รียกได้ว่าช่อง True4U เป็นช่องที่นำเอาซีรีส์เกาหลีดังๆ ที่เป็นกระแสทั้งเกาหลีและไทย มาฉายให้ได้ชมกันตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็น The Legend of The Blue Sea, Goblin, The K2 , W , Cheese in Trap และล่าสุดกับเรื่อง “Signal” หรือ “สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา” ถึงแม้หลายคนจะไม่คุ้นชื่อ แต่ดังจนกวาดรางวัลไม่หวาดไม่ไหว ใครที่ชอบแนวลึกลับแฟนตาซี สืบสวนสอบสวนบอกได้เลยว่าไม่ควรพลาด

เรื่องราวของ ผู้หมวดพัคเฮยอง นักสืบหนุ่มที่บังเอิญเจอวิทยุสื่อสารรุ่นเก่า ที่มีเสียงของ นักสืบอีแจฮัน บุคคลที่หายสาบสูญไปกว่า 15ปี โดยอีแจฮันต้องการให้ พัคเฮยองช่วยสืบคดีอาชญากรรมในอดีตที่ยังปิดไม่ได้ก่อนที่จะหมดอายุความ การสืบคดีแบบทะลุมิติจะสนุก และน่าติดตามขนาดไหน วันนี้แอดมินจะมาบอกว่าทำไม...เราถึงไม่ความพลาดดูเรื่อง Signal สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา

คำอธิบาย: C:\Users\Ummara\Desktop\Signal\Capture2.PNG

1.มีโครงเรื่องจากคดีที่เกิดขึ้นจริง!

ถึงแม้ซีรีส์สืบสวนที่เกาหลีจะมีเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่ความแตกต่างของเรื่อง Signal ที่ไม่เหมือนกับเรื่องอื่น คือการนำเอาคดีที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเกาหลี มาผูกร้อยเป็นเรื่องราวโดยเพิ่มปมของเรื่องและตัวซีรีส์เข้าไป ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามและชวนให้ลุ้นทุกตอน ซึ่งนักเขียนบทเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับนักเขียนเรื่อง three day และ ghost ที่ถนัดแนวสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว โดยคนดูส่วนใหญ่จะชอบการผูกปมที่คาดเดายากของนักเขียนบทคนนี้เป็นพิเศษ ที่สำคัญหลายคนที่ได้ดูต่างประทับใจจนยกให้ Signal เป็นซีรีส์ในดวงในอีกเรื่องเลยทีเดียว

2.การันตีบทซีรีส์ด้วยรางวัลมากมาย

การที่ซีรีส์เรื่องหนึ่งจะได้รับรางวัลนั้นย่อมหมายความว่าเป็นซีรีส์ที่มีการพูดถึงและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่ง Signal ถือว่าเป็น หนึ่งในซีรีส์สืบสวนที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้ พิสูจน์ได้จากรางวัลมากมายทั้ง รางวัลบทประพันธ์ยอดเยี่ยมและซีรีส์ยอดเยี่ยมจาก 52nd Baeksang Arts Awards 2016 แถมการันตีรางวัลนักเขียนยอดเยี่ยมจาก 5th APAN Star Awards 2016 อีกด้วย รางวัลมาเต็มขนาดนี้จะไม่ดูได้ยังไง

3.นักแสดงนำมากฝีมือการันตีด้วยรางวัลมากมาย

ส่วนหนึ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในไทย อาจเป็นเพราะนักแสดงนำที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคนผ่านผลงานภาพยนตร์กันมาเพียบนะจ้ะ โดยทั้งสามคนมักจะเน้นที่ผลงานภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์ทำให้คอแฟนซีรีส์ไทยไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสามคนก็ต่างเป็นนักแสดงมากฝีมือกันทุกคน ไม่ว่าจะหนุ่มอายุน้อยที่สุดในเรื่อง “อีเจฮุน” ที่รับบท “ผู้หมวดพัคเฮยอง” ก็เล่นหนังมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20เรื่อง ถ้าพูดถึงซีรีส์ที่ทำให้เป็นรู้จักก็ต้องเรื่อ Fashion King นี่เลย ถึงแม้จะเป็นพระรองแต่การแสดงก็โดดเด่นกว่าพระเอกจนกวาดรางวัลด้านการแสดงกว่า 10รางวัล ตามมาด้วยหญิงสาวหนึ่งเดียว ”คิมฮเยซู” รับบทนักสืบชาซูฮยอน เห็นแบบนี้..นี่แหละผู้หญิงที่ได้รับฉายา “ออนนี่เกาหลี” และเป็นนักแสดงหญิงที่ชาวเกาหลีรักมากที่สุด 4ปีซ้อน ตามมาด้วยรางวัลด้านการแสดงอีกกว่า 60รางวัล!!! คุณพระ! โปรไฟล์ดีขนาดนี้จะบอกว่าไม่ติดตามดู …ได้ไม่ได้แล้ววว!

ส่วนนักแสดงชายคนสุดท้าย “โจจินวุง” กับบทบาท “นักสืบอีแจฮัน นั้น ถือเป็นนักแสดงคุณภาพที่มีผลงานภาพยนตร์มากกว่า 40 เรื่อง รวมถึงซีรีส์อีกกว่า 10 เรื่องเช่นกัน แถมยังได้รับรางวัลทางด้านการแสดงมาแล้วกว่า 30 รางวัล เห็นรุ่นใหญ่แบบนี้อย่าชะล่าใจเพราะเค้าจะทำให้คนดูอินจนเผลอร้องไห้ตามแบบไม่รู้ตัว!!

4.ได้รับกระแสล้นหลามจนต้องมีภาค 2!

หลังจากที่คนดูประทับใจ จนเป็นซีรีส์ที่ได้รับกระแสความนิยมอย่างท่วมท้นจากเหล่าแฟนซีรีส์ในเกาหลี ได้รับการกล่าวขวัญในหมู่คนดังในวงการบันเทิง ดารา นักร้อง และถูกพูดถึงในรายการวาไรตี้ต่างๆ ของแดนกิมจิ จนส่งให้เรตติ้งของ Signal ทะยานขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของ ช่อง tvN ถือเป็นผลงานฉลอง 10ปี ของช่องที่ทำได้ยอดเยี่ยม และตอนนี้นักเขียนบทก็เริ่มดำเนินการเขียนบทสำหรับภาค2 กันแล้วด้วย คนดูอย่างเราๆ ก็เฝ้ารอวันฉายกันได้เลย

5.ในความโหดร้ายนั้น...ยังมีข้อดีแฝงอยู่

ซีรีส์แนวลึกลับ สืบสวนก็พอจะเดาแนวทางของเรื่องกันได้อยู่แล้วว่าเป็นแนวไหนมีอะไรบ้าง แล้วถ้าเราปรับมุมมองลองนึกถึงสาเหตุที่มาแล้วล่ะก็ เราอาจจะได้ข้อคิดอะไรกลับไปบ้าง ในสังคมเรื่องความไม่เท่าเทียมกันนั้นเกิดขึ้นทุกที่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการปัญหายังไง คนมีอำนาจ มีเงินก็แค่ใช้เงินปิดปาก ในขณะที่คนทั่วไปกลับต้องนั่งรับชะตากรรม แต่ถ้าเกิดมีใครสักคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงวงจรนี้ เพื่อที่อนาคตข้างหน้าจะดีขึ้น มีคุณภาพที่ดีและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ก็สามารถทำให้โลกของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน เหมือนกับที่ Signal พยายามเปลี่ยนแปลงอดีตเพื่อปัจจุบันที่ดีกว่านั่นเอง


_________________

Like กดที่รูป