
ไม่ว่า มารายท์ แคร์รี่ย์ จะมีสติไม่สมประกอบ แต่งตัวขาดๆเกินๆ หรือทำมิวสิควีดีโอ เพี้ยนๆหลุดโลกแค่ไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เสียงร้องของมารายท์ช่างน่าทึ่ง บางคนก็ยังว่า น่าทึ้ง (กรุณาอ่านตามวรรณยุกต์) เพราะไม่ว่าจะออกอัลบั้มมากี่ชุดต่อกี่ชุด ดังสุดๆ และดับสุดๆ เธอก็ยังคงไว้ซึ่งเสียงมหาหอน สุดยอดแห่งคีรีบูนแห่งหุบเหว (ไม่รู้จะเปรียบเป็นอะไรแล้ว) จวบจนอัลบั้มล่าสุด ที่ฉุดร่างตันๆของเธอขึ้นมาจากก้นทะเลลึกได้ ด้วยเพลง We Belong Together ในปี 2005 ไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ และไม่มีเพลงไหนแรงเท่าเพลงนี้อีกแล้ว นอกจากตัวเพลงที่ดังเป็นพลุแตกแล้ว ชื่อเล่นใหม่ของเธอก็ยังเป็นที่กล่าวขาน เพราะมันช่างน่ารักน่าชัง และเข้ากับรูปร่างของเธอว่า มีมี่
The Emancipation Of Mimi อัลบั้มล่าสุดของ (ขอเรียกเธออย่างเอ็นดูว่า) ป้ามาลิง ก็ต้องทำให้ใครหลายๆคนแปลกใจ เพราะชื่ออัลบั้มเธอยาวเป็นประวัติการณ์ จากที่เคยใช้ชื่อเดี่ยวๆมาตลอด เช่น Glitter, Charmbracelet, Rainbow, Music Box, Daydream และอีกมาก ก็ล้วนแต่เป็นคำสั้นๆในอัลบั้มนี้ เธอได้จิกเอา Jermaine Dupri แร็พเปอร์และโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกันจนดังสนิทมาแล้วในเพลง Sweetheart ก็กุมบังเหียนของอัลบั้มนี้ ก็เลยไม่แปลกใจ เพราะซาวด์แต่ละเพลงก็ดูจะเป็นงานของ JD ไปซะเกือบทั้งหมด แถมป้ามาลิงเธอยังขนพลพรรครักเอยมาแจมกันแบบบ้านแตก ทั้ง Snoop Dogg, Nelly, Twista, Pharelle, Fatman Scoop (สงสารรายหลังเพราะไม่มีเครดิตที่ปกหลังเลย ให้ตายสิ) ประกอบกับเสียงหอนโลกแตกของป้ามาลิง ที่ท้าให้เลยว่า ไม่มีดิว่านางไหนโหนสุดเสียงสังข์ได้ขนาดนี้อีกแล้ว
เพลงแรกและซิงเกิ้ลแรก It's Like That (Featuring JD & Fatman Scoop) โดยส่วนตัวแล้ว แม้จะได้ยินเพลงนี้ตามสถาณที่เริงรมย์ต่างๆในช่วงค่ำคืน เราก็ไม่ประทับใจเพลงนี้เท่าไหร่ ในฐานะที่เป็นแฟนคลับมารายท์คนนึง ขอบอกว่า เพลงนี้อ่อนมากๆ เหมือนกับว่ามารายท์เธอไม่ค่อยใส่รายละเอียดลงไปในเพลงเท่าไหร่ ขัดกับเพลงเก่าๆของมารายท์ดังเช่น Heartbreaker, Honey, Fantasy ที่ดูมีอะไรมากกว่า We Belong Together ทึ่งนักกับวิธีการร้องแบบกระชั้นชิด ไม่มีหยุดหายใจหายคอ ไม่มีหอยเลยซักแฮก พิสูจน์ได้อีกข้อว่า ปอดมารายท์นั้นใหญ่ยักษ์พอๆกับนมซิลิโคนของเธอ เนื้อเพลงถึงแม้จะได้กลิ่นตุๆ แต่ก็ยังคงแฝงไว้ซึ่งความตลกของมารายท์ ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เรารักผู้หญิงตัวยักษ์คนนี้ ช่วงสุดท้าย ก็ไม่ทำให้ผิดหวังตามคอนเซ็ปที่เธอถนัด หอนสุดกระบังลม ปรบมือให้กับความสามารถที่ใครในโลกก็ทำไม่ได้ Shake It Off เป็นอีกเพลงที่มารายท์หยิบยืมสำเนียงเก่าๆ เมื่อครั้งสองสามอัลบั้มก่อนมาใช้ อาร์แอนด์บีจังหวะกระตุกๆ พร้อมด้วยเสียงฮ้าๆฮี้ๆ บอกตามตรงว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ที่มารายท์ตัดเพลงมาเป็นซิงเกิ้ล แถมยังขึ้นถึงอันดับสองของตารางบิลบอร์ด ด้วยความสงสัยที่ว่า เกาะกระแส We Belong... มารึเปล่า Mine Again ใครว่ามารายท์ร้องเพลงบัลลาดได้น่าฟังเสมอไป นี่เป็นอีกตัวอย่างของการที่คนเราเมื่อตั้งใจทำอะไรมากเกินไป ผลออกมาก็จะขาดๆเกินๆแบบนี้ น่าเบื่อ ซ้ำซาก ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าพูดถึงเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าเสียงเธอจะดี แต่เมื่อขึ้นเสียงสูงไม่มีการผ่อนปรนแบบนี้ ก็ต้องขอกดข้ามแทร็คก่อนเวลาอันควร Say Somethin'(Featuring Snoop Dogg) โหวตให้เป็นเพลงที่มีคลาสมากที่สุดในอัลบั้มมีมี่ ขึ้นต้นมาก็พร้อมกับเครื่องเป่าสำเริงสำราญ แล้วจึงมีเสียงครางพอเป็นพิธี บ่งบอกให้รู้ว่า นี่เพลงของมารายท์นะจ๊ะ คีย์บอร์ด กลอง ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี น่าจะเขี่ย It's Like That ทิ้งตั้งแต่ต้น แล้วดันเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแรกเลยซะนี่ ส่วนน้าหมาของเรา มาคราวนี้ แบบแร็พกึ่งร้อง ทำได้ดีนี่นา เสียงนุ่มใช้ได้เลยล่ะ Stay The Night เรียกโปร์ดิวเซอร์มือทองมาร่วมงานด้วย จึงออกมาได้ผลเป็นโซลย้อนยุค มีกลิ่นของ คานยีอยู่เล็กๆ ถึงแม้เพลงจะดีปานใด ก็ไม่เหมาะที่จะตัดเพลงนี้ออกขาย เพราะคงไม่ถูกหูคนฟังส่วนใหญ่แน่ๆ เรียกว่าของดีไม่จำเป็นต้องขายเสมอไป Get Your Number (Featuring Jermane Dupri) ตัดมาเป็นซิงเกิ้ลคู่กับ Shake It Off ในอังกฤษ เป็นฮิพฮอพจังหวะสนุก แต่ไม่สนาน เพราะไม่มีบีทมันส์ๆมาสมทบ จึงเป็นได้แค่ งานเฉพาะกิจที่มารายท์ โดน JD สิง เพราะไม่มีความเป็นมารายท์อยู่ในเพลงเลยแม้แต่น้อย One & Only(Featuring Twista) เป็นอีกงานของมารายท์ที่น่าเสียดายอย่างสุดซึ้งที่เธอตาบอด ตัด Shake It Off ไม่เอาเพลงดีๆเพลงนี้ไว้ประดับบนชาร์ต ก็น่าเห็นใจ Twista ที่อุตส่าห์ได้มาร่วมงานกับมารายท์และมีเพลงดีๆแบบนี้ทั้งที กลับไม่ได้รับการเหลียวแล พูดถึงตัวเพลงจัดอยู่ในระดับน่าฟังมากๆ เพราะรายละเอียดครบทุกวงจร การรับส่งแต่ละท่อนเด่นกันทั้งสองฝ่าย Circles ไม่ได้เด่นอะไร แต่ก็ไม่น่ากดข้าม เนื้อก็วนไปวนมา เหมือนกับชื่อเพลง ตั้งแต่เธอจากไป ชั้นก็ไม่เป็นสุขอีกเลย รู้สึกว่ามารายท์จะมีเพลงทำนองนี้บ่อยมาก ร้องให้แฟนเก่ารึเปล่า Your Girl เพลงที่อ่อนที่สุดในอัลบั้ม ซาวด์เอยดนตรีเอย เหมือนกับไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร อีกทั้งการร้องของมารายท์ก็ไม่น่าประทับใจ จึงรู้สึกว่าเป็นเพลงที่สมควรตัดออกไปจากอัลบั้มอย่างด่วนที่สุด ก่อนที่มันจะลามไปเป็นเพลงอื่นๆ I Wish You Knew รู้สึกดีที่ช่วงนึงของเพลงนี้เป็นเสียงคอนเสิร์ต ใน่ช่วงหวีดของมารายท์ โดยมีเสียงแฟนๆกรี๊ดกร๊าดด้วยความประทับใจ ช่วยให้เพลงนี้ดูมีอะไรมากกว่าเพลงก่อนๆเยอะเลย To The Floor (Featuring Nelly) ก็เป็นอีกเพลงที่มารายท์แทบจะไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย เพราะดนตรีมันไม่ใช่ของมารายท์น่ะสิ นักร้องรับเชิญต่างหากที่มากินเนื้อที่ของเพลงซะเกือบหมด Joy Ride มารายท์จับเอาออเครสตร้ามาเพิ่มความขลัง แต่ก็ไม่ช่วยอะไรมาก ธรรมดา และไม่เชื่อว่า มันจะเป็นเพลงของมารายท์น่ะสิ Fly Like A Bird รู้สึกอารมณ์จะต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว หนนี้มีคอรัสฝูงใหญ่ แข่งกับเสียงร้องของมารายท์ ที่ช่วงท้ายๆเธอจะเป็นเอามาก กลัวโดนกลบเลยต้องแหก ย้ำว่าแหก ไม่ใช่หอน แต่รวมๆคือน่าประทับใจดี Don't Forget About Us อีกหนึ่งความพยายามที่จะเป็น We Belong Together ภาคสอง ทำได้ไม่ดีเท่า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเมินหน้าหนี เนื้อเพลงก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่เลย ก็ยังมีช่วงตลกสอดแทรกมาเหมือนเคย จึงไม่ยากที่จะตะกายขึ้นอันดับหนึ่งเป็นเพลงล่าสุดของเธอ Makin' It Last All Night (What It Do) (Featuring Jermaine Dupri) เพลงใหม่อีกเพลงที่เพิ่มมาใน Special Edition นี้ ก็ร่วมงานกับเจ้าเดิม JD ตัวเพลงไม่มีอะไรใหม่ให้ชมซักเท่าไหร่ แต่ก็ฟังได้เพลินๆ สนุกๆ ซาวด์คล้ายๆงานใดงานหนึ่งของ JD ฮั่นแน่ โดนเข้าสิงอีกแล้วนะมาลิงเอ๊ย So Lonely (One & Only Part II) (Mariah Carey & Twista) เพลงนี้สิแน่จริง เหมาะสมที่จะตัดเป็นซิงเกิ้ลให้แฟนๆได้เชยชม จังหวะติดหู ฟังสนุก แถมยังเซ็กซี่อีกต่างหาก เชื่อว่าใครอีกหลายๆคนคงจะเชียร์เพลงนี้อยู่ลึกๆ We Belong Together Remix (Featuring Jadakiss & Styles P.) อีกเวอร์ชั่น ที่ฟังได้เพลินดีเหมือนกัน เปลี่ยนเนื้อไปบ้างตามอารมณ์ของเพลง แรกๆฟังอาจจะเพี้ยนๆไปบ้าง เพราะอาจจะติดอยู่ที่ฟังเวอร์นเดิมมันยังเพราะอยู่ และฟังบ่อย แต่นานๆก็รู้สึก เฮ้ย ก็เข้าท่าดีนี่หว่า
กลับมายืดอกโตๆในชาร์ตเพลงได้เหมือนเดิม พร้อมกลับทวงบัลลังค์ดิว่ามหาหอนกลับคืนมาได้สำเร็จ แม้อัลบั้มนี้อาจจะเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุด(รองจาก Music Box และอะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว) ของมารายท์ก็จริง แต่มันก็ยังไม่ใช่อัลบั้มที่ดีที่สุดของมารายท์เช่นกัน เพราะมารายท์ยังคงมีเพลงอ่อนๆที่น่ากดข้ามอยู่หลายแทร็ค อัลบั้มนี้จึงเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างชัดเจน ฮิพฮอพสนุกๆ เพลงช้ามหาหอน โซลดึกดำบรรพ์ ซึ่งฟังยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้ ต่างจากอัลบั้ม Charmbracelet ที่แม้ว่าจะยอดขายแย่ แต่ตัวเพลงเข้ากันได้ ดูมีเหตุผลพอที่จะทำเป็นหนึ่งอัลบั้มหนึ่งมารายท์ เพลงของมารายท์ไม่ได้แย่ แต่เธอน่าจะหาเพลงที่มันไปด้วยกันได้ก็แค่นั้น