|
Saint Mabus : The Illusion Factory Project | |
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|---|
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
เอาจริงๆเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วน่าจะยังมีคนเก่าๆหลายคนจำนักรีวิวที่ชื่อ "Da Nastina" ได้ คนที่ชอบเขียนรีวิวเพลงยาวๆนั่นแหละครับ เขียนทุกอย่างที่ได้ฟังซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเขียนไปมากมายเพื่ออะไรเป็นสิบปี ท้ายที่สุดก็ไม่คิดว่าไอ้เด็กที่เคยเขียนวิจารณ์เพลงเป็นเรื่องเป็นราวเป็นวรรคเป็นสุดท้ายจะดันขยับมาทำเพลงซะเอง โอเคครับครอบครัว FF Mag ที่รักและคิดถึงวันนี้เอาเพลงแนสมาฝากครับ ส่วนรีวิวเลิกเขียนไปนานแล้ว คิดถึงทุกคนนะ saint mabus http://www.soundcloud.com/saintmabus Saint Mabus : Blossom Brazilia : Bossa Nova จะว่าไปก็เจ็ดปีมาแล้วที่ผมริเริ่มความฝันในเรื่องการทำดนตรีและเขียนเนื้อเพลง มันเกิดมาจากความคิดที่อยากจะเริ่มทำอะไรสนุกๆบ้างเพราะเราก็ชอบเขียนบทความจำพวกวิจารณ์เพลงมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นซึ่งก็คงจะน่าสนใจไม่น้อยว่าจากประสบการณ์ในการฟังดนตรีและทำความรู้จักกับผลงานของศิลปินหลายๆคน "เราได้อะไรจากสิ่งเหล่านั้นบ้าง?" มันเริ่มมาจากนิตยสารดนตรีสองเล่มคือ Forwardmag และ Pop เล่มแรกนี่อบอุ่นเหมือนบ้านทำให้เราได้ก้าวเข้าสู่ Community ของคนรักการเสพย์ดนตรีสากลและก็มีเพื่อนที่เป็นคอเดียวกันมาถึงทุกวันนี้แถมเป็นพื้นที่เริ่มต้นให้เราเขียนหนังสือมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเล่มหลังนี่เป็นแรงบันดาลใจในหลายๆอย่างและยังคงมีอิทธิพลต่อทั้งการเขียน,การทำดนตรีตลอดจน Attitude มาจวบจนวินาทีนี้ (เป็นนิตยสารที่สนุกและน่ากลัว 555) และแน่นอนมันเริ่มมาจากช่วงเจ็ดปีที่แล้วที่จำได้ว่าเป็นช่วงกลียุคเป็นช่วงที่ชีวิตเดินบนเส้นทางที่มืดมากแต่ก็สนุกและได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างดี มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับชาวต่างประเทศที่ทำดนตรีได้บ้างแต่ท้ายที่สุด #มันไม่เกิดขึ้น จะไม่สาธยายเหตุผลแต่เอาเป็นว่า "เราหลงทางในช่วงนั้น" เป็นความหลงที่เมื่อมองย้อนกลับไปก็ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงต้องใช้เวลากว่าเจ็ดปีถึงจะได้มีเพลงของตัวเอง #ลืมบอกว่าอัลบั้มชุดแรกพบกันเดือนหน้า น่าตลกที่นับจากต้นปีเราใช้เวลาเพียงแค่สี่เดือนสร้างเพลงได้กว่ายี่สิบเพลง ดีบ้าง โอเคบ้างและไม่ผ่านบ้างตามประสา แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่พอหลายๆเพลงมารวมตัวกันมันดีพอที่จะสร้างอัลบั้มให้คนธรรมดาคนหนึ่งได้ คือมันก็ดีที่สุดแล้วสำหรับศักยภาพ ณ ขณะนี้ของวันนี้วินาทีนี้ ก็น่าแปลกอีกแหละเราทำอัลบั้ม Chapter แรกเสร็จแต่ไม่รู้สึกอยากตัดเพลงไหนเป็นซิงเกิ้ล แต่พอวันนี้เริ่มทำเพลงแรกของอัลบั้มที่สอง "Blossom Brazilia" ระหว่างทำเรารู้ทันทีว่า เฮ้ย เพลงนี้แหละที่ฉันต้องการให้มันเป็นซิงเกิ้ลแรกในชีวิตของฉัน #ถึงมันจะเป็นเพลงสำหรับอัลบั้มชุดที่สองก็ตาม ก็ไม่อยากเชื่อว่าในวินาทีสุดท้ายเรากลับเลือก "บอสซาโนว่า" มาเป็นงานเปิดตัวซึ่งต่างจากที่เราต้องการเมื่อเจ็ดปีที่แล้วมากว่าเพลงฉันจะต้องเป็นอิเล็คโทรนิคแรงๆไม่ก็ร็อคดิบๆมืดๆติดพั้งค์ โดยไม่ลืมตาดูความเป็นจริงว่าเราไม่ใช่นักร้อง! และนั่นคือหนึ่งในทางที่ฉันหลงพอๆกับความอยากเด่นอยากดังอยากเป็น Somebody จนท้ายที่สุดได้รู้ว่าเส้นทางที่เคยวิ่งไปไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว สำหรับเพลงนี้ถ้า Kawaii Ari ได้ฟังคงจะรู้ดีว่ามีช่วงนึงเราเคยหลงใหลในซาวนด์ของแจ๊ซซ์ บอสซาโนว่ารวมถึงซาวนด์ดนตรีทั้งพ็อพและโซลจากยุค60sมากจนเปิดให้อ้นฟังทุกวันและซิงเกิ้ลแรกนี้พี่มอบให้ "อ้น" กับความทรงจำดีๆในวัยเด็กตลอดจนช่วงเวลาดีๆสำหรับครอบครัวเราในปัจจุบันนี้ Blossom Brazilia คือดอกไม้แห่งความสุขที่เบ่งบานในเสียงดนตรี ความทรงจำและแน่นอนในวันที่คุณหลุดมาพบกับแสงสว่างของชีวิต...และนี่คือเพลงแรกที่ผมขอมอบให้คุณ |
Sun May 08, 2016 12:37 pm | |
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
Saint Mabus : The Illusion Factory - - Chapter.1 Summer In Abstract : Indie Pop/Electronica/R&B/House/Dance/Experimental สำหรับเดือนพฤษภาคม 2016นี้ทางเพจ "เซนต์มาบุส" เราไม่มีธีมนะครับ! แต่จะเป็นเดือนของการโปรโมตอัลบั้มชุดแรกของแอดมินเพจ "The Illusion Factory Project - - Chapter.1 Summer In Abstract" โดยที่เดือนนี้นอกจากเพลงของแอดมินเองแล้วก็ยังมีเรื่องของโปรเจ็คนิยายบางเรื่องที่ได้ค้างไว้สักระยะซึ่งก็พร้อมแล้วที่จะกลับมาสานต่อในเดือนนี้เช่นเดียวกับการ "รีวิว" อัลบั้มที่น่าสนใจในเดือนนี้หลังจากที่ทางเพจได้รับข้อความเรียกร้องจากผู้อ่านว่าต้องการอ่านบทความวิจารณ์เพลงเยอะกว่านี้ คิดๆแล้วจะว่าไปก็น่าตลกระคนกับน่าประหลาดใจอยู่พอตัวเนื่องจากถ้าใครติดตามมานานก็จะรู้ว่าผมเคยเป็นนักวิจารณ์ดนตรีสมัครเล่นบนเว็บบอร์ดของนิตยสาร Forwardmag เขียนรีวิวมาเป็นสิบกว่าปีแล้วก็ไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียวว่าสักวันหนึ่งเราจะได้มาเขียนบทความวิจารณ์เพลงให้อัลบั้มของตัวเอง พอๆกับที่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งมันจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงๆเสียจนทำให้เราขยับขึ้นจากคนเขียนวิจารณ์ดนตรีมาเป็นคนทำดนตรีได้...หลังจากที่เคยถอดใจแล้วคิดว่ามันคงเป็นเพียงแค่ฝันลมๆแล้งๆที่ไม่น่าจะมีทางสำเร็จ อันที่จริงโปรเจ็ค "The Illusion Factory" ได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้วในแนวทางที่แตกต่างกว่าวันนี้ทั้งการนำเสนอและรูปแบบดนตรี แตกต่างในแง่ของโลกทัศน์ในการมองโลกของเราก่อนจะสื่อออกมาเป็นผลงานตลอดจนมันเคยเป็นโปรเจ็คที่อยู่บนมือของดีเจและคนทำดนตรีที่มีความสามารถระดับมืออาชีพจริงๆแต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จจนทิ้งเวลาออกไปเนิ่นนานกว่าเจ็ดปีก่อนที่ผมจะมาพบกับ App ที่ชื่อ "Music Maker Jams" และตัดสินใจทำมันออกมาในวันที่อุดมการณ์และตัวตนของเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นี่คือที่มาของชื่อ "The Illusion Factory" ซึ่งผมได้แรงบันดาลใจมาจากมายาของชีวิต การปรุงแต่งสิ่งที่มันเป็นมโนมันจับต้องไม่ได้มันล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ในความคิดรอคอยวันที่โชคชะตาจะพร้อมให้เราผลิตออกมาและแน่นอนความเป็น "กิ้งก่าเปลี่ยนสี" ของตัวผมเองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีหลากหลายแนวจนเราเองก็ต้องยอมรับว่าจุดยืนทางดนตรีของเรา "ไม่มั่นคง" เมื่อเจ็ดปีที่แล้วผมอยากได้งานอิเล็คโทรนิคแรงๆและซาวนด์เต้นรำหนักๆ ผมคิดเรื่องดั๊บก่อนยุคดั๊บสเต็ปแต่ดันเสือกทำออกมาได้ช้ากว่าเขา ผมโตมากับเพลงพ็อพและเทิดทูนเพลงแนวนี้มากๆ ผมชอบฟังอาร์แอนด์บี ร็อค เวิลด์มิวสิคเช่นเดียวกับที่หลงใหลในแนวแจ๊ซซ์และโซลมากๆ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าการทำอัลบั้มแบบซาวนด์ทดลองจำพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัลมันดูเป็นอะไรที่เก๋ดี บทสรุปทั้งหมดทั้งมวลทำให้ Chapter ที่หนึ่งเกิดขึ้นภายใต้ชื่อของ "Summer In Abstract" กับการอุทิศให้แก่ศิลปะ,แรงบันดาลใจ,ซาวนด์ดนตรีที่มีอิทธิพลต่อเรา,ประสบการณ์ชีวิตและการย้อนกลับไปมองชีวิตในช่วงเวลาที่เรายืนอยู่บนความไม่มั่นคงทางใจอย่างถึงขีดสุดจนไม่สามารถจะคาดเดาหรือหาทิศทางใดๆให้แก่ชีวิตของตัวเองได้เลย "Summer In Abstract" เป็นไทเทิลแทร็คที่อุทิศให้แก่ทุกสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นจนทำให้วันนี้อะไรๆมันเดินทางมาถึงจุดกำเนิด เพลงนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากงานวินเทจโซลยุค60sซึ่งต้องการความหวานมากกว่าความดิบคือถ้าใครได้เคยฟังงานเฟรนซ์พ็อพที่มีกลิ่นอายเพลงโซลของวงจากฝรั่งเศสอย่างTahiti 80ก็คงเข้าใจฟีลที่ผมต้องการสื่อเพื่อมอบให้การเริ่มต้นที่สวยงามของอัลบั้ม ย้อนไปเมื่อเจ็ดปีที่แล้วผมเคยต้องการซาวนด์อิเล็คโทรนิคและเต้นรำที่หนักหน่วง,หลุดโลกและบ้ามากๆซึ่งในอัลบั้มชุดแรกก็ได้ซาวนด์แบบนั้นในเพลง "The Illusion Factory : Sci-Fi" ซึ่งเป็นเพลงเดียวที่ผมเคยแต่งเนื้อไว้แล้วซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ผมต้องการคือซาวนด์อิเล็คโทรนิคแบบอวกาศชนกับดนตรีดรัมส์แอนด์เบสส์ดุๆเลือดสาดซึ่งผมเคยติดใจมากๆจากการแสดงสดในบาร์ Immortal ที่ถนนข้าวสาร ส่วนซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม "Metrosexual" ก็เป็นงานแด๊นซ์เฮ้าส์ตามธรรมเนียมดนตรีคลับแบงเกอร์ในยุคนี้จ๋าคือมีทั้งความเป็นพ็อพคัลเจอร์ของงานคลับแด๊นซ์แบบ EDM,ดั๊บสเต็ปและดีเจคัลเจอร์ในตัว แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นและเกย์ ส่วน "Long Night In Berlin" ก็เป็นแทร็คที่ส่วนตัวอุทิศให้แก่ชีวิตในจุดตกต่ำอย่างถึงขีดสุดที่ผมต้องพึ่งเซ็กส์และชีวิตกลางคืนเป็นทางออก อันนี้เปรียบเทียบชีวิตของตัวเองว่าเหมือนกับหลงทางในกรุงเบอร์ลินในช่วงสงครามโลกซึ่งเป็นสภาวะวิกฤติของเยอรมนีโดยภาคดนตรีเป็นงาน Berlin Minimal ซึ่งเป็นงานสไตล์เทคโนที่โด่งดังมากๆของเยอรมนี ในขณะที่ "SEX" เป็นเพลงที่ตอนเริ่มทำผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลยเนื่องจากส่วนตัวไม่ถนัดงานสายอิเล็คโทรนิคและซินธิ์ยุค80sอยู่แล้วแต่ผลลัพธ์กลับออกมาเป็นเพลงที่แข็งเป็นอันดับต้นๆของอัลบั้มถึงมันจะฟังดูเป็นงานแบบ Ladytron ชนิดโต้งๆเลยก็ตามแต่เราชอบและยอมรับว่าได้วงนี้เป็นแรงบันดาลใจตอนทำเพลงนี้จริงๆ สำหรับเพลงที่ผมชอบมากๆขอแนะนำ "Jesus" ผมทำเพลงนี้เป็นของขวัญให้ตัวเองในวันเกิดครบรอบ29ปีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวแทนที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพระผู้เป็นเจ้า ความรัก ความศรัทธาและชีวิตที่เปลี่ยนไปในพระเยซูคริสต์ ก่อนหน้านี้มันเหมือนกับชีวิตเดินอยู่ในอุโมงมืดๆและวันนี้ดีใจครับที่เห็นแสงสว่าง ผมตั้งใจให้เพลงนี้ออกมาเป็นพ็อพเนื่องจากผมผูกพันกับดนตรีแนวนี้ที่สุดโดยอาศัยความเป็นอาร์แอนด์บี,โซล,กอสเพลและเร็กเก้ผสมผสานเข้าช่วยคุมทิศทาง แรงบันดาลใจมาจากงานของเอริคา บาดูและลอรีน ฮิล "St.Dominic Blues" อันนี้เป็นงานบลูส์และแจ๊ซซ์ช่วงยุค30sที่มอบให้แก่ความทรงจำและชีวิตอันเปี่ยมสุขในวัยเด็ก อินเทอลูดสองเพลงสองแนวอย่าง "Godfather" ที่ผมทำให้พ่อของผมก็ได้รับอิทธิพลจากงานฟั้งค์,โซลและอาร์แอนด์บีแบบยุค60s-70sของค่ายโมทาวน์ ส่วน "Rabbit On The Moon" อันนี้เป็นแนวยูเคการาจดั๊บสเต็ปที่ผมทำไว้อาลัยให้ "เอวา" กระต่ายและน้องสาวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมากว่า9ปี ทำนองดั๊บในเพลงเลียนแบบมาจากเสียงวิ่งและดีดฝีเท้าของกระต่าย อีกเพลงที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวยกให้ "Nirvana" เป็นงานอิเล็คโทรพ็อพที่ผมหลงรักในเมโลดี้ บีทกีต้าร์หรือแม้แต่ดั๊บสเต็ปเบรคก่อนจบคือมันลงตัวไปหมดจนแม้ว่าถึงจะทำทีหลังก็เป็นหนึ่งในลูกรัก ส่วน "Transoceanic" อุทิศความหลงใหลในดนตรีเล้าจ์นและชิลล์เอ๊าท์ของ Cafe Del Mar ให้เป็นตัวแทนของซาวนด์ที่ถ่ายทอดบทเพลงที่มีแรงบันดาลใจมาจากครอบครัว คนรัก เพื่อนและทุกสิ่งทุกอย่างจากต่างเส้นทางที่เดินเข้ามาบรรจบในชีวิตก่อนที่ท้ายที่สุดก็ต่างต้องจากไปตามเส้นทางของใครของมัน สำหรับเพลงอื่นก็มี "BKK Dream Street" เป็นงานพ็อพอาร์แอนด์บีติดกลิ่นฮิพฮอพและโอลด์สคูลเป็นเพลงที่ทำเป็นเพลงแรก "Adventure Of An Old Lady (...New Chapter House)" อุทิศให้คุณยายที่เพิ่งเสียชีวิตกับซาวนด์เฮ้าส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานของมาดอนน่าในชุด Ray Of Light มาที่งานเวิลด์บีท,ออเรียนทัลและอาระเบียนหนึ่งเดียวของอัลบั้มกับ "Harem In Oasis (Dream Of Sultans)" ถือกำเนิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจจากนินายพันหนึ่งราตรี,เซ็กส์และการช่วยตัวเอง ปิดท้ายด้วย "Ravenio + Excessum (Encore)" งาน Encore ปิดอัลบั้มที่เป็นคลาสสิคคัลแบบสกอร์ภาพยนตร์ แน่นอนว่าผู้ที่เป็นทั้งคนทำและคนฟังเองอย่างผมย่อมมองเห็นในข้อบกพร่องของอัลบั้มที่ตัวเองทำนั่นคือ "อิทธิพลจากซาวนด์ดนตรี" ที่ใส่เข้ามาเยอะเกินไปจนอาจจะทำให้อัลบั้มดูไม่มีทิศทางเท่าที่ควรซึ่งคำว่า "หลากหลาย" กับคำว่า "มั่วซั่ว" มันก็อยู่ห่างกันไม่กี่เส้นฟางแล้วแต่ใครจะมอง ผู้ฟังที่ต้องการเอกภาพมีอยู่มากในขณะที่ตัวผมอาจจะต้องการอัลบั้มที่แนวดนตรีหลากหลายซึ่งจุดนี้ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปในโอกาสหน้าครับ แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Sun May 08, 2016 1:03 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง |
Sun May 08, 2016 12:41 pm | |
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
Saint Mabus : Metrosexual EP : Dance-Pop/House/Nu Disco/Synthpop/Electronic/Berlin Minimal/Drum And Bass http://soundcloud.com/saintmabus/sets/metrosexual หลังจากที่ผมได้ปล่อย Blossom Brazilia ซิงเกิ้ลแรกในชีวิตซึ่งเป็นเพลงสำหรับอัลบั้มชุดที่สองออกไปรวมถึงอัลบั้มชุดแรกที่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจเลือกเพลงโปรโมตใดๆเนื่องจากมีตัวเลือกอยู่ในหัวเยอะแยะมากมายเหลือเกิน ตามประสาคนเพิ่งทำอัลบั้มแหละครับเพราะเพลงนี้ก็รักเพลงนี้ก็ชอบ ^ ^ จนในที่สุดก็มาลงตัวที่ เพลง "Metrosexual (I Know What I Want)" ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแฟชั่น,วัฒนธรรมของเกย์และแสงสียามราตรีด้วยความที่ภาคดนตรีเป็นงานพ็อพเต้นรำซึ่งมีกลิ่นอายของเฮ้าส์,ดั๊บสเต็ปและEDMซึ่งดูร่วมสมัยและเหมาะที่สุดแล้วที่จะเป็นซิงเกิ้ล ว่าแล้วก็เลยจัดทำอีพีในชื่อของ "Metrosexual" ขึ้นมาซึ่งจะรวม4เพลงเต้นรำของอัลบั้มแรกและเพลงใหม่ของอัลบั้มชุดที่สองที่กำลังจะตามมาอีกหนึ่งเพลงด้วยกันโดยหลังจากนี้ผมก็จะเดินสายโปรโมตอีพีนี้ตามสตรีมออนไลน์ต่างๆด้วยครับ สำหรับอีกสี่เพลงที่เหลือของอีพีนี้ก็ได้แก่ "Wings Of Heartbreak" ซึ่งจะเป็นเพลงสำหรับอัลบั้มชุดที่สองซึ่งเป็นงานนูดิสโก้สะบัดกลิ่นเรโทรจ๋าแบบงานดิสโก้ช่วง80s โดยเพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากพริ๊นซ์รวมถึงอุทิศให้แก่ประสบการณ์ที่เราเติบโตขึ้นจากความเจ็บปวด,ผิดหวังและช่วงเวลาที่ยากลำบากซึ่งหล่อหลอมให้เราบินได้อย่างสง่างามในทุกวันนี้ ในส่วนของบีไซต์อีกสามเพลงได้แก่ "SEX" งานซินธิ์พ็อพ/อิเล็คโทรนิคสไตล์80Sซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากงานดนตรีของ Ladytron "Long Night In Berlin" มอบให้แก่ตัวผมเองในวัย20ปีกับช่วงเวลาที่มืดหม่นและอันตรายที่สุดของชีวิตภายใต้ซาวนด์เบอร์ลินมินิมัลซึ่งเป็นงานเทคโนและเฮ้าส์สไตล์เยอรมนีปะทะอิทธิพลอ่อนๆของดรัมส์แอนด์เบสส์ก่อนจะไปปิดท้ายกันที่งานดรัมส์แอนด์เบสส์สุดโต่งใน "The Illusion Factory : Sci-Fi" อันนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากการแสดงสดในบาร์ Immortal ที่ถนนข้าวสาร (ตอนนี้ปิดไปแล้ว) ซึ่งยังจำได้ไม่ลืมว่าคืนนั้นซาวนด์ดรัมส์แอนด์เบสส์ที่นั่นฮาร์ดคอร์มากๆ ยังไงก็ฝากด้วยนะคร้าบ |
Sun May 08, 2016 12:45 pm | |
Armand D'Angouleme FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 09 Sep 2009 ตอบ: 2997 |
ไหนๆก็ไหนๆละ ปลายปีออกอัลบั้มคริสมาสต์ด้วยนะจ๊ะ ว่าแล้วเอาอินเทอลูดมาให้ฟังก่อน |
Sun May 08, 2016 12:50 pm | |
หน้า 1 จาก 1 |
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน |
|