˹���á Forward Magazine

ตอบ

NuRii3_Review : The 10 Most Played Songs of July 2020
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ NuRii3_Review : The 10 Most Played Songs of July 2020 
The 10 Most Frequently Played Songs of July 2020



มีโอกาสได้กลับไปอ่านรีวิวเก่าๆของตัวเอง แล้วแอบตลกกับทัศนคติ รวมถึงสำนวนและภาษาที่ใช้ ว่าเออเน้อะ นี่ฉันเคยเขียนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ฮาฮ่า แต่บังเอิญไปเห็นท็อปปิคหนึ่งที่น่าสนใจ แล้วก็ไม่ได้เขียนมานานมากล่ะ โดยเขียนทิ้งทวนไว้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อ5ปีที่แล้ว เลยได้ไอเดียรื้อท็อปปิคนี้กลับเขียนใหม่ เผื่อกะเทยคนไหนอยากเอาเพลงที่กำลังฟังอยู่มาร่วมแบ่งปันเม้าท์มอยกันค่ะ


Sixpence None the Richer - Don't Dream It's Over
หนึ่งในiconic songของยุค80'sตลอดกาลของวงbandสัญชาติaustralian "Crowded House" ซึ่งรีคิดว่าคงไม่มีกะเทยนางไหนที่ไม่เคยฟังหรอก(มั้ง?) แต่ส่วนตัวนะ รีกลับชอบเวอร์ชั่นที่Sixpence None the Richerมาคัฟเวอร์ใหม่เป็นเพลงพอพฟังสบายในยุคมิลเลนเนียมมากกว่า


Atomic Kitten - Eternal Flame
พูดถึงชื่อAtomic Kitten มั่นใจว่าต่อให้ไม่ใช่คอเพลงสากลก็ตาม ต้องล้วนเคยได้ยินเพลงของพวกนางผ่านหูอย่างน้อยซักครั้งหนึ่งในชีวิตแน่ๆ (ถ้าบ้านไม่ได้อยู่สลัมหลังเขาเกินไปนักอะนะ) จนตัวรีไม่มั่นใจว่าระหว่างอีวงนี้กับอีM2M ในสารขัณฑ์ประเทศแห่งนี้ ใครที่ดังกว่ากันกันแน่
แต่เอนี่เวย์ สารภาพตามตรงว่าพึ่งทราบว่าเพลงนี้ของเวอร์ชั่นAtomic Kittenเป็นเวอร์ชั่นคัฟเวอร์จากวงThe Banglesในยุค80's (ซึ่งก็ถือว่าหายากนะ ที่จะมีเพลงที่ดังถล่มทลายทั้งเวอร์ชั่นออริจินัลเอง รวมไปถึงเวอร์ชั่นคัฟเวอร์)
ส่วนตัวเพลงนี้ยังเป็นอีกเพลงที่ชอบเวอร์ชั่นคัฟเวอร์มากกว่า ด้วยความที่เนื้อหามันหวานจนเลี่ยน พอเป็นบัลลาดยืดย้วยยุค80'sเลยแทบจะจมกองอ้วกอยู่ตรงนั้น ในขณะที่เวอร์ชั่นของAtomic Kittenที่เป็นงานทีนพอพผสมอาร์แอนด์บีสมัยนิยมยุค00's เดินบีทได้ความกระชับกว่า ทำให้รู้สึกไม่ฟังไปหาวไปมากเกินไปนัก


Puff Daddy - I'll Be Missing You (feat. Faith Evans & 112)
พีดิดดี้ถือเป็นศิลปินฮิพฮอพคนแรกๆเลยที่รีรู้จักก็ว่าได้ แล้วทุกครั้งที่พูดถึงชื่อพีดิดดี้คือเพลงนี้ลอยขึ้นมาในหัวเลย ซึ่งทำนองของเพลงนี้เองก็ได้แซมเพิ้ลจากเพลงระดับเมก้าฮิตในยุค80'sอย่างเพลงEvery Breath You TakeของวงThe Police ทำให้ติดกลิ่นไอดนตรียุค80'sอย่างพวกนิวเวฟมาด้วย
ส่วนในภาคเนื้อหา จะเห็นได้ว่าเพลงนี้จะมีเนื้อหาค่อนข้างไปทางอารมณ์เศร้า เพราะพีดิดดี้เขียนเพลงนี้ให้เพื่อนอย่างNotorious B.I.G.ที่ถูกยิงตายในรถ ซึ่งคนที่มาฟีทด้วยอย่างFaith Evans ก็เป็นเมียของNotorious B.I.G.นั้นเอง ซึ่งเอาจริงๆ ส่วนตัวกลับไม่ชอบเปิดเพลงนี้ฟังบ่อยนัก (แต่มีติดอยู่ในplaylistทุกปี ย้อนแย้งฉิบหาย) ด้วยเนื้อหามันemotionalเกินไปนั้นเอง


Rick Astley - Never Gonna Give You Up
เอาจริงถ้าพูดถึงความประทับใจต่อเพลงนี้คือศูนย์มาก ด้วยความที่ส่วนตัวไม่ได้อินกับเพลงยุค80'sมากขนาดนั้นอยู่แล้ว คือถ้าพูดถึงเพลงนี้ สิ่งแรกที่นึกถึงคือrickrollingที่ไว้trollชาวบ้านเค้าเท่านั้นเอง แต่บังเอิญไม่กี่เดือนก่อน (ซึ่งก็นานพอสมควรแล้วล่ะ) ได้เห็นคลิปที่ลุงริกแอสต์ลีย์ไปแจมกับบนคอนลุงๆฟูไฟเตอร์ ก็เห่ย คือบั่บ อี2คน/วงนี้คือหาความเข้ากันได้ไม่ กะเทยนึกออกแม่ะ คนนึงก็ภาพจำrickrolling ที่อีพวกเกรียนชอบเอาเพลงนี้ไปtrollชาวบ้านชาวช่อง หลอกให้กดลิ้งค์นู้นนั้นนี้ แล้วดันมาแจมกับอีลุงเดฟโกรลที่ทั้งดิบเถื่อน กักขฬะ ขวัญใจอีพวกเด็กแว้นซ์ขี้ยาตามสลัมคลองเตยอะไรแบบนี้ ฮาฮ่า เลยทำให้อีเพลงนี้เลยลอยเข้ามาติดในplaylistแบบงงๆซะงั้น


A1 - Same Old Brand New You
ไม่รู้ว่ากะเทยจะรู้ไหม (แต่น่าจะพอเดาได้มั้ง) ว่ายุคทองทางดนตรีสำหรับรีคือยุคlate 90's ซึ่งเป็นยุคที่กะเทยในบอร์ดนี้หลายคน (แม้กระทั่งคริติกนอกเองก็ตาม) ชอบด่าว่าเป็นยุคที่อุดมไปแต่เพลงขยะ ฮาฮ่า (ในขณะที่คนอื่นเวลาเค้าพูดถึงยุคทองทางดนตรี เค้าจะนึกถึงยุคแจซเอจงี้ late 40'sจนถึงearly 50'sที่เป็นยุคที่ร็อคแอนด์โรลเฟื่องฟูกันงี้ หรือไม่ก็ยุค80'sฟั้งค์ ดิสโก้ นิวเวฟไปเลย)
คืออย่างที่รู้ว่าตัวรีเองเข้ามาเล่นบอร์ดนี้ในฐานะdiehard fanของอีหอก ซึ่งเอาจริง มันไม่ใช่แค่ตัวอีหอกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอิทธิพลต่อตัวรี แต่มันยังรวมถึงแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ต่างๆในช่วงlate 90'sจนถึงต้นยุคมิลเลนเนียมอีกด้วย เหมือนคำพูดสวยหรูที่ว่า"I grew up in the age of Britney Spears" คือช้านโตและซึมซับแฟชั่นและไฟล์สไตล์ในยุคนั้นมาจริงๆเว้ย เริ่มฟังเพลงสากลก็จากเพลงในยุคนั้น (ถึงมาจริงจังตอนยุคอีทิมบาแลนด์ก็เหอะ) ไม่ใช่อีพวกnostalgic amnesiaดัดจริต ที่ชอบหิ้วหีไปตามSNSต่างๆ แล้วป่าวประกาศว่าอยากอยู่ในยุค90's ซึ่งเชิญมึงอยู่กันไปคนเดียวเถอะค่ะ กูจะนั่งเล่นสมาร์ทโฟนในยุคนี้ล่ะค่ะ ไม่ย้อนหีแตดไปไหนทั้งนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในเทรนด์สมัยนั้น คือยุครุ่งเรืองของบรรดานักร้องทีนพอพต่างๆ โดยเฉพาะฝั่งบอยแบนด์/เกิร์ลกรุ๊พ ที่เรียกได้ว่าเฟื่องฟูจนถึงขีดสุด ต่อให้กะเทยตัวไหนเกิดไม่ทัน อย่างน้อยซักครั้งนึงในชีวิตก็ต้องเคยได้ยินชื่อบอยแบนด์/เกิร์ลกรุ๊พดั้งขอยุค90'sซักวงแน่นอน ซึ่งวงที่รีชอบที่สุดก็หนีไม่พ้นวงอีหยอยแอนด์ผองเพื่อน โดยเฉพาะพิเจซีที่เป็นผัวfirst crushคนแรกๆ (ปัจจุบันเป็นตาแก่หัวล้านไปซะแล้ว)
พิมพ์มาตั้งนานแล้วคนถามมาเกี่ยวอะไรกับเพลงนี้ คืออีA1เอาจริงๆถือเป็นบอยแบนด์อีกวงที่รีชอบลำดับต้นๆ สูสีกับแบ็คสตรีทบอยส์และNKOTBเลย โดยเฉพาะอัลบั้มHere We Comeที่รียังหยิบมาฟังเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้ แต่เหตุผลที่เลือกเพลงนี้จากอัลบั้มที่2มาแทน ด้วยหนึ่งมันเป็นฮิตแทร็คที่สุดของวงนี้ กับสองคือเพลงนี้มันมีกลิ่นไอของเพลงแบ็คสตรีทบอยส์กับเอ็นซิงก์อยู่ (แน่นอนสิ่ Eric Foster Whiteที่เป็นคนเขียนเพลงให้อีหอกกับแบ็คสตรีทบอยส์ มานั่งเป็นPDให้เพลงนี้เอง จะไม่ได้ฟีลลิ่งเดียวกันได้ยังไง) ซึ่งเหตุผลก็มีแค่นี้ล่ะ


Dixie Chicks - Easy Silence
ป้าๆวงดิกซี่ชิคส์ถือเป็นคันทรี่แบนด์วงโปรดอีกวงนึงของรีเลยทีเดียว โดยเฉพาะอัลบั้มล่าสุดที่รีตั้งตารอและตั้งความหวังเอาไว้อย่างมาก ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่า นี่คือการหวนกลับมาคืนไมค์ ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มล่าสุดในรอบเกือบสิบห้าปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังเป็นการร่วมงานกับโปรดิวเซอร์มือทองที่สุดในยุคนี้อย่างแจ็คแอนโทน็อฟ รวมถึงยังรีแบรนดิ้ง ดร็อปคำว่าdixieทิ้ง เหลือแค่"The Chicks"เท่านั้น (เหตุผลเพราะอีคำว่าdixie ทำให้นึกถึงdixie flagที่เป็นธงสัญลักษณ์ของสมาพันธรัฐอเมริกา รีก็บั่บ แหมมม จะพึ่งมาตระหนักอะไรได้ตอนผ่านไป30กว่าปีคะป้า เปลี่ยนชื่อวงอีกสามล้านรอบ อีพวกลูกหลานอีทาสแอฟริกันก็คงไม่ฟังเพลงป้าอยู่ดีไหม หรือจะพูดให้ถูกคือคงไม่มีไอ้มืด/อีมืดหน้าไหนมาฟังเพลงลูกทุ่งบ้านนอกคอกนาอย่างนี้หรอกค่ะ)
ซึ่งพออัลบั้มใหม่ปล่อยออกมาจริงๆ ส่วนตัวค่อนข้างผิดหวัง ด้วยความที่มูดแอนด์โทนและแนวทางดนตรี มันไม่ใช่ดิกซี่ชิคส์แบบที่รีเคยรู้จัก แต่กลายเป็นอัลบั้มทดลองหีแตดอะไรของอีแจ็คไปแทนซะงั้น คือต้องเข้าใจด้วยนะ ว่าคนที่ฟังเพลงคันทรี่เพราะเค้าอยากฟังเสพอะไรที่มันออกานิค ไม่ซับซ้อน มีเนื้อหาบาดลึกไปยันสปิริตแอนด์โซล ไม่ใช่โมเดิร์นคันทรี่ที่ใส่ซาวด์สมัยนิยมหีแตดอะไรก็ไม่รู้รุงรังเต็มไปหมด ด้วยความที่คาดหวังกับอัลบั้มใหม่นี้ไว้ค่อนข้างเยอะ เลยแอบนอยด์ค่อนข้างมาก ด้วยความที่ไม่อยากเสียเที่ยว เหมือนรอเก้อ ช่วงนี้เลยกลับไปฟังอัลบั้มเก่าแก้ขัดแทน โดยเฉพาะอัลบั้มทิ้งทวนก่อนพักไมค์อย่างTaking The Long Wayที่รีชอบมากๆ ซึ่งเพลงนี้คือเพลงที่รีชอบที่สุดในอัลบั้มนั้นล่ะ


Babyface (with Kenny G) - Everytime I Close My Eyes
ส่วนตัวรีเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับงานบัลลาดยุค90's จำพวกสโลว์แจมอาร์แอนด์บีกับเนื้อหาชวนอ้วกแตกอ้วนแตนเท่าไหร่นัก จะเห็นได้ว่าเพลงอีหมีในยุคนั้น หรือบรรดาผลงานของอีเบบี้เฟซ แทบไม่เคยโผล่มาอยู่ในเพลย์ลิสท์แนะนำของรีเลย แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้อีเพลงนี้หลุดมาอยู่ในเพลย์ลิสท์ของรีช่วงนี้ได้ซะงั้น ฮาฮ่า อ้อ แล้วเพลงนี้อีหมีร้องแบ็คกิ้งแทร็คให้ด้วยนะ เผื่อกะเทยอยากจะฟังกัน


John Mayer - Something's Missing
ส่วนตัวถึงแม้จะไม่ชอบสันดานอีจอนเท่าไหร่นัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีจอนเป็นนักร้องที่เก่งมากๆคนของวงการเลยทีเดียว น่าเสียดายที่ชื่อเสีย(ง)ความระยำตำบอนของอีนี่ ทำให้คนพากันดาวน์เกรดผลงานและฝีมือให้กลายเป็นพอพสตาร์ที่ดังแต่ในทางคาวๆ เฉกเช่นเดียวกับอดีตคู่ขาอย่างอีเทย์
พูดถึงเพลงนี้ที่เลือกมาบ้าง ต้องเกริ่นก่อนว่าสำหรับรีอีจอนก็เป็นนักร้องอีกคนที่composeเพลงได้ดี เทสท์ทางดนตรีก็ดี ดังนั้นจริงๆก็ฟังเพลงนางได้ทุกอัลบั้มนั้นล่ะ เพียงแต่ช่วงนี้กลับไปฟังอัลบั้มที่2บ่อยๆ เลยเลือกเพลงนี้มาก็แค่นั้น
ส่วนภาคเนื้อหาของเพลงนี้ ถ้าอยู่ในประเทศสารขัณฑ์ เพลงนี้จะกลายเป็นชั้นสูงขึ้นมาทันที โดยเฉพาะท่อน"How come everything I think I need, always comes with batteries?" ซึ่งก็ดีล่ะที่อีจอนไม่พอพตามสารขัณฑ์ประเทศ ไม่อย่างงั้นรีคงกากบาทเพลงของนางทิ้งแทน ฮาฮ่า


James Morrison ft. Nelly Furtado - Broken Strings
ถ้าอีแหว่งชาลีพุทคือmale pop singerที่มีน้ำเสียงยั่วเย็ดชวนฝันในยุคนี้ ย้อนกลับไปสมัยยุค00's ชื่อของพิเจมส์มอริซั่นต้องทำให้ทั้งกะหรี่และกะเทยน้อยใหญ่ในยุคนั้น ต้องพากันเคลิ้มหีเปียกไม่น้อยกันเลยทีเดียว (ใครมาโหวตให้อีอดัมเสียงแหลมเหมือนเสียงผีเปรตขอส่วนบุญเป็นเสียงชวนฝันยุค00's กูจะตบให้) น้ำเสียงที่นุ่มทุ่มมีความแหบพร่าเล็กน้อย มีความmasculineชวนจั๊กจี้ ใบหน้าที่ชวนร่วมเพศ บวกกับแนวเพลงกลางๆไม่หนักไปทางเพลงผู้ชายมากเกินไป ตัวเพลงส่วนใหญ่เป็นเพลงพอพฟังง่าย ที่มีทั้งelementของแนวร็อคเท่ๆชวนกรี๊ด ตัดกับโซลนุ่มละมุนชวนฝัน ทำให้พิเจมส์เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งที่สามารถขายทุกทาร์เก็ตกรุ๊พ ไม่ว่าจะเป็นชายแท้ ชายเทียม ชะนี กะหรี่ หรือบรรดากะเทยเพศทั้งหลาย


Gotye ft. Kimbra Somebody - That I Used To Know
เพลงสุดท้ายของรีวิวรอบนี้ จริงๆแอบเป็นเรื่องยากเหมือนที่จะปิดท้ายรีวิวนี้ด้วยเพลงอะไร เพราะยังเหลือเพลงในplaylistที่ยังอยากจะพูดถึงอยู่อีกมากพอสมควร เขียนเท่านี้แล้วกัน ไม่เหลือไอเดียอะไรให้เขียนล่ะ ฮาฮ่า
TBHเลย เป็นเวลาเกือบ10ปีนับตั้งแต่ที่เพลงนี้รีลีสมา ไม่เคยมีปีไหนที่เพลงนี้จะหลุดจากplaylistของรีเลยแม้แต่ปีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่รีรักลำดับต้นๆประจำทศวรรษที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ (เคยมีความคิดจะทำท็อปร้อยเพลงที่ชอบที่สุดในยุค10's แต่ไปๆมาๆคือไม่เอาดีกว่า เพราะไม่รู้เขียนอีก3ปีจะจบหรือเปล่า กรั่กๆๆ)
พูดถึงความประทับต่อเพลงนี้บ้างดีกว่า รีบอกได้เลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่อีโกตีเย้สามารถถ่ายทอดนิยามของคำว่า"art pop"ออกมาได้ชัดเจนมาก เป็นcombinationที่ลงตัวระหว่าง'high art'กับ'mass art' ความงดงามงามของท่วงทำนองเมโลดี้ที่ตัดกับภาคเนื้อหาที่เห็นได้ตามbreak-up songทั่วไป
ภาคดนตรีที่พยายามโชว์ถึงความโซฟิสติเคทของดนตรีadult-contemporary rockยุคmid 80's บวกกับกลิ่นไอละตินของแซมเพิ้ลกีต้าร์เพลง"Sevill"ของLuiz Bonfaที่วนลูปติดหูดั่งต้องมนต์ เสริมทัพด้วยบรรดาซาวด์สังเคราะห์และงานpercussionต่างๆที่ตัวอีโกตีเย้ถนัด ยังไม่รวมกับความพิถีพิถันในการเลือกคู่ร้องมาร่วมฟีทเจอริ่งด้วยอย่างอีคิมบร้า รังสรรค์ให้เกิดผลงานเพลงที่งดงามระดับmasterpieceชิ้นนี้ขึ้นมา
ไม่แปลกที่เพลงที่ครบเครื่องทั้งด้านคุณภาพ(การันตีโดยรางวัลบันทึกเสียงแห่งปีของแกรมมี่อวอร์ดครั้งที่55)และcommercial success(อันดับที่8ของชาร์ตประจำทศวรรษ10'sของบิลบอร์ดชาร์ต)ขนาดนี้ จะสามารถเข้าไปสถิตอยู่ในใจของใครหลายๆคนได้จนถึงทุกวันนี้



_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com