
Britney Spears : Blackout : Electropop/R&B/Dance-Pop (78% = 3.5/5)
จริงๆดิฉันเคยเขียนวิจารณ์อัลบั้มชุดนี้ของบริทนี่ย์ไปแล้วกับ"มาดามจ๊อกกาโล่"และ"ลุงนีล"ในช่วงที่งานชุดนี้เพิ่งวางขายใหม่ๆแต่เมื่อสามสี่วันนี้ได้ย้อนกลับมาฟังอีกครั้งและมุมมองที่มีมันเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะในช่วงนั้นวิสัยทัศน์ทางดนตรึของดิฉันยังไม่โตและกว้างขวางพอด้วยส่วนหนึ่ง ว่าแล้วก็ขอนำอัลบั้มชุดนี้มา "เขียนใหม่" ซึ่งเป็นงานแรกๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เอามาเขียนใหม่จริงๆ - - ไม่ใช่เอามาลงใหม่!!!
วัดกันในระยะยาวแล้วดิฉันเห็นแฟนคลับและคนส่วนมากยกย่องให้อัลบั้ม Blackout ชุดนี้เป็นอัลบั้มชุดที่ดีสุด- - มาสเตอร์พีซ - - ของบริทนี่ย์ แม้แต่นักวิจารณ์มืออาชีพจากหลายสถาบันก็ตามทีก็ยังกล่าวชื่นชมอัลบั้มชุดนี้กันไม่ขาดปาก แต่กับดิฉันนี่ไม่รู้จะเป็นกรณี"ขวางโลก"รึเปล่านะคะ คือต้องบอกก่อนว่าเป็นงานระดับคุณภาพและเป็นอัลบั้มที่ดีทีเดียวแต่ส่วนตัวกลับรู้สึกว่า Baby One More TimeและIn The Zone ดีกว่า อาจจะจริงว่าในแง่ของการระเบิดศักยภาพและความทรงพลังเข้มข้นของดนตรีจะไม่สามารถสู้ Blackout ได้ - - ในฐานะที่เป็นงานชุดที่มีเพลงที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์อยู่ในอัลบั้มและเกือบครึ่งของอัลบั้มนี้ต้องยกให้เป็นบรรดาแทร็คระดับแถวหน้าสุดของบริทนี่ย์ - - แต่ในแง่ของการเป็นอัลบั้มที่ไพเราะและมีพลังที่จะส่งตัวเองขึ้นไปเป็นงานระดับสร้างปรากฏการณ์กลับสู้ Baby One More Time ไม่ได้เช่นเดียวกับที่ในเรื่องของชั้นเชิงการนำเสนอดนตรีส่วนตัวรู้สึกว่า In The Zone จะล้ำกว่าที่สำคัญในแง่ของความลงตัวดิฉันรู้สึกว่า Blackout ยังแพ้สองชุดนั้นขาดลอย คืออาจจะอ้างได้ว่าอัลบั้มนี้เพลงดิบแบบเออร์บันมากกว่าสองชุดดังกล่าวที่พลังของความเป็นเมนทสตรีมสูงกว่า - - แต่นี่ดิฉันกำลังเสนอในแง่ของความ "ตลอดรอดฝั่ง" คือครึ่งหลังของ Blackout นี่เอาจริงๆคิดว่าแม้จะไม่ถึงกับเหลวแต่ก็ฉุดภาพรวมของอัลบั้มให้ดร็อปลงพอควรนะคะ ด้วยความที่ศักยภาพของเพลงไปไม่สุด
อย่างไรก็ตามเรื่องของความชอบก็เป็นรสนิยมส่วนบุคคลกำหนดคุณค่ากันตามบรรทัดฐานของใครของมัน เพราะสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คืออัลบั้ม Blackout ชุดนี้คือหนึ่งในงานที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เจ้าหญิงเพลงพ็อพของเราเคยทำออกมา นับเป็นอีกหนึ่งงานเสี่ยงตายหลังจาก In The Zone ที่ฉีกความเป็นพ็อพสไตล์บริทนี่ย์ออกไกลจากหมวดหมู่ความเป็นเมนทสตรีมและเข้าหาดนตรีจำพวก "เออร์บัน" ดิบ ดำและเข้มแบบดนตรีคนผิวดำมากขึ้นทั้งอัลบั้มแพรวพราวไปด้วยการสอดแทรกลูกเล่นของอาร์แอนด์บี ฮิพฮอพ ฟั้งค์ แร็พและโซลเข้ากับดนตรีพ็อพเต้นรำที่มีตั้งแต่งานอิเล็คโทรพ็อพตลาดจ๋าแบบยูโรดิสโก้ คลับแด๊นซ์สไตล์เออร์บัน ฟลาเมงโก้ไปจนถึงระดับพวกนิวเวฟ ดั๊บสเต็ปและพวกและงานเชิงทดลองกับกีตาร์อคูสติค พร้อมกับภาคเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องของเซ็กส์ ชื่อเสียง ความรักและการปลดปล่อยด้านมืดหม่นของตัวเองออกมาประชดเสียดสีโลกได้อย่างถึงพริกถึงขิง - - อาจจะนับว่า "ดีที่สุด" ในแง่ของการเป็นงาน "ปล่อยของ" อย่างที่เขาว่าก็คงจะจริง
สำหรับแทร็คที่ต้องหยิบขึ้นมาเขียนคงหนีไม่พ้นบรรดางานครึ่งแรกของอัลบั้ม(เว้นRadar)ที่ล้วนแต่เด็ดดวงและแสดงพัฒนาการทางดนตรีที่เติบโตและมีชั้นเชิงแบบก้าวกระโดดของบริทนี่ย์เริ่มที่ Break The Ice (5/5) ที่ฟังไปฟังมาขอลงความเห็นให้เป็นหนึ่งในเพลงเต้นรำที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เจ๊หอกเราเคยทำมากับการอัดดนตรีอัพบีทอิเล็คโทรนิคแบบคลับแด๊นซ์จ๋าๆปะทะกับซาวนด์เออร์บันเทคโนของจังหวะอาร์แอนด์บีฮิพฮอพสุดเร่าร้อนเบรคด้วยอิทธิพลจากความเป็นโซลของเสียงประสานแบบกอสเพลช่วงกลาง ส่วนตัวยกให้เป็นพาร์ทที่เป็นไฮไลท์ของอัลบั้มเนื่องด้วยความสมบูรณ์แบบในตัวภาคดนตรีเองที่สูงมากอยู่แล้วยิ่งได้ศักยภาพความเป็นแด๊นซซิ่งควีนของบริทนี่ย์ช่วยส่งยิ่งไร้ที่ติหนักเข้าไปใหญ่ Freakshow (4/5) นี่ส่วนตัวแรกๆไม่เคยชอบเลยแต่พอกลับมาฟังอีกครั้งแล้ว "แม่งเปรี้ยวนี่หว่า!!!" ด้วยความที่ในสมัยนั้นยังไม่คุ้นกับงานฟิวชั่นจำพวกอิเล็คโทรฮิพฮอพพ็อพแร็พติดลูกเล่นนิวเวฟและดั๊บสเต็ปมึนๆเหวี่ยงๆกวนๆแบบนี้ พอมาฟังอีกทีแล้วรู้สึกอายเป็นบ้าที่เคยให้คะแนนไปแค่3ดาว เพราะเพลงมันเท่ห์แยงประสาทเหลือใจ สำหรับเพลงเก่ง Piece Of Me (4.5/5) ซิงเกิ้ลที่สองที่เป็นงานดาร์คอัลเทอเนทีฟลูกผสมระหว่างอาร์แอนด์บีและอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำติดสรรพสำเนียงโรโบติคซินธิ์ฟาดเปรี้ยงปร้างโพรแกรมมิ่งแพรวพราวฟังแล้วถึงกับตบเข่าผาง "วู้ยย!!! ต้องให้มันได้แบบนี้สิบริท ^ ^" ส่วนตัวแม้จะมีอิทธิพลของมาดอนน่ายุค MusicกับAmerican Lifeในเพลงแต่คิดว่าเธอฉีกออกไปนำเสนอในแบบของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชมทีเดียว เนื้อหาจิกมากกก!!! ใครไม่เคยเจอเวลาหอกของขึ้นก็ฟังไว้ให้ดี
เพลงที่ดีที่สุดของอัลบั้มแน่นอนว่าต้องเป็น Gimme More (5/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัว คือใครจะว่ายังไงไม่รู้นะแต่สำหรับดิฉันขอยืนยันคำเดิมจากความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสคือ "นี่คือเพลงที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์" เธอตอบโจทย์ของการทำดนตรีคุณภาพชนิดมาเหนือเมฆได้ครบถ้วนแถมยังสะท้อนภาพรวมของ "Blackout" ออกมาอย่างเด่นชัดสมบูรณ์แบบกับงานดนตรีอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเก๋สะบัดที่หลอมรวมมิติของงานดนตรีแบบเออร์บันทั้งฟั้งค์และอาร์แอนด์บีหม่นๆผสานกับซาวนด์ทดลอง อาทิ แอมเบี้ยนท์กับดาร์คเวฟที่ดูเหมือนจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคอนเส็ปท์ที่เธอจะระเบิดด้านที่มืดหม่นวิปริตภายใต้จิตใจออกมาได้อย่างดีทีเดียว - - แม้จะหยิบยกมาแค่แรงบันดาลใจเพราะตัวตนของศิลปินเป็นพ็อพแต่ก็นับว่าทำได้ถึงนะ เพลงระดับนี้แต่เข้าถึงแฟนๆที่ส่วนมากปักฐานอยู่ในหมวดเมนทสตรีมได้กว้างขวางทีเดียว - - เป็นแทร็คที่ปลดปล่อยความเหนือศักยภาพที่แท้จริงของบริทนี่ย์โดยแท้ มาที่ Get Naked (4.5/5) งานเต้นรำแบบอาร์แอนด์บีฮิพฮอพจัดจ้านดำปิ๊ดปี๋แบบงานสาขาอิเล็คโทรนิคของพวกดีเจคัลเจอร์โซนเออร์บันโดยแท้ เท่ห์ดีนะกับท่อนแร็พที่บีบลูกเล่นสโลวแจมเนิบๆชนกับบีทฮิพฮอพเต้นรำจำพวกอาร์แอนด์บีเทคโนสุดพระเดชพระคุณเอะอะมะเทิ่ง เสียดายที่ไม่ได้ตัดเป็นซิงเกิ้ล อีกเพลงที่โดดเด่นมากเห็นทีจะหนีไม่พ้น Heaven On Earth (4.5/5) ที่เป็นงานยูโรดิสโก้หอมฟุ้งตบเฮ้าส์ลอยๆประสานท่วงทำนองจะโคนนิวเวฟงามสง่า ภาษาสวยมาก นับเป็นเพลงต้นกำเนิดของ Usual Youและคาดว่าจะมีอีกหลายๆเพลงประมาณนี้ตามมาโดยแท้
เพลงอื่นๆหลังจากพวกนี้จะออกไปโซน "อาร์แอนด์บี" ชัดเจนกว่างานจำพวกฟิวชั่นแบบช่วงต้นแล้วที่ชอบก็เห็นจะมี Ooh Baby! (3/5) เป็นพ็อพอาร์แอนด์บีเต้นรำบนท่วงทำนองกีตาร์สไตล์ละทินฟลาเมงโก้สวยๆ เซ็กซี่มาก ที่เพิ่งจะชอบก็นี่เลย Toy Soldiers (3.5/5) อันนี่เป็นฮิพฮอพอาร์แอนด์บีจังหวะมาร์ชชิ่งชนกับฮุคพ็อพจัดๆ เพิ่งชอบได้ไม่ถึง5วันเองมั้งหลังจากฟังมาหลายปี หอกเอ๊ย!!! และเพลงปิดอัลบั้ม Why Should I Be Sad (3.5/5) งานมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดโซลลอยๆฟังแล้วคิดถึงงานสมัย 70's
จะว่าไปก็น่าภูมิใจนะคะถึงใครจะค่อนขอดครหาถึงความสามารถของเธอมานมนานเป็นทศวรรษแต่อย่ลน้อยบริทนี่ย์ สเปียรส์ก็ไม่เคยออกอัลบั้มที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาขายแฟนๆและชาวโลกนะ ได้ยินข่าวลือว่าปีหน้าจะคัมแบ็คไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า แต่ถ้าจริงก็อดลุ้นไม่ได้ว่าหลังจาก Femme Fatale ที่ตลาดจ๋าจนสยองไปแล้ว งวดหน้าเธอจะมาไม้ไหนอีก