ต๊ายยย พอไม่มีความจริงมาสู้ก็ด่าหยาบคาย นี้แหล่ะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าติ่ง ที่กลั่นออกมามั่นใจเหรอว่ามาจากสมอง ก็ไม่เดือดร้อนหรอก แค่ถือว่าเป็นการให้บุญกุศลเป็นทานแก่เดรัจฉาน เพื่อว่าจะมีสติปัญญาเห็นแจ้งผิดชอบได้ ซึ่งมันก็พิสูจน์แล้วล่ะ ว่าเดรัจฉานก็ยังเป็นเดรัจฉานต่อให้มอบความรู้สติปัญญายังไงก็เป็นเดรัจฉานอยู่วันยังค่ำ ช้านไม่ได้รู้สึกโกรธหรืออะไรหรอก เพียงแค่สังเวชใจแทนคนรุ่นใหม่ ที่ต้องมีคนจำพวกเธอมาอยู่ร่วมโลกอยู่รวมประเทศให้คนอื่นเค้าตีหน้าว่าเพราะมีคนจำเภทนี้อยู่นั้นแหล่ะคนถึงไม่ต่างจากเดรัจฉาน และช้านอายแทนกลุ่มคนดีๆที่เค้ารักและศรัทธาในคนที่เธอใช้ซิกใช้อวตาร เพราะมันดึงให้ภาพลักษณ์พวกเค้าดูต่ำเพราะมีคนไร้ความคิด ไร้การศึกษา ไร้การอบรมจากบุพการีแบบเธอไปชื่นชอบ แล้วเรื่องเหยียดเพศไม่ต้องมาบอกว่าเป็นชายแท้หญิงแท้หรอกค่ะ น้ำหน้ากะเทยขี้ครอกไร้การศึกษาแบบเธอที่มีความคิดเท่าหางอึ่งไม่มีสิทธิ์ไม่ด่าหรือวิจารณ์คนอื่นวิปริต เพราะจิตใจกะเทยที่เหยียดแม้กระทั่งเพศตัวเองแบบเธอมันวิปริตมากกว่า ตอนนี้ช้านรู้สึกสงสารพ่อแม่ของเธอจังที่ต้องทนเลี้ยงกะเทยหัวโปกแบบเธอ เพราะเหมือนเป็นส้วมหน้าบ้านที่คอยหาแต่ความอัปยศสู่ครอบครัวของเธอ ให้เค้าดูถูกไปถึงบุพการี มันบาปนะค่ะ แล้วเรื่องจะติ่งแตกหรือไม่ ช้านไม่รับรู้หรอกค่ะ เพราะไม่เคยเห็นค่าของเธออยู่แล้ว และไม่เห็นมีเหตุจำเป็นอะไรที่ช้านต้องลดตัวไปเสวนากับกะเทยขี้ครอกแบบเธอ สุดท้ายช้านก็อยากจะบอกว่าอย่าสำคัญตัวผิดค่ะ ไม่มีใครเค้าว่างมากคอยโปรดกะเทยเดรัจฉานที่จิตใจใกล้เคียงสัตว์นรกแบบเธอบ่อยๆหรอก แค่ลดตัวมาเสวนาด้วยหน่อยอย่าลำพองใจไปค่ะ ถ้าจิตว่างมาก ก็ไปฟังธรรมให้จิตใจสูงขึ้น เผื่อมันจะช่วยขัดเกาความเป็นเดรัจฉานออกได้บ้าง อ๋อ แล้วพวกคำต่ำๆที่พ่นออกมา สรรพนามกู-มึง กลับไปใช้ที่บ้านกับพ่อแม่ของเธอนะค่ะ เพราะที่นี้ไม่ใช่สลัมเข็นผักแบบบ้านของเธอ แล้วอย่ามาตอบตามที่บอกไว้นะค่ะ ถ้ายังกลับมาอีก ช้านคงพิจรนาประเภทสิ่งมีชีวิตแบบเธอใหม่อีกครั้งว่าจะเป็นสัมพเวสีหรือเปรตดี มันเหนื่อยค่ะ
_________________