˹���á Forward Magazine

ตอบ

VJ รีวิว+ภาพคอนเสิร์ต Madonna Rebel Heart Tour Bangkok
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ VJ รีวิว+ภาพคอนเสิร์ต Madonna Rebel Heart Tour Bangkok 












Madonna Rebel Heart Tour Bangkok 2016
Day 1 (9/02/2016)

Madonna คือสุดยอดศิลปินที่โลกต้องประจักษ์ เธอคือศิลปินที่ทุกคนจะต้องจดจำ
Rebel Heart ทัวร์เป็นบทพิสูจน์ว่า Madonna คือซุปเปอร์สตาร์ตัวแม่
ด้วยเสน่ห์อันแพรวพราว อารมณ์ขันสุดแสบสันต์
โปรดักชั่นระดับเวิร์ลดคลาสที่ใครก็ไม่อาจละสายตา
เชื่อเถอะว่าทุกหัวใจจะต้องยอมสยบ
....กับความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ทุกคนจะต้องหลงรัก
....กับความยิ่งใหญ่สมการรอคอยกว่า 30 ปี
สมกับที่โลกขนานนาม ควีนออฟพ็อพ ...

Rebel Heart คือแก่นแท้ของหัวใจขบถซึ่งไม่ยอมจำนนต่อสิ่งใดนอกจากความรัก Madonna ปรากฏตัวในกรงขังที่จองจำเธอ ขณะที่มีทหารรุกคืบเข้ามาใน Iconic เพลงเปิดแสดงจุดยืนที่ฉีกทุกกฎ และไม่เกรงต่อการประหัตประหาร พร้อมจะต่อกรกับทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ก่อนจะประกาศศักดาให้โลกรู้ว่าฉันคือ Madonna ความแสบที่แทบจะทุกคำพูดของเธอตั้งแต่ สวัสดี คะ ไปจนถึงแซวตัวเองว่าเพราะอะไรกันนะฉันถึงมาไทยเอาป่านนี้ชื่อกรุงเทพมันน่าพิสมัยออก bang cock เนี่ยแสดงถึงอารมณ์ขันแบบจัดจ้านอย่างชัดเจน

ดีกรีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อ Burning Up เพลงจากอัลบั้มแรกที่โชว์ความร็อคตั้งแต่ virgin tour ดังขึ้น แต่ความแรงที่ร้อนผ่าวไปทั้งอารีน่าคือ Holy Water ภาพโต๊ะอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับการตีแผ่ความใคร่ที่มีอิสตรีเป็นบันไดสู่สวรรค์ ความเชื่อในศาสนาของ Madonna ปรากฏชัดใน Devil Pray ที่เชื้อชวนผู้ชมร่วมทางไปกับเธอเพื่อหาทางหลุดพ้น ก่อนจะปิดฉากองก์แรกด้วย Messiah ซึ่งเป็นโชว์คั่นที่มีพลังอย่างมากทั้งความสวยงามของท่วงท่า และความพลิ้วไหวของผืนผ้าราวกับมีชีวิต Madonna แบ่งภาคการแสดงประหนึ่งเล่าเรื่องราวการเดินทาง จากขบถที่แข็งขืนต่อระบบ มาสู่ศรัทธา ความเชื่อ และความรัก

เราได้เห็น Madonna ในลุคเท่ๆ กับ Body Shop เพลงรักหวานในอู่รถที่เธอหยอกล้ออย่างน่ารักว่า ฉันก็เป็นเหมือนรถยนต์ เธอไม่อยากจะลองเครื่องฉันหน่อยหรือ เมื่อพบรักก็ย่อมต้องมีห้วงรัก True Blue เป็นเหมือนเพลงธีมหนึ่งของทัวร์นี้ที่พูดถึงรักแท้ ซึ่งแม้จะหวานแค่ไหนแต่แม่ก็คือแม่ ความแสบยังจัดเต็ม เพราะแม่บอกว่าถ้าใครไม่สบถแจกฟัก มีขู่ทีเดียวว่าถ้าไม่พูดฟัคก็ไม่ต้องดูล่ะ ไม่มันส์ ขนาดนั้นเลย (ฮา)

เมื่อมีรักก็มีหลง Deeper and Deeper ก็คือการถลำลึกของหัวใจ ก่อนที่จะต้องพบกับความช้ำใจใน Heartbreak City เพลงที่เล่าถึงความขมขื่นในความรัก ฉากบันไดเวียนสื่อถึงคนที่เข้ามาในชีวิตและใช้เธอเป็นบันไดปีนขึ้นไป สุดท้ายก็เหลือเพียงใจที่แตกสลาย

ปิดท้ายองก์ที่สองด้วยความหวังดังรักแรกใน Like A Virgin ที่ Madonna มาแบบสบายๆ แต่เอาคนดูอยู่หมัดทั้งเวทีด้วยตัวคนเดียว ทำเอาทั้งอารีน่าร้องตามกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะปิดฉากด้วย S.E.X. โชว์นัวเนียบนเตียงของเหล่าแดนซ์เซอร์

ธีมหลักของทัวร์นี้อยู่ที่ Living For Love ถ้าดูจากเวทีจะเห็นว่าเป็นรูปกางเขนซึ่งมีด้ามปลายเป็นหัวใจ ซึ่งตั้งแต่เปิดโชว์แรกก็เหมือนกับการเดินทางที่ผ่านอะไรมากมาย ทั้งความสุข ความทุกข์ และความผิดหวัง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหัวใจที่ไม่ยอมแพ้จะทำให้เราก้าวต่อไปได้ มาดอนน่าเปิดองก์นี้ในมาดมาทาดอร์ กับสองสาวอายะกับแบมบี้ที่โดนเด่นมากๆ ไม่แพ้แดนซ์เซอร์ชายชาวเอเชียที่แซ่บจริงอะไรจริง ในหลายประเทศที่ผ่านมาช่วงนี้ของโชว์จะมีเมดเล่ยเพลงยุค 80’s แต่บ้านเราเป็นพิเศษกว่าโซนอื่นที่เจ๊แม่เลือกร้อง Take A Bow เพลงฮิตทำนองจีนที่ร้องในคอนไทเปมาก่อนหน้า ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง คนร้องตามกันทั้งฮอล แถมยังส่องไฟมือถือกันทั้งอารีน่า จนป้าบ่นเอาว่าทำไมหน้าเวทีไม่ส่องไฟเหมือนข้างบนเลย เอาแต่ถ่ายฉันจนแบตหมดเหรอ!

Madonna เป็นกันเองกับคนดูมาก พูดคุยแซวกัดตลอดเวลา เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจจริงๆ นอกจากจะเป็นคนที่คมในเรื่องของการแสดงแล้ว ไหวพริบและมุกตลกยังแสบมันส์ฮาสุดๆ อย่างตอนที่เธอคุยกับแฟนๆ ข้างเวทีที่มีคนแต่งตัวเป็น Madonna ยุคต่างๆ และที่น่ารักมากคือถามสาวหล่อชาวสเปนที่สักแขนเป็นรูปมาดอนน่าว่าอยากแต่งงานกับเธอไหม แล้วหลอกถามว่ามีรอยสักรูปเธอกี่อัน สาวหล่อตอบว่าสาม ป้าก็สวนกลับเลยเชียว เธอต้องมีรอยสักมากกว่านั้นถึงจะแต่งกับฉันได้ แต่เอาเถอะ ฝากเบอร์ไว้แล้วกัน แล้วจะติดต่อไป ความน่ารักเป็นกันเองและอารมณ์ขันที่เล่นกับคนดูทำให้รู้สึกได้เลยว่า Madonna คือเอนเตอร์เทนเนอร์หมายเลขหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องมีข้อกังขา

Rebel Heart เป็นเหมือนเพลงสรุปการเดินทางจากการอยู่ได้ด้วยรัก ความปรารถนาใน La Isla Bonita และการบอกลาใน Take A Bow มาดอนน่ายืนอยู่บนเวทีรูปหัวใจพร้อมกับกีต้าร์หนึ่งตัว เธอบอกเราว่าเธอเดินทางมาแสนไกล ฝ่าฟันและเผชิญกับอะไรๆ กว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ ที่ตรงกับหัวใจ

บทสุดท้ายของการเดินทางเปิดด้วยทัศนคติสุดโต่งของ Madonna ต่อผู้มีอำนาจบนจุดสูงสุดของโลกที่แก่งแย่งชิงดีกันสุดท้ายก็ไม่พ้นคนตัวเล็กๆ บนพื้นที่ต้องรับกรรมใน Illuminati โชว์ที่ทำให้ทุกคนฮือฮามากที่สุดด้วยกายกรรมปีนเสาน่าหวาดเสียวพอๆ กับที่เจ๊แม่โชว์พาวไปก่อนหน้านั้นด้วยท่า vogue ที่ปีนขึ้นไปบนกางเขนแล้วหมุนตัว ต้องบอกว่าโชว์แต่ละองก์ในทัวร์นี้สวยเด่นและชัดเจนมาก โดยเฉพาะธีมยุค 1920 ที่แน่นมากทั้งคอสตูม กราฟฟิค และแสงสีทองซึ่งหรูหรามากจริงๆ กับภาคดนตรีใหม่ของเพลงฮิตอย่าง Music และ Candy Shop และ Material Girl ในแบบที่ช้าลงกว่าเดิม La Vie En Rose เป็นโชว์แรกที่ร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสด้วย เพราะเพลงนี้พูดถึงเรื่องความรักและการรอคอยซึ่งเป็นธีมหลักของทัวร์นั่นเอง แต่ถึงจะเป็นเพลงที่ใครไม่ได้ร้องตามกันง่ายนัก Madonna ก็ยังสามารถทำให้คนร้องตามได้อยู่ดี

Unapologetic เป็นไฮไลททิ้งทวนที่โดนแฟนชาวไทยที่สุดก็ว่าได้ เพราะมีการดึงเอาสาวกของเจ๊แม่ที่อยู่ติดเวทีขึ้นไปร่วมแจม และด้วยความที่ภาษาไทยมีหลายเสียง พอถามชื่อไป มาดอนน่าจึงเรียกน้องโตว่า “น้องนิ้วเท้าสองนิ้ว” Two Toes ไปเสียอย่างนั้น โชว์นี้มันส์มากจนวิกผมบลอนด์ของน้องหลุด ทำเอาควีนต้องเก็บให้แถมยังให้แดนซ์เซอร์ชายมายืนบังทำทีเหมือนสุภาพสตรีกำลังเปลี่ยนชุด เรียกได้ว่าเป็นความน่ารักและประทับใจคนดูจริงๆ ส่วนน้องโตน่ะเหรอ ... คงไม่มีวันลืมโมเมนท์นี้ไปชั่วชีวิต

ปิดท้ายทัวร์ด้วย Holiday ที่คุ้นเคยกับการโบกสะบัดผืนธงไตรรงค์ที่ต้องบอกเลยว่าไม่มีดราม่าแน่นอน เพราะงานนี้สปิริตล้วน มันคือการเฉลิมฉลองและความสุขที่ Madonna อยากมอบให้กับแฟนๆ และเชื่อเถอะว่ามันจะอยู่ในหัวใจของทุกคน ลึกลงไปในหัวใจขบถของคนไทย





































บทสุดท้ายของการเดินทางเปิดด้วยทัศนคติสุดโต่งของเธอต่อผู้มีอำนาจบนจุดสูงสุดของโลกที่แก่งแย่งชิงดีกันสุดท้ายก็ไม่พ้นคนตัวเล็กๆ บนพื้นที่ต้องรับกรรมใน Illuminati โชว์ที่ทำให้ทุกคนฮือฮามากที่สุดด้วยกายกรรมปีนเสาน่าหวาดเสียวพอๆ กับที่เจ๊แม่โชว์พาวไปก่อนหน้านั้นด้วยท่า vogue ที่ปีนขึ้นไปบนกางเขนแล้วหมุนตัว ต้องบอกว่าโชว์แต่ละองก์ในทัวร์นี้สวยเด่นและชัดเจนมาก โดยเฉพาะธีมยุค 1920 ที่แน่นมากทั้งคอสตูม กราฟฟิค และแสงสีทองซึ่งหรูหรามากจริงๆ กับภาคดนตรีใหม่ของเพลงฮิตอย่าง Music และ Candy Shop และ Material Girl ในแบบที่ช้าลงกว่าเดิม La Vie En Rose เป็นโชว์แรกที่มาดอนน่าร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสด้วยเพราะเพลงนี้พูดถึงเรื่องความรักและการรอคอยซึ่งเป็นธีมหลักของทัวร์นั่นเอง แต่ถึงจะเป็นเพลงที่ใครไม่ได้ร้องตามกันง่ายนัก มาดอนน่าก็ยังสามารถทำให้คนร้องตามได้อยู่ดี Unapologetic เป็นไฮไลททิ้งทวนที่โดนแฟนชาวไทยที่สุดก็ว่าได้ เพราะมีการดึงเอาสาวกของเจ๊แม่ที่อยู่ติดเวทีขึ้นไปร่วมแจม และด้วยความที่ภาษาไทยมีหลายเสียง พอถามชื่อไป มาดอนน่าจึงเรียกน้องโตว่า “น้องนิ้วเท้าสองนิ้ว” Two Toes ไปเสียอย่างนั้น โชว์นี้มันส์มากจนวิกผมบลอนด์ของน้องหลุด ทำเอาควีนต้องเก็บให้แถมยังให้แดนซ์เซอร์ชายมายืนบังทำทีเหมือนสุภาพสตรีกำลังเปลี่ยนชุด เรียกได้ว่าเป็นความน่ารักและประทับใจคนดูจริงๆ ส่วนน้องโตน่ะเหรอ ... คงไม่มีวันลืมโมเมนท์นี้ไปชั่วชีวิต ปิดท้ายทัวร์ด้วย Holiday ที่คุ้นเคยกับการโบกสะบัดผืนธงไตรรงค์ที่ต้องบอกเลยว่าไม่มีดราม่าแน่นอน เพราะงานนี้สปิริตล้วน มันคือการเฉลิมฉลองและความสุขที่มาดอนน่าอยากมอบให้กับแฟนๆ และเชื่อเถอะว่ามันจะอยู่ในหัวใจของทุกคน ลึกลงไปในหัวใจขบถของคนไทย



.........................video แฟนเพลงชาวไทยบนเวที ..คลิกที่รุปเพื่อเล่นวีดิโอเลยจ๊ะ


_________________

Like กดที่รูป
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like งอนอีป้ามาก ไม่เล่น Ghosttown

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like ที่สุด


_________________


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ ย า ก ร้ า ว ก ด ว้ า ว สิ จ้ า 18+ Smile
คาสิโนออนไลน์ like kiss

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com