ถือเป็นการรวบรวมการ Review – ความคิดเห็นของแฟนเพลงที่รู้สึกสดๆหลังได้ฟัง Work Bitch เป็นครั้งแรก ว่าจะตกตลึงอึ้งเสียวแค่ไหน และนี่คือบทความความคิดเห็นต่างๆ ที่อิชั้นได้รวบรวมไว้ค่ะ ขอเริ่มต้นด้วยตัวดิชั้นเองนะคะ
Princess Amy
นาทีนี้คงไม่ต้องเกิ่นนำอะไรมากให้เปลืองพลังงานแล้วมั้งคะว่าบริทนีย์คือใคร ก็จะใครซะอีกหละก็ควีนแห่งวงการเพลงป๊อบที่ยึดครองอุตสหกรรมเพลงป๊อบมาอย่างยาวนานกว่าทศวรรษไงหล่ะจ๊ะถามโง่ๆ ที่เป็นทั้งไอดอลตลอดกาลเป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักร้องgenerationใหม่ๆหลายๆคน ทำให้การกลับมาของนางในวันนี้เป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นางจะเต้นมะ? นางจะมาแนวไหน? มีเครื่องหมายคำถามประเดประดังเกิดขึ้นในใจเปนร้อยๆพันๆคำถาม หลังจากที่ปล่อยให้นักร้องรุ่นน้องอย่าง Miley Cyrus ,Katy Perry แล้ว Lady gaga สนุกสนานกับการดวลมวยในสังเวียนเพลงป๊อบในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ทำให้การกลับมาในครั้งนี้เป็นที่จับตามมองมากกว่าทุกครั้งว่านางจะร่วงไม่เป็นท่าหรือจะช็อควงการได้ขนาดไหน วันนี้นางกลับมาแล้วค่ะโดยใช้ซิงเกิ้ลชื่อว่า Work Bitch !! ผลคือช็อคคคคสิคะต๊ายยยก็มันเก๋ซ่องแตกขนาดนี้ที่กระเทยได้ยินเป็นต้องสะบัดหัวจนวิกหลุด ต้องยอมรับว่าScream & Shout ปูหนทางแห่งความสำเร็จไว้เป็นอย่างดีสำหรับการกลับมาอย่างมหากาพย์ครั้งนี้กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีเรียกได้ว่าตัดWork Bitchมาต่อยอดได้อย่างแนบเนียนแบบเก๋ๆขยายเส้นทางของตัวเองให้แซ่บและกว้างขึ้นกว่าเก่าจากป๊อบอิเลคทรอนิคสู่อิเลคโทรนิคแดนส์เขย่าฟลอร์อย่ามีชั้นเชิงและจริตจก้านเกินหน้าเกินตานักร้องสาวทั้ง18โลก แม้จะบอกว่าเป็นภาคต่อจากScream & Shout แต่ไม่ได้บอกว่าบริทกำลังเดินซ้ำทางย่ำรอยเท้าตัวเองนะคะพวกปากหีปากปูครหาไม่ได้แล้วนะจ๊ะแต่ทว่ามันเป็นงานที่เติบโตกว่าและสดขึ้นจากเดิมอยู่หลายขุมจนต้องมอบถ้วยรางวัลให้นางถือรอได้เลย Work Bitch ผ่านการรังสรรค์ผลงานของผู้ชำนาญงานที่มองๆดูรายชื่อแล้วยาวเป็นหางว่าวตั้งแต่ will.i.am, Sebastian Ingrosso, Antony Preston, DJ Otto Jettman, Ruth-Anne Cunningham, ยัน Britney ที่ไม่ฮิตก็ให้มันรู้ไป เนรมิตรให้ตัวเพลงดูมีตัวตนจับต้องได้และชัดเจนมากกว่าการเปิดตัวครั้งไหนๆตั้งแต่ปี 2007 แบบที่เคยทำได้ใน Gimme more ที่เพลงมีเอกลักษณ์ชัดเจนจนเวลาเปิดแทร็คWomanizer แล Hold It Against Me ต่อจาก Work Bitch เนี่ยถือว่าสองเพลงนี้จืดไปเลย ที่ชอบมากอีกหนึ่งอย่างคือนางเก๋จัดด้วยการร้องกึ่งแรพจิกสำเนียงbritish accent สุดก็แสนจะมีเสน่ห์และทำออกมาสมบูรณ์แบบ เรียดได้ว่าWork Bitch มีความชัดเจนในทิศทางใหม่ที่ฉีกจากความเปนบิทนี้บริทนีย์คนเดิมอยู่มากแต่ดูแล้วไม่เลอะเทอะหรือเฟคจนเหมือนนางเล่นแต่งตัวโดยการขโมยชุดมาดอนน่ามาใส่เลยแม้แต่นิด เพราะอย่างที่บอกนางปูทางมาดีมากกกก ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับมาสเตอร์พีซของบริทนีย์จากทั้งหมด8 อัลบั้มได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่างวดนี้นางขอทวงบัลลังก์เพลงป๊อบคืนน๊ะจ๊ะ
ขอให้คะแนนแบบเชิงไปก่อนที่ 4.5 /5 หักนิดนึงเพราะไม่ยอมมีท่อนฮุคเพราะๆให้กะเทยได้ร้องฮัมตามได้แบบก่อนๆ
นางมารหอหลวม
เป็นอีกก้าวของบริทที่ข้ามไปจากป๊อปดัปเสต็ปเป็นอิเล็กโทรนิคคลับแดนซ์เต็มตัว หลายคนบอกว่าชีย่ำกับที่ นี่เป็นอีกบทพิสูจน์ว่าชีก็กล้าทำอะไรใหม่ๆ สำหรับตัวเอง ที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จเดิมๆ โปรดิวเซอร์เดิมๆ ตั้งแต่อัลบัมแรก ที่เวลาอัลบัมต่อมาแป้กก็ต้องย้อนกลับไปใช้บริการใหม่ แต่ชีกล้าได้กล้าเสี่ยง แน่นอนชีไม่ได้ทำเพื่อใคร ชีทำเพื่อแฟนๆ แบบที่ชีบอกไว้จริงๆ 5/5 โนะ
Maxkung
เป็นอีกครั้งที่ได้ลุ้นกับการออกอัมบั้มใหม่ของ britney ครั้งนี้คือ Work Bitch ลุ้นมานานพอสมควร พอวันนี้เพลงหลุดออกมาได้ฟังครั้งแรกรู้สึกเพลงไรวะฟังยากจัง แปลกๆ คงเพราะติดกะ britney แบบเดิมๆ แต่พอฟังครั้งที่ 2 เท่านั้นแหละ ทีนี้ฟังไม่หยุดเลยครับมันส์มาก เป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับ britney และเกินความคาดหมายของแฟนๆที่จะได้ยินเพลงแนวนี้ ผมคิดว่าเพลงนี้ต้องดังเป็นพุแตกแน่ๆผับทุกผับต้องเปิด และผมว่าอัมบั้มหน้าติดตามแน่นอน สำหรับ Work bitch ผมให้ 4.9/5 0.1ที่ตัดออกเพราะร้องน้อยไปหน่อย
Paxx Nobili
เป็นศิลปินหญิงที่ทำอะไรไม่ซ้ำกะของเดิมของนางเลยอ่ะ สามารถหาอะไรใหม่ๆและปรับตัวเข้ากับแนวตลาดปัจจุบันและยังใส่ความล้ำเข้าไปด้วยอีก นี่เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวของบริทนีย์ที่บีทส์หนักชัดเจนฉีกจากแนวเดิมๆของนางอย่างแน่นอน และที่สำคัญนางไม่ได้ก็อปใครมา คงไม่ปฏิเสธว่าเรื่องการร้องสดและการเต้นในปัจจุบันเป็นปัญหาที่แฟนๆยังกังวล แต่สิ่งที่ศิลปินอื่นน่าจะเรียนรู้ไว้คือ ถึงไม่ร้องสดแต่ก็ไม่เคยก็อปหรือเอาแรงบันดาลใจของใครมาทั้งดุ้น และเราหวังจะได้เห็นบริทสเต็บเทพไปกับเพลงนี้ลบคำปรามาสของติ่งอื่นๆให้ได้
เคาะไปที่ 4/5 คะแนน ตัดคะแนนเรื่องท่อนฮุคไม่มี แต่ใส่ช่วงท้ายมาอลังพอให้อภัย
Princess
#WORKBITCH ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่แปดของม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่าง Britney Spears ที่การกลับมาในครั้งนี้ (ความจริงตัวบริทเองก็ไม่เคยหายไปไหนเลยซักครั้งมากกว่า ยกเว้นก็แต่ตอนที่ ….เรารู้กันว่าเธอย่ำแย่ขนาดไหน) เธอทำให้แฟนๆเชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอมันต้องไม่ธรรมดา มากกว่าครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพหลุดของมิวสิควีดีโอเอง หรือตัวดนตรีเองที่เก็บเป็นความลับจนถึงที่สุด …แทบจะเรียกได้ว่าครั้งนี้ บริทนี่ย์เองเธอก็คงมีดี และพร้อมที่จะต่อสู้รบรากับเด็กรุ่นใหม่พร้อมประกาศตัวว่าฉันคือ “ตัวแม่ที่ไม่มีวันตาย” เพราะไม่ว่าบริทนี่ย์เองจะพลาดพลังไปแล้วอย่างที่หลายๆคนบอกว่าไม่มีวันกู่กลับ แต่ตั้งแต่ Circus เป็นต้นมาเธอก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครกันแน่คือคนที่เกิดมาเพื่อเป็น ร า ชิ นี เพราะไม่ว่าเธอจะก้าวย่างไปไหนก็มีแต่คนสนใจ หรือแม้แต่ตัวดนตรีที่ดูง่ายๆที่เรียกว่าถ้าเอาไปให้นักร้องโนเนที่ไหนอาจกลายเป็นเพลงป๊อบธรรมดาที่ไม่มีใครสนใจที่จะเหลียวแล แต่เมื่อเพลงนี้ถูกร้องโดย “Britney Spears” เพลงเหล่านั้นเหมือนถูกใส่พลัง และจิตใจของตัวนักร้องลงไปจนทำให้เพลงนั้นมีลูกเล่นขึ้นได้อย่างน่าประหลาด !!!!! เมื่อหันกลับมามองเพลงเปิดตัว Work Bitch มันจะต้องมีอะไรที่น่าสนใจ รวมทั้งลูกเล่นอะไรที่ศิลปินอย่างเธอคิดจะสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเหล่าแฟนๆของเธอ เพราะเธอบอกก่อนหน้านี้ว่า อั ล บั้ ม นี้ เ ธ อ ทำ เ พื่ อ แ ฟ น ค ลั บ โ ด ย เ ฉ พ า ะ แน่นอนว่าเมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้น เพลงที่เธอทำ ดนตรีที่เธอสร้างสรรค์ก็อยู่บนพื้อนฐานของความเป็นป๊อบ และแดนซ์ที่ผ่านยุคสมัยทั้งป๊อบคัลเจอร์จริงจัง จนถึงผสมผสานด้วยดนตรี r n b หรือไล่ไปถึงเทคโน แอมเบี้ยนท์ จนมาถึงยุคที่อิเล็กโทรนิคครองตลาดทั่วทุกหัวระแหง การผสมผสานดนตรีในแนวที่ตนถนัดกับพลังของ อิเล็กโทรนิคแดนซ์จึงบังเกิดขึ้นกับเพลงนี้
“Work Bitch” (4.5/5) will.i.am + Britney พลังแห่งเพลงแดนซ์โลกลืมได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ Scream & Shout ซาวด์ดนตรีตึบๆ ที่ออกแนวออร์บันหนักหน่วงที่ใครๆก็คิดถึง แต่มาคราวนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไป! ใครจะคิดว่าซาวด์อิเล็กโทร สแครชแผ่นหนักๆ ซาวด์แฟชั่นเก๋ๆอย่างที่ Avicii, Afrojack, Tiesto, Calvin Harris หรือแม้แต่ David Guetta เคยทำมาก่อน (แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่้ชาวอิเล็กโทรนิคเลิฟเวอร์จริงๆก็ยากที่จะชอบได้) จะมาผสมผสานอยู่กับเพลงนี้ได้อย่างลงตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันแปลกแหวกความเป็นบริทนี่ย์ที่ต้องใช้ซาวด์ดนตรีที่มีชั้นเชิงของความเป็นป๊อบผสมผสานกับตัวดนตรีคลับ แต่ตอนนี้เธอเลือกที่จะเล่นกับความเป็น แดนซ์ฮออล์ อย่างชนิดที่ว่าถ้าไปเปิดยังผับไหนคลับไหน (โดยยังไม่ต้องรีมิกซ์ให้เสียของ) เป็นอันต้องขยับแข้งขยับขาไปพร้อมกัลแสงเลเซอร์ที่ฉายไปมาอย่างแน่นอน เพียงแค่เริ่ม intro ของเพลงที่ตึ๊บๆ บีทหนักๆเหมือนเป็นเสียงลองเชิง เชิญชวนให้คอแดนซ์ลุ่มหลงไปกับตัวดนตรีจัดจ้านที่จะตามมาอย่างที่ไม่มีอันต้องพักหายใจ นอกจากเทคโนเฮาส์ที่เป็นตัวหลัก ตัวดำเนินเรื่องแล้ว กลิ่นออร์บัน (ที่ลอยๆมาจาก ITZ) ฟังค์ ซินธิ์ ยูโรบีท ก็กระหน่ำใส่อย่างเต็มที่ เหมือนเป็นการเปิดฉาก era ใหม่อย่้างเป็นทางการเพื่อปูทางการเล่นกับซาวด์ดนตรีหนักๆ (ถ้าเจ๊แม่มี Confession on a dance floor หรือ Ray of light ที่เหมือนเป็บตัวเปิดทางการเล่นซาวด์ดนตรีใหม่ๆที่ตัวเองยังไม่เคยลอง บริทเองก็จะมี Blackout และ นี่แหละ Work Bitch เป็นตัวนำร่อง) และแน่นอนว่าการออกแบบไลน์การร้องที่เหมือนจะไม่ได้ยินมาตั้งแต่ BO ก็ได้กลับมาอีกครั้งด้วยเสียงกระเส่าๆ (ที่ให้ตายก็ไม่มีใครเหมือน) รวมถึงการเล่นเสียงหลบสวยๆ ไปกับภาคดนตรีแอมเบี้ยนท์ได้เอย่าถึงใจ และการเล่นกระแทกเสียงทั้ง Bitch ! Bitch ! Bitch ! เป็นเหมือนเครื่องตอกย้ำว่าวลีนี้ไม่มีใครจะใช้แล้วทรงพลังเท่ากับเธอคนนี้อีกแล้ว นี่ยังไม่รวมการล้อเล่นกะสำเนียงบริชติชที่เน้นว่าทำให้เพลงนี้ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เมื่อถึงช่วงดัปสเต็ปเองบริทก็ไม่มีทางที่จะพลาดเพราะเธอเองก็เป็นตัวต้นๆของวงการที่หันมาเล่นกับจังหวะแนวนี้ (ทั้งๆที่ในก็มีมานานแล้วนะแหละ) และก็ไม่ผิดหวังกับการค่อยๆเร้่าอารมณ์ของผู้ฟังให้พีคได้ในช่วงสุดท้ายของเพลงพร้อมกับการใส่คลับเฮาส์เข้าไปตีกระจุยกระจายได้อย่างสมศักศรีความเป็นนางพญา
ถ้าถามถึงข้อเสียนั้นก็อาจเพราะมันไม่ได้พัฒนาไปอีกขั้นหรืออะไร เพราะมันคือการเอาซาวด์ที่มีอยู่แล้วมาทำให้มันแมสขึ้น ให้มีคนเข้าถึงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนและแน่นอนการที่ขาดช่วงท่อนฮุคนั้นคือจุดตายของตัวเพลงคลับเฮาส์ที่มันสนุกตั้งแต่ต้นและพีคตลอดมาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่บริทนำมาแก้คือ ดัปสเต็ปช่วงท้ายของเพลงที่เมื่อมีเสียงของบริทมาเร้าอารมณ์ด้วยนั้นยิ่งทำให้เพลงมันดูไม่จืดชืดมากเกินไป
Work Bitch ณ.ตอนนี้ถือว่าเปิดตัวเป็นเพลงประจำคลับเฮาส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าตัวเองเองมันมีความสนุกอยู่แล้วแต่สิ่งที่ทำให้มันดูโดดเด่น และเข้าถึงมากคือพลังของศิลปินคนนี้ B r i t n e y S p e a r s ‘ เพราะเธอดึงเอาเอกลักษณ์และสเน่ห์ของตัวเพลงออกมาได้ถึงขีดความสามารถของมัน รวมทั้งใส่พลังและตัวตนของเธอเข้าไปได้อย่างไม่มีที่ติด จึงทำให้เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ (ขอบอกว่าตอนแรกไม่คาดคิดว่าบริทจะลงมาเล่นกะเพลงเฮาส์เลยด้วยซ้ำ) เปรียบเหมือน Club House Anthem ตลอดไป
Indazone
Work Bitch 4/5 เกลียดคำว่า Britney is back and Better than Ever. บริทนี่ย์ไม่เคยหายไปไหน และบริทนี่ย์ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ชียืนอยุ่ ในจุดที่ินักร้องคนนึง ที่อยุ่ในวงการมามากกว่าสิบปี และตอกย้ำความเป็น เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงปอป คนที่พร้อมจะเป็นนางพญา ในเร็ววัน กับ ซิงเกิ้ลล่าสุด จากสตูดิโออัลบั้มที่ แปด Work Bitch! บริทนีย์เคยนิยามเพลงป้อปว่า เป็นเพลงที่ฟัง และติดหู และทันสมัย ตรงความต้องการของผู้บริโภค ซึ่ง Work Bitch ได้ตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด สำหรับเพลงปอปยุคปัจจุบัน. บริทนี่ย์ไม่เคยกลัวที่จะใช้โปรดิวเซอร์ใหม่ๆ ซึ่งมันทำให้เพลงของเทอไม่เคยย่ำอยู่กับที่ ตั้งแต่ Baby one more time ถึง Work Bitch และสิ่งนี้แหละ เป็นหนึ่งในจุดแข็ง ของ Britney Spears. จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของบริทนี่ย์ คือ การเต้น และ Work Bitch ได้ทำหน้าที่ของเพลงเต้นรำ ของบริทนี่ย์ ยุค 2013 ได้ดีทีสุด อย่าคาดหวังจะได้เพลงอย่าง Toxic เพราะมันเปลี่ยนสมัยไปแล้ว พูดง่ายๆเลย บริทนี่ย์สามารถนำเพลง เต้นรำสไตล์ยุโรป ธรรมด้า ธรรมดา มาผสมกับ ความเปนบริทนี่ย์ กลายเป็นอาวุธที่ดี มาต่อกรกับ ปอปดีว่าหน้าใหม่ใหม่โดยไม่ต้องอายใคร Spread the Word ถ้าพวกหร่อน อยากจะประสบความสำเร็จแบบชั้น You Better Work Bitch! สุดท้าย บริทนี่ย์อาจจะเพอฟอร์ม ดรอปลง มาตราฐานลดลง แต่สิ่งนี้แหละ. คือโจทย์สุดท้าย ที่เทอต้องตีให้แตก เมื่อไหร่ที่เทอทำมันได้ Queen of pop of this generation มันจะตกเป็นของใครได้หละ Britney Spears Also better works bitch xoxo
Peemz spears
เพลงนี้ ถือเป็นหลีดซิงเกิ้ล ที่ดีติดท๊อป 3 ของบริทเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเนื้อร้อง ซาวเพลงมันได้มากๆ สำหรับคนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับเรามันเป็นการคัมแบ็คอัลบั้มใหม่ได้สมศักดิ์ศรี สมฉายา Princess of pop ที่สุด
Pattanapong Spears
เอิ่ม ให้ 5/5 กับการตั้งตารอคอย ฟังทีแรกแอบน้ำตาไหล /เวอร์ สำหรับเพลงนี้ Work Bicth มันก็ไม่ฟินมากถึงขนาดเต้นคอหลุด แต่มันทำให้คอชั้นเคล็อดไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว ฟังครั้งแรกละแบบมันคือใช้เลย ถึงเนื้อร้องจะน้อยไป มันก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ชั้นจะเปลี่ยนใจจากเพลงนี้ ถึงบางคนจะไม่ชอบ ก้เอาเถอะ ก็เฟลกันไปเนาะ /เบ้ปาก หลงรักเธอมากยิ่งขึ้น ขอบคุณสำหรับการตั้งตารอและทำให้ชั้นไม่ผิดหวัง i love Briney
NiNi
ต้องบอกก่อนเลยว่าเกือบพลาดมากที่พึ่งรู้ว่าเสด็จแม่ก็อดนี่ย์มีเพลงใหม่ออกมา ซึ่งดันชนโครมกับช่วงไฟนัลที่แทบไม่มีเวลาทำอะไร แต่สุดท้ายด้วยความเป็นแฟนเดนตายของนางมาเกือบ7ปี มีหรือจะยอมน้อยหน้าBritney Armyนางอื่นได้ ซึ่งตอนแรกที่มีข่าวออกมาให้แฟนคลับได้เคาท์ดาวน์กัน ส่วนตัวไม่คาดฝันว่าจะเป็นซิงเกิ้ลใหม่ด้วยซ้ำ นึกว่าจะมาประกาศทัวร์เวกัสหรือฟีทกับอีจอบอะไรแบบนั้น แต่พอกลายเป็นลีดซิงเกิ้ลของสตูดิโออัลบั้มใหม่นางนั้น รู้สึกช็อกมาก บิ๊กเซอร์ไพรซ์กันเลยทีเดียว เอาจริงๆก็ไม่ต้องเกริ่นอะไรหรือสาธยายความประทับใจ ปลื้มตัน บลาๆๆๆแล้วเน๊อะ เพราะคนอื่นคงพูดกันไปหมดแล้ว
เข้ามาที่ตัวเพลงก่อนเลยดีกว่า รีก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เพลงนี้กล้าพูดเลยว่าบริตเองได้improveงานตัวเองไปอีกระดับนึงไปแล้ว อย่าหาว่าอวยเลยแต่เพลงนี้ถือว่าบริตกำลังก้าวขึ้นไปยืนอยู่ในจุดที่ใกล้เคียงเจ้แม่มากที่สุดแล้วในตลอดอาชีพศิลปินของนาง จริงอยู่ว่าภาพรวมงานยังเป็นงานอิเล็กโทรนิกพ็อพและไม่ได้เป็นงานในระดับที่ต้องปีนบันไดฟังอะไร แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าแตกต่างกว่าทุกลีดซิงเกิ้ลที่ผ่านมา คือพลังที่ก้าวผ่านหลุดความเป็นเมนสตรีมแบบที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือเรื่องซาวด์ที่นางบรรจงเรียบเรียงได้เนี้ยบมาก โดดเด่น และเป็นอัตลักษณ์ในแบบของนาง ชวนให้นึกถึงงานในconfessionsของเจ้แม่สุดๆ ที่เออใช่แม่งคืองานพ็อพ แต่คุณภาพนี้หลุดกรอบคำว่าพ็อพเมนสตรีมไปแล้ว แต่จะถึงray of lightหรือไม่ก็ขอพิสูจน์ทั้งอัลบั้มก่อนแล้วกัน ถ้าใครบอกว่ามันก็งานสไตล์พ็อพไอคอนเดิมๆนี้ขอเถียงเลยนะ อย่างน้อยแค่ซาวด์นี้ก็หลุดขอบพวกพ็อพไอดอลในกระแสไปหมดทุกนางแล้ว แล้วศิลปินพ็อพก็ไม่ได้จำเป็นเสมอไปว่าเพราะนางคือพ็อพไอคอนจะอิมพลายว่างานนางก็เป็นพ็อพเมนสตรีมอยู่วันยังค่ำ ถ้าใช้ตรรกะแบบนี้เราคงไม่เห็นทั้งเจ้แม่ น้าไข่ หรือน้าเจเน็ตระเบิดศักยภาพชนิดใกล้เคียงบรรดางานอินดี้ให้เราเห็นกันหรอกเน๊อะ
สำหรับเพลงนี้สิ่งแรกที่ชัดเจนที่สุดตั้งแต่ฟังครั้งแรก นี้ต้องชมบีทก่อนเลย ทั้งหนึบและติดหูมาก ส่วนตัวซาวด์ภาพรวมๆจะเป็นคลับแบงเกอร์ ซึ่งค่อนข้างใหม่สำหรับบริตพอสมควร(หมายถึงลีดซิงเกิ้ลอะนะ) จะยืนพื้นด้วยยูโรแดนซ์สไตล์ดีเจมิกซ์อย่างเทคโนเฮาส์ แบบที่เห็นได้จากงานของเหล่าตัวพ่ออิเล็กโทรนิกพ็อพ avicii, pitbull, dr.luke, calvin harris, will.i.amและdaft punk ซึ่งcombineทั้ง เทคโน ฟังค์ ติดเออบันหน่อยๆ ฟาดซินธ์กระจุยกระจาย พร้อมตบด้วยดั๊บสเต็ปและอัพบีทในช่วงท้าย
สำหรับจุดเด่นและจุดด้อย มาที่จุดเด่นกันก่อน นั้นก็คือคือนางเน้นซาวด์แบบดีเจรีมิกซ์จ๋าเลยคะ คือเรียกว่าจะอยู่จะไปนี้ขึ้นกับที่ตัวซาวด์เลย ถ้าทำมาไม่ถึงนี้ดับอนาจแน่นอน แต่ก้อย่างที่พูดไปว่าบีทและซาวด์เพลงนี้นางเอาตายคะ ไม่มีจุดติ ณ จุดนี้จริงๆ ส่วนจุดด้อยคือไม่มีท่อนติดหูเลย แน่ละก็เล่นเน้นซาวด์ซะขนาดนี้ ซึ่งนั้นแหล่ะคะ ปัญหาใหญ่เลยของเพลงนี้ มันอาจไม่โดนกลุ่มคนซื้อที่เป็นขาเมนสตรีมเท่าไหร่ จะให้เพลงทำหน้าที่ของมันเองปราศจากการโปรโมตใดๆแบบบรรดาซิงเกิ้ลที่แล้วๆมานี้ดูจะลำบากนะ แต่กลับกันถ้าบริตสามารถดันให้เพลงนี้ติดลมบนได้ รับรองว่าเพลงนี้มีสิทธิ์เป็นเพลงแดนซ์แห่งปีได้ไม่ยากเลย ก็อยู่ที่ตัวนางแล้วละ ว่าจะwork bitchเหมือนเพลงไหม
สุดท้ายคงบอกได้คำเดียวว่าเป็นการกลับมาได้สมศักดิ์ศรีและไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังเลยแม้แต่น้อย รักนางมาก ส่วนคะแนนเอาไป4.5/5ก่อนแล้วกัน คือคงให้5แหล่ะถ้าอัลบั้มเต็มออก บอกเลยว่าคาดหวังมากนะ เพราะหร่อนอยากให้ความหวังด้วยเพลงนี้เอง ต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์เกินทุกนางนะคะ บอกเลย
Ninespears Godney
Work Bitch 4.5/5 (ตัด 0.5 พอเป็นพิธี ถ้าให้ 5 เดี๋ยวจะน่าเกลียด อิอิ)
หลังจากได้ฟังคำสปอยจากคำวิจารณ์หลายๆต่อหลายปากก่อนเพลงปล่อย 1 ทำให้ดิฉันหวั่นๆเล็กว่ามันจะออกมาแนว Scream & Shout 2.0 หรือไม่ ถึงจะไม่ได้ไม่ชอบ Scream & Shout แต่ก็ไม่อยากให้เป็นอะไรที่ 2.0 และ Britney ก็ซุ่มเงียบแทบไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเพลงนี้เลย
และเมื่อ Work Bitch ปล่อยออกมาครั้งแรก บอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่แรกฟัง ถ้า ใครคาดหวังให้บริททำเพลง มีสเต๊ป ฉึกๆ และมีฮุคที่ต้องติดหูร้องตามง่ายๆ เหมือนก่อนๆ อาจจะผิดหวัง แต่สำหรับฉัน ฉันอยากให้บริทจับทางนี้มานานแล้ว เพราะ นางทดลองแนวแบบนี้มาตั้งแต่สมัย INZ แต่เหมือนยังกล้าๆกลัวๆ กักๆ และไม่ได้เป็น Scream & Shout 2.0 หรืออะไรแบบ 2.0 เพราะนี้คือ The New Britney New Era ของจริง เพลงนี้ฉันคิดว่านางมาถูกทางละ และมันเป็นอีกก้าวกระโดดไปอีกก้าวนึงเลย เพราะงานนี้นางจัดเต็มทิ้งคราบทุกอัลบั้มแบบไร้ฝุ่นแบบ 100% และไม่ต้องมาพูดอีกต่อไปว่า อะไร 2.0 นับเป็นเพลงเปิดตัวที่คิดว่าโดดเด่นที่สุดในช่วงนี้ของเหล่าศิลปินที่คัมแบล็คช่วงนี้เลยก็ว่าได้ สมศักดิ์ศรีเลยทีเดียว นางมาจับแนวอิเลคโทรนิคแดนส์ ยูโรแดนส์บีท เต็มตัวเต็มตัวจริงๆ ที่รับรองขาปาร์ตี้ต้องชอบอย่างแน่นอน และเสียงก็ไม่ลงออโต้ทูนจนเป็นเป็ดแบบ FF คือนางกลับมาเล่นลูกเล่นอีกครั้งในแบบ INZ ใช้ลูกเล่นหลบเสียงกระเซ้าที่นี้ละเอกลักษณ์ของเสียงชี ต้องมีลูกอ้อนเสียงหลบแบบนี้ และอีกสิที่เป็นเอกลักษณ์คือการร้องกึ่งร้องกึ่งพูดที่เป็นเอกลักษณ์ของชีไปละ มีการใส่สำเนียงอังกฤษที่ใครฟังต้องจั๊กกระจี้รูหูกับความแรดของสำเนียงในหลายๆท่อน Go call the governorI bring the treble ส่วนตัว ชอบมากให้เป็น Vogue 2013 ตามสื่อนอกเลยคะ Only One Queen Can Save Pop Music #BritneySpears #WorkBitch หวังว่าเพลงอื่นในอัลบั้มจะจัดเต็มไม่แพ้เพลงนี้
_________________