอันอวบอั๋นในMVนี้คือขุ่นแม่ตั้งใจประชดบรรดาhatersใช่ไหมคะ? ดิฉันก็ดันนึกว่าตอนถ่ายMVนี้ หมอลืมจ่ายยาให้ขุ่นแม่เสียอีก ว้ายยย ดิฉันเข้าใจผิดไปเองหรือเนี่ย)ไหนใครชอบด่ากูนักใช่ไหม กูชิงจิกตัวเองแทนเลยจ้าIt's Britney Bitchที่ทำเอากลายเป็นวลีฮิตฮือฮาไปทั่วทั้งโลก (แอบตกใจนิดนึงคือนางรู้ป่ะว่าอีเคอรี ฮิลสันเขียนจิกนางขนาดนี้ เห็นนางไม่มีเครดิทในส่วนแต่งเพลงนี้เลย คืออีเคอรีเกลียดอะไรนางเป็นการส่วนตัวป่ะ?) หรือท่อนมั่นหน้ามั่นโหนกอย่างThe center of attentionที่ทำเอาอีชะนีตัวอื่นได้แต่อ้าปากค้างกรอกตาให้กับความเซลฟ์ของขุ่นแม่ที่เอาไปถึงสิบกะโหลก ซึ่งขุ่นแม่ของดิฉันก็ไม่ได้มาร้องเล่นๆนะคะ นางมาพร้อมอินเนอร์อีมุนินที่เตรียมมาล้างแค้นแทนอีแฝดผีมุตตามุดแตด ซึ่งดูออร่ามากๆ (โดยเฉพาะในทัวร์Femme Fatale พอนางร้องThe center of attentionจบ แล้วเสียงซาวด์ดังปังๆๆ นี้คือคลีโอพัตรามากๆ แซ่บลืมปราบปลื้มความเว่อร์วังของขุ่นแม่ในโชว์นี้) ยังไม่รวมจุดพีคที่สุดของเพลงนี้ อย่างท่อนฮุคที่รีพีทไปมารัวๆเอาอีกอีดอกเอาอีกสิ่ๆๆๆๆๆ (เหมือนเพลงผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำไปอีก) คือแบบ บอกเลยถ้าขาดท่อนนี้นะ ขุ่นแม่เตรียมพาอีแดนจาพร้อมอีเคอรี ฮิลสันไปขายหี อุ้ย ไปขายชายสี่หมี่เกี๊ยวแทนได้เลย แต่ชอบนะ คือประทับใจตรงเสียงคอรัสท่อนฮุคมากๆ คือไม่รู้ตั้งใจหรือเปล่านะ แต่เสียงmore more more (ไม่ใช่เพลงอีป้าไข่นะ) แต่ละนางอินเนอร์ราวผีเปรตกำลังหนีไปผลุดไปเกิดอะไรแบบนั้น คือร้องโหยหวนได้ฟีลลิ่งเป็นธรรมชาติมาก โอ้ย แซ่บ โดยเฉพาะเสียงอีแดนจานี้เข้าขั้นหลอนประสาทจนดิฉันมั่นใจสุดๆว่าชาติที่แล้วมึงต้องเกิดมาเป็นสัตว์นรกไม่ประเภทใดก็ประเภทหนึ่งแน่นอน คอนเฟิร์ม ไม่งั้นคงไม่อินคาแร็คเตอร์ได้ขนาดนี้ ส่วนวอคัลอย่างขุ่นแม่เองก็เริ่ดเสมอคะ ไม่รู้ว่าออโต้จูนหรือเปล่า แต่บอกเลย เพลงนี้ใครก็ห้ามด่าเสียงขุ่นแม่นะ เพราะเสียงนางเพลงนี้คือblackoutมากจริงๆ เสียงทั้งหลอนทั้งสั่นทำเอาดิฉันต้องลุกขึ้นเต้นตามเพราะอดใจไม่ไหวกับเสียงกระเส่าของขุ่นแม่ นี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เสียงขุ่นแม่กระเส่าได้ขนาดนี้เพราะอินคาแร็คเตอร์ชะนีเมากาวหรือหนาวเพราะถูกหมาบ้ากัดเลยเอาไปวิจัยที่สถานเสาวภาดิกันแน่ แต่ที่แน่ๆดิฉันขนลุกหมดแล้วค่า (เสียงขุ่นแม่ลึกเขวด) /เปิดMVกินหมี่หม้อซ่องเล้าหมูพร้อมสเต็ปรูดเสาตามเป็นการสดุดีขุ่นแม่รัวๆ
(อีดอกเป็นรีวิวแค่เพลงเดียวที่ยาวมาก) สุดท้ายก็ในส่วนของซาวด์และการเรียบเรียง เพลงนี้เป็นงานอัพบีทแดนซ์พ็อพที่ได้อิทธิพลจากซาวด์อิเล็กโทรฟั้งค์ ซึ่งคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดำๆมืดๆแบบงานเออเบินมิวสิคสไตล์ไอ้มืดคิงคองทิมบาแลนด์ ซึ่งกะเทยก็คงจะทราบอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่บอกก็ตาม แต่ก็นะอย่างที่ดิฉันได้บอกกล่าวไว้ข้างบนว่าอิทธิพลงานทิมบาแลนด์สไตล์ที่ไปที่ไหนเจ้าบ้านก็พากันบรรลัยที่นั้น แถมยังลากซาวด์เห่ยๆโพรแกรมมิ่งกะโหลกกะลาตามซ่องป่ามาเลย์ของมันไปแดกกลืนแนวเพลงของคนอื่นเค้าหมดอีก รอบนี้ก็ส่งความฉิบหายผ่านอีแดนจาและอีเคอรี ฮิลสันในการtakeoverงานอีหอกให้กลายเป็นสาวกไปอีกนาง แต่ก็นั้นแหล่ะ สำหรับฉันแล้ว การproduceเพลงนี้ฉันกลับชอบทุกดีเทลเลยก็ว่าได้ อย่างตัวเทมโพเองมันก็สามารถrepresentเนื้อหาได้ทันทีแบบไม่ต้องง้อlyricsเลย คือขนาดฟังแบบinstrumental ฉันยังฟีลได้ถึงความเป็นdirty dancing ความbitch ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกได้ว่านี้แหล่ะตอบโจทย์ความเป็นblackout ถึง ณ โมเม้นท์นั้นจะบอกว่าเอียนกับซาวด์ดำๆมืดๆเป็นคิงคองพูดได้ของมัน แต่ต้องยอมรับว่าพอเวลาผ่านไป หลายๆงานที่อีทิมบาแลนด์และสาวกผีดิบของมันได้รังสรรค์นั้น มีจำนวนไม่น้อยที่จัดว่าเป็นงานที่ดีควรค่าแก่การเป็นชิ้นส่วนๆหนึ่งบนประวัติศาสตร์pop culture และหนึ่งในผลงานเหล่านั้นก็มีเพลงนี้อยู่ด้วย (จบสวยแม่ะ)
_________________