ในที่สุดก็ต้องตัดใจมาเขียนเรียบเรียงใหม่อีกรอบจนได้ สำหรับ RED งานอัลบัมชุดที่สี่ของแม่เทเลอร์ สวิฟท์ ที่ฟาดยอดจำหน่ายไปหลายตลับ รวมถึงซิงเกิ้ลที่เด้งเข้าชาร์ตบิลบอร์ดเป็นว่าเล่น ตอนแรกที่ฟังก็ไม่ได้ชอบอะไรนะ แต่วันว่างๆไม่รู้จะฟังอะไร จู่ๆชื่อเพลงแต่ละเพลงในผลงานตลับนี้มันก็ฝุดขึ้นมาในหัวเลยกลายเป็นฟังมันทุกเพลงตั้งแต่ตอนที่มันออกเลย แถมยิ่งฟังก็ยิ่งเพราะ จากอีเพลงที่ไม่ชอบพอมาเล่นวนไปวนมาเรื่อยๆค่อยๆซึมซับอะไรมันก็โอเคเหมือนกัน ในเมื่อเธอตัดซิงเกิ้ลสุดท้ายแล้ว ก็ขอลงรีวิวใหม่เลยแล้วกัน ( ขอเขียนรีวิวเป็นบางเพลงที่โปรดจริงๆและอยากแก้คะแนนแทนแล้วกันโน๊ะ แอบขอก๊อปปี้ฟอร์แมทของเจ๊แนสมาใช้หน่อยแล้วกัน อิอิ )
ภาพรวม/จุดเด่น/จุดด้อย ภาพรวมก็คล้ายของเดิมคือเพลงของหล่อนจะมาในสไต์ป๊อปผสมลูกเล่นของวงร๊อกมาเจือจางและแทรกดนตรีคันทรีย์ไปนิดนึง โดยผลงานเด่นก็ไม่พ้นเพลงอะคูสติกที่มีแต่เสียงโหยหวนของเจ้าตัวเคล้าไปกับเสียงกีร์ต้าเคล้าคลอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่คุณถึงได้ติดใจทำเพลงแบบนี้มาเป็นสิบเพลงตั้งแต่ยึดอาชีพนักร้องมา จุดเด่นอยู่ที่การเรียบเรียงที่ละเอียดอ่อนใช้ได้ เข้าใจผสม ปรับลูกเล่นให้ฟังง่ายและติดหูผู้ฟัง รวมถึงขยายแนวเพลงไปยังประเภทต่างๆได้เนียนๆ ซึ่งผลประโยชน์ก็เข้าตัวทั้งงั้น แต่ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยจากหลายฝ่ายเหมือนกันที่ว่า เธอเป็นนักร้องพ๊อพหรือคันทรีย์น้า ? ขอชมเธออย่างนึงที่ยังไม่ขายศักศรีให้กับคอมพิวเตอร์ แบบคนที่(ใจกล้า)เรียกตัวเองว่านักร้องสมัยนี้ทำกับเพลงที่มีแต่จังหวะหนึบหนับขอให้เต้นก็พอ ส่วนความหมายก็คงไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ, จุดด้อยอาจเป็นเรื่องการทำเพลงเอื่อยๆของเธอนี่ก็จะทำให้อัลบัมดูน่าเบื่อไปพอดูเหมือนกัน เพราะดูแทรคเฉลี่ยแล้วแต่ละเพลงนี่ไม่สี่ก็ห้านาที ถึงยังงั้นแต่ถ้าได้ฟังทำความเข้าใจสักพักมันก็ไม่น่าจะเรียกว่าด้อยนะ
เริ่มที่ State Of Grace (4/5) เห็นว่าเขาเรียกว่าอะไรนะ บริตพ๊อพใช่มั๊ย ? งานอัลเตอร์เนทิฟจังหวะพ๊อพที่ดนตรีไม่ซับซ้อนนักผนวกกับเสียงร้องแมวหง่าวของเธอ ได้เสียงกีร์ต้ามาช่วยดึงเพลงไว้ให้โดดเด่นขึ้น มันดูเป็นอะไรที่สื่อถึงความเป็นมาของอัลบัมนี้ดีนะ "ความรักนั้นคือเกมส์ที่ไร้ความปราณี เว้นเสียแต่เธอจะเล่นมันได้ดีและถูกต้อง" RED (3.5/5) แทรคชื่อเดียวกับอัลบัม เธอหลอกคนฟังด้วยการนำเสียงดีดพิณมาเปิดตัวเพลงก่อนจะดำเนินเข้าสู่ป๊อป และ "คันทรีย์" ในแบบฉบับเทเลอร์ ดนตรีจะเริ่มแน่นและสนุกขึ้นหลังจากผ่านคอรัสที่สองไปเพราะเสียงกีตาร์ที่ชัดเจนจะจำกัดความว่าเป็นคันทรีย์ร๊อก(แบบไม่เต็มร้อย) ก็น่าจะได้มั้ง Treacherous(3.5/5) เพลงที่ให้อารมณ์ชนบทอะไรมากที่สุด บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่สื่อคำว่าคันทรีย์ เรื่อยๆถ่ายทอดอารมณ์กับนางแล้วเร่งจังหวะภาคดนตรีในตอนหลังแบบที่ชอบทำ I Knew You Were Trouble (3/5) เพลงพ๊อพทั่วไปแต่ได้เสียงดนตรีบางชนิดที่บ่งบอกว่ามันยังเป็นส่วนหนึ่งของ RED อยู่ ท่อนฮุกกลับกลายเป็นดับเสตปและเสียงสังเคราะห์ ก็ดีนะ เปลี่ยนอารมณ์บ้าง All Too Well (5/5) บัลลาร์ดร๊อกที่เพราะและดนตรีเข้มข้นโอเคมากในช่วงหลัง เพลงนี้อาจต้องอดทนฟังนิดนึง หลายคนอาจคิดว่ามันยาวไปแต่เราว่า นี่ล่ะ เทเลอร์ ซิกเนเจอร์ 22 (3/5) รอบที่แล้วทุ่มคะแนนให้เยอะเพราะเบื่อกับเพลงช้า แต่ถ้ามาดูจริงๆแล้วมันก้เพลงพ๊อพจังหวะสนุกสนานทั่วไป แถมถ้าเทียบกับเพลงจังหวะไวอื่นๆ อันนี้ก็ธรรมดา We Are Never Ever Getting Back Together (3.5/5) ชื่อยาวมาก และเป็นเพลงที่กล้าหาญมากที่สุด เพราะส่งมาเป็นซิงเกิ้ลเปิดชี้ชะตาอัลบัม พ๊อพสตริง ธรรมด๊าธรรมดา แต่ท่อนฮุคติดหูชวนโยกมาก ฟังนานได้ไม่เบื่อ ส่วนเสียงพูดกลางเพลง.. อะไรอ่า ? The Last Time (feat. Gary Lightbody) (3.5/5) บัลลาร์ดร๊อกแบบที่สโนวแพโทรจ๋ามากๆ ใช้เทคนิกประสานเสียงแบบคอนทราส ชวนให้เรานึกถึงเพลง Set fire to the 3rd bar เสียเปรียบตรงที่เพลงนี้เสียงทั้งคู่ดูไม่ค่อยไปกันเท่าไร ยังไงก็ตามก็มีโซโล่กีร์ต้าเจ๋งๆตามไสตล์วงมาช่วยไว้ Everything has changed (feat.Ed Sheeran) (4/5) ได้เจ้าพ่อเพลงโฟล์คเอ๊ด ชีแรนมาร่วมด้วยก็ไม่ต้องห่วงอะไร โฟล์คคอนเทมโพลารีเพราะๆ ซึ่งเสียงทั้งคู่เข้ากันดีมาก ไม่เหมือนเพลงที่แล้ว Begin Again (5/5) ฟังไปนานๆแล้วชอบพึลึก เพลงบัลลาร์ดอ่อนๆ แกลมกับเสียงเกากีร์ต้านุ่มนวล โดดด่นที่การทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ ช่วงหลังของเพลงมีเสียงแบนโจและเป่าหีบเพลงเพราะๆปิดอัลบัมไปแบบสวยงามเลย
อ้างอิงจาก:
ว่าจะเขียนรีวิวใหม่ให้กับอัลบัมที่รู้สึกว่าที่เคยเขียนไว้มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ของเก่าค่ะ