
http://www.facebook.com/HysteriaCulture
http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/03/03/ashanti-braveheart-rbsoulhip-hop-70-35/
Ashanti : BraveHeart : R&B/Soul/Hip-Hop (70% = 3/5)
อแชนทิ นับเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาให้ศิลปินทั้งหลายได้ตระหนักถึง ความไม่จีรัง ของชื่อเสียงและความน่ากลัวในอุตสาหกรรมดนตรีกระแสหลักว่ามันเชี่ยวกรากโหดร้ายมากมายเพียงใด ย้อนไปเมื่อช่วงต้นยุค2000sเธอคนนี้เคยโด่งดังและได้รับการยอมรับถึงขั้นที่สื่อมวลชนและสถาบันดนตรีต่างยกย่องขนานนามให้เธอเป็น เจ้าหญิงแห่งวงการอาร์แอนด์บี จากความสำเร็จของซิงเกิ้ลFoolishและสตูดิโออัลบั้มชุดแรก น่าเสียดายที่ช่วงเวลารุ่งโรจน์ในวงการของสาวคนนี้ค่อนข้างสั้นเพราะดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มแผ่วอย่างเห็นได้ชัดในสองอัลบั้มถัดไปอย่างChapter II และ Concrete Roseที่แม้ว่าจะยังพอมีกระแสชื่นชมและตอบรับในระดับที่ค่อนข้างดีลงมาถึงพอไปได้ตามลำดับ (แต่ส่วนตัวคิดว่าศักยภาพสูงสุดของเธอมาระเบิดเอาใน Concrete Rose) ตามมาด้วยความเงียบสงัดหลังจากนั้นประหนึ่งว่าเจ้าหญิงอาร์แอนด์บีท่านนี้คือศิลปินโนเนมเพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเธออย่างจริงๆจังๆอีกต่อไป ว่าแล้วชื่อของอแชนทิจึงถูกคลื่นลูกใหม่กลื่นหายไปจากแวดวงดนตรีกระแสหลักไปตามกาลเวลาพร้อมกับมนตร์ขลังของดนตรีแนวฮิพฮอพและอาร์แอนด์บีที่เสื่อมลงไปเรื่อยๆจนกลายมาเป็นยุคของEDMและดั๊บสเต็ปแทนที่ในทุกวันนี้ (ซึ่งก็มีท่าทีว่าทิศทางลมกำลังจะเปลี่ยนอีกครั้ง)
ล่าสุดในวันนี้ - 4 มีนาคม 2014 - สาวอแชนทิเธอมีกำหนดการณ์ที่จะวางขาย BraveHeart สตูดิโออัลบั้มลำดับที่5ของเธอซึ่งเป็นอัลบั้มชุดแรกภายใต้ชายคาของสังกัดอิสระที่เธอก่อตั้งเองเห็นว่าใช้ชื่อ Written Entertainment โดยจะเป็นหุ้นส่วนกับทาง eOne Musicถ้าส่วนตัวสืบค้นข้อมูลมาไม่ผิดพลาดตกหล่น (ซึ่งถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดดิฉันต้องกราบข้ออภัยท่านผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) โดยภาพรวมของอัลบั้มนี้หลักใหญ่ใจความยังคงยืนพื้นอยู่บนความเป็นงาน อาร์แอนด์บี ในแบบของอแชนทิอย่างที่แฟนเพลงของเธอและผู้ฟังที่ติดตามผลงานของเธอมาโดยตลอดคงจะคุ้นชินกันดีกับงานคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีผสานบีทฮิพฮอพตลอดจนอารมณ์โซลฟูลลอยๆตามที่เธอถนัด ในขณะเดียวกันครึ่งหลังของอัลบั้มก็ดูเหมือนจะเป็นการทดลองทำเพลงเอาใจตลาดเมนทสตรีมซึ่งก็ประดังมาด้วยรสชาติอันหลากหลายทั้งพ็อพบัลลาด,อิเล็คโทรนิค,เต้นรำยันเร็กเก้
นี่ไม่ได้เข้าข้างนะคะแต่สำหรับดิฉัน BraveHeart นี่แลดูเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุดหลังจากอัลบั้ม Concrete Rose เลยก็ว่าได้ คือคงจะไม่ปฏิเสธนะคะสำหรับคำครหาที่ส่วนตัวเชื่อว่าอแชนทิคงจะหลีกหนีไม่มีทางพ้นในอัลบั้มชุดนี้นั่นคือคำว่า ซ้ำซาก ซึ่งก็ถูกเพราะครึ่งแรกของอัลบั้มนี่นางก็ไม่ไปไหนจริงๆคือเคยเป็นมายังไงนำเสนอมา4อัลบั้มเข้าอัลบั้มที่5ยังไงก็ยังคงธำรงสูตรสำเร็จตามนั้นเอาไว้โดยไม่ได้มองดูความเป็นไปของตลาดเพลงในปัจจุบันเลยว่าไอ้มุขอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพมืดๆสไตล์เวสต์โคสต์และMurder Incนี่มันหมดยุคล้าสมัยจนเขาเปลี่ยนทศวรรษหนีกันแล้ว จะยังจมปลักดักดานทำแนวนี้ต่อไปให้ออกมาเจ๊งทำเองฟังเองเพื่ออะไร? แต่คิดในมุมกลับก็น่าเห็นใจเธอนะมันก็คงไม่ต่างอะไรจากที่เราฟังมารายห์,โมนิก้าหรือแบรนดี้แล้วด่าว่า ซ้ำซาก เพราะสิ่งที่อแชนทิทำออกมาบางทีก็อาจจะเป็นแก่นของตัวเธอคือเป็นหัวใจเป็นสไตล์ที่เธอรักจริงๆ ไอ้ครั้นไปทำแนวอื่นที่ใจไม่ได้ฝักใฝ่ก็ไม่รู้จะทำไปหาพระแสงอะไรสู้กูเอาเงินที่มาถลุงทำค่ายเพลงบินไปนอนอ้าขากว้างๆแถบริมชายทะเลไปฮาวายให้แดดมันส่องเข้าไปทุกซอกทุกหลืบจนไส้มันหอมทุกขดยังจะดีเสียกว่า ดังนั้นอย่าบนเลยถ้าครึ่งแรกของอัลบั้มจะเต็มไปด้วยดนตรีแนวเออร์บันตลบอบอวนทั้งอาร์แอนด์บี,ฮิพฮอพและโซลไว้สนองนี๊ดตัวเองพร้อมเอาใจฐานแฟนเก่าๆที่ก็น่าจะชอบเธอทำแนวๆนี้ส่วนอีครึ่งหลังนี่ก็ถือว่าคนฟังที่อยากได้ยินเธอทำอะไรใหม่ๆบ้างไปยันขาจรยุคใหม่ๆที่ชอบเพลงพ็อพฟังง่ายหวานหูก็ถูกหวยกันไปแต่เท่าที่ดูแล้วคนฟังส่วนมากน่าจะชอบพาร์ทหลังมากกว่านะ บ.ก.เพจยังชอบเลย!!!
แค่ Intro เปิดอัลบั้มก็ทำให้ความรู้สึกที่เคยแห้งเหี่ยวกลับมากระชุ่มกระชวยอีกคราด้วยความทรงพลังของภาคดนตรีและบทสุนทรพจน์ที่อลังการประดุจมหากาพย์ภาพยนตร์สงคราม มอบ4ดาวสวยๆให้ไปเลยตั้งแต่เปิดงานก่อนจะเข้าสู่ตัวเพลง BraveHeart (3/5) ไทเทิ่ลแทร็คของอัลบั้มที่เป็นงานมิดเทมโพอาร์แอนด์บีตบบีทฮิพฮอพมืดๆในแบบฉบับที่แฟนๆของอแชนทิน่าจะคุ้นชินกันดี ฟังแล้วแอบนึกถึงเพลงสายตระกูลเดียวกันกับAww BabyกับOnly Youอะไรทำนองนี้ เช่นเดียวกับ Runaway (3/5) งานคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีรูปแบบเดียวกันแต่โดดเด่นกว่าด้วยการแซมเมโลดี้พลิ้วๆแบบแจ๊ซซ์เล้าจ์นดูหรูหราและลึกลับมีพลังขึ้นไปอีกระดับ ที่สวยหน่อยก็ขอยกให้ Nowhere (4/5) กับเมโลดี้และเสียงประสานอันเรียบเรียงมาได้อย่างบรรเจิดเลิศหรูหยาดเยิ้มหยดย้อยใครชอบงานแบบโซลฟูลอาร์แอนด์บีและงานจำพวกโมเดิร์นอาร์แอนด์บีก็น่าจะหลงรัก ข้ามไปครึ่งหลังเลยกับ Scars (4/5) ที่หลอกให้ผู้ฟังตายใจด้วยการขึ้นต้นมาแบบงานอาร์แอนด์บีฮิพฮอพกึ่งบัลลาดเหมือนสมัยสองอัลบั้มแรกก่อนจะข้ามสายพันธุ์กลายไปเป็นนีโอโซลกรีดกรายมีคลาสอารมณ์เดียวกับงานของ จิล สก็อท ที่เป็น Spoken Wordsอิมโพรไวซ์ได้ชนิดคมกริบบาดใจโดยมีเพียโนไลท์แจ๊ซซ์พลิ้วๆเป็นเครื่องเคียง Never Should Have (4/5) นี่ก็เล่นเอาแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้กับอดัลท์คอนเทมโพรารี่ย์พ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดทรงพลังในแบบที่ เลโอน่า ลูอิส ได้ฟังก็คงมีตกใจ แหม ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพลงอแชนทิดิฉันก็นึกว่านางสิงโตร้องเหมือนกันแหละค่ะแต่ถึงกระนั้นส่วนตัวประทับใจนะเพราะไม่ค่อยได้ยินเพลงรูปแบบนี้จากอแชนทิเท่าไร เพลงถัดไป She Cant (3.5/5) เริ่มขยับไปเล่นกับอิเล็คโทรพ็อพและเร็กเก้ก็นับว่าเป็น Ashanti เวอร์ชั่น 2.0 ที่น่ารักไปอีกแบบ Dont Tell Me No (3/5) ใช้ยูโรบีทหลอกหล่อผู้ฟังช่วงต้นเพลงให้คิดว่าน่าจะมาเป็นเพลงเต้นระบำรากแตกหากแต่ภาพรวมก็กลับเป็นงานมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีที่เธอชอบทำ I Got It Feat. Rick Ross (3.5/5) งานอาร์แอนด์บีฮิพฮอพที่ดูใกล้เคียงกับความเป็นอแชนทิและMurder Incในช่วงยุคทองที่สุด First Real Love Feat.Beenie Man (4.5/5) แลดูสีสันฉูดฉาดที่สุดกับงานเร็กเก้ฟิวชั่นที่มีตั้งแต่แด๊นซ์ฮอลล์ พ็อพ อิเล็คโทรนิค ดั๊บสเต็ป อาร์แอนด์บีและฮิพฮอพ บ้าพลังแต่ดูน่าเกรงขามที่สุดแล้วในบรรดาทั้งหมดทั้งมวลก่อนจะปิดอัลบั้มด้วย Outro สุดอลังการที่พร้อมใจมอบคะแนนให้4ดาวเช่นเคย
เอาจริงๆสารภาพว่าตอนแรกกะจะเขียนอัลบั้มนี้ลงคอลัมน์ Speed Of Sound แบบแนะนำสั้นๆไม่ลงลึกแต่พอได้มาฟังทั้งอัลบั้มเต็มๆแล้วนอกจากจะประทับใจในความสวยงามของบางแทร็คที่ทำให้ดิฉันมองข้ามสูตรสำเร็จอนุรักษ์นิยมของอแชนทิไปได้ (แต่พูดก็พูดเถอะถึงจะมุขเดิมแต่ก็มีมิติและหีบห่อไม่ใช่ทำมาแบบรีบๆลวกๆ5-6เพลงโพรดัคชั่นไม่เกิน199) แถมที่สำคัญยังอยากจะหาซื้อไว้สักแผ่นด้วยนะ