แน่นอนว่าใครหลายๆคนคงไม่เคยได้ยินชื่อ Dev Patel มาก่อนที่หนังเรื่อง Slumdog Millionaire จะประสบความสำเร็จโด่งดังเป็นพลุแตก
หนังเรื่องนี้กำกับโดย Danny Boyle ซึ่งเนื้อหาของหนังก็วนเวียนอยู่กับเรื่องการผจญภัย ความรักและความตายภายใต้สลัมในมุมไบประเทศอินเดีย ซึ่งตีแผ่ด้านมืดที่ใครหลายๆคนไม่อยากจะรับรู้ว่ามันมีอยู่จริง
Q : คุณได้รับบทเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาในย่านสลัมมุมไบชื่อว่า Jamal บอกหน่อยสิว่าคุณได้รับบทนี้ได้ยังไง ?
Dev Patel : ผมได้ยินมาว่า Danny Boyle กำลังจะทำหนังเรื่องนี้ ผมเลยเข้าไปทดสอบบท จากนั้นพวกเค้าก็ส่งผมไปมุมไบ เพื่อไปคัดเลือกพร้อมกับสาวๆอีก 15 คนที่จะเข้ามารับบท Latika นางเอกของหนังเรื่องนี้
Q : แล้วคุณรู้สึกอย่างไร ?
Dev Patel : ผมรู้สึกเหมือนกับเป็นเด็กๆที่ได้เข้าไปอยู่ในร้านขายลูกกวาด มันรู้สึกอย่างนั้นเลยจริงๆ รู้มั้ยพวกสาวๆที่มาทดสอบบทพวกเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ โอ้เยส! แล้วเราก็ได้ Freida เข้ามาเล่นเป็น Latika
เธอบอกผมว่าเมื่อตอนเราเล่นฉากรักด้วยกันเธอรู้สึกประหลาดแปลกและตื่นเต้นไปพร้อมๆกันเพราะเธออายุ 24 แต่ตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุ 17
Q : คุณบอกว่าตอนที่คุณทดสอบบท Jamal มันทำเอาคุณเครียดจนจะร้องไห้ไปเลย มันยากอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ?
Dev Patel : ผมรู้สึกเป็นกังวลเพราะผมจริงจังกับบทนี้มาก อย่างหนึ่งเป็นเพราะ Danny Boyle ก็อยู่ในห้องดูผมทดสอบบทอยู่ด้วย ผมจำได้ว่าหลังทดสอบบทเสร็จ Danny Boyle บอกผมว่า โอเคไอ้หนู ผ่อนคลายแล้วก็กลับบ้านไปซะ
จากนั้นผมกลับไปหาแม่ และกินพิซว่าที่แม่ทำ มันเป็นพิซว่าที่อร่อยที่สุดในโลกที่ผมเคยกินมาเลย ตอนนั้นผมคิดถึงคำพูดก่อนจะแยกจาก Danny Boyle มันทำเอาผมอยากจะร้องไห้ ผมพลาดที่จะได้เล่นหนังเรื่องนี้แล้วแน่ๆ
จากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ต่อมาผมได้รับโทรศัพท์จาก Gail Stevens ซึ่งเป็นผู้ที่ทำหน้าที่คัดตัวแสดง เธอบอกผมว่า "เฮ้ เดฟ พวกเค้าต้องการให้คุณไปที่อินเดียอาทิตย์หน้าเพื่อไปสมทบกับทีมงานและดูสถานที่ถ่ายทำแนะ"
Q : คุณว่าจะดีกว่านี้มั้ยหากผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นคนอินเดีย ?
Dev Patel : ผมว่ามันไม่สำคัญยังไงมันก็ต้องออกมาดีอยู่แล้ว Danny ผู้กำกับของเรื่องไม่ได้ทำตัวราวกับว่าเป็นคนต่างถิ่น เค้ารู้ว่าต้องทำและต้องกำกับยังไง เค้าเข้าถึงบทบาทของทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเค้าทำการบ้านมาดีมากๆ
ซึ่งแม้แต่ทีมงานที่เป็นคนอินเดียทั้งหมดทุกคนก็ให้ความร่วมมือดีมาก ทุกคนทำราวกับว่าต่างก็เป็นผู้ช่วยผู้กำกับไปซะหมดทุกคน พวกเราไปถ่ายทำกันจริงๆที่สลัม เรามีบทที่เยี่ยมยอดซึ่งมันจะไปปรากฎบนจอภาพยนตร์ให้ทุกคนได้เห็นกัน
Q : คุณเคยไปสลัมมาก่อนมั้ย
Dev Patel : ไม่เลย แล้วก็ไม่อยากจะไปด้วย แต่มันเป็นงานเลยทำให้ผมต้องไป การไปที่สลัมมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ผมเข้าถึงบท Jamal ได้ถึงที่สุด ผมจำเป็นต้องไปที่สลัมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มันช่วยเปิดโลกทัศน์ของผม มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อตอนผมไปถึงที่นั่น
มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและรู้สึกได้ว่าตัวผมนั้นโชคดีที่อย่างน้อยชีวิตจริงของผมมันก็ดีกว่าคนอื่นๆที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ชีวิตในสลัมมันไม่น่าอภิรมณ์เลยสักนิด ผมว่าถ้าคุณได้ไปเห็นสถานที่จริงที่ที่เราถ่ายทำกันคุณจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าผมหมายถึงอะไร
Q : มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ?
Dev Patel : มันไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอก ผมก็ภูมิใจในตัวผมพวกเค้าก็เหมือนกัน คนอินเดียที่อยู่ที่สลัมนั่น พวกเค้ามีวิถีชีวิตของเค้าเอง พวกเค้าไม่ต้องการให้ใครมาสงสารหรือเห็นใจ พวกเค้ามีความสุขกับสิ่งที่พวกเค้าเป็น พวกเค้ามีความภูมิใจในตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
Q : จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ออกฉายและไม่ประสบความสำเร็จ ?
Dev Patel : ทุกคนที่มีส่วนร่วมทำหนังเรื่องนี้อาจจะหมดกำลังใจที่จะสร้างสรรค์งานดีๆออกมาอีก แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นผมว่ายังไงซะมันก็ต้องมีทางออก ทุกคนทั้งทีมงาน ผู้กำกับ นักแสดงสมทบในหนังเรื่องนี้ทุกคนมีเลือดนักสู้อยู่ในตัวหมด พวกเราไม่ยอมแพ้หรอก
Q : คุณเคยมีโอกาสดูหนัง Bollywood มาบ้างมั้ย ?
Dev Patel : คุณรู้อะไรมั้ย ผมตอบคำถามนี้มาเป็นล้านครั้งแล้ว และผมจะตอบแบบเดิมแบบที่ผมเคยตอบมาว่า Yeah!
Q : คุณได้เรียนรู้อะไรจากหนังพวกนั้นบ้าง ?
Dev Patel : ตอนผมเล่นบท Jamal ผมบอก Freida กับ Danny ตลอดเวลาถึงสิ่งต่างๆที่ผมได้เคยประสบพบเจอมา คุณรู้อะไรมั้ยยังมีอะไรอีกมากที่ผมจะต้องเรียนรู้ ผมอาจจะยังไม่ได้เล่นบทที่ผมต้องการเล่น หรืออาจจะยังไม่ได้เล่นบทที่ผมชอบ แต่วันนึงหลังจากที่ประสบการณ์ผมมีมากกว่านี้แล้วผมว่ามันยังมีเวลาพอที่ผมจะไปเล่นหนังในบทที่ผมชอบหรือบทที่ผมอยากจะเล่น
Q : มีข่าวลืออกมาว่าคุณเดทอยู่กับ Frida นางเอกของเรื่องอยู่
Dev Patel : อะไรนะ มันเป็นข่าวลือที่น่าขำอะไรอย่างนี้ ไม่จริงเลยครับ ไม่จริงแม้แต่นิดเดียว Frida เป็นคนที่สวยมากคนนึง แต่ผมกับเธอมาจากฐานะที่ต่างกันซึ่งคนอินเดียค่อนข้างถือมากโดยเฉพาะกับพ่อแม่และญาติๆผม
Q : เราไม่อยากถามคำถามที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ หรือวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นหรอกนะ แต่นี่มันยุค 2000 เข้าไปแล้วนะ
Dev Patel : ก็คงเหมือนคนผิวขาวบางคนที่มีการเหยียดผิวนั่นแหละครับเอาเข้าจริงๆ คุณก็รู้เหมือนที่ผมรู้นี่ว่ามันเป็นยังไง
Q : แล้วอย่างนี้ฉากจูบตอนท้ายเรื่องละไม่มีปัญหาแย่เหรอ
Dev Patel : มันเป็นการแสดงมันเป็นความต้องการของผู้กำกับ ผมกับ Frida ไม่ได้จูบกันจริงๆหรอกแค่เอาปากประกบกันนิดหน่อยแค่นั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะพ่อแม่ผมไม่ชอบมันเอามากๆ
Q : พูดถึงฉากเต้นตอนหนังจบหน่อยได้มั้ย ?
Dev Patel : ผมว่าที่ฉากนี้ถูกใส่เข้ามาเพราะวันนึง Danny ก็บอกว่า เฮ้ ผมมีฉากหนึ่งเหมาะกับคุณมาก ผมได้แต่งงและอุทานว่า อะไรกันนะ คุณคงไม่ใช่ให้ผมกับ Frida เต้นหรอกนะเพราะเวลาไปเที่ยวคลับผมจะเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเลย ผมอายที่จะเต้น
ตะโพกผมมันไม่พริ้วขนาดนั้นหรอก แค่คิดว่าจะเต้นขาผมมันก็แข็งจนขยับไม่ได้แล้ว ผมเต้นไม่เก่ง ไม่มีทางที่ผมจะก้าวไปที่ฟลอเต้นรำเลย แต่กับหนังเรื่องนี้ พอรู้ว่า Danny ต้องการให้มีฉากที่จะต้องเต้นใส่เข้าไปด้วยและหลังจากฝึกเต้นก่อนเข้าฉากจริง ผมไม่ยักรู้เลยว่าตะโพกผมก็พริ้วอะไรแบบนั้นได้ด้วย
Q : ช่วยเล่าหน่อยสิว่า Danny ทำงานกับเหล่านักแสดงยังไง
Dev Patel : เค้าเยี่ยมยอดมากๆ ทำงานกับ Danny เป็นอะไรที่เข้าใจและสื่อสารกันได้ง่ายมาก เค้าเป็นผู้กำกับที่มีความมุมานะและมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่สูงมาก เค้ามีพลังอย่างที่เรียกได้ว่าล้นเหลือ ถ้าเค้าบอกคุณให้แสดงหรือทำอะไรที่ยากและคุณคิดว่ามันเกินกว่ากำลังที่คุณจะทำได้
คุณแค่ทำใจให้เชื่อมั่นในตัวเค้า เพราะเค้าคิดเสมอว่าเค้าไม่ได้แค่ต้องการทำหนัง แต่เค้าต้องการสร้างหนังที่เป็นมากกว่าหนัง
Q : มีฉากแบบไหนมั้ยที่คุณอยากลองเล่นเป็นพิเศษ
Dev Patel : ผมอยากเล่นฉากเซ็กส์ ผมชอบมีเซ็กส์ผมคิดว่าผมคงแสดงฉากพวกนั้นได้ดี แต่ถ้าให้เล่นในหนังสำหรับผมผมว่ามันยังเร็วไป และครอบครัวผมโดยเฉพาะย่าที่เป็นคนอินเดียคงยังรับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้
Q : คุณมีแพลนสำหรับบทหนังเรื่องใหม่หรือยัง
Dev Patel : มีแล้ว และมันกำลังอยู่ในขบวนการตัดต่ออีกไม่นานพวกคุณคงได้ดูกัน
_________________