รีวิว+สัมภาษณ์ Nile Rodgers & Chic Live in Bangkok2024
Nile Rodgers & Chic มาเที่ยวไทย 5 ครั้ง
แต่เพิ่งมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรก
เคยมาเจอ David Bowie ที่ภูเก็ต
เคยทำเพลงให้ ทาทา ยัง
แต่สมัยนั้นเมกาไม่เปิดรับศิลปินเอเซีย ????
Nile Rodgers สุดยอดมือกีตาร์แนวฟั้งก์, โซล ระดับตำนานพร้อมด้วยวงคู่บุญอย่าง Chic ได้มอบสุดยอดโชว์ที่ทำให้เกือบทุกคนในฮอลล์ UOB Live ต้องลุกขึ้นมาเต้นตั้งแต่เพลงแรกที่เล่นอย่าง Le Freak โดย Nile บอกว่าเขามาเมืองไทยเพื่อท่องเที่ยวและปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงมา 5 ครั้งแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ต
นอกจากฝีมือการเล่นกีตาร์แนวฟั้งก์ที่มีกลิ่นอายของดนตรีโซล, ดิสโก้ และ แด๊นซ์ได้อย่างสนุกสนานแล้ว ลีลาการพูดเพื่อเอาใจแฟนเพลงของ Nile Rodgers ก็ลื่นไหลไม่แพ้กัน Nile พูดถึง Madonna อย่างให้เกียรติและเล่าเรื่องราวสนุกๆที่เขาเคยมีกับ Madonna ก่อนที่จะเข้าเพลง Like a Virgin และ Material Girl เช่นเดียวกับการพูดถึงการได้เล่นดนตรีร่วมกับ Stevie Wonder และวง Daft Punk แบบสดๆครั้งแรกและครั้งเดียวในงานแกรมมี่ โดยนำเพลงฮิตอย่าง Get Lucky รวมถึงเพลงที่เขาชอบเป็นการส่วนตัวอย่าง Lose Yourself to Dance มาเล่น นอกจากนี้ก็ยังให้แฟนๆได้มีส่วนร่วมในการร้องประสานที่ Nile บอกว่าเป็น Thailand Chorus Gang อีกด้วย
ความสามารถในการเล่นดนตรีของสมาชิกทุกคนในวง Chic อยู่ในระดับเวิลด์คลาส การเปลี่ยนเพลงปล่อยไหลไปตามฟีลของ Nile แต่แฟนๆก็ยังได้ดูโชว์เพลงฮิตที่เขาแต่งให้กับศิลปินระดับโลกคนอื่นๆอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Notorious ของ Duran Duran, Cuff It ของ Beyonce, We Are Family ของ Sister Sledge, Let?s Dance ของ David Bowie ก่อนที่จะปิดโชว์ด้วยเพลง Good Times ที่ Nile บอกว่าเป็นเพลงประจำวง โดยก่อนที่จะจบโชว์ Nile ให้สัญญาว่าจะกลับมาเปิดคอนเสิร์ตที่ไทยอีกหลายๆครั้ง และจะต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน
Forwardmag ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Nile Rodgers ด้วยบรรยากาศสุดเป็นกันเองพร้อมกับสื่อจำนวนจำกัดก่อนที่ Nile จะแสดงคอนเสิร์ตได้ 1 วัน โดยเจ้าตัวได้รำลึกถึงความหลังที่อาจจะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขารักประเทศไทยมากและมาเที่ยวที่ไทยมาแล้วหลายครั้ง และอดีตคนรักสาวของเขาเคยแนะนำให้ Nile ไปพักที่รีสอร์ทหรูอย่าง อมันปุรี ที่ภูเก็ต ซึ่งเจ้าตัวก็ได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่โรงแรมหรูแห่งนี้ด้วย โดย Nile เล่าว่า "ผมรู้สึกเศร้าหน่อยๆ เพราะผมไปเที่ยวคนเดียวที่นั่น พอผมเดินไปที่ล็อบบี้ของ อมันปุรี รู้ไหมว่าผมเห็นใคร David Bowie (หัวเราะสนั่นกันทั้งห้อง) ผมก็เลยถามเขาว่า David นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย? เขาตอบว่า ผมรักที่นี่มากเลย เราทั้งคู่ก็เลยนั่งอยู่ที่บาร์แล้วคุยกัน หลังจากนั้นอีกไม่นาน Michael Hutchence แห่งวง INXS ก็เดินเข้ามาหาพวกเราแล้วบอกว่า ผมรักภูเก็ต (หัวเราะสนั่นทั้งห้องอีกครั้ง) วันต่อมาผมเช่าเรือยอร์ชลำใหญ่มากไปเที่ยวเกาะพีพีกับ David Bowie แล้วก็ Michael Hutchence พอผมได้เห็นบรรยากาศที่นั่นแล้วก็บอกกับตัวเองว่าผมรักประเทศไทยมากจริงๆ ที่นี่สวยงามมาก จำได้ว่าคราวนั้นผมถูกพิษแมงกะพรุนเข้าให้ด้วย"
อีกหลายวันต่อมาหลังจากที่ได้มาเที่ยวเมืองไทยคราวนั้น Nile Rodgers ได้มีโอกาสเจอกับ ทาทา ยัง ด้วย "ลองนึกภาพดูนะครับ ในตอนนั้นเธอคือผู้หญิงไทยที่ยังไม่เคยไปอเมริกาเลย ผมเลยพูดกับเธอแล้วคิดว่า ดูสิเธอยังกับตุ๊กตาบาร์บี้เลย ผมมองว่าเธอเป็นนักร้องที่เก่งมาก ผมเลยพาเธอไปอเมริกาเพื่อไปพบกับ David Geffen ที่เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในวงการดนตรีโลกและภาพยนตร์ด้วย นี่คือเรื่องจริงนะ ผมเขียนเพลงที่มีชื่อว่า Let?s Bounce ให้กับ ทาทา หลังจากนั้นก็เอาเพลงที่ทำเสร็จแล้วไปให้ David ฟัง ซึ่งเขาก็ฟังอยู่หลายรอบมาก เขาบอกว่า ว้าว! นี่เป็นเพลงที่เยี่ยมมากและ ทาทา ก็เยี่ยมมากเช่นกัน แต่ในยุคนั้นอเมริกาไม่ยอมรับศิลปินเอเชีย หรือว่าเพลงป็อปในแบบที่ผมทำ (Nile ร้องเพลง Let?s Bounce ให้ฟัง) เธอก็เลยไม่ได้เซ็นสัญญา ซึ่งทำผมหัวใจสลายเลย ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน แต่ผมก็ต้องยอมฟัง David ที่ต้องยอมรับว่าฉลาดกว่าผมมากในเรื่องธุรกิจและสังคม เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่ค่อนข้างเหยียดเชื้อชาติอยู่นะครับ สำหรับผมกับ ทาทา เรายังไม่ได้คุยกันมานาน 20 ปีแล้วครับ"
Nile Rodgers เป็นผู้ที่ขยายขอบเขตของดนตรี ฟังก์ และ โซล ให้กว้างออกไปในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนด้วยสไตล์การเล่นกีตาร์ที่ทั้งสำรวจและคิดค้นซาวด์ใหม่ๆให้กับวงการ Nile Rodgers ได้บอกกับเราว่าอะไรที่ทำให้เขาหลงใหลในการเล่นกีตาร์ "ผมแค่รู้สึกดีมากๆเวลาที่มีกีตาร์อยู่ในมือของผม ผมเพิ่งได้รับเครื่องดนตรีพื้นเมืองจากประเทศอุซเบกิสถานมา มันเป็นเครื่องดนตรี Two String และสายของมันก็ยาวมากๆเลย ผมหยิบมันขึ้นมาดูและคิดว่ามันช่างเท่อะไรอย่างนี้ ผมไม่รู้เรื่องสเกลที่จะใช้เล่นกับเครื่องดนตรีชนิดนี้เลย ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไรด้วยซ้ำ ผมเลยลองฟังเพลงพื้นเมืองของประเทศนี้ดูแล้วก็ลองเล่นดู ซึ่งผมก็ลองเล่นดู สิ่งที่น่าทึ่งก็คือผมเล่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้พอได้จากการทำความรู้จักกับมันได้ไม่นานเท่านั้น"
Nile Rodgers ได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินมากมาย แต่มีศิลปินอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาประทับใจและการได้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันจะยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดไป เธอคนนั้นก็คือ "Madonna เพราะว่าเธอเป็นศิลปินที่ทำงานหนักมากจริงๆ หนักมากกว่าศิลปินทุกคนที่ผมเคยร่วมงานด้วยเลย ไม่ว่าผมจะสั่งให้เธอทำอะไร เธอก็จะรับฟังผมแล้วก็ทำตาม ถึงแม้ว่าเธอจะมีความเห็นที่อาจจะแตกต่างไปจากผมก็ตาม เราทั้งคู่มีความเคารพให้กันและกัน เธอไม่เคยพูดคำที่ผมจะพูดต่อจากนี้นะ แต่ผมคิดว่าเธอจะต้องคิดแบบนี้แน่ๆว่า Nile Rodgers เข้าใจฉันมากกว่าที่ฉันเข้าใจตัวฉันเองเสียอีก เราทั้งคู่มีความเชื่อใจกันและกันสูงมาก เมื่อปีที่แล้วเราเพิ่งได้มีโอกาสไปเล่น Roller Skate กัน ผมบอกกับเธอไปว่าคุณคือคนที่ทำงานหนักมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา และผมก็ประทับใจในสิ่งนี้มาก เธอตอบกลับมาว่า ฉันจะไม่มีทางทำงานหนักขนาดนั้นอีกแล้ว ผมรักเธอมากจริงๆ ผมชื่นชอบศิลปินที่ทำงานหนักมาโดยตลอดอย่าง Madonna, Beyonce, วง LE SSERAFIM (Nile Rodgers ร่วมงานกับ เกิร์ล กรุ๊ป จากเกาหลีวงนี้ในเพลง Unforgiven) ศิลปินเหล่านี้แคร์ความรู้สึกแฟนเพลงมาก ทุกคนต้องการทำงานเพลงให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงสิ่งที่พวกเขารู้สึกผ่านการทำงานเพลง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ อย่างเช่นวง LE SSERAFIM ผมไปเล่นกีตาร์ให้กับโชว์ของพวกเธอที่เทศกาล Coachella ซึ่งพวกเธอจริงจังกับโชว์มากจนผมถึงกับต้องบอกกับพวกเธอไปว่า ใจเย็นๆ ความทุ่มเทเหล่านี้ทำให้ผมเคารพศิลปินเหล่านี้มากๆครับ"
Good Times เป็นเพลงสุดท้ายที่ Nile Rodgers & Chic เล่นปิดในทุกโชว์ แล้วสำหรับ Nile Rodgers เองล่ะ มีช่วงเวลาดีๆในไทยบ้างไหม? "ผมมาไทย 5 หรือว่า 6 ครั้งแล้ว ครั้งแรกคือที่ อัมปุรี ลูกพี่ลูกน้องของผมเคยมาที่ภูเก็ตตอนเกิดสึนามิด้วย เขาเช่าเรือไปแล่นเล่นแล่นไปถึงเกาะพีพี แล้วพอกลับมาทุกๆอย่างที่เห็นก็หายไปหมดเลย เพราะคลื่นสึนามิพัดไปหมดแล้ว ครั้งที่ 2 ที่ผมมาไทยเพื่อนของผมที่เป็นเจ้าของไนท์คลับพาผมไปดูโชว์ปิงปองที่พัฒน์พงศ์ ซึ่งผมรู้หรอกนะว่ามันคืออะไรทั้งพัฒน์พงศ์ทั้งโชว์ปิงปองเลย เราก็เลยไปกันแต่สิ่งที่ผมเห็นมีแต่สาวๆเต็มไปหมด ผมบอกกับตัวเองว่า นี่มันคืออะไรกันเนี่ย? แล้วโต๊ะปิงปองอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย เวลามันผ่านมานานแล้วนะเพราะจำได้ว่าตอนนั้นผมยังดื่มอยู่เลย แต่ผมเลิกดื่มมานาน 30 กว่าปีแล้ว ผมชอบเมืองไทยเพราะนี่คือประเทศที่มาเที่ยวแล้วสนุกมากๆถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ผมมองว่าไทยเป็นประเทศที่ทุกๆคนเปิดใจให้กัน ซึ่งต่างจากอเมริกาที่คนภายนอกมองว่าเป็นประเทศเสรี แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่จริงไปเสียทั้งหมด อ้อ! เกือบลืมบอกไปว่าสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ดูโชว์ปิงปองหรอกนะ (หัวเราะ)"
Special Thanks: Live Nation Tero
_________________
Like กดที่รูป