เพิ่งได้รับฟอเวิร์ดเมล์อันนี้อ่ะค่ะ อ่านแล้วอึ้ง เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆๆอ่านกัน ไม่คิดว่าขวัญจะเป็นแบบนี้ กับครูบาอาจารย์ก้อไม่เว้นน :....-o
>
> เรื่องราวของผมก็มีอยู่ว่า ผมได้รู้จักเธอตอนครั้งแรกสมัย ม. 4 ผมเรียนที่โรงเรียน
> บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แผนก ศิลป์ ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็น ธรรมดา ที่จะมีนักเรียนใหม่ที่เพิ่ง
> เข้ามาเรียนชั้น ม ปลายด้วย ขวัญ อุษามณีย์เป็น 1 ในนั้นด้วย มันก็ยิ่งเป็นที่พูดถึงเป็นธรรมดา
> น่ะครับสมัยนั้น ที่มักจะตื่นเต้นเวลามีดารามาอยู่ร่วมโรงเรียนด้วย และยิ่งตื่นเต้นกว่าเก่า
> เพราะเธอมาเรียน ห้องเดียวกับผม ทีนี้แหละทุกสายตาในโรงเรียน ( โดยเฉพาะนักเรียนชาย)
> ต่างมุ่งมาที่ห้องผมเป็นทิศทางเดียว
>
> เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น เราก็เริ่มเรียนกันอย่างปกติ แต่ก็อดไม่ได้ที่เราจะ
> คอยแอบมองคุณขวัญ อยู่อย่างเงียบๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยคนนึงครับ ใบหน้าที่ไม่ต้องไปสืบหาที่ไหนก็รู้
> ว่าเป็นลูกครึ่ง ฝรั่งแน่ๆ เธอมีลุคที่ยิ่งอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมก็คิดในใจ ว่า ' ช่วยไม่ได้
> ดารานี่หว่า ' เราแทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกันเลย เพราะหล่อนก็มีกรุ๊ปของเขาเหมือนกัน ผม
> เลยตั้งชื่อกรุ๊ปว่า กรุ๊ปไฮโซ
> เพราะว่าพวกเค้าเป็นจำพวกลูกคนรวยทั้งนั้นเลย
>
> วันเวลาผ่านไปเหมือนไม่รู้จุดหมาย ผมก็เรียน(และโดดเรียนในบางครั้ง- _') ไปเรื่อย
> ผมก็เริ่มสังเกตว่า ผมเริ่มไม่เห็น ขวัญ อุษามณีย์ ผมเลยคุยกับเพื่อนว่าคุณเธอหายไปไหนว่า ก็ได้
> คำตอบว่า ' คงไปถ่ายละครแหละช่วงนี้งานชุกนี่ ' ในขณะเดียวกันอาจารย์ หลายๆท่านที่มาสอนห้อง
> ผม ก็เริ่มบ่นถึงการเข้าเรียนของเธอ ผมกลับมองเข้าข้างคุณขวัญ ว่า ' ก็เค้ามีงานมีการทำนี่
> เค้าคงต้องใช้เวลาปรับตัว
> นิดนึงแหละน่ะ ' จนกระทั่งอยู่มาวันนึง ผมนั่งเล่นเกมตอนเลิกเรียน เพื่อนผมก็มาคุยว่า เมื่อ
> วันก่อนที่มันโดดเรียน(โดยไม่ยอมชวนผม) จังหวะที่กำลังปีนกำแพงอยู่นั้น มันดันเจอคนมาแซงคิวปีน
> กำแพง แต่ที่มันต้องอึ้งก็คือ คนที่แซงคิว คือยัยขวัญนั่นเอง เธอปีนออกไปพร้อมเพื่อน อีก 2 คน
> หลังจากนั้นเพื่อนผมก็ปีนตาม ออกไป ทันที่จะเห็นขวัญและเพื่อน นั่งในรถคันนึงที่จอดรอไว้ โดยมีคน
> ขับเป็นทอม
>
> นั่นเป็นครั้งแรกที่ก่อให้เกิดคำถามเล็กๆในใจ ว่าสิ่งที่เราคิดว่าใช่นั้น มันใช่จริงหรือ
> เปล่า ผมเลือกที่จะโยนคำถามฟุ้งซ่านนี้ทิ้งไป จนกระทั่งจุดหักเห ที่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อขวัญ
> เปลี่ยนไปตลอดกาล
>
> วันนั้นช่วงบ่าย ซึ่งผมต้องมีเรียนอีกวิชานึง ช่วงรอยต่อของคาบ ผมชวนเพื่อนลงไปกินโรตีที่
> โรงอาหาร ผมกับเพื่อนนั่งกินจน เข้าเรียนช้าไป 15 นาที ผมรีบวิ่งไปเข้าห้องเรียนกับ
> เพื่อน ผมจินตนการออกเลยว่าความกดดันที่จากการเข้าห้องสายเป็นยังไง สายตาทุกคู่ จะจับ
> มาที่เรา อาจารย์จะเริ่มบ่น และเราจะกลายเป็นคนเด่นโดยที่เราไม่ต้องการ ผมวิ่งมาถึง
> ห้องแล้วกลั้นใจก้าวเข้าไป ทว่า.....
>
> ว่างเปล่าครับ ในห้องว่างเปล่า ไม่มีอาจารย์สอน ผมกับเพื่อนตกใจมาก หันไปหันมา
> เห็นเพื่อนผู้หญิงในห้อง เลยถามว่าเกิด อะไรขึ้น เธอบอกว่า อาจารย์ไม่สอน นั่งร้องไห้อยู่ในห้องพัก
> ครู ไวเท่าความคิด ผมรีบไปที่ห้องพักครูทันที ก็เห็นอาจารย์นั่งร้องไห้ โดยมีเพื่อน ผมอีก 4-5
> คนนั่งล้อมรอบ ผมเข้าไปถามอาจารย์ว่า ' เกิดอะไรขึ้นครับ ' แต่ไม่ทันจะถามอะไร ผมก็กลืนคำ
> ถามลงกระเพาะทันที เพราะ
> อาจารย์ได้แต่บ่นว่า ' สอนหนังสือมา 20 กว่าปี เพิ่งจะมาเจอแบบนี้ ฉันจะไม่ถือว่ายัยเด็กคนนั้นเป็น
> ลูกศิษย์อีก ' ผมหันไปถามเพื่อนว่าที่อาจารย์ พูดหมายถึงอะไร ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้ใจผมเย็นยะ
> เยือก เค้าบอกว่า อาจารย์ไปทวงการบ้านจากยัยขวัญ แต่กลับโดนตดกกลับว่า ' เดี๋ยว จะส่ง
> ให้เอง เก็บปากไว้กินข้าวเหอะ ' ผมกำมือแน่น ใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แค้นที่มันกล้ามา
> ว่าคนที่ผมเคารพ แค้นที่มัน
> กล้าพูดจาหยามเยียดครูบาอาจารย์ และยิ่งแค้นกว่าเก่า เมื่อมันมาขอโทษอาจารย์ ใน
> ลักษณะ ฉันมาขอโทษโดยความจำใจนะ มันยิ่งทำให้ผม แค้นจนไม่รู้จะหาคำได้มาเปรียบได้อีก
> แล้วนอกจาก ชั่ว
>
> แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้ก็เงียบหายลง ภายใน 2 วัน ไม่มีอาจารย์ท่านอื่นมากล่าวถึง ไม่มี
> มาตรการอะไรกับเหตุการณนี้เลย ผมยังคง ติดอยู่กับน้ำตาของอาจารย์ที่ยังค้างในความรู้สึก
> ยัยขวัญก็ยังผุดๆโผล่ๆที่ห้อง 3 วัน มาที จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ถึงจะโผล่มาให้เห็นทีนึง จนผม
> สงสัยว่านี่มันดารา หรือตัวเหี้ยที่อยู่ในรัฐสภาวะ และแล้ว ความอดทนของผมก็ถึงขีดสุด เมื่อวัน
> นึงมีการทำรายงานเกี่ยวกับการบำเพ๊ญประโยชน์ ( ขออภัยที่ผมจำรายละเอียดไม่ได้) ก็มีการแบ่ง
> กลุ่มตามปกติ เหมือนผีซ้ำซาตานกระทืบ ยัยดาราดันมาอยู่กลุ่มเดียวกับผม!!!
>
> พ่อผมสอนเสมอว่า การทำงานเราต้องละทิ้งอคติต่อผู้ร่วมงาน เพื่อที่ภารกิจจะได้ลุล่วง
> ผมจึงต้องทิ้ง ? คติชั่วคราว เพื่องานกลุ่ม วันที่เรา เริ่มประชุมหารือกัน ไม่มียัยขวัญในกลุ่ม แต่
> ละวันที่ผ่านไป ยัยขวัญมีความหมายแค่ชื่อที่แปะในหน้าผู้จัดทำรายงาน ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อคน
> ในกลุ่ม เลยไปขออาจารย์ให้ตัดชื่อออกซะ อาจารย์ประจำวิชานั้น(ขอสงวนนาม) ได้แต่บอกว่า ช่วย
> เพื่อนเค้าหน่อยเถอะ น่าสงสารนะที่ไม่มีเวลาเรียน ผมจึงได้แต่ รับคำอาจารย์ จวบจนวันก่อนวัน
> สุดท้าย 1 วัน เราเหลือแค่การบำเพ๊ญประโยชน์ นั่นคือไปเลี้ยงขนมให้บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน
> แถวๆ สน.โคกคราม เราเตรียมของกันเรียบร้อย จู่ๆยัยนี่ก็โผล่ แล้วมาพูดใหญ่เลยว่า ' กูอยู่
> กลุ่มนี้ใช่ไหม อย่าลืมเอาชื่อกูลงนะ ตอนถ่ายรูปถ่ายให้ติดเฟรมด้วยล่ะ ' เพื่อน ผมก็เลยแซวว่า '
> โห เนียนเลยนะ ' รู้มั้ยเค้าตอบรับมุขเพื่อนผมยังไง ดาราเธอตอบกลับว่า ' มึงยุ่ง
> เหี้ยไรด้วย ไอ้สัด '.............
>
> เพื่อนผมอึ้ง ตัวผมอึ้ง หลายยๆคนอึ้ง ยกเว้นตัวเธอกับเพื่อนในกรุ๊ปอีก 4-5 คน
> นี่ผมหูฝาดใช่มั้ย ดาราที่มีชื่อเสียงด่าเพื่อนผมด้วยวาจา เยี่ยงนี้เหรอ พวกเพื่อนๆเธอออกเดินนำ
> หน้า เพื่อที่จะไปบ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน ผมเดินอยู่ห่างๆพร้อมเพื่อนผมและเพื่อนผม พร้อมทั้ง
> วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิด ขึ้น แต่เราก็ลืมเหตุการณ์นั้นเพราะเราต้องเอาขนมให้เด็กพิการซ้ำซ้อน และ
> ถ่ายรูปเพื่อทำรายงาน วันนั้นก็จบลงด้วยความรู้สึกที่อิ่มอกอิ่มใจ เรากำลังเดินออกจาก บ้านพักเด็ก
> พิการซ้ำซ้อนด้วยความร่าเริง ผมยิ้มและเฮฮากับเพื่อนๆอยู่ แต่จู่ๆโลกรอบตัวของผมกลับนิ่งไปทัน
> ใด เมื่อเพื่อนผู้หญิงร้องออกมาว่า ' เฮ้ย ขวัญลบรูป ทำไม ' พวกเราหันไปพร้อมกับเหมือนนัด
> หมายไว้ก่อน ความโกรธผมพุ่งถึงขีดสุด ถามกลับไปว่า ' นี่มันเกิดห่าอะไรวะ ' ยัยขวัญสารเลวพูด
> ทั้งๆที่ทำหน้าอย่าง เฉยเมย ' ก็เห็นปุ่มมันเขียนว่า delete ก็เลยลองกดดูไม่รู้ว่า มันจะลบหมดเลย
> '
>
> ขอประทานโทษนะครับ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
> ยยยยเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!
>
> ผมปรี๊ดแตก กำมือแน่น เตรียมที่จะเข้าไปต่อยหน้างามๆของเจ้าหล่อนแล้ว พร้อมกับที่ เธอ
> ก็เอาแต่บอกว่า ' ก็คนมันไม่รู้นี่นา ' ไม่รู้ห่าอะไรล่ะ หน้าโคตรฝรั่ง อย่าว่าแต่ delete เพราะ
> ปกติถึงมือจะไปโดน โปรแกรมก็ต้องขึ้น yes หรือ no ให้เลือก แล้วมึงไม่รู้ไอ้สองคำนี้เหรอวะ อี
> ขวัญเอ้ย! ผมเดินรี่เข้าไป พร้อมทั้งคิดอยู่อย่างเดียวว่า กูทนไม่ไหวแล้ว รูปที่ถ่ายมาทั้ง
> หมดอันตธานหายไป และวันพรุ่งนี้ก็ต้องส่งงานเพราะมันเป็นวันสุดท้าย นั้นหมายความว่า เราจะต้อง
> เสียคะแนนเก็บ เกือบ 20 คะแนน ( คุณที่อ่านถึงบรรทัดนี้ คงรู้สึกแบบเดียวกันว่า ตอนที่เรียน
> คะแนนเก็บมีค่าขนาดไหน) ทุกๆอย่างประเดประดังมา พร้อมๆกับขาที่ก้าวไป แต่เพื่อนผมก็คว้าแขน
> ผมไว้ พร้อมทั้งห้ามปรามว่า อย่าเอาตัวมึงไปแลกกับไอ้คนพรรค์นี้เลย สุดท้ายพวกเราเลยต้องมา
> นั่งอยู่ในรถแท๊กซี่ เพื่อกลับบ้าน และสาบานว่าผมจะไม่ลืมความเฮงซวยของผู้หญิงคนนี้ และผมจะต้อง
> แก้แค้นแน่
>
> หลังจากที่ผมต้องไปอ้อนวอนอาจารย์ประจำวิชา เราเลยได้ส่งงานและได้คะแนน แต่เราก็
> ยังไม่ลืมเหตุการณ์ในวันนั้น ผมมองเธอคนนั้นเปลี่ยนไป เธอกลายเป็นปีศาจร้ายในคราบคิวปิด สำหรับ
> ผมไปเลย ส่วนเธอน่ะเหรอ ก็กลับมาสู่ชีวิตปกติของเธอ มาโรงเรียนสัปดาห์ละครั้ง และก็
> คล้ายกับเหตุการณ์ที่ผมกล่าว ไว้ข้างต้น เข้ามาโรงเรียนปุป เหมือนเข้ามาแล้วมันร้อนตัวมั้งครับ ก็
> เลยกระโดดออกไปหาทอมปั๊บ จนผมคิดว่าถ้าเธอเรียนเต็มวัน วันนั้นเกาะภูเก๊ตคงจมอยู่ใต้ทะเล
>
> จนกระทั่งเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของภาคเรียนของ ม. 4 เทอมสอง เราเริ่มเตรียมตัวสอบ
> กัน และช่วงนี้ยัยขวัญก็เข้ามาเรียนบ่อยเป็นพิเศษ ( แต่เกาะภูเก๊ต ไม่ยักกะจมแหะ) แล้ววันนึง
> ไม่มีอะไรบ่งบอกล่วงหน้า ขณะที่เรากำลังนั่งเรียนอยู่ตอนเช้า จู่ๆก็มีผู้หญิง 2 คน คนนึงหน้าแก่
> มาก อีกคนก็ดูประมาณ อายุ 25 มายืน จังก้าอยู่หน้าห้อง แล้วคนแก่ก็ตวาดเสียงดังลั่นอาคาร '
> ขวัญ เก็บข้าวของเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปอยู่แล้วโรงเรียนนี้ อยู่แล้วก็สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ' พร้อม
> กันนั้น คุณแม่
> ยัยขวัญ (ที่ผมเดาเอาเองจากสามัญสำนึก และเดาถูกด้วย) ก็สั่งให้พี่สาวของยัยขวัญ ( ซึ่งผมก็
> เดาถูกอีกแหละ) เข้าไปล้มโต๊ะนักเรียนกลางห้อง เสียงดังสนั่นอาคาร ยัยขวัญก็เข้ามายื้อแย่ง
> หนังสือพร้อมตะโกนเสียงดัง ' อย่ามายุ่งกะหนูนะ แม่มีสิทธิอะไรมาทำแบบนี้ ' คุณแม่ก็ตอบกลับว่า
> ' นี่ฉันเป็นแม่เธอนะ พูดอย่างงี้กะฉันได้ยังไง ' พี่สาวก็ทำหน้าที่เหมือนคอรัส ' ดูมันสิแม่ กล้าหือ
> กับแม่อย่างงี้ ' สุดท้ายแล้วทั้งแม่และพี่สาว ก็ลากยัยดารานั้นออกไปจากห้อง เหมือนหมูเหมือนหมา
> เราได้แต่ยืนมองตาปริบๆ เหมือนพึ่งดูละครภาคค่ำจบ และวันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เจอ ขวัญ
> อุษามณี
>
>
>
>
>
ปล เมื่อก่อนเคยชอบขวัญน่ะ เพราะน่ารักดี แต่ตอนนี้ บอกได้คำเดียวว่า อึ้ง!!!
_________________
10 ปีที่เป็นแฟนคลับบริท ไม่เคยเสียใจสัก วินาที!