ไปที่หน้า 1, 2 ถัดไป |
Harry Potter and the Half Blood Prince: พายุกำลังจะมา... | |
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|---|
Darth เวเฟอร์ FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 14 Mar 2006 ตอบ: 1191 ที่อยู่: ภาชนะ |
คำเตือน: บทวิจารณ์ด่านล่างนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล นะครับอย่าลืม และบทวิจารณ์นี้ไม่มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ ผู้ที่ยังไม่ได้ชมสามารถอ่านได้ อย่างสบายใจ แต่ถึงกระนั้น เวเฟอร์แนะนำอย่างแรงกล้าว่าควรชมก่อนอ่าน ________________________________________ Harry Potter and the Half Blood Prince: พายุกำลังจะมา... เพียงเข้าฉายแค่ไม่กี่วันกระแสเจ้าชายเลือดผสมก็ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายเลย ถึงด้านบวกและด้านลบของตัวภาพยนตร์ กระแสทั้งสองถูกบอกเล่าปากต่อปากผสมกันไปเหมือนชื่อตอนจริงๆ มีหลายคนชอบมากและหลายคนไม่ชอบเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้มันสร้างมายังไงกัน ถึงแบ่งอารมณ์คนดูอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้ พูดแล้วมันน่าขบคิดเสียจริง แต่ในขณะที่คุณเฝ้าพรรณนากันต่างๆ นาๆ ถึงคุณสมบัติภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณลืมอะไรกันไปหรือเปล่า ว่าคำสิบปากเล่าไม่เท่าตาเห็นเอง และสิบปากวิจารณ์ไม่เท่าสัมผัสด้วยใจของคุณเองเช่นกัน.... ว่าแต่ แล้วใจของเวเฟอร์คิดว่ายังไงกันล่ะ...? นำเรื่อง: หลังจากชมภาพยนตร์ชุดนี้มาถึงห้าตอน ความรู้สึกที่เพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลาคือ อรรถรสจากหนังสือและภาพยนตร์มันช่างแตกต่างกันจริงๆ เวลาอ่านหนังสือไม่เพียงแต่เรารับรู้เรื่องราวในโลกเวทย์มนต์อันน่าติดตาม แต่เราอยู่ที่นั้นด้วย เราอยู่ที่ฮอกวอตส์และอยู่ในเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่แฮร์รี่ เผชิญ นั้นคืออรรถรสที่ผมได้รับจากการอ่านหนังสือชุดนี้ เพราะเจเคเล่าเรื่องราวด้วยบุคคลที่หนึ่งเสมอนั้นก็คือตัวแฮร์รี่ ไม่ว่าแฮร์รี่คิดอะไร รู้สึกอะไร เราก็จะเข้าใจและรู้สึกตามไปด้วยตลอดเวลา ไม่ว่าแฮร์รี่มันจะขึ้นเขาลงห้วย เราก็ต้องไปกับมันด้วยเสมอ แต่ในขณะที่ฉบับของภาพยนตร์นั้นผมได้รับอรรถรสที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง หลายครั้งที่เวลาดูหนังแล้วอารมณ์ผมไม่ไหลลื่นคล้อยตามไปกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในจอ หลายครั้งที่ผมดูฉากผ่านไปฉาก และไม่ตื่นเต้นหวือหวากับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปอย่างเมามัน นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผมดูหนังที่สร้างมาจากหนังสือ แต่ทว่าอรรถรสที่ฉบับภาพยนตร์นั้นหยิบยื่นให้กับผม ก็มีสิ่งที่ดีๆ อยู่เช่นกันและมันก็เป็นอรรถรสที่ผมไม่เคยได้รับจากการอ่านหนังสือเสียด้วย.... เริ่มตั้งแต่สิ่งที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือ ผมได้เห็นตัวละครในเรื่องมายืนโพสท่ากันอย่างสวยหล่อ ถือไม้กายสิทธ์ กันในมือพร้อมสู้ แต่ใบหน้าเหมือนถ่ายแบบลงปกเดลี่พรอทเฟรดพาดหัวข่าว พอตเตอร์และผองเพื่อน กับแฟชั่นฤดูหนาว นั้นคือความสุขที่ผมไม่ได้จากตอนอ่านหนังสือเลย และรวมไปถึงตัวละครจากฝ่ายร้ายก็เช่นกัน การจับพวกเขามายืนเรียงเบ่งตาทำหน้าโหดใส่กล้องนั้นก็ให้ความรู้สึกชั่วร้ายของพวกเขาไปอีกแบบ รวมไปถึงการแต่งกายของพวกเขาที่ผมไม่ต้องจินตนาการให้เหนื่อยว่าผ้าคลุมสีดำปลิวพลิ้วไล่ไปกับผมอันดำเมือบของสเนปมันเป็นยังไง เพราะทีมงามเค้าจัดการมาให้เราแล้ว เราแค่มองดูมันก็พอ... ที่กล่าวมาพอให้เห็นภาพนั้นคือข้อดีพื้นฐานเลย ที่ผมชื่นชอบในฉบับของภาพยนตร์ ส่วนข้อดีเด็ดๆ ที่ฉบับภาพยนตร์หยิบยื่นมานั้น ผมเชื่อว่าอยู่ที่แต่ละบุคคลว่าจะไขว้คว้าเข้าตัวกันได้มากเพียงใด... ข้อดีข้อเด่น: การใช้โทนสีเพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกของตัวละครคือข้อดีที่ฉบับภาพยนตร์สามารถสื่อออกมาให้เรารับรู้ด้วยประสาทตาและสัมผัสได้ด้วยประสาทหัวใจ บวกกับการแสดงสีหน้าของตัวละคร และการคิดตามของผู้ชม มันก็สามารถทำให้เรารู้ว่า ณ เวลานั้นตัวละครรู้สึกเช่นไรอยู่ ซึ่งสำหรับผมถือเป็นอรรถรสที่สนุกสนานและเรียกอารมณ์คล้อยตามได้ในระดับเกินความคาดหมายเลยทีเดียว เพราะในภาคเจ้าชายเลือดผสมนี้ ประเด็นหลักๆ ที่หนังสือสื่อออกมาเลยก็คือ ความเศร้า ความจนตรอก และสิ้นหวังของเหตุการณ์ ซึ่งหากจะเปรียบเป็นสีและโทนสีที่เหมาะที่สุดก็คงไม่แพ้ สีที่คุณได้เห็นบนใบหน้าของแฮร์รี่ อยู่ในขณะนี้ ซึ่งโทนสีและอารมณ์ดังกล่าวมันครอบคลุมได้ตลอดทั้งภาพยนตร์ ตั้งแต่นาทีแรก จวบจนนาทีสุดท้ายที่เครดิทจบและผมลุกเดินออกจากเก้าอี้ และการที่หนังเรื่องหนึ่งจะดำเนินมาได้ถึงตอนที่หก ก็สมควรต้องนำเสนอสิ่งที่ไม่ซ้ำกับตอนที่แล้วๆ มา ซึ่งคราวนี้ตอนเจ้าชายเลือดผสมนอกจากจะแสดงอารมณ์อันเศร้าโศกและหม่นหมองได้อย่างชัดเจนแล้ว อีกหนึ่งอารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาได้พึงพอใจผมก็คืออารมณ์ของตัวละครหลักทั้งสี่คน เนื่องจากภาคนี้ไม่มีการแข่งกีฬาสีสมานสัมพันธ์ ภาคนี้ไม่มีงูยักษ์ออกมากัดเด็ก หรือนักโทษแหกคุกออกมาเพ่นพ่าน มันจึงเวลาที่เหมาะเหม็งที่ตัวละครหลักๆ ของเรื่องจะได้แสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ว่าในฐานะ เด็กธรรมดาหนึ่งคน พวกเขารู้สึกอะไรกันอยู่บ้าง พวกเขาอยากทำอะไรกันบ้าง ซึ่งก็แต่ละคนก็แสดงออกมาได้น่าพึงพอใจสำหรับผมเช่นกัน และที่สำคัญคืออารมณ์พวกเขานั้นค่อนข้างตรงตามที่หนังสือสื่อเอาไว้เลยทีเดียว ทั้งด้านความรักที่เริ่มจะจริงจัง และไม่ใช่รักกิ๊กก๊อกของเด็กประถม ด้านชีวิตที่ต้องเลือกทั้งของตัวแฮร์รี่ และของมัลฟอย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาและชมภาพยนตร์อย่างเดียวก็ได้เริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ตัวละครนี้ไม่ได้ใส่มาเพื่อมากวนบาทาแฮร์รี่อย่างเดียว เขานั้นก็มีความเศร้าโศก มีจุดที่ต้องตัดสินใจ และเขาก็มีน้ำตาเหมือนกัน ซึ่งอารมณ์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือการดำเนินเนื้อเรื่องของตอนนี้ไปอย่างลุ่มลึก พร้อมกับเหตุการณ์ที่เริ่มจะเลวร้ายขึ้นทุกทีๆ เพราะในความรู้สึกผม ตอนที่หน้ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่ตอนที่พายุกระหน่ำโหมสาดเสมอไป บางทีตอนที่พายุกำลังตั้งเค้า เมฆหมอกกำลังก่อตัว มันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ซึ่งตอนเจ้าชายเลือดผสมนี่คือตอนก่อนสุดท้ายของซีรี่ย์ชุดนี้แล้ว มันคืออารมณ์ที่จุดจบกำลังใกล้เขามาถึง ในแง่ของการสร้างภาพยนตร์ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการปูทาง และเตรียมพร้อมให้ดีเยี่ยมที่สุด เพื่อที่เวลาจุดจบมาถึง ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันว่า นี่คือซีรี่ย์ ที่น่าจดจำที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการณ์ภาพยนตร์จริงๆ เพราะหากจะให้ผมมองในแง่มุมของการปูทาง ตอนเจ้าชายเลือดผสมก็ทำหน้าที่ได้น่าพึงพออีกเช่นกัน ในการดูหนังภาคต่อให้ได้อรรถรส ผมคิดว่าเราไม่ควรติดนิสัย ดูหนังจบไปตอนๆ เราควรจดจำและบันทึกเรื่องราวในตอนต่างๆ ที่ได้ชมไปแล้ว ในตอนแรก แล้วมาสืบสานเรื่องราวตอนต่อๆ มาหรือเรียกง่ายๆ ว่า ควร ตั้งใจดู นั้นเอง แล้วคุณจะเห็นได้ว่า ความสนุกสนานของภาพยนตร์มันไร้ขีดจำกัดได้ด้วยสมองเราเอง ในภาคสองแรก คุณได้สนุกสนานกับการเห็นเด็กๆ เดินซื้อของในตรอกไดแอกอน แต่คราวนี้เหตุการณ์มันจะไม่ซ้ำซากแล้ว ในภาคถัดมาคุณได้เห็นโรงเรียนใต้แสงแดดอบอุ่นแต่คราวนี้มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วเช่นกัน มันเป็นไปตามที่หนังสือบรรยายไว้ ว่าความมืดกำลังครอบงำมาเลื่อยๆ อำนาจของจอมมารกำลังแผ่ขยาย แม้แต่ที่ที่ว่าปลอดภัยที่สุดก็ถูกรุกรานได้อย่างง่ายดาย แม้แต่คนที่ว่าฉลาดและปราดเปรื่องที่สุดก็ยังจากแฮร์รี่ไป ทั้งหมดที่กล่าวมือ มันคือการปูทาง สู่จุดจบที่ใกล้เข้ามา ที่แลดูจะโหดร้ายและแย่ลงไปตามเวลา ยกเว้นสิ่งหนึ่งที่เป็นกุญแจหลักของเรื่องราวและไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย นั้นคือมิตรภาพ รอยยิ้ม และความสามัคคีที่ซีรี้ย์ชุดนี้บอกเล่าให้เราซึมซับเสมอมา และอยากให้ทุกคนจดจำเอาไว้ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะมืดหม่นเพียงใด ไม่ว่าชัยชนะจะริบหรี่แค่ไหน ตราบที่คุณยังมีเพื่อนอยู่ อย่างน้อยก็ยังจะมีคนอยู่เคียงข้างคุณเสมอ โดยที่มันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะแพ้หรือว่าชนะ ตอนนี้ผมว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้พิสูจน์ ว่านี่ไม่ใช่เพียงหนังแฟนตาซีพ่อมดแม่มดสำหรับเด็กๆ อีกต่อไป แน่นี่คือวรรณกรรมเรื่องราว สงคราม ที่สะท้อนสังคมและจิตใจเป็นอย่างดี ให้หลายคนที่เลือกจะรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ทางตัวหนังสือหรือการชมภาพยนตร์ อรรถรสที่ได้ย่อมแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคืออะไร ณ จุดนี้คงไม่ต้องให้ผมบอกก็น่าจะเข้าใจใช่ไหมครับ... และตบท้ายด้วยอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกใจผมจนเหมือนโดนยาเสน่ห์ นั้นคือการนำตัวละครจากหน้ากระดาษให้มาโลดแล่นได้เกินความคาดหมาย ด้วยผลพลอยจากการแสดงของนักแสดงที่เคารพในหนังสือและเคารพในตัวละคร ผลที่ได้คือความสุขของแฟนๆ อย่างผมที่นอกจากจะได้อรรถรสยามจิตนาการเองยามอ่านหนังสือแล้ว ยามชมภาพยนตร์ ก็ยังได้อรรถรสอีกรูปแบบเมื่อเห็นเขาและเธอส่งยิ้มอันชั้วร้ายอย่างนี้ออกมาอีกด้วย เพราะสิ่งที่ตัวละครเหล่านี้ส่งออกมามันแฝงอารมณ์ให้คนดูอย่างที่ฉบับหนังสือคงทำไม่ได้จริงๆ ทั้งรอยยิ้มอันชั่วร้ายของเบลาทริกซ์ หรือไฟอันร้อนระอุจากปลายไม้กายสิทธิ์ดัมเบิลดอร์ เพราะว่าตอนผมอ่านก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะแลดูร้อนแรงขนาดนี้ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม ข้อด้อยข้อเสีย: สำหรับหลายคนที่ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน และก็ส่ายหน้าตามๆ กันอีก ว่าตอนเจ้าชายเลือดผสมนี่ไม่สนุกเอาซะเลย และอาจรวมไปถึงน่าเบื่อซะอีกด้วย ด้วยการดูกิจวัตรประจำวันของนักเรียนปีหก ที่ไม่มีการต่อสู้แบบ ตูม ตูม ตูม ตามที่หลายคนคาดหวังไว้ จึงอาจไม่สนุกสนานเท่ากับที่ตั้งใจไว้แต่แรก จนถึงแม้ได้อ่านข้อดีข้อเด่นที่ผมพรรณนาข้างต้นไปเยอะแล้วก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจคุณได้อยู่ดี นั้นอาจเป็นเพราะ หนึ่งคุณกำลังเลือกมองหาผลส้มในตะกร้ามังคุด ซึ่งไม่ว่ายังไงคุณก็หาไม่เจออยู่ดี หรือสอง คุณเป็นคนชอบกินอาหารเผ็ด แต่สั่งเพียงแค่แกงจืดทาน ไม่ว่าอย่างไงอรรถรสของคุณก็ไม่สามารถเติมเต็มได้ เพียงแต่อยากให้คุณเปิดใจให้กว้างและซึมซับสิ่งที่ภาพยนตร์นำเสนออกมาให้ครบถ้วนก่อนที่จะเรียกร้องต้องการในสิ่งที่มันไม่จำเป็น ที่กล่าวตามนั้นหาเป็นเพียงการแนะนำให้หลายคนเปิดทัศนะคติในการรับชม ส่วนข้อเสียที่แท้จริง ที่ผมแทบรอไม่ไหวในการตอกย้ำกับผู้กำกับคนนี้นั้นก็คือ ฉากหักมุม!!! เพราะสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับแฮร์รี่ พอตเตอร์มาตลอดตั้งแต่เขาอายุสิบเอ็ด คือการหักมุมในเรื่องราวที่เขาเองไม่เคยคาดคิดได้เลย ซึ่งในฉบับภาพยนตร์ การหักมุมไม่ได้ทรงพลังเอาซะเลย ทั้งที่ก็หักมุมตามแบบฉบับหนังสือทุกประการ แต่กลับไม่สร้างควรหรรษาสมอรรถรส ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ผมรู้สึกได้ว่าผู้กำกับไม่ใส่ใจกับประเด็ดการหักมุมเท่าที่ควร ตั้งแต่เหตุการณ์ในภาคภาคีนกฟีนิกซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเฉลยว่าลูกแก้วคำทำนายนั้นมาจากบุคคลใด และคำทำนายถึงเด็กอีกคนนั้นที่อาจมีอำนาจเทียบเคียงจอมมารนั้นคือเด็กคนไหน ทั้งสองอย่างนี้ถูกดูดหายเงียบไปพร้อมๆ กับซีเรียส แบล็ค เลย แล้วยังสืบเนื่องมาถึงตอนเจ้าชายเลือดผสมนี้ การตื่นตระหนกของตัวแฮร์รี่เอง ไม่สมน้ำสมเนื้อกับเมื่อตอนที่เจ้าชายประกาศว่า ข้านี่แหละ เจ้าชายเลือดผสม ถึงแม้ว่าแฟนๆ ค่อนโลกจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร แต่อย่าลืมซิครับว่าอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องเลย ก็คือตัวแฮร์รี่ย์ พอตเตอร์เอง แต่มันกลับนิ่งเหมือนไม่มีอะไรหักมุมเสียนี่ ทั้งที่ความจริงแล้ว มันควรจะทำให้บางคนกรี๊ดออกมาได้เลยเมื่อรู้ความจริง ต่อให้รู้อยู่แล้วก็ตามเถอะ เพราะลองคิดดูเล่นๆ แล้วกันว่าหากคุณเก็บอารมณ์ได้ครบถ้วนในจุดนี้ด้วย ภาพรวมของภาพยนตร์อาจจะสวยงามและเพิ่มอรรถรสขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นเลย สรุป: ผมอยากให้หลายๆ คนสามารถรับอรรถรสอันสนุกสนานทั้งแบบฉบับของหนังสือและแบบฉบับภาพยนตร์ เพราะไม่ว่าคุณจะได้รับอรรถรสมากน้อยหรือแตกต่างกันมากเพียงใดก็ตาม สิ่งที่เจ้าชายเลือดผสมได้นำเสนอแกเรานั้น มันน่ากลัวไม่แพ้กัน มันเป็นการนำเสนอการเตรียมการของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ทั้งฝ่ายจอมมารและฝ่ายดัมเบิลดอร์ เมื่อพันธะสัญญาได้ถูกผูกมัดไว้แล้ว หมากแต่ละตัวถูกวางไว้พร้อมจะเดิน โลกเวทย์มนต์แห่งนี้กำลังมืดหม่นเข้าไปทุกนาที เหมือนพายุที่แรงที่สุดกำลังตั้งเค้าที่จะสาดซัดใส่กำแพงฮอกวอตส์ โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง มันทั้งมืด หม่นหมอง เศร้าโศก และน่ากลัวยิ่งนัก น่ากลัวทั้งเหตุการณ์ในเรื่อง และน่ากลัวอย่างจับใจ ว่าวรรณกรรมแห่งโลกเวทมนต์เรื่องนี้กำลังเดินเข้าสู่จุดจบเข้าไปอีกก้าว... เกรด: B+ __________________________________________________________ แถม: ตรงนี้ขอเฉพาะคนที่ชมภาพยนตร์และเท่านั้นนะครับ มาบ่งบอกเป็นการส่วนตัวว่าชื่นชอบอะไรที่ออกนอกหน้าเกินกว่าจะใส่ในบทวิจารณ์ หวานไปไหม? สังเกตกันหรือเปล่าครับ ว่าฉากนี้ใส่สีชมพูหวานแหววใส่หน้าของจินนี่เต็มๆ เลย เหมือนเป็นการเปรียบเปรยบอกนัยๆ ว่าเธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ เธอพร้อมที่จะมีความรักแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว แล้วก็ดูแววตาเธอซิ ไม่บอกก็รู้ว่าเธอกำลังมองใครอยู่ ห้องซ่อนจูบ ฉากจูบนี้ถือว่าได้ใจผมมากกว่า ฉากจูบของโช แชง เยอะเลยครับ อาจเป็นเพราะหนึ่งผมเชียร์จินนี่แต่แรกแล้ว สองฉากนี้ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าจูบเพราะตัวละครมีใจให้กัน ไม่ได้จูบเพราะ อยาก เฉยๆ อัจฉริยะยังทำไม่ได้!!! ในฉากชั้นเรียนวิชาปรุงยาขั้นสูง ที่เฮอร์ไมโอนี่ของเราจนมุมเป็นครั้งแรก และปรุงยาตายทั้งเป็นไม่สำเร็จ จนหัวฟูฟ่องอย่างนี้ ตามที่ได้อ่านหนังสือมาหากผมจำไม่ผิดนี่คงเป็นน้ำยาชนิดแรกที่เธอปรุงไม่สำเร็จในเวลาที่กำหนด และเป็นครั้งที่สองที่เธอแพ้แฮร์รี่ในชั้นเรียน (ครั้งแรกคือวิชาป้องกันจากศาสตร์มืด ตอนปีสาม เมื่อตอนที่สอบแล้วเฮอร์ไมโอนี่ต้องเผชิญกับปีศาจบ๊อกการ์ดในตู้เสือผ้าที่จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เรากลัวที่สุด เธอวิ่งและกรี๊ดออกมา เมื่อปีศาจบ๊อกการ์ดของเธอกลายร่างเป็นอาจารย์มัลกอลนากัลแล้วบอกเธอว่า เธอสอบตกทุกวิชา ตอนนั้นที่อ่านผมฮามากๆ) แล้วคราวนี้ที่เธอหงุดหงิดกับการพ่ายแพ้เรื่องเรียนก็ทำเอาผมฮาท้องแข็งอีกครั้ง อยู่คนเดียวในโรงภาพยนตร์ (ฮาเบาๆ นะครับไม่ได้รบกวนใคร) ในขณะที่ในโรงภาพยนตร์ไม่มีใครขำเลย ขอถามเพื่อนๆ หน่อยครับ ว่าฉากนี้มีใครขำแบบผมบ้าง ขอเสียงนิด แว่นอะไรของเธอ? ผมชอบมากที่ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องในตอนนี้ ที่ลูน่าใส่แว่นนี่แล้วมองเห็นแมลงอะไรซักอย่างบนหัวแฮร์รี่ จึงทำให้เธอมาช่วยเข้าไว้ได้ทันเวลาก่อนจะสายเกินแก้ เป็นการใช้นิสัยคาแรคเตอร์ให้เหมาะเจาะสอดคล้องกับเหตุการณ์ได้ดีครับ ขอปรบมือในจุดนี่ และอีกอย่าง ลูน่า ก็ใส่แว่นนี่ได้น่ารักซะจริงๆ เลย ว่าไหมครับ แถมด้วยอีกหนึ่งฉากน่ารักๆ ของลูน่า ครับ เพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เห็นราชสิงห์ คำรามเชียร์ กริฟฟินดอร์สู้ๆ ซะแล้ว ในฉากนี้จะเห็นได้เลยว่าเธอไม่แคร์สื่อจริงๆ เพราะทั้งอัฒจันทร์ ถึงจะเป็นกริฟฟินดอร์หมดแต่แลดูจะมีลูน่าเพียงคนเดียว ที่เข้าถึงเกมส์อย่างจริงจัง ฮา อย่างแรงครับ สิ่งที่หมวกบอก หมวกคัดสรรค์ คือสิ่งที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งฮอกวอตส์ มันมีประสบการณ์ชีวิตหลายพันปี มันเป็นคนเลือกว่าเด็กคนไหนเหมาะกับบ้านไหน และสิ่งที่หมวกพูดนั้น ถึงรอนจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่แท้จริงแล้ว มันเปรียบเสมือนคำสอนที่ทุกคนควรเชื่อฟังและปฏิบัติตามไม่ต่างจากคำสอนของดัมเบิลดอร์ และคราวนี้หมวกคัดสรรค์แห่งฮอกวอตส์ก็บอกกับพวกเราว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องสามัคคีกัน ซึ่งในฉากสุดท้าย การที่ทุกคนยกไม้ส่งแสงสีขาวขึ้นสู่ท้องฟ้า นั้นถือเป็นสิ่งที่ประทับใจผมมากมาย เพราะนอกจากมันจะแสดงถึงความสามัคคีแล้ว แสงจากไม้ของทุกคนมันขึ้นไปขับไล่ควันรูปหัวกะโหลกบนฮอกวอตส์ออกไป ไม่ให้ควันนั้นอยู่เหนือร่างของคนที่ทุกคนรักที่สุดในนาทีนี้.... แก้ไขล่าสุดโดย Darth เวเฟอร์ เมื่อ Mon Jul 20, 2009 12:23 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง _________________ คุยหนังภาษาหมา |
Mon Jul 20, 2009 9:37 am | |
kaokoong FF>>Member ระดับไฟแรง
เข้าร่วม: 14 Mar 2006 ตอบ: 8230 ที่อยู่: 33ccff |
ก่อนอื่น ต้องขอบคุณพี่เอกนะที่จองให้เก้า ---------------- วันนี้เก้าเพิ่งใอกาศได้ไปดู HP6 ถ้าเอาจริงๆแล้วภาคนี้เป็นภาคแรกที่เก้าได้ไปดูในโรงหนัง โดยส่วนตัวเก้า ชอบมากเลยนะภาคนี้อะ ดูแล้วแบบรู้สึกได้เลยว่าเราโตไปพร้อมๆกันกับเหล่าพ่อมดแม่มดในเรื่อง เนื้อหาของหนัง อาจไม่ถูกใจคอหนังแอคชั่น หรือพวกที่หวังฉากต่อสู้ แต่มันถูกใจเก้ามาเลย และเก้าก็ว่าคงไม่ใช่แค่เก้าที่ชอบ และหนังพ่อมดภาคนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่า เพราะอะไรมันถึงอยู่ได้มาจนจะจบครบทุกเล่ม เพราะที่ผ่านมาทุกภาคไม่มีอะไรที่ซ้ำซาก จำเจ เลย ภาคนี้หลายคนบอกว่าน่าเบื่อ แต่สำหรับเก้าทุกฉากทำให้ตื่นเต้นตลอด บางฉากก็ทำให้เก้าหัวเราะ หรือบางฉากก็ทำให้เก้าขนลุก หรือน้ำตาซึมได้เหมือนกัน *ฉากที่บ้านรอนถูกเผา หน้าของคุณแม่ทำเก้ารู้สึกเศร้า จริงๆนะ ภาพก็สวย แสงก็สวย อารมณ์ก็ได้ แล้วส่วนเรื่องบทวิจารณ์ของพี่เอก พี่เอกก็ยังคงเหมือนเดิม ตรงๆ คิดอะไรก็บอกอย่างนั้น แล้วเดี๋ยวนี้ก็ยังมีแบบว่าเล่นคำ ผลส้มในตระกร้ามังคุด 555 อีกอย่างนะ บทวิจารณ์ของพี่เอกเป็นอะไรที่มีคุณค่ามากสำหรับเก้า ถ้าอีก10 ปี เปิดเวบแล้วอ่านมันอีกครั้ง เก้าก็คงจะรู้สึกได้เหมือนตอนนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------- สรุปเลยแล้วกัน ทุกๆอย่างที่เก้าอยากจะบอกเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ พี่เอกได้ อธิบายให้เก้าไปแล้ว ขอบคุณนะ ปล...ฉากปลุงยา ถ้าเราดูด้วยกัน คงมีแค่เรา 2 คนที่หัวเราะพร้อมกันนะพี่เอก
แก้ไขล่าสุดโดย kaokoong เมื่อ Tue Jul 21, 2009 2:10 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง _________________ |
Mon Jul 20, 2009 9:43 am | |
ทิวทิวา FF>>Member ระดับเริ่ด
เข้าร่วม: 15 Mar 2006 ตอบ: 10760 ที่อยู่: Hotel room |
ป่าว ภาคนี้ไม่ใช่ไม่สนุก
แต่ ภาคนี้มีหลายๆอย่างที่มัน ไม่สมเหตุสมผล หรือ ไม่อธิบายให้แน่ชัด เอาง่ายๆ ถามพี่ที่ไม่ได้อ่าน แล้วไปดูว่า รู้รึป่าว ว่าทำไม สเนป คือ เจ้าชายเลือดผสม คำตอบก็คือ ไม่รู้เหมือนกัน งง ?? แล้วทำไม ต้องเผาบ้านรอน หลังจากเผาแล้วทำไม ฉากถัดมาทุกคนหัวเราะครื้นเครง เหมือนบ้านไม่ได้เกิดอะไรขึ้น? ออกไปทำลายสะพาน ทำไม ?? งงม๊ะ??? สรุปส่วนตัวคิดว่าภาคนี้ ห่วย _________________ |
Mon Jul 20, 2009 10:31 am | |
bella9 FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 03 Apr 2009 ตอบ: 1166 |
+1 ขนาดอ่านหนังสิอแล้ว ยังดูไม่ค่อยจะรุ้เรื่องเลย หนังนานเว่อร์ มุกก็แป้ก _________________ |
Mon Jul 20, 2009 11:50 am | |
จ้าวบัวเกี๋ยง งามเพียงฟ้า FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 14 May 2008 ตอบ: 2456 ที่อยู่: คุ้มกาสะลอง ณ ตะเข็บชายแดนพระนคร |
บัวเกี๋ยงไม่ได้อ่านหนังสือซักภาค เพราะไม่ชอบอ่านนั่นเอง
ภาคที่แล้วก็ไม่ได้ดู มาดูภาคนี้ก็งงเหมือนกับพี่ทิวนั่นแหละคะ ทำอะไร ทำไม เพื่ออะไร แต่จะยกมาอธิบายทั้งหมดทั้งมวล คงจะไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น เอาเป็นว่า บัวเกี๋ยง ดูเพื่อความบันเทิง งงบ้างอะไรบ้างช่างมันคะ ฮ่า ๆ...สรุปก็สนุกดี ดูไปไม่คิดไรมาก ...อยากรู้ว่า คาถาเนี่ย แค่ท่องมันก้ใช้ได้เลยหลอคะ เห็นแฮรี่อ่านในหนังสือของสเนป แค่ท่องชื่อ ก็ยิงตู้ม ๆ ได้เลยหลอคะ (อีมัลฟอยเลือดท่วมเลย) หรือจริง ๆ มันต้องฝึกท่อง ฝึกร่าย แต่หนังมันรวบรัดว่าฝึกมาดีแล้ว ข้ามไป _________________ |
Mon Jul 20, 2009 11:53 am | |
GimmeChai FF>>Member มือใหม่หัดโพสต์
เข้าร่วม: 05 Oct 2007 ตอบ: 397 ที่อยู่: ในใจบริต |
ก็สนุกนะ แต่มันก็ผิดหวัง
เนื่องจากฉากที่หลายๆคนหวังคือ ฉากต่อสู้ในปราสาทในตอนท้ายเรื่อง แต่สุดท้ายก้ไม่มี แล้วผู้เสพความตายขนไปทำไมเยอะจังอ่ะ ไปแล้วไม่ได้สู้อ่ะ ส่วนฉากงานศพดัมเบิลดอร์ ก็ลุ้นให้มี เพราะอยากดูมากๆ คงอลังการสุดๆ _________________ Britney Spears The Best-Selling Female Artist of the Decade! You Wanna Piece Of Me !!!!!!!! |
Mon Jul 20, 2009 12:02 pm | |
ทิวทิวา FF>>Member ระดับเริ่ด
เข้าร่วม: 15 Mar 2006 ตอบ: 10760 ที่อยู่: Hotel room |
อ๊ะๆ ใช่ๆ เหมือนตอนเฮอร์ไมโอนี่ ทำตอน คัดควิชดิชอ่า
ชิม๊ะ บัวเกี๋ยง _________________ |
Mon Jul 20, 2009 12:10 pm | |
Darth เวเฟอร์ FF>>Member Cool
เข้าร่วม: 14 Mar 2006 ตอบ: 1191 ที่อยู่: ภาชนะ |
ในหนังสือจะมีการเรียนการสอนเรื่องการใช้คาถา
แบบไม่ท่องคาถาด้วยครับ เพียงแค่ท่องในใจ หรือใช้สมาธิให้ถูกต้อง หากฝึกฝนจนเก่งแล้ว บางคน และบางคาถาก็ไม่ต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ ได้เลยละครับ เหมือนที่ได้เห็นกันหลาย ๆ ครั้งในภาพยนตร์ ส่วนตอนที่ฝึกฝนกันในชั้นเรียนถูกตัดออกหมดครับ _________________ คุยหนังภาษาหมา |
Mon Jul 20, 2009 12:17 pm | |
Dayana FF>>Member มือใหม่หัดโพสต์
เข้าร่วม: 18 Jul 2008 ตอบ: 173 ที่อยู่: เวเนซูเอล่า |
ว้าวววว สมกับที่รอคอย ขอบคุณพี่เอกที่ส่งข้อความมาบอกนะคะ
หนังภาคนี้เป็นภาคที่ชอบมากที่สุดเลยค่ะ 555+ (ดูเหมือนจะตรงข้ามกับคนอื่นเลย) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอารมณ์ของตัวละครหลัก หรือแสงสีเสียงในหนัง รู้สึกตรงกับที่พี่เอกบอกค่ะ ประทับใจเหมือนที่อ่านจากหนังสือ และหนังก็มีครบทุกอรรถรสจริงๆ ชอบเดรโก้ มัลฟอยภาคนี้จังเลย รู้สึกถึงอารมณ์หวาดกลัวภายในใจเหมือนที่ในหนังสือบรรยายจริงๆ ทอม เฟลตันแสดงออกมาได้ดีมากๆค่ะ ปล. เมย์ว่าคนที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือแฮร์รี่ ลองเปิดใจอ่านดูซัก 10 หน้าดีมั้ยคะ พออ่านไปได้ซักพักแล้วจะวางไม่ลงจริงๆ และยังได้อรรถรสมากกว่าดูหนังอีกไม่เชื่อลองดูสิคะ แล้วจะรู้ว่าทำไมSnapeถึงเป็น Half Blood Prince _________________ |
Mon Jul 20, 2009 1:12 pm | |
หน้า 1 จาก 2 ไปที่หน้า 1, 2 ถัดไป |
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน |
|