˹���á Forward Magazine

ตอบ

[18+] NuRii3_Mini Review : Taylor Swift – 1989
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ [18+] NuRii3_Mini Review : Taylor Swift – 1989 
Taylor Swift – 1989



ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่แล้ว หลังฟังอัลบั้มปีเกิดดอกทองของอีดอกเทย์จบและลบทิ้งทันทีหลังฟังจบไปไม่กี่รอบ ดิฉันก็ตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าเราคงไม่ต้องสละเวลาอันมีค่ามาเขียนรีวิวถึงอัลบั้มขี้หีแบบนี้แล้วหล่ะ (ถึง ณ ตอนนี้ก็ยังกล่าวคำเดิมว่าอัลบั้ม1989หรือ69ก็ยังเป็นอัลบั้มขี้หีอยู่ดี) แต่…..ดันเกิดอาเพศหรือโดนผีเขมรอำหรืออย่างไรก็ไม่รู้ถึงได้มาเขียนถึงอัลบั้มนี้จนได้ สาเหตน่าจะมาจากอีเพลงWildest Dreamsที่ดิฉันพึ่งมีโอกาสได้ฟังประมาณหนึ่งถึงสองเดือนที่ผ่านมาแบบจริงๆจังๆ ก็เลยแจ็คพอตแตกต้องกลับไปขุดอัลบั้มผีเปรตของอีดอกนี้มาฟังอีกรอบ คราวนี้Wildest Dreamsไหมละมึง



1989: 74%

ด้วยความที่เป็นมินิรีวิว ก็จะข้ามการเกริ่นนำบลาๆๆไปเลยเพราะคุณค่าอัลบั้มนี้ก็ควรให้ได้แค่มินิรีวิวนั้นแหล่ะ เหมาะสมแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราจะขาดส่วนวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของอัลบั้มไปก็คงกระไรอยู่ /พูดด้วยเสียงอีวุ้นเส้นในบทคุณหญิงแย้ม สำหรับจุดเด่น ณ ตอนนี้เท่าที่คิดก็ยังหาไม่เจอนะ แม้ขุดมาฟังรอบ2แล้วก็ยังหาไม่เจอ แม้แต่ละแทร็คที่บรรจุในอัลบั้มนี้จะทำออกมาได้ไม่เลวนัก ในฐานะของงานเมนสตรีมพ็อพ แต่พอจับมารวมกันก็ดูบ้านไปหน่อย แต่ถ้ารู้สึกsurpriseจริงๆในอัลบั้มนี้ แบบฟังๆอยู่ก็ว้าวเลยคงหนีไม่พ้นจริตอินเนอร์ความกระสันวอนนาบีอยากเป็นนักร้องเพลงพ็อพจนตัวสั่นของอีนี้ นี้ถ้าไม่รู้กันมาก่อนหน้านี้เกือบจะเป็นสิบปีคงจะลืมไปเลยว่าอีนี้เดบิ้วมากับเพลงลูกทุ่งบ้านนอกคอกนา ส่วนจุดด้อยนะหรือ? หึหึ ถ้าให้เขียนจริงๆคงมีให้ด่ายาว3หน้ายังเขียนไม่จบ แต่เอาประเด็นสำคัญเลยละกัน ประเด็นแรก ไม่รู้นะว่าอีแมกซ์ มาตินวางยาอีนี้หรือฉันหวังในตอนแรกไว้มากเกินไป แต่แบบ….. นี้เป็นถึงอัลบั้มพ็อพเต็มตัวอัลบั้มแรกของอดีตเจ้าหญิง ณ วงการลูกทุ่งเลยนะ อุตส่าห์สลัดคราบกลิ่นโคลนสาบควายให้แฟนคลับเก่าๆพากันสาปส่งเพื่อมาดิ้นๆเขย่านม(ที่ไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่)โชว์สันดานร่านสวาทให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชีด้วยความอกรักกลัดหนองอยากกะหรี่มานมนาน สงสัยได้เชื้อจากอีโหนกเนลลี เฟอร์ทาโดมาเยอะหล่ะสิถ้า แต่กลับมีปัญญาทำได้แค่นี้หรือจ้ะเทย์? ตอนแรกฉันก็นึกว่าเปิดผิดอัลบั้มไปโดนลิ้งค์หลอกเอาอัลบั้มคัฟเวอร์มาแปะ อ้าว ที่ไหนได้นี้อัลบั้มอีเทย์จริงๆนี้หว่า ก็แอบเงิบเบาๆ ถ้าเปิดแบบinstrumentalไม่มีเสียงอีเทย์นี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่านี้คืออัลบั้มของอีเทย์เลย คือพูดง่ายๆ ฟังแล้วหน้านักร้องพ็อพสตาร์คนอื่นๆผลุดออกมาเป็นระยะๆ (คล้ายๆกรณีเดอะเฟลมของอีก้านั้นแหล่ะ ที่ดูก็อปปี้แอนด์เพสท์แนวทางของคนนู้นคนนี้มาทีคนนี้มาทาง เพียงแต่กึ๋นในการทำเพลงอัลบั้ม69อีเทก็ไม่ได้ใกล้เคียงที่จะอยู่ระดับเดียวกับเดอะเฟลมซักเท่าไหร่ /งานขุ่นแม่นาโอมิก็มา) ถ้าบอกเป็นอัลบั้มอีแขยังน่าเชื่อกว่าอีก (แต่จะว่าไปน้ำหน้าและรสนิยมการทำเพลงของอีแขก็คงไม่มีปัญญาเลือกเพลงได้ดีเท่าอัลบั้มนี้หรอก) ส่วนหน้าใครที่ฉันรู้สึกนึกถึงมากที่สุดในอัลบั้มนี้ คงหนีไม่พ้นอีหลอดที่แทบจะเทคโอเวอร์อัลบั้มอีนี้ไปเสียแล้ว ตัดซิงเกิ้ลไป5 อีหลอดมาแล้ว3 นี้ก็นึกว่าดูทายาทอสูรโคลนนิ่งสืบทอดวิญญาณตะขาบตามกันมา ก็ได้แต่งงว่าตกลงนี้อัลบั้มปีเกิดของมึงหรืออีหลอดกันแน่คะ? นอกจากอีหลอดที่เป็นโต้โผแกนนำในอัลบั้มนี้แล้ว อีเทย์ยังขนนางอื่นๆมาอีกทั้งอีแข อีเอลลี่ อีลาน่า อีเจพเซน อีวีญ วงfun. และอื่นๆมาเสริมทัพให้อีก ตกลงนี้คงกลายเป็นcollaboration albumไปแล้วหล่ะสินะ นอกจากภาคดนตรีที่ไล่ก็อปชาวบ้านเค้ามาหมดแล้ว จุดด้อยอีกประการหนึ่งและยังเป็นจุดด้อยประการสำคัญที่สุดในอัลบั้มคงหนีไม่พ้นฉันไม่รู้สึกเลยว่าอีเทย์มีตัวตนในอัลบั้มนี้เลย ไร้ซึ่งจิตวิญญาณใดๆทั้งสิ้น นอกจากเนื้อหากะหรี่ๆที่อีนี้แต่งออกมา แมกซ์ มาตินทำให้อัลบั้มนี้ออกมากลายเป็นอัลบั้มที่เอาใครมาร้องแทนก็ได้ นี้นะหรืออัลบั้มที่หล่อนถึงกลับออกมาโม้ว่าrepresentตัวหล่อนออกมา ถึงขนาดเอาปีเกิดมาตั้งชื่อ หึหึ ริจะลงมาสู้ในตลาดเพลงพ็อพแต่มีปัญญาทำเพลงได้แค่ร่างทรงอีแมกซ์ ระวังจะยืนระยะได้ไม่นานต้องระเห็จกลับไปไปเกากีต้าร์ก๊อกแก๊กร้องเพลงเจ้าหญิงเจ้าชายอีกรอบนะจ้ะ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่มาก ศึกษาเอาไว้บ้างก็ดีเน้อะ
กระนั้น แม้ว่าภาพรวมจะดูเป็นอัลบั้มที่จับแพะชนแกะ เอาคนนู้นมานิดคนนี้มาหน่อยก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับอยู่อย่างนะว่าเซ้นส์เลือกเพลงของอีเทย์ก็ไม่ได้แย่นัก ถ้าฟังแบบแยกแทร็คก็พอกล้อมแกล้มผ่านไปได้ แต่พอมารวมกันเป็นอัลบั้ม มันเลยกลายเป็นอัลบัมพ็อพดาดๆที่รียูสซ้ำแล้วซ้ำอีกและน่าเบื่อเกินไป ทำให้เกิดคำถามที่ว่า ถ้าริจะทำเพลงพ็อพแล้วดันมีปัญญาทำได้แค่เพลงโคลนนิ่งตามหลังชาวบ้านเค้า หล่อนจะกระโจนลงมาร่วงวงกับเค้าด้วยทำไม อยากมีซีนอย่างงั้นหรือ? แต่ซีนที่หล่อนได้มันแย่มากๆค่ะ แม้ภาพลักษณ์เดิมจะดูกลวงๆเพ้อเจ้อและบ้านนอกไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าดูเป็นพ็อพสตาร์ไร้สมองแบบตอนนี้ ก็นะ แทนที่จะอยู่บนบัลลังก์คันทรี่สวยๆ ขนาดหล่อนทำเพลงคันทรี่ง่อยๆกลวงๆเกากีต้าร์ก๊อกแก๊ก พวกตาถั่วยังยกโทรฟี่แกรมมี่หีแตดกับฉายาเจ้าหญิงคันทรี่ให้เลย จะลงมาเปลืองตัวกับวงการเพลงพ็อพขยะๆทำไม หรือพึ่งมาแอ็บแตกเอาตอนนี้ จริงๆก็อยากทำตัวสลัมมานานแล้วว่างั้นเถอะ? แต่คีพลุคตอแหลเอาไว้หลอกแดกแฟนคลับ



Singles of 1989&Track by Track

สำหรับส่วนวิจารณ์แทร็คบายแทร็คกับซิงเกิ้ลส์ขอรวมไว้ด้วยกันเลยแล้วกัน เริ่มจาก Welcome to New York (3/5) เพลงทรีบิ้วให้แก่นิวยอร์คที่นางพึ่งย้ายมาเมื่อปี2014 (อีดอก แค่ย้ายเมืองมึงถึงขนาดแต่งเป็นเพลงได้เลยงั้นหรือ? อีบ้า) จริงๆมีบทสัมภาษณ์อยู่เหมือนกันว่าทำไมอีเทย์ถึงปลาบปลื้มได้ขนาดนี้ กะเทยก็ลองไปหาอ่านกันเอาเองแล้วกัน เพลงนี้มีความพิเศษตรงที่ไลน์“And you can want who you want/Boys and boys and girls and girls” นักวิจารณ์บอกว่าอีเทย์ทำเพลงซัพพอร์ทLGBT community (มันมีนัยยะขนาดนั้นเลยหรือว่ะ? คือมึงก็ตีความกันเกินไปหรือเปล่า? อีเทย์ก็อาจแค่แต่งไปเรื่อยๆก็ได้ป่ะ?) ส่วนภาคดนตรี โอลด์สคูลซินธ์พ็อพที่แทบจะลอกteenage dreamอีแขมาเกือบหมด ภาพรวมแม้ว่าจะไม่ใช่เพลงที่แย่อะไรนัก แต่ก็ไม่ใช่เพลงที่น่าดึงดูดมากพอที่เอามาเป็นไตเติ้ลแทร็คแบบนี้ ทำให้ความน่าฟังในเพลงต่อๆไปลดลงไปเหมือนกัน ต่อด้วย Blank Space (3.5/5) ซิงเกิ้ลลำดับที่สองในอัลบั้มนี้ ซึ่งฉันขอเพิ่มคะแนนให้0.5จากรีวิวเมื่อคราวที่แล้ว เพราะพอมาcompareกับเพลงที่เหลือในอัลบั้มแล้ว แม้เพลงนี้จะลอกอีหลอดมาหมดจนเปิดสลับกับRoyalsได้เลยก็ตาม แต่ก็ถือว่าทำได้น่าสนใจกว่าหลายๆเพลงที่เหลือในอัลบั้มมากนัก แต่แปลกใจอยู่อย่าง คือเดี๋ยวนี้โลกเราพัฒนาถึงขั้นเขียนเพลงล่าแต้มเย็ดกับผู้ชายออกสื่อได้ขนาดนี้แล้วอย่างงั้นหรือ? ก็นะ ก็เหมาะสมแล้วที่เป็นไอดอลให้บรรดาสก๊อยหน้าหีทั้งหลายไปเคารพบูชา อีพวกสก๊อยคงเลือกไม่ถูกเลยทีเดียวระหว่างแม่เทย์กับอีแพทใครหีเคียวน่าสรรเสริญมากกว่ากัน (แต่ฉันคิดว่าเป็นอีแพทนะ ณ จุดนี้) Style (4.5/5) ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างว้าวกับซิงเกิ้ลลำดับที่3อย่างเพลงนี้อยู่เหมือนกัน ถือว่าอยู่ในระดับเซอร์ไพรซ์กันเลยทีเดียว อิเล็กโทรพ็อพที่ได้อิทธิจากซาวด์80sทั้งฟั้งก์ร็อค โพสท์ดิสโก้ และนิวเวฟมาบรรจบกัน ช่วยอัพเกรดคุณงามความดีให้อัลบั้มนี้ได้มากเลยทีเดียว ส่วนภาคเนื้อหา ก็กะหรี้กะหรี่ตามสไตล์อีเทย์ คือแต่งถึงถึงบรรดาผู้ชายที่เคยร่วมเย็ดกันนั้นแหล่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกอนาจใจสุดๆก็คือเพลงดีๆแบบนี้กลับดันมาแต่งอาลัยตอนร่วมกับอีแฮรี่หน้าเหี้ยแห่งบอยแบนด์ชาติหมา1D ฉันก็ได้แต่กรอกตาไปมาเอือมกับรสนิยมเลือกผัวของอีนี้จริงๆ คือมึงเป็นนิมโฟมาเนียหรือยังไงคะ? ถึงได้ร่วมเย็ดกับอีแฮรี่หน้าลิงบาบูนได้แบบนี้ เห้อออ สงสัยนี้คงเป็นผลกระทบของโลกาภิวัตน์ คนถึงติดสัตว์จนเย็ดกับลิงได้ ติ่งอีแฮรี่ก็อย่าได้มาแหกดิฉันนะคะ เพราะฉันคงไม่ลดตัวไปเสวนากับพวกเทสต์ต่ำคลั่งไคล้ลิงแบบพวกพวกหล่อนหรอก ว้ายยย นี้ยังไม่นับรวมกับอีเอ็ดอีฝรั่งหน้าหมาพันธุ์ปั๊กอีกตัว นี้ถ้าฉันยังเป็นติ่งอีนี้อยู่ก็คงได้แต่ถอนหายใจรัวๆแทน ดีหน่อย ที่สุดท้ายมาend upที่พี่แคลวิน แฮร์ริสผัวเก่าของฉันที่แม้จะหลุดจากแคตตาล็อกบรรดาผัวของฉันเพราะหน้าพี่แคลวินบ้านเกินไป แต่ก็ถือว่าอีเทย์แก้ไขเทสต์เรื่องผู้ชายขึ้นมาได้บ้าง สุดท้าย ใครด่าเพลงนี้ง่อยแต่ดันเสือกไปฟังเพลงฟังก์ดิสโก้เสี่ยวแดกของอีบรูโน่ มาร์สได้ ลองไปพบแพทย์ให้เช็คหูดูนะ ถ้าเกินเยียวยาจะรักษาได้จริงๆก็ให้เช็คอาการทางประสาทดูด้วยเลยก็ดีเหมือนกัน เพื่อจะแก้ได้ ถัดมาที่ Out of the Woods (4/5) ซิงเกิ้ลล่าสุดและเป็นอีกหนึ่งเพลงในอัลบั้มที่ฉันมองว่าทำได้ดีเช่นกัน และก็ยังเป็นอีกเพลงที่แต่งเพื่ออาลัยตอนร่วมรักอีแฮรี่หน้าลิงบาบูน เห้อออ กูหล่ะเบื่อ ข้ามมาที่ภาคดนตรีกันดีกว่า หลังจากฟังมาทั้งอัลบั้มแล้ว เพลงไหนที่อีเทย์กระเดียดไปฝั่งนิวเวฟและฟั้งก์ รวมทั้งฟั้งร็อกแล้วนั้น จะทำได้ในระดับที่เข้าขั้นดีเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่เสี่ยวแดกแบบงานอีบรูโน่ยุคหลังๆ รวมทั้งเพลงนี้ที่เป็นซินธ์พ็อพที่ได้อิทธิพลจากยุค80sอีกเพลง การผสมผสานระหว่างฟั้งก์ร็อคและเพาเวอร์พ็อพ แม้มองเผินๆจะดูเป็นงานอีหลอดเวอร์ชั่นอัพบีทขึ้นมา แต่ก็ทำได้ต่างและดูมีเอกลักษณ์ค่อนข้างชัดเจนในระดับหนึ่ง ตัวเพลงสื่อได้ทั้งอารมณ์aggressive powerful หรือfierceในเพลงเดียว อีกทั้งลูกเล่นจำพวกโพรแกรมมิ่งและเฮฟวี่ซินธิไซเซอร์ อย่างแมชชีนดรัม ก็ช่วยเร่งจังหวะทำให้ตัวเพลงดูไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก ดังนั้นก็เหมาะสมแล้วที่นางจะตัดเพลงนี้มาเป็นซิงเกิ้ลโพรโมตอัลบั้มนี้ All You Had to Do Was Stay (2.5/5) ค่อนข้างแอบลำบากใจเล็กน้อยตอนตัดคะแนนเพลงนี้ เพราะไปๆมาๆกลับกลายเป็นเพลงแบบนี้ที่ฉันชอบมากที่สุดในอัลบั้ม แต่สุดท้ายพอตัดbiasออกไปแล้ว คะแนนระดับนี้ก็เหมาะสมกับเพลงนี้แล้ว (แอบรู้สึกให้สูงไปหน่อยด้วยซ้ำ) แม้จะชอบมากก็ตาม แต่เพลงนี้ก็ทำได้ธรรมดามากเกินไปจริงๆ ทั้งภาคดนตรีที่เป็นแค่งานระดับทีนพ็อพที่หาได้ทั่วๆไปตามงานนักร้องทีนพ็อพในต้นยุคมิลเลนเนียม อีกทั้งภาคเนื้อหาก็แค่เป็นการตัดพ้อผู้ชายว่ามันสายไปแล้วจ้ะเธอแค่นั้นจริงๆ ไม่มีอะไรเลย (แต่ฉันตลกอีท่อน“But people like me are gone forever when you say goodbye” คืออีดอก ก็ยังมั่นหน้ามั่นโหนกไปได้อีก) ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าใครจะบอกว่าเพลงนี้ทำได้ค่อนข้างอ่อนไปหน่อย แต่ก็นะ ก็ฉันชอบนี้หน่า Shake It Off (1/5) ความเหี้ยทั้งหมดทั้งมวลในอัลบั้มนี้ที่ฉันพึ่งด่าไปข้างต้น ก็ไม่อัปปรีย์เมื่อเทียบกับความขี้หีหน่อแตดของเพลงนี้ ฉันงงมากที่อีเทย์กล้าเลือกตัดเพลงในระดับกระจอกขนาดนี้เป็นถึงลีดซิงเกิ้ล ขนาดเมื่อเทียบกับWe Are Never Ever Getting Back Togetherที่เป็นลีดซิงเกิ้ลในอัลบั้มที่แล้ว ซึ่งมาตรฐานก็เป็นแค่งานพ็อพดาดๆไม่ต่างกันซักเท่าไหร่นัก ที่สำคัญยังได้อีแม็กซ์ มาตินมาเป็นโพรดิวเซอร์คุมบังเหียนจรดปลายปากกาให้เหมือนกันอีกต่างหาก แต่ขอโทษทีเถอะ ทำไมชั้นเชิงในการนำเสนอมันถึงได้ต่างกันราวกับหน้ามือกับขุมนรกขนาดนี้ อัพบีทบับเบิ้ลกรัมพ็อพติดจังหวะจังเกิ้ล ปอมๆเชียร์ลีดเดอร์แบบนี้ นักร้องดีๆเค้าแทบจะเลิกทำกันไปหมดแล้ว คงมีแต่พวกนักร้องที่ชอบทำเพลงไร้สมองเท่านั้นแหล่ะ ถึงยังทำเพลงง่อยๆแบบนี้เอาไว้คอยหลอกแดกอีพวกติ่งน่าโง่ ว่าแม่ฉันทำเพลงได้สะแด้วถูกใจบรรดาเด็กแว้นสก๊อยติ่งหีเอาไว้แดนซ์ตามงานวัดสลัมคลองเตยไหมหล่ะค่า ส่วนภาคเนื้อหา ก็แหม อีดอก ทำมาเป็นshake it off ที่เค้าด่ามึงนะ มันจริงไหมหล่ะ? ก็ชอบนักไม่ใช่เหรอ อยากทำตัวเป็นพ็อพสตาร์ร่านสวาทไม่มีสมอง ไม่ต้องโทษชาวบ้านเค้าค่ะ โทษตัวมึงเองเหอะ ยังดีหน่อย ที่อีดอกเทย์ยังพอมีสติปัญญาเหลือกับเค้าอยู่บ้าง จึงมีเพลงที่เข้าขั้นเหี้ยบัดซบแบบนี้แค่เพลงเดียวในอัลบั้ม (อันนี้พูดถึงเฉพาะStandard Edition ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวอร์ชั่นDeluxeจะมีเพลงเหี้ยๆแบบนี้อีกหรือเปล่า?) ก็ถือว่าฉันยังมีบุญอยู่บ้าง ที่ไม่ต้องอกแตกตายก่อนฟังเพลงอีเทย์จบอัลบั้ม ไม่อย่างงั้นฉันคงสาปส่งอีดอกนี้ไปจนถึงชาติหน้ากันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการให้คะแนน ตอนแรกก็ว่าจะไม่ให้เลยแม้แต่คะแนนเดียว แต่พอฟังไปฟังมาก็พอจะหาข้อดีที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในเพลงขี้หีแบบนี้ได้ซัก0.000000001% ก็คือ อย่างน้อยฉันก็ว่าเพลงนี้ก็ดูมีความเป็นโซลอีเทย์มากที่สุดในอัลบั้มนี้แล้วหล่ะมั้ง? อาจจะเพราะเพลงก็ดูกลวงๆไร้สมองเหมือนอีตัวนักร้องด้วยหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


I Wish You Would (3.5/5) แม้ภาคเนื้อหาจะน่ารำคาญเป็นชะนีเพ้อถึงควย จนแทบจะอ้วกเปลี่ยนหนีแทบไม่ทัน แต่ฉันว่าภาคดนตรีเพลงนี้จัดว่าไม่แย่เกินไปนัก อัพบีทอิเล็กโทรพ็อพติดสำเนียงดรีมพ็อพผสานกับเทคโนเฮาส์เดินบีทแบบจังเกิ้ลและดั๊บสเตปเจือจาง ที่ทำให้ฉันremindถึงอีเอลลี่ กูลดิ้งตอนสมัยยังใช้หัวทำเพลง ไม่ใช่ใช้หีทำเพลงแบบทุกวันนี้ Bad Blood (3/5) แม้ฉันจะเกลียดอีแขและติ่งหน้าหีของอีนี้ระดับเข้าไปถึงระดับโครโมโซม แต่ก็ไม่ได้อินอะไรกับเพลงนี้มากมายนัก อีกทั้งฉันก็ว่าเพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่น่าพิสมัยเท่าไหร่ ที่สำคัญภาคดนตรีก็ดูลอกงานชาวบ้านชาวช่องเค้ามามากเกินไป ขนาดBillboardเองยังออกปากเลยว่านึกถึงHollaback Girlของขุ่นแม่เกว็น แต่ฉันว่าเหมือนเพลงอีหลอดผสมกับอีทีของอีแขมากกว่า Wildest Dreams (3.5/5) ก่อนอื่นขอพูดถึงข้อดีของเพลงนี้ก่อนละกัน ฉันว่าเพลงนี้อีเทย์สื่ออารมณ์ออกมาได้ต่างจากอีลานา เดล เรย์พอสมควร คือดูเบาและดูพ็อพมากกว่า อาจจะเพราะพลังเสียงไม่ถึงหรือความไม่เข้าปากเพราะไม่ใช่ทางของนางก็ตามแต่ เลยทำให้เพลงนี้ฉีกออกจากเงาของอีลานามาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ก็นั้นแหล่ะ การลอกแนวทางที่ถือว่าเป็นsignatureแบบสุดๆของศิลปินคนอื่นมาทำ มันก็ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งพอว่ารวมกับภาคเนื้อหาที่หล่อนมั่นหน้าว่าจะไปเป็น“Wildest Dreams”ให้ชาวบ้านชาวช่องเค้า มันยิ่งทำให้เพลงนี้ดูดร็อปขึ้นมาทันที เพราะทุกอย่างมันดูเบาไปหมด ถ้าได้ความดาร์คและเสน่ห์เฉพาะตัวของเสียงอีลานามาแทนคงเป็นพลงที่สมบูรณ์มากกว่านี้ ก็น่าเสียดายที่เพลงนี้ดันเป็นเพลงของเทย์หล่ะนะ How You Get the Girl (2/5) ฉันค่อนข้างรำคาญกับเนื้อหาเย็ดๆเลิกๆของอีนี้มากๆ คือถ้าไม่มีปัญญาแต่งเนื้อเพลงให้มันดูมีสมองมากกว่านี้ ลองครางโหยหวนเป็นผีเปรตแบบอีป้าโยโกะเอาก็ได้นะ เผื่ออะไรมันจะดูเข้าท่ามากกว่านี้ก็ได้ ส่วนภาคดนตรีก็จัดว่าค่อนข้างอ่อนมาก ซินธ์พ็อพที่กระเดียดไปทางบับเบิ้ลกรัมพ็อพ บ่งบอกระดับสติปัญญาของคนทำได้เลยว่ามีอยู่แค่ระดับไหน ทำได้ง่อยซะจนนึกว่ากำลังเปิดเพลงอีเจพเซนฟังอยู่ โชคยังดีที่แทร็คค่อนข้างเน่าขนาดนี้อยู่เกือบท้ายอัลบั้มแล้ว ฉันเลยไม่อยากจะอะไรมาก อีกอย่างภาพรวมของเพลงนี้ก็ไม่ได้เข้าขั้นบัดซบขนาดShake It Off ฉันก็เลยหยวนให้พอผ่านไปทีก็แล้วกัน This Love (3/5) บัลลาดโพรแกรมมิ่งสมัยนิยม ที่เป็นงานคอนเทมโพรารี่ดาวน์เทมโพเนิบนาบสไตล์เพลงอีป้าเซีย กับเนื้อหาร่านๆดูเป็นชะนีน่าโง่โดนผู้ชายทิ้งแล้วทิ้งอีกก็ยังโง่ซ้ำซากเป็นวัวเป็นควายอยู่ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีเทย์ต้องการจะสื่อถึงอารมณ์แบบไหน แต่ฉันฟังแล้วรู้สึกสมเพชมากกว่าจะสงสารอ่ะนะ ขยับจากบัลลาดเนิบนาบขึ้นมาเป็นงานระดับมิดเทมโพกับ I Know Places (3.5/5) ที่เรียนตามตรงว่าฉันเกลียดอีไลน์preludeตอนต้นเพลงมาก อีสัตว์ อย่างกับผีกะเทยโดนวิญญาณผีตุ๊กตาลูกเทพเข้าสิง ผีเปรตมาก รบกวนทีหลังอีเทย์ก็เลิกเอาซาวด์ออโต้จูนเหี้ยๆแบบนี้เข้าไปใส่ในเพลงหล่อนด้วยนะคะ กูกลัว ตัวเพลงเองก็เป็นงานบัลลาดโพรแกรมมิ่งมิดเทมโพที่ได้รับวัฒนธรรมจากดนตรีเออเบินอย่างPBR&Bผสานกับซาวด์แมชชีคดรัมเป็นจังหวะมาร์ชเท่ห์ๆ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทำได้ในระดับที่ดีกว่าคิดทั้งภาคดนตรีและเนื้อหาที่โดดมาจากเรื่องเย็ดๆใคร่ๆของอีนี้ แต่กลับเลือกที่จะถ่ายทอดถึงความยากลำบากในฐานะที่นางเป็นpublic figureออกมาแทน (อีดอก มึงก็เลือกอยากจะเป็นดารานักร้องเองป่ะคะ? ใครไปบีบหีมึงมาเป็นมิทราบ) แต่จะว่าไปแล้วอีเทย์ก็น่าจะตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลอีกเพลงก็ดีนะ อาจจะเพิ่มดีกรีความแรงด้วยการจับพวกไอ้มืดที่ดังๆอยู่ในตอนนี้ซักตัวมาแร็พให้แล้วทำเป็นเวอร์ชั่นรีมิกซ์ก็เก๋ไปอีกแบบเหมือนกัน สุดท้าย Clean (3/5) เป็นอีกหนึ่งแทร็คที่ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากดนตรีของอีหลอดมา แหม รักกันขนาดนี้มึงmessageนัดมาเย็ดกันแทนไปเลยดีไหมคะ? แต่ว่าอย่างน้อยเพลงนี้ก็ไม่ได้ถึงขนาดcopy&pasteเมื่อเทียบกับพวกBlank SpaceหรือBad Bloodที่โคลนนิ่งกันมาแบบหน้าด้านๆ อีเทย์ก็ยังทำให้เพลงนี้มีwayในแบบฉบับของตัวมันเองอยู่บ้าง แม้ว่าwayนั้นจะทำให้เพลงนี้ดูจืดชืดและน่าเบื่อไปบ้างก็ตาม ตัวเพลงเป็นงานซินธ์พ็อพอาร์แอนด์บีติดสำเนียงดรีมพ็อพที่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างเบาและดูไร้พลังไปหน่อย แต่พอพิจารณาจากภาคเนื้อหาที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางพูดถึงผัวคนไหน (รบกวนกะเทยไปหาเอาเองนะคะ) ก็พอจะเก็ทพ้อยท์กับสิ่งที่นางสื่อออกมาได้ ฉันว่าบางทีนางก็คงเหนื่อยหน่ายและท้อกับเรื่องอะไรทำนองนี้อยู่เหมือนกัน (แต่มึงก็ทำตัวเองอะค่ะ ช่วยไม่ได้) เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงที่ต้องการให้กำลังใจตัวเองรัวๆในช่วงที่กำลังท้อแท้ ซึ่งฉันว่านางอินเนอร์เพลงนี้ได้เรียลดีเหมือนกัน ไหนๆก็เป็นแทร็คปิดอัลบั้มทั้งที คิดว่าคงไม่ได้ตอแหลสร้างภาพอะไรขนาดนั้นหรอก



สรุป
สรุปแล้วฉันว่าภาพรวมอัลบั้มนี้ถ้าวิเคราะห์แค่ภาคดนตรี ก็ถือว่าอยู่ในระดับสอบผ่านตามมาตรฐาน มีแทร็คง่อยบ้างเด่นบ้างปะปนกันไป แต่ถึงขนาดเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซอะไรนี้ ติ่งอีเทย์ทั้งไทยและเทศมึงเพ้อเจ้อกันเกินไปแล้วค่ะ เลิกอวยอะไรที่มันดูเกินความจริงให้ชาวบ้านเค้าสมเพชแม่มึงกันได้แล้ว ที่เค้าพากันเกลียดอีเทย์ส่วนหนึ่งก็เพราะความหน้าหีของติ่งอีเทย์นี้แหล่ะ จะเพราะความสมเพชหรือเพราะยังพอเหลือเยื้อใยความสัมพันธ์ต่ออีเทย์ก็ตามแต่ แต่หลังๆฉันก็แอบรู้สงสารอีเทย์เหมือนกันที่ต้องมีติ่งหน้าโง่ตามเป็นขบวนสัมพเวสีคอยหลอกหลอนแบบทุกวันนี้ อะไรที่มันมากเกินไปผลเสียมันจะกลับไปตกที่แม่พวกหล่อนเองนั้นแหล่ะ ไม่ใช่ใครหรอก ส่วนติ่งนางไหนไม่เข้าใจไม่พอใจจะมาแหกคิดว่าฉันด่าอีเทย์ ขอโทษนะคะ กูด่าพวกมึงนั้นแหล่ะค่ะ อีโง่

PS. ส่วนรีวิวซีรี่ย์สฺชุด4 Teen Divas of 2000'sซีรี่ย์สฺของอีแมนดี้ยังเขียนไม่เสร็จนะคะ แต่รับรองว่าเขียนครบทั้งอีแมนดี้ อีหรี่ และอีเจสซิมพ์แน่นอน ฝากรีวิวเก่าๆในปีนี้ด้วยนะจ้ะ
4 Teen Divas of 2000's: The First Series – Britney Spears
The 50 Most Frequently Played Songs of 2015



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ชอบอัลบั้มนี้นะค้ะ ดูแก่นๆตอแหลดี ยุคนี้คงหาอะไรดีๆกินยาก มีแค่แดกแล้วไม่ตายก็ถือว่าบุญหูมากๆแล้ว ( ปรายตาไปทางเพลงอันดับหนึ่ง BB)

ชอบ Style + OOTW ดูขลังและมีอะไรดี อีนี่เก่งนะ คือเพลงกลวงๆแต่ติดหูมาก New Romantic ในเดอลูกซ์สดใสมาก ส่วน Love Story เวอร์ชั่นใหม่เองก็ไม่ได้แย่อะไร

ส่วนอีเพลงช้าคร่ำหาผัวหรือเพลงโปรโมตชั่วๆแบบ Shake it off ก็ขอร่วมกับพี่รี ถมน้ำลายรดอีกแรงแล้วกันค่ะ ไพร่จริงๆ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
บัท ดาหลิ่ง วี ฝ่าว วันเดอแล้น
ยู แอน ดาย ก็อท ลอส ซิน หนิด
แอ่น วี ผรี่เท็นดิด เดท คูด แลส ฟ่อเอวเวอ


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com