The 50 Most Frequently Played Songs of 2015
รีวิวคั่นเวลา(แต่เวลาที่ใช้เขียนไม่ได้คั่นนะจ้ะ กว่าจะเขียนจบนี้ปาเข้าไปเกือบอาทิตย์)ก่อนจะเริ่มซีรี่ย์ส์ทีนดิว่าชุดต่อไป(เขียนเสร็จได้50%แล้ว) ใครยังไม่ได้อ่านรีวิวซีรีย์สฺแรกอย่าลืมไปอ่านนะคะอย่าลืมclickอ่านที่ลิงค์นี้กันนะจ้ะ: 4 Teen Divas of 2000's: The First Series Britney Spearsเดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องนะ บอกไว้ก่อน อิอิ โดยรีวิวชุดนี้เป็นการเขียนถึงเพลงสากลที่ตัวรีเองอยากแนะนำ(รวมทั้งอยากด่าให้ฟัง) โดยมีเงื่อนไขว่าเพลงที่เลือกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพลงสากลที่เปิดฟังบ่อยที่สุดในปีนี้ ซึ่งจะคละกันไปไม่จำกัดช่วงเวลาที่ปล่อยเพลงนั้นๆออกมา คือจะมีตั้งแต่เพลงยุค80sจนถึงปีล่าสุดกันเลยทีเดียว ซึ่งรีจะคัดมาแค่50เพลงเท่านั้น(แต่เขียนจบทั้งหมด51เพลง) ซึ่งรีจะไม่จัดอันดับนะว่าเพลงไหนเปิดบ่อยที่สุด แต่จะเรียงจากชื่อของศิลปินแทน(จะมีบางเพลงที่ตัวอักษรชื่อของศิลปินไม่ได้เรียงต่อกัน แต่จับมารีวิวรวมกันเพราะมีบางประเด็นที่รีต้องการจะพูดถึงร่วมกันทีเดียวไปเลย) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มที่เพลงแรกกันเลย
Arty Up All Night ft. Angel Taylor: (2/5)
Released: 2014
ด้วยความที่เป็นงานสไตล์ดีเจคัลเชอร์จ๋ามาก พูดง่ายๆก็คือพวกงานดั๊บสเตป คลับแบงเกอร์หรือEDMร่วมสมัยนั้นแหล่ะ บอกตรงๆว่ารีเองก็คิดว่าฟังค่อนข้างยาก แต่ยากในที่นี้ไม่ได้หมายถึงยากแบบที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเพลงนั้นๆหรือจำเป็นต้องมีชั่วโมงบินในการฟังสากลสูงหรอกนะ แต่มันยากตรงที่งานเพลงสไตล์ดีเจคัลเชอร์เนี่ย ถ้าไม่มีจริตชอบงานอิเล็กโทรนิก หรือเป็นสาวปาร์ตี้ชอบแฮงเอาท์เป็นทุนเดิมแล้วละก็ จะไม่มีทางฟังได้เกิน3รอบในโมเม้นท์ปกติหรือทำประจำวันของฉันหรอก เพราะมันค่อนข้างหนักเกินไป โดยเฉพาะเพลงนี้ที่มาสายคลับแดนซ์มิกซ์เต็มพิกัด คือจะพูดยังไงดีหล่ะ เอาง่ายๆ ลองนึกถึงงานของพวกAvicii ไม่ก็Zedd หรือCalvin Harris พวกนี้จะมีความแมสและเป็นงานเมนสตรีมรีมิกซ์มากกว่า หรือพูดง่ายๆในความเป็นงานเต้นรำเองนั้นพวกงานเมนสตรีมรีมิกซ์ก็ยังมีstory กะเทยพอเห็นภาพไหม? แต่ที่พูดมาทั้งหมดฉันก็ให้คะแนนเพลงนี้แค่นี้แหล่ะ เหตุผลคือ กะเทยเข้าผับก็หาฟังแนวนี้ได้เต็มไปหมด หรืองานตามงานคลับแดนซ์มิกซ์ในยูทูบก็ได้ ดีกว่าเพลงนี้อีก ที่สำคัญรีว่านะ คือรีว่าเพลงนี้ทำแบบกล้าๆกลัวๆ คือจะอัพบีทก้าวไปEDMบีทก็ต่อเมื่อหมดท่อนร้องธรรมดา ผลก็ออกมาครึ่งๆกลางๆและจืดชืดเกินไป
Ashlee Simpson - Outta My Head (Ay Ya Ya): (3/5)
Released: 2007
ส่วนตัวแล้วชื่นชอบงานอีเจสซิมพ์มากกว่าอีแอชพอสมควร แต่เพลงนี้ต้องยอมนะ เพราะหลอกหลอนกูมาจะสิบปีแหล่ะ ออกจากหัวกูไปได้แล้ว อีเหี้ย คือเท่าที่เห็นอีแอชให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลงนี้ นางก็พูดถึงประเด็นเสียงในหัวที่คอยบอกให้ทำนู้นสิ่ทำนี้สิ่ แต่ก็ช่างเถอะไม่ใช่พ้อยท์ที่ฉันจะสนใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รีรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย พอฟังเพื่อจะรีวิวแบบจริงจัง เซ้นส์แรกเลยคือเพลงนี้แม่งห่วยว่ะ (นี้ฉันฟังเพลงง่อยขนาดนี้มาเป็นเกือบสิบปีเลยหรือเนี่ย) นี้ถ้าฉันให้คะแนนอีเพลงอัปรีย์อย่างI Kissed A Girlได้คะแนนง่อยๆ แล้วเสือกให้เพลงที่ความอัปรีย์ไม่ต่างกันอย่างเพลงนี้คะแนนสูงกว่า กะเทยคงว่าฉันไบแอสแน่นอน แต่พอฟังไปเรื่อยๆก็สรุปว่าขาดชั้นเชิงจริงๆนั้นแหล่ะ คือเพลงนี้แทบจะยกงานนิวเวฟในยุค80sมาก็อปวางแล้วจบ แต่เสือกรีลีสปี2007ไง เพลงก็ออกมาแบนๆเพลนๆ คือถ้าจะทำแบบนี้กูกลับไปงานยุค80sก็ได้ จะมาฟังมึงทำไม อีดอก แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอจังหวะดนตรีมันรวมกับเนื้อหาและเนื้อเสียงของอีแอชแล้วกลับเท่ห์และchicอยู่นะ (เคสนี้คล้ายกับกรณีของเพลงAcceptable in the 80'sของอีแคลวิน แฮร์ริสที่ลอกงานดิสโก้มาหมด แต่เสือกรีลีสปี2007เหมือนกัน) นี้ถ้าฉันเป็นเลสเบี้ยนคงไปขออีแอชเย็ดแล้วหล่ะ แต่พอดีเป็นกุลสตรีพออะค่ะ ส่วนคะแนนก็ตามเนื้อผ้าแล้วกัน
Bob Sinclar Feel the Vibe ft. Dawn Tallman: (3/5)
Released: 2015
Bob Sinclar เป็นใคร? ก็เป็นดีเจฝรั่งเศสอะค่ะ จริงๆนางก็active careerในสายดีเจมายาวนานแล้วหล่ะ (แต่ฉันก็พึ่งรู้เหมือนกัน) มีเพลงดังๆอย่างLove Generation (เรียกว่าดังได้แล้วหรือ?) ส่วนสำหรับเพลงนี้ก็ยังเป็นงานEDMอีกเพลงหนึ่ง ที่รีตั้งใจนำมาแนะนำและเปรียบเทียบให้เห็นภาพไปเลยว่าเมนสตรีมรีมิกซ์มีหน้าตาประมาณไหน จะเห็นได้ว่าเพลงนี้ดูยังขายstoryบ้าง แม้ว่าstoryของงานเต้นรำตามคลับเนื้อหามันก็กลวงๆง่อยๆแบบนี้แหล่ะ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงชอบเพลงนี้ เอาจริงๆงานEDMนี้ซ้ำซากนะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาหรือชั้นเชิงในการนำเสนอ เปิดผ่านๆก็แบบ อ้าว ตกลงนี้มันคนละเพลงกันหรือ? เพราะแยกความแตกต่างไม่ค่อยเจอ แต่สำหรับเพลงนี้รีว่าทำได้สมูธดี อาจเพราะเอะอะก็ไม่ได้มิกซ์เลอะเทอะ อยากจะมิกซ์ตรงไหนก็มิกซ์ จนลงเหวไปในที่สุด ภาพรวมทั้งซาวด์และวอคัลยังเดินไปในทางเดียวกันอยู่ พูดง่ายๆคือดนตรียังมีทิศทางของมันอยู่ ทำให้สามารถฟังได้ในหลายๆโอกาสมากกว่า ไม่จำเป็นต้องอยู่ในมูดที่อยากแรดอยากร่านอย่างเดียว จะกวาดบ้านถูบ้านไปก็ยังแดนซ์เพลงนี้ไปได้อยู่ ที่สำคัญคือฟังแล้วดูกะเท้ยกะเทย คิดว่ากะเทยน่าจะชอบกัน
Carly Rae Jepsen I Really Like You: (3/5)
Released: 2015
จากเพลงอีแอชที่รีบอกว่าทำได้เพลนๆแบนๆไร้ซึ่งชั้นเชิง มาดูงานนิวเวฟ80sที่นำเสนอได้เข้าท่าดีกว่าว่าเป็นอย่างไร สำหรับเพลงนี้ภาพรวมก็เป็นงานเต้นรำสไตล์80sอย่างดิสโก้และฟั้งก์ที่นำเสนอผ่านความเป็นแดนซ์พ็อพสมัยนิยม ส่วนภาคเนื้อหาก็ไม่มีอะไรเลย ก็กิ๊กก๊อกตามสไตล์งานเมนสตรีมเต้นรำไร้สมองทั่วไป แต่ถ้าถามว่าประทับใจตรงไหนกับเพลงแบบนี้ทั้งที่งานแบบนี้แทบจะผลิตออกมาล้นแข่งกับขยะ (คุณภาพก็ไม่ต่างจากขยะเช่นกัน) อันนี้คงเป็นไบแอสส่วนตัวกับอีตัวนักร้องมากกว่า รีว่าอย่างน้อยในความเป็นเมนสตรีมพ็อพ เพลงนี้ก็ไม่ใช่งานกะโหลกกะลาขนาดนั้น ซึ่งก็ต้องทำใจอะค่ะ ว่างานแบบนี้มันเป็นกลไกหนึ่งในpop cultureไปเสียแล้ว จะมาแบบ อี๋ งานพ็อพขยะไม่ฟังอะไรแบบนี้ก็ยาก เพราะมันก็โคลนกันออกมาไม่ต่างจากแมลงสาบ ถ้าหล่อนจะหาฟังงานดีๆหล่อนก็เลือกผิดตั้งแต่ฟังเพลงพ็อพแล้วหล่ะ
Carly Rae Jepsen Tonight I'm Getting Over You: (4.5/5)
Released: 2013
มาถึงอีกเพลงที่เลือกมาของอีคาร์ลี ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเสียดายหลายๆอย่างในเพลงนี้ แม้ในตลาดเมนสตรีมพ็อพเองก็ตาม เพลงนี้ไม่ใช่เพลงที่เข้าใกล้คำว่างานขยะเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะอีตัวนักร้องกับผลงานเก่าๆอย่างเช่นCall Me Maybe ทำให้เพลงในระดับนี้ถูกunderratedว่าเป็นแค่เพียงงานพ็อพดาดๆจากนักร้องกระจอก ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะจากการถ่ายทอดและนำเสนอออกมานั้นก็ไม่ได้สร้างimpactอะไรมากมายนัก แม้กระทั่งเนื้องานดนตรีเองก็เรียกได้ว่างานแดนซ์พ็อพที่copy&pasteหาได้ทั่วไปด้วยซ้ำ แต่เชื่อไหมว่าพอฟังจบแล้วก็แอบทึ่งในงานเพลงนี้เหมือนกัน เพราะอะไรนะเหรอ? เพราะว่าในยุคที่เต็มไปด้วยเพลงพ็อพดาดๆที่ดูเหมือนกันไปหมด แต่อีเพลงนี้กลับoutstanding shineออกมา คงเรียกได้ว่าชั้นเชิงมันต่างกันก็ได้ละมั้ง แล้วกะเทยหรือชะนีนางไหนกล้าด่าเพลงนี้ง่อยแล้วกลับไปอวยงานอย่างWhere Have You Beenว่าเก๋ เริ่ด แซ่บกว่าแล้วละก็นะ รบกวนไปหาหมอให้เช็คหูมึงด่วนเลยค่ะ
Christina Perri A Thousand Years: (3.5/5)
Released: 2011
Glen Hansard, Marketa Irglova Falling Slowly: (3.5/5)
Released: 2006
ทั้ง2เพลงเป็นงานอคูสติกบัลลาดทำนองสวยๆแต่เนื้อหาเสือกโลกสวยกว่าเหมือนกัน อีกทั้งยังเสือกเป็นOSTประกอบภาพยนตร์ทั้งคู่เหมือนกันอีกต่างหาก ก็เป็นอีกสองเพลงที่รีค่อนข้างฟังบ่อยๆ ทั้งด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะอะไรนะเหรอ? เพราะต้องมีอีผู้เข้าประกวดหน้าโง่ๆเอาอีเพลงนี้ไปร้องหาแดกตามอีเวทีรายการประกวดหานักร้องซักซีซั่นใดซีซั่นนึงไงหล่ะ ยังไม่พอแม้กระทั่งอีนักร้องตามผับตามบาร์ก็ต้องหยิบมาร้องร้องด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษพิลึกกึกกือให้คนฟังได้ปวดกะบาลเพราะนึกว่ากำลังฟังภาษาฮีรีโมตูอยู่ ก็นะ ถึงเพลงมันจะเพราะขนาดไหนเจอบ่อยๆก็คงเอียนจนจะอ้วกได้เหมือน (แถมเนื้อหาก็เลี่ยนได้อีก ฟังทีแทบไม่ต้องแดกน้ำตาลซัก10วัน)
Elle King Ex's & Oh's: (3.5/5)
Released: 2014
ตอนแกรมมี่ประกาศผู้เข้าชิงในสาขาBest Rock PerformanceและBest Rock Song ฉันก็ได้กรอกตาไปมาว่า ห้ะ อีเพลงนี้เนี่ยนะ ได้เข้าชิง ต้ายยยย มาตรฐานแกรมมี่แม้จะกะโหลกกะลาขนาดไหน แต่ช่วงหลังๆนี้ห่วยแตกจนฉันได้แต่ถอนหายใจรัวๆ คือยอมรับว่าอีเพลงนี้ทำได้เผ็ดและแซ่บอยู่พอตัว แม้กระทั่งเสียงวอคัลของอีนี้เองก็เท่ห์เหมาะกับงานประเภทบลูส์ร็อกอยู่ บวกกับเนื้อหาทั้งในส่วนเนื้อหาของเพลงเองและเนื้อหาในMVที่ทำออกมาได้ค่อนข้างมั่นหน้าและแซ่บสุดๆ แม้จะตลกกับสารร่างของอีนักร้องที่บวมจนตุ่มแตกแต่มาแหกปากบอกกูแซ่บนะกูเด็ดนะ แถมจิกผู้ชายกล้ามเน้นๆเหลือแค่underwearมาชูควยขึ้นฟ้า ยังไม่พออีช้างน้ำElle Kingยังมาทำท่าสะดีดสะดิ้งชวนผู้มาร่านสวาทorgasmกันในMVอีก (อีดอก กะหรี่เกิ้นนน แต่อีผู้ทั้งหลายนี้ไม่เก้งใช่แม่ะ?) ทำให้ได้ใจดิฉันไปเลยค่า มาที่ตัวเพลงกันบ้าง เพลงนี้เป็นงานอัพบีทบลูส์ร็อกผสมเซาเธิร์นร็อกที่เป็นgenreหนึ่งของงานคันทรี่มิวสิค ซึ่งก็ทำออกมาได้โจ๊ะๆเหมาะกับพวกกะเทยแบกข้าวสารตามภูธรในวงเหล้าดี แต่กระนั้นมาตรฐานงานมันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้นเลย ยิ่งในสาขาร็อกเองก็เป็นอีกสาขาที่งานระดับดีจนถึงมาสเตอร์พีซขับเคี่ยวกันรุนแรงมากๆ ที่สำคัญเพลงแบบนี้ค่อนข้างดาดเดื่อนเต็มไปหมดทั้งในวงการเพลงร็อคและคันทรี่เอง คือแกรมมี่พิจารณาจากตรงไหนคะ จากควยผู้ชายในMVหรืออันดับในบิลบอร์ด???
Enrique Iglesias Bailando ft. Mickael Carreira, Descemer Bueno, Gente De Zona: (3/5)
Released: 2014
กรี๊ดดด มาถึงเพลงพี่เก้ผัวคนแรกของดิฉันกันดีกว่า แม้เพลงนี้พี่เก้จะไม่ค่อยโชว์กล้ามและorgasmกับอีพวกชะนีร่านควย แต่เสต็บละตินแดนซ์ของพี่เก้ได้ใจดิฉันไปเต็มๆอีกแล้ว แม้พี่เก้จะไปก็อปเพลงชาวบ้านเค้ามาจนขึ้นโรงขึ้นศาลก็ตาม เพลงนี้ก็โจ๊ะๆตามสไตล์ละตินแดนซ์ฮอลที่ทำออกมาได้ร่วมสมัยและดึงความเป็นSpanish traditionalออกมาได้มากอยู่เหมือนกัน ถ้ากะเทยอยากได้เพลงเต้นรำฟีลhispanic and latin americanจริงๆ ไม่ใช่เพลงเต้นรำดาดเดื่อนแล้วมาร้องภาษาสเปนทับทีหลังและยังถูกขับร้องจากนักร้องที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว อีกทั้งสำเนียงพี่เก้ก็สแปนนิชแท้นะจ้ะ ไม่ใช่พวกนักร้องประเทศทาสสำเนียงเซินเจิ้นแบบที่เห็นๆกัน รีก็ขอแนะนำเพลงนี้ของผัวฝากไว้ในอ้อมใจตุ๊ดกะเทยละกัน (จริงๆงานสไตล์ละตินแดนซ์ฮอลแบบนี้มีเยอะมาก แต่ก็เป็นของนักร้องสเปนและพวกละตินอเมริกาซะส่วนใหญ่หล่ะนะ)
Gareth Gates Walk On By (Britney Spears Cover): (4/5)
Released: 2014
เพลงแอบรักเนื้อหาน่ารักๆของGareth Gates ที่อยู่ในอัลบั้มWhat My Heart Wants to Say จริงๆแล้วเพลงนี้แต่เดิมเป็นB-sideของเพลงStrongerของหอกนั้นเอง แต่ที่เลือกเวอร์ชั่นของGareth Gatesมาเพราะว่าเวอร์ชั่นนี้ให้อารมณ์แอบรักแบบเหงาๆเหมาะกับเนื้อหามากกว่า แต่ของหอกจะแบบสดใจเหมือนSometimes version 2แทน แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงที่ทำได้ดีและเพราะทั้ง2เวอร์ชั่น แต่แอบเสียดายของเวอร์ชั่นหอกที่เพลงเพราะขนาดนี้แต่มีปัญญาเป็นได้แค่B-side แถมไม่ถูกยัดลงแทร็คลิสต์ในอัลบั้มอีกด้วย (ได้แต่เพลียกับรสนิยมเลือกเพลงของหอก) ก็ไม่รู้ว่าเพราะค่ายกลัวจะถูกกล่าวหาว่าไม่มีปัญญาทำเพลงใหม่ จนต้องไปก็อปSometimesมารีไซเคิลหรือไม่อยากให้อัลบั้มOops!... I Did It Againโดนครหาว่าเป็น...Baby One More Time Part 2กันแน่ (แต่สรุปก็ไม่รอดอยู่ดี) ก็นะ สำหรับฉันนะ ฉันว่าเพลงนี้เพราะกว่าSometimesอีก
_________________