ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์มีความวุ่นวาย และข่าวฉาวต่างๆ มากมาย บางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่าเวทีนี้อาจจะมีอาถรรพณ์จริงๆ ทำไมหลายคนถึงว่าเวทีนี้มีอาถรรพณ์ เราจะมาย้อนอดีตกันว่าเวทีนี้มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้คนคิดว่าเป็นเวที ที่มี อาถรรพณ์
ปี 2528 เป็นปีแรกของการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ผู้ครองมงกุฎคือ ปอ ปานเลขา ว่านม่วง ปีนั้นจู่ๆ ก็มีนางงามคนหนึ่งเกิดอาการหน้ามืดล้มพับคาเวที ทำเอาพี่เลี้ยงพูดกันว่าอาจจะเป็นลางไม่ดี แต่การประกวดก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
ปี 2529 ภายหลังพิธีกรประกาศชื่อมิสไทยแลนด์เวิลด์คนใหม่ ได้แก่ สาวนักเรียนนอก แสงระวี อัศวรักษ์ ก็เกิดเหตุโกลาหล วุ่นวายไฟดับ และมีนางงามกลุ่มใหญ่นำโดย นฤมล ศิลปี กระชากมงกุฎจากศีรษะของแสงระวี ไปใส่ให้กับรองอันดับ 1 ดวงเดือน จิไธสงค์ แทน รวมถึงยังตบกันสนั่นเวทีอีกหลายฉาด สาเหตุเพราะเกิดอาการหมั่นไส้แสงระวี ที่ถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นชอบทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่น แต่ต้องนับถือความมีความสติของแสงระวี ถึงแม้จะถูกกระชากมงกุฎ แต่เธอก็ยืนนิ่ง ยิ้มรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน เหตุการณ์นี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน จากนั้นแสงระวีก็ดังเป็นพลุแตกจากโฆษณากาแฟกับบทบาทสาวเชคสุดเซ็กซี่ ละครเรื่องแม่เบี้ย และเทปชุดแรกที่สร้างกระแสได้ไม่น้อย ส่วนดวงเดือน จิไธสงค์ ปีต่อมาเข้าประกวดนางสาวไทย แต่ก็ได้แค่รองอันดับ 1 เช่นเคย โดยผู้ครองมงกุฎนางสาวไทยปีนั้นคือ ชุติมา นัยนา หลายคนจึงกล่าวว่าดวงเดือนเป็นรองนางงามตลอดกาล
ปี 2531 พอสิ้นเสียงประกาศว่าสาวตัวเก็งเมืองสุพรรณบุรี ทวีพร หุ่นศิลป์ หรือ กบ ปภัสรา ชุตานุพงศ์ ได้รับตำแหน่ง ด้านหลังเวทีมีมือดีก่อหวอด ด้วยการเอาสายสะพายและคทานางงามลงไปทิ้งในโถส้วม สาเหตุว่ากันว่าเป็นเพราะเพื่อนนางงามด้วยกันไม่พอใจคำตัดสินที่ให้ กบ คว้ามงกุฎ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นเด็กของพี่เลี้ยงอาวุโสชื่อดังที่กรรมการล็อคหมายเลข ไว้แล้ว (ภายหลังปภัสราได้ให้สัมภาษณ์ทางรายการทีวีว่าการประกวดครั้งนั้นเธอไม่ได้ ตั้งใจเข้าประกวดด้วยซ้ำ และมีของเครื่องลางของขลังติดตัวคือ ปลัดขิก นั่นเอง)
ผ่านเรื่องอาถรรพณ์ติดๆกันมาหลายปี ปีถัดมาก็มีเสียงติติงในเรื่องของความไม่เหมาะสม อย่างปี 2532 ปีนั้น สาวลูกครึ่ง เฮเลน ปทุมรัตน์ วรมาลี ได้ครองตำแหน่ง แต่ก็ถูกสับเละจากสื่อมวลชนและคนดูว่า เธอพูดไทยไม่ชัด แต่เธอก็เป็นสาวไทยคนแรกที่สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบ 5 คนสุดท้ายของการประกวดมิสเวิลด์ (รองอันดับ 3 ) และยังพ่วงด้วยตำแหน่ง บิวตี้ ควีน ออฟ เอเชีย (นางงามจากทวีปเอเชียที่มีผลงานดีที่สุดในการประกวด)
ปี 2535 สาวนักเรียนนอกร่างอวบ ลูกเกด เมทินี กิ่งพโยม คว้าตำแหน่งไปครอง ถูกค่อนแคะอย่างหนักถึงเรื่องน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเกินมาตรฐานนางงามทั่วไป ที่หนักถึง 60 กิโลกรัม แต่ปีนั้นลูกเกดก็สามารถคว้าตำแหน่งบิวตี้ ควีน ออฟ เอเชีย มาครองได้สำเร็จ ถึงแม้ปีนั้นจะไม่มีสาวเอเชียผ่านเข้ารอบ 10 คนได้ก็ตาม หลังจากอำลาตำแหน่งลูกเกดก็กลายเป็นซูเปอร์โมเดลอันดับ 1 ของเมืองไทยจนทุกวันนี้
ปี 2539 ซินดี้ สิรินยา วินสิริ สาวลูกครึ่ง คว้าตำแหน่งชนะเลิศ แต่ก็ไม่วายถูกตำหนิว่าเธอหน้าตาฝรั่งเกินไป ไม่เหมาะสมกับเป็นตัวแทนของสาวไทย แต่ซินดี้ก็ได้พิสูจน์ว่าถึงแม้จะหน้าฝรั่ง ก็มีสายเลือดไทยอยู่เต็มร้อย ภายหลังซินดี้ก็ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ และกลายเป็นนางแบบแถวหน้าของเมืองไทย และแต่งงานกับแฟนหนุ่มไบรอน บิชอพ ที่คบหาดูใจกันมานานหลายปี
และเวทีนี้ก็กลายเป็นข่าวดังอีกหน เมื่อปี 2540 มิสไทยแลนด์เวิลด์สุดอึ๋ม เจ้าของความมาดมั่น สไตล์อินเตอร์ แทน ธัญญา สื่อสันติสุข กลับมาจากการประกวดมิสเวิลด์ที่เกาะซีเชลล์ และสามารถผ่านเข้าถึงรอบ 5 คนสุดท้ายได้เป็นผลสำเร็จ เจ้าตัวก็สร้างกระแสให้กับตนเองด้วยการใส่ชุดว่ายน้ำไปขโมยซีนกลุ่มนางงาม ที่กำลังคัดเลือกนางสาวไทย ปี 2541 จนช่างภาพเฮโลไปถ่ายรูปแทนกันหมด และมีข่าวว่าเจ้าตัวประกาศจะประกวดใหม่ในปีหน้า เพื่อคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองให้ได้ เป็นข่าวฮือฮาอยู่หลายวัน
จากนั้นก็งดประกวดไปหลายปี เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงฟองสบู่แตก และกลับมาจัดการประกวดใหม่อีกครั้ง ในปี 2544 โดยช่อง 3 ได้มอบหมายให้ บริษัทบีอีซี เทโรฯ เป็นผู้จัดการประกวด ในรูปลักษณ์การประกวดใหม่ไม่มีการใส่ชุดว้ายน้ำเหมือนอย่างเคย โดยสาวงามที่ประเดิมมงกุฎกับการประกวดครั้งใหม่คือ ลดา เองชวเดชาศิลป์ สาวอิมพอร์ตซึ่งเคยผ่านงานด้านโฆษณามาบ้างแล้ว และลดาก็ยังสามารถคว้าตำแหน่งมิสโฟโต้จีนิก หรือขวัญใจช่างภาพจากการโหวตของผู้ชมทั่วโลกทางอินเตอร์เนต บนเวทีมิสเวิลด์ในปีนั้นมาครองได้สำเร็จ หลังครองตำแหน่งไม่ทันไร ลดาก็เปิดศึกทะเลาะกับพี่เลี้ยง(แอ๊ะ ณัฐฐาวดี วินสิริ) ด้วยเรื่องเงินๆทองๆ จนเป็นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล สร้างความปั่นป่วนให้กองประกวดอยู่พักใหญ่
และข่าวที่ฮือฮา ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่หลายคนคงยังจำได้ เมื่อปี 2546 รองอันดับ 1 ปีนั้น จอย จตุพร แสงทอง ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังมีคนแฉว่าเคยผ่านการแต่งงาน มีครอบครัวมาแล้ว ซึ่งทีแรกเธอออกมาปฏิเสธ ภายหลังจำนนต่อหลักฐานเธอก็ออกมายอมรับด้วยน้ำตานองหน้าผ่านจอทีวี ซึ่งก็เรียกความสงสารไปได้ไม่น้อย และเธอก็โด่งดังเป็นพลุแตกในช่วงนั้น มากกว่ามิกซ์ เจนจิรา เกิดประสพ ผู้ได้ตำแหน่งเสียอีก
และนี่ก็คือทั้งหมดของข่าวตลอด 20 ปีที่ผ่านมาของเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ ถึงแม้การประกวดจะมีข่าวฉาวเกือบทุกปี แต่หลายคนคงจะไม่ปฏิเสธว่า การประกวดขาอ่อนยังเป็นสีสันหนึ่งบนหน้าจอทีวีและพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ที่ สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วไปได้เป็นอย่างดี
จาก http://webboard.mthai.com/10/2005-11-30/171613.html ครับผม!!!
_________________

April fighting! + angel Sojin�