˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
พูดถึงLight&Darknessกันหน่อยมั้ย (อัพเดท#5)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ้างอิงจาก:


ตอนนี้ หรี่กำลังจะถ่ายทำ Photoshoot ให้กับอัลบั้มนี้ละครับ

เนื่องจาก สไตลิส (ทางด้านเครื่องประดับ) ได้โพสข้อความใน twitter ดังนี้ครับ
http://twitter.com/shayanafsharco/status/5373225466

อ้างอิงจาก:

# Getting some product ready for Christina Aguilera's album cover shoot. Ahhhabout 4 hours ago from UberTwitter


คนนี้ก็คือ Shayan Afshar ครับ
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแฟนๆหรี่ ได้ทวีตไปถามว่า..

อ้างอิงจาก:

@shayanafsharco When is the album shoot?
about 4 hours ago from web in reply to shayanafsharco


อ้างอิงจาก:

@birdytweeety later in the week
about 3 hours ago from UberTwitter in reply to birdytweeety


โอ้ววววววววววววววววววววว!!!
ใกล้แล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดีใจมากกกกกกกกกกกกก

ป.ล. เครดิต คุณพี่ Sweet Black บอร์ดติ๊ค่ะ หึหึหึหึหึ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ก่อนจบอัพเดท หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่ได้อ่านมาคือ มีวงในออกมาให้ข่าวว่างานของคริสทิน่าชุดนี้ในส่วนของภาคดนตรีจะมีความเป็นเลดี้ทรอนสูงมากๆในขณะที่สรรพสำเนียงเสียงร้องเป็นคริสทิน่า อากิเลร่าส่วนตัวเลยขอหยิบยกงานรีวิวอัลบั้มของเลดี้ทรอนชุดล่าสุดที่คิดว่าสอดคล้องกับคอนเส็ปท์ของ Futuristic ทั้งในแง่ของการนำเสนอดนตรีด้วยซินธิไซเซอร์ล้ำๆและกลิ่นอายแฟชั่นในตัวงานค่อนข้างสูงให้อ่านกันนะคะ ซึ่งอาจจะสะท้อนบางสิ่งในงานคริสทิน่าออกมาได้พอสมควรทีเดียว หึหึหึหึ

อ้างอิงจาก:




Ladytron : Velocifero : 85%

ก่อนอื่นต้องขอบอกนะคะว่าศิลปินวงนี้เป็นวงที่รู้สึกว่า "การกลับมาเยี่ยมบอร์ดครั้งนี้จะต้องเขียนถึงงานของทางวงให้ได้" ซึ่งไม่ใช่เพรนาะว่าเป็นแฟนคลับหรือนับถือในผลงานกันมาแต่ชาติปางไหนนะคะ ต้องขอสารภาพว่าไม่เคยฟังหรือรู้จักมาก่อนเลยด้วยซ้ำแต่หลังจากช่วงที่ลาบอร์ดไปและได้รู้มาว่าวงนี้ได้ร่วมเป็นหนึ่งในโปรดิวซ์เซอร์งานชุดใหม่ของ คริสทิน่า อากิเลร่า ด้วยก็เลยเกิดความรู้สึกที่อยากจะรีวิวงานของวงนี้เป็นพิเศษทีเดียวเพราะส่วนตัวรู้สึกว่า เอ่อ ดนตรีของพวกเะอน่าจะมีอะไรที่เชื่อมไปสู่แนวทางของคริสทิน่าในงานชุดใหม่ได้ ซึ่งมันก็อาจจะเป้นเหมือนเซ้นส์ของนักรีวิวอ่ะนะคะเพราะหลังจากนั้นไม่นานก็ได้อ่าน2-3ข่าวที่หลุดออกมาว่า "ทิศทางดนตรีในงานชุดใหม่ของอีติ๊จะมีความเป็นเลดี้ทรอนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว" (เครดิตบอร์ดคริสทิน่าไทยแลนด์) ซึ่งผลของงานอีติ๊จะเป็นอย่างไรก็ยังคงล่องลอยกันต่อไปหากแต่ต้องขอบคุณหล่อนมากๆนะคะที่แนะนำวงนี้ให้น้องสาวรู้จักนะคะเพราะว่า เก๋มากๆทีเดียว หึหึหึหึ

รูปแบบเพลง

สำหรับ Velocifero เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่4ซึ่งเป็นงานชุดล่าสุดจากทางวงที่วางขายเมื่อปี2008 โดยสไตล์โดยรวมยังคงยืนพื้นอยู่ที่อินดี้อิเล็คโทรพ้อพที่ผสานซินธิ์พ็อพ นิวเวฟ ไซคลีเดลิก เรโทรและแกลมร็อคตลอดจนไต่ระดับไปหนักหน่วงในขั้นอิเล็คโทรแคลชเช่นเดียวกับทิศทางของงานชุดที่ผ่านๆมา ต่างกันตรงที่งานชุดนี้จะมีความเป็น เอ่อ พ็อพมากขึ้นกว่าชุดก่อนๆที่จะมาแบบอินดี้กว่านี้โดยทิศทางของการนำเสนอดนตรียังคงรักษาบีทที่หนัก แรงและเร็วดังที่เป็นเอกลักษณ์ของทางวงโดยปรับแต่งให้ซาวนด์ดนตรีมีความล้ำยุคในระดับของนิยามซาวนด์แห่งอนาคตตลอดจนใส่ความเป็นแฟชั่นเข้ามาเสริมทัพในตัวงานในระดับที่สูงมากๆเลยทีเดียว บทสรุปก็คือเก๋ไงคะต้องลองฟัง

จุดด้อย

จะว่าเก๋มากๆก็ใช่หากแต่ด้วยความที่ภาคดนตรีในอัลบั้มมีเอกภาพที่สูงเสียดฟ้ามากๆมองในแง่ร้ายสำหรับผู้บริโภคที่นิยมความหลากหลายเยี่ยงดิฉันอาจจะไม่ปลื้มในจุดที่ไม่ค่อยมีความแตกต่างหลากหลายให้เป็นที่แปลกใจเท่าที่ควรเพราะออกแนวเวียนไปวนมากับภาคดนตรีเดิมๆตลอดทั้งอัลบั้ม แต่จะว่าไปมองในแง่ของอิเล็คโทรนิคการทำอัลบั้มประมาณนี้ก็นับเป็นวัฒนธรรมที่ศิลปินหลายท่านปฏิบัติกันมายาวนานพอสมควรนะคะมองแง่ของความสมบูรณ์แบบด้านเอกภาพแล้วก็ต้องยอมรับว่าเริ่ดเอาการเลยทีเดียว


แทร็คเด็ด

เด็ดตั้งแต่ประเดิมฤกษ์ด้วย Blackcat (4.5/5) แทร็คเปิดอัลบั้มที่เป็นภาษษบัลแกเรียซึ่งภาคดนตรีเป็นอิเล็คโทรนิคที่หนักหน่วงในระดับอิเล็คโทรแคลชที่เจิดจรัสบนซินธิไซเซอร์ตึ๊บๆเฟี้ยวฟ้าวรวมร่างกับอิเล็คโทรนิคแดนซ์และอินดี้ร็อคส่วนตัวแอบขัดใจที่พวกแม่คุณล่ออินโทรกันซะยาวรากเลือดไปนิดแต่ฟังไปฟังมาก็มันส์ดีเหมือนกันตลอดจนประทับใจสรรพสำเนียงการร้องที่ดีไซน์กันได้อย่างเก๋ไก๋ ลึกลับทรงเสน่ห์ประหนึ่งกำลังร่ายมนตร์ดำสะกดผู้ฟัง เจ้าค่าทาทาขอบอกว่ามันเจิดดดด! ตามมาด้วย Ghosts (4.5/5) แทร็คติดกันที่เป้นอินดี้อิเล็คโทรแดนซ์-พ็อพบีทหนักหน่วงผสานแกลมร็อคเข้ากับซินธิ์พ็อพและนิวเวฟช่วงยุค80สุดทรงพลังร้อนแรงหากแต่ก็สามารถหลอมรวมเข้ากับสรรพสำเนียงการร้องที่เย็นยะเยือกได้อย่างลงตัวน่าพิศวงทีเดียว ส่วนตัวฟังแล้วนึกถึงงานของ Goldfrapp ช่วงยุค Black Cherry ตึ๊บและอินดี้ประมาณนี้แหละหากแต่ติดที่ความเป็นเรโทรและนิวเวฟน้อยกว่าตลอดจนเป็นอิเล็คโทรแกลมมากกว่า มาที่ Predict The Day (4/5) ที่เป็นอินดี้อิเล็คโทรพ็อพผสานซินธิ์และลูกเล่นของความร่วมสมัยในแบบฉบับคลับแด๊นซ์เริดๆได้อย่างมีชั้นเชิง ค่อนข้างพ็อพและติดหูเป็นอันดับต้นๆของงานชุดนี้ทีเดียว

สำหรับหนึ่งในแทร็คที่ส่วนตัวประทับใจที่สุดคงหนีไม่พ้น Deep Blue (5) ที่ภาคดนตรีล่อวะยุคอนาคตจัดๆด้วยความเป็นอิเล็คโทรแคลชเท่ห์ๆเกรี้ยวกราดผสานท่วงทำนองของดิสโก้และซาวนด์เทคโนช่วงยุค90ที่นำกลับมาชุบชีวิตให้โลดแล่นอีกครั้งบนโลกแห่งเสียงดนตรียุคมิลเลเนียมได้อย่างน่าประทับใจไม่ต้องอะไรมากเจอแค่เสียงซินธิไซเซอร์ในเพลงนี้ก็อลังการซะจนคนฟังแถบจะสลบไปตามๆกัน สลับมาฟังเพลงช้าใน Kletva (4/5) อีกหนึ่งแทร็คที่เป็นภาษาบัลแกเรียซึ่งคัฟเวอร์มาจาก Kivil Marichkova ศิลปินชาวบัลแกเรีย ตัวเพลงเป็นอินดี้อิเล็คโทรพ็อพบัลลาดที่ดำเนินเรื่องเคียงคู่ไปกับบีทไซคลีเดลิก ออร์แกนและซินธิไซเซอร์ได้อย่างลงตัว เพราะดี! ปิดท้ายกับแทร็คที่ชอบที่สุดตลอดกาลของเลดี้ทรอนกับ Runaway (5) อิเล็คโทรพ็อพแดนซ์ที่ผสานมนตร์เสน่ห์ของกลิ่นอายเรโทรหอมหวานจากซินธิไซเวอร์และนิวเวฟที่ปรุงแต่งอิทธิพลมาจากภาคการนำเสนอเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุค80 ตัวเพลงเพราะติดหูและแฟชั่นมากๆส่วนตัวขอยกให้เป็นหนึ่งในแทร็คมาสเตอร์พีซตลอดกาลของเลดี้ทรอนเลยทีเดียว

สรุป

สรุปว่าวงนี้ "เก๋และเจ๋งจริงๆ" ส่วนตัวฟังแล้วก็ประทับใจในวิสัยทัศน์ของคุณนายคริสทิน่านะคะ (หล่อนมาไงอีกวะคะเนี่ย หึหึหึหึ) ที่เลือกมืออิเล็คโทรนิคระดับนี้มาโปรดิวซ์งานให้จากตอนแรกๆที่แบบ เอ่อ ใครอ่ะไม่เคยได้ยินชื่อจะไว้ใจได้เหรอคะแต่พอมาไล่ฟังงานของวงนี้แล้วต้องสารภาพตามตรงว่าเปลี่ยนความคิดชนิดกลับตารปัตรไปเลย เหลืออยู่อย่างเดียวที่สงสัยคือพอมาลงเอยกับหล่อนแล้วจะออกมาในระดับไหนแค่นั้น เพราะฉะนั้นอัลบั้มหล่อนนะรีบๆออกมาซะทีนะคะกูจะซื้อเงินที่เก็บรอมาเป็นปีจะบูดแล้วเนี่ย (อ้าว! ได้ข่าวว่านี่ดิฉันรีวิวอัลบั้มเลดี้ทรอนอยู่นี่คะ ไหงไปลงเอยด้วยดีกับอีติ๊ชนิดน้ำขุ่นๆได้น้อ หึหึหึหึ)




ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แถมด้วยงานของ Goldfrapp หนึ่งในวงอิเล็คโทรนิคระดับเทพที่ได้มาร่วมงานกับอีติ๊ในงานชุดนี้จริงๆแต่ทุกสิ่งอย่างยังอุบเงียบไม่มีออกมาให้สัมภาษณ์เป็นที่เร้าความกระสันแฟนๆแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวแอบรู้สึกว่าอาจจะมีอะไรที่เซอร์ไพร์สสุดๆระหว่างคริสทิน่ากับวงนี้ก็ได้นะคะ หึหึหึหึ ส่วนเหตุผลที่เลือกรีวิวงานชุด Supernature ด้วยความที่งานชุดนี้ค่อนข้างจะแฟชั่นและหลากหลายรวมถึงเริ่ดมากๆ หากจะมีอะไรที่ตรงกับคริสทิน่าที่สุดก็น่าจะมาขุดหากันได้ง่ายๆที่งานนี้แหละค่ะ เพราะถึงแม้ว่างานชุดนี้จะออกมาเป็นอินดี้พ็อพมากกว่าพ็อพจ๋าๆแต่คริสทิน่าคงจะไม่หลุดกรอบจากอะไรที่มันเป็นพ็อพมากนักงานชุดนี้จึงน่าสนใจสำหรับเดียนในฐานะที่ เอ่อ รู้สึกเป็นการส่วนตัวจริงๆว่ามันมีอะไรที่สามารถคอนเน็คกับตัวคริสทิน่าเองรวมถึงผสมผสานกับซาวนด์ของโปรดิวซ์เซอร์ท่านอื่นๆได้กลมกลืนที่สุด Smile

อ้างอิงจาก:



Goldfrapp : Supernature : 92%

รีวิวชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระทู้คาดการณ์งานชุด Light&Darkness ของคุณนายคริสทิน่า อากิเลร่าที่ดิฉันขอคุณพี่สตาฟปักหมุดไว้อัพเดทเรื่อยๆเท่าที่จะคิดได้ชนิดไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าอีติ๊มันจะคายงานออกมาเสียทีนะคะ เรื่องของเรื่องคือเพื่อนสาวกลุ่มเดี๊ยนไม่รู้นึกครื้นเครงอะไรขึ้นมาจู่ๆก็เข้ามาอ่านกระทู้ที่ว่าชนิดยกกลุ่มเลยทีเดียว มีทั้งเข้ามาเพราะเป็นหน้ามาาประจำนังแนส สนใจเฉพาะอีติ๊ตลอดจนเข้ามาหาเพลงฟังเล่นแก้กลุ้มอย่างไรก็ตามส่วนตัวดีใจนะคะที่กระทู้แก้เซ็งธรรมดาๆกระทู้นี้ก็สามารถเป็นที่กรี๊ดกร๊าดดดดดดของพวกหล่อนๆได้ ไอ้เราก็หลงดีใจนึกว่าคนอ่านเป็นพันจริงๆที่ไหนได้มีสามนางเข้ามาสารภาพว่า "ช่วงแรกๆกูเขาไปฟังเพลงกระทู้อีติ๊มึงวันละร่วมสิบรอบ" ต๊ายยยยยยย หึหึหึหึ สำหรับรีวิวชิ้นนี้เป็นรีวิวของผู้ชนะการโหวตในมีตติ้งกลุ่มที่ผ่านมาในฐานะโปรดิวซ์เซอร์ของคริสทิน่าที่สาวๆในกลุ่มเดี๊ยนสนใจอยากจะอ่านรีวิวอัลบั้มเต็มๆมากที่สุด ซึ่งก็เป็นไปตามคาดนะคะว่า Goldfrapp ชนะโหวตนี้ไปชนิดเรียกได้ว่าขาดลอยทีเดียวซึ่งส่วนตัวก็ไม่แปลกใจเท่าไรเนื่องจากเครดิตในเรื่องของการเป็นที่นิยมในวงกว้าง ชั่วโมงบินในวงการตลอดจนชื่อชั้นบารมีแล้วนับว่าปฏิเสธกันไม่ลงทีเดียวว่าวงนี้ออกจะเหนือระดับ โดเดนและทรงพลังกว่าโปรดิวซ์เซอร์ท่านอื่นๆที่มาร่วมงานกับติ๊เลยทีเดียว

รูปแบบเพลง

สำหรับท่านผู้อ่านที่เคยเขียนมาถามว่า "Goldfrapp คือใครเอ่ย?" ก็วงนี้เป็นวงดนตรีอิเล็คโทรนิคจากลอนดอนที่ฟอร์มวงขึ้นช่วงปี1999 จกการรวมพลังกันระหว่างนางพญาอิเล็คโทรนิคสุดเปรี้ยวอย่างอลิสัน โกลด์แฟร็ปนักร้องนำและวิล เกรกอรีย์มือซินธิไซเซอร์ระดับพระกาฬประจำวง ซึ่งวงนี้ก็เริ่มสร้างชื่อในหมูนักวิจารณ์ดนตรีตั้งแต่งานชุด Felt Moutain สตูดิโออัลบั้มชุดแรกเมื่อปี2000ที่ภาคดนตรีเป็นอิเล็คโทรแอมเบี้ยนท์จัดๆก่อนจะไต่ระดับมาตีความเป็นที่ยอมรับในวงกว้างขึ้นในงานชุด Black Cherry อัลบั้มถัดมาก่อนจะประสบความสำเร็จสุดๆใน Suernature ที่เลือกมารีวิวด้วยความที่สามารถขยับชื่อของพวกเขาให้มาเจิดจรัสกระชากความสนใจจากทุกสายตาในอาณาจักรดนตรีสากลและโลกแห่งเสียงเพลงเต้นรำจากการนำเสนอภาคดนตรีได้อย่างเก๋ไก๋บนพื้นฐานของความเป้นอิเล็คโทรนิคจัดๆผสานคลับแด๊นซ์ ยูโร ทริพฮอพและดิสโก้ตลอดจนหยอดลูกเล่นของควมเป็นซินธิ์พ็อพ แกลมร็อคและนิวเวฟสู่บีทดิสโก้ตึ๊บๆและอิเล็คโทรแกลมแรงๆจนกลายร่างสู่วัฒนธรรมอันเกรี้ยวกราดของอิเล็คโทรแคลชอย่างที่ได้ยินกันใน Black Cherry ตลอดจนการร่ายมนตร์เสน่ห์ของแอมเบี้ยนท์ที่ยังคงสืบทอดอิทธิพลมาอย่างเจือจางจากงานชุดแรกหากแต่ถูกพัฒนาให้พ็อพและเข้าถึงง่ายมากขึ้นในงานชุดนี้ สิริรวมเป็นงานอิเล็คโทรพ็อพสุดเปรี้ยวล้ำ แฟชั่นและหรูหราสมบูรณ์แบบจนได้รับการลงความเห็นจากผู้ฟังหลายเสียงว่าเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซของทางวงทีเดียว

จุดด้อย

แต่สำหรับดิฉันดันโชคร้ายที่เกิดมาไม่ได้รับพรสวรรค์สำหรับใช้ผูกมิตรกับดนตรีอิเล็คโทรนิคมากมายเท่าใดนักซึ่งด้วยความที่ไม่ถนัดและไม่คุ้นเคยเป็นการส่วนตัวมากมายนักกับดนตรีแนวนี้ก้อาจจะทำให้เข้าไม่ถึงจุด "เก๋ๆ" บางจุดที่ศิลปินต้องการสื่อรวมถึงอาจจะตีความแทร็คบางแทร็คไปในทิศทางที่ตัวเองเคยชินชนิดที่เรียกว่าเล่นหลอมใหม่บัญญัติความเข้าใจไปเองจนถ้าตัวศิลปินมารู้อาจจะมีงงประมาณว่า "เอ๊ะ อีนี่นี่มันไม่ใช่ที่ฉันต้องการสื่อเลยนะ" ส่วนตัวก็จะพยายามให้ดีที่สุดที่จะพัฒนาควมสามารถตัวเองในการรีวิวดนตรีสายนี้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ นอกจากนี้ดันซวยที่เดียนดันไปฟังสองงานแรกเทียบกับงานชุดนี้ก่อนซึ่งมาเหนือระดับกว่าในแง่ของความแรง เข้มข้น ดิบและตึ๊บชนิดที่คนฟังมึนกันไปข้างทีเดียวเลยกลายเป็นที่เขาว่ามาสเตอร์พีซๆเนี่ยมันดันไม่ถึงระดับนั้นสำหรับดิฉันไปอย่างน่าเศร้า เหอๆๆๆๆๆ ไม่ถนัดอิเล็คโทรนิคก็จริงๆแต่เซ้นส์ทางดนตรีในฐานะนักวิจารณ์เพลง7ปีมันฝังลึกอยู่ในตัวนี่คะ อย่างไรก็ตามเหตุผลที่หยิบงานชุดนี้ขึ้นมารีวิวทั้งๆที่ชอบน้อยกว่าเพราะส่วนตัวคิดว่าฟังง่ายและค่อนข้างสะดวกต่อการรีวิวมากๆตลอดจนคิดว่าเป็นงานที่รู้สึกเป็นการส่วนตัวว่าน่าจะส่งอิทธิพลในงานชุดหน้าของคริสทิน่าเท่าที่ควรว่าแล้วก็๋เลยขอหยิบมารีวิวด้วยหลายเหตุผลดังกล่าว หึหึหึหึ

แทร็คเด็ด

เริ่มต้นด้วยเพลงเก่งอย่าง Ooh la la (4.5/5) ซิงเกิ้ลสุดฮิพในแบบฉบับอิเล็คโทรแกลมสวยหรูที่ยืนพื้นบนโครงสร้างของแดนซ์พ็อพอิเล็คโทรนิคที่ผสานท่วงทำนองของแกลมร็อค ยูโรและตลอดจนอิทธิพลของความเป็นโพสท์ดิสโก้โดยใส่ซินธิ์พ็อพผสานเขากับริฟฟ์กีตาร์ไฟฟ้าวิ่งว่อนกันสนุกสนานทำเก๋ทั้งเพลงประกอบกับท่อนคอรัสเก๋ๆที่หลอนติดหูสุดๆส่งผลให้แทร็คนี้เป็นหนึ่งในซิงเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลของทางวงเลยทีเดียวซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้อันดับ4บนฝั่งยูเคและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงแกรมมี่ปีที่49ในสาขา Best Dance Recording ด้วย เริ่ด!!!! ต่อด้วย Ride A White Horse (5) ซิงเกิ้ลที่สามที่เจิดจรัสด้วยการร่ายมนตร์เสน่ห์บนบีทอิเล็คโทรนิคที่หนักหน่วงเข้มข้นขึ้นอีกหลายระดับพร้อมกับหยอดท่วงทำนองของความเป็นคลับแด๊นซ์ แอมเบี้ยนท์และดิสโก้เข้าไปยกระดับได้อย่างลงตัว บทสรุปออกมาเป็นอิเลคโทรนิคแดนซ์เปรี้ยวล้ำหรูหราสุดบรเจิดที่ทรงพลังทั้งในแง่ของความสวยงามจากวาทะศิลป์และบรรยากาศแวดล้อมของดนตรีที่เนรมิตออกมาได้อย่างสุดอัศจรรย์ มาที่ Fly Me Away (5) ที่เคยรีวิวไปในกระทู้รีวิวซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้สลับอารมณ์จากอิเล็คโทรเต้นรำผสานบีทดิสโก้หนักหน่วงจากสองเพลงข้างต้นสู่ห้วงของมิดเทมโพอิเล็คโทรพ็อพบัลลาดลอยๆที่หลอมเอาวิญญาณซินธิไซเซอร์รวมร่างเข้ากับเสน่ห์ของเครื่องสายออเครสตร้าได้อย่างลงตัวก็จะถ่ายทอดคลอเคลียไปกับสรรพสำเนียงหลอนๆลอยละล่องกับมนตร์เสน่ห์ของท่วงทนองแอมเบี้ยนท์สวยๆที่จะพาคุณหลุดไปยังอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยความฝัน จินตนาการและความลึกลับที่สุดแสนจะงดงามน่าแสวงหา เพราะมากเลยทีเดียว

Lovely 2 C U (4.5/5) อีกหนึ่งอิเล็คโทรแกลมเริ่ดๆที่โดดเด่นด้วยการจับเอาแกลมร็อค นิวเวฟ อินดี้และซินธิ์พ็อพเข้าไปประสานวิญญาณกับอิเล็คโทรนิคแดนซ์แรงๆ ผลลัพธ์ออกมาเป็นอิเล็คโทรแคลชอ่อนๆหากแต่เปรี้ยวและทรงพลังมากๆส่วนตัวฟังแล้วแอบคิดถึงมาดอนน่าช่วงยุค80ในแบบฉบับที่หนักหน่วงกว่าประมาณอีกสามช่วงตัว เก๋ไก๋มากๆ ส่งท้ายรีวิวด้วย Koko (5) อีกหนึ่งในแทร็คที่ส่วนตัวประทับใจที่สุดของงานชุดนี้ด้วยภาคเนื้อหาที่บรรจงแต่งออกมาได้อย่างสวงามทรงวาทะศิลป์ในระดับกวีอิเล็คโทรนิคถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจในแบบแอมเบี้ยนท์ตลอดจนสรรพสำเนียงทริพฮอพที่หลอมรวมเข้ากับอิเล็คโทรแคลชได้อย่างน่าประทับใจ กรี๊ดดดดดดๆๆๆๆแฟชั่นมากๆฮ่ะ ฟังแล้วรู้เลยว่านิยามของแดนมหัศจรรย์ที่รังสรรค์ด้วยดนตรีเป็นอย่างไร

สรุป

แม้ว่าจะชอบน้อยกว่าสองงานก่อนหน้านี้หากแต่ต้องขอชมที่ Goldfrapp สามารถที่จะรักษษมาจรฐานทางดนตรีอันสูงส่งของทางวงได้อย่างสมบูรณ์แบบชนิดที่ไม่มีทำให้ผิดหวัง งานดนตรีของวงนี้สร้างความประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกเริ่มเช่นไรวินาทีนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น คือ ดินแดนเหนือจินตนาการแห่งโลกดนตรีที่สวยงามประดุจเนรมิตขึ้นมาจากเวทย์มนตร์ ถ้าจะหาคำจัดความ



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แหมเจ๊ไม่สนใจนัง SIA หน่อยหรอ เพลงใช้ได้อยู่นะ เพียงแต่ถ้าเทียบกับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงท่านอื่นแล้ว งานของเซียจะลอยไปลอยมาเกินไปเท่านั้นเองครับผม!!!


_________________

April fighting! + angel Sojin�
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
paradizer พิมพ์ว่า:
แหมเจ๊ไม่สนใจนัง SIA หน่อยหรอ เพลงใช้ได้อยู่นะ เพียงแต่ถ้าเทียบกับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงท่านอื่นแล้ว งานของเซียจะลอยไปลอยมาเกินไปเท่านั้นเองครับผม!!!


55555 แปลกอยู่ค่ะที่งานของเซียฟังง่ายสุดแต่เป็นงานโปรดิวซ์เซอร์อีติ๊ที่เจ๊แถบจะไม่สนใจเลย เกิดอะไรขึ้นหนอ แต่งานขอโปรดิวซ์เซอร์มันที่รีวิวไปสี่คนนี่แรงๆทั้งนั้นเลยเนอะ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ้างอิงจาก:


When Christina Aguilera enlisted Ladytron to write songs for her upcoming fourth album, ‘Light & Darkness,’ she could have wielded her diva powers and told the British electro-pop group exactly what she was looking for. Thankfully, that’s not what happened. “She just told us she wanted to enter our world,” Ladytron multi-instrumentalist Reuben Wu tells Spinner. “She didn’t want to give us any idea what she wanted the music to be. She wanted us to do our own thing.”

Wu says Aguilera approached the group two years ago and that the surprisingly modest pop star wasn’t shy about declaring herself a fan. “She said she was inspired by our music and we were one of her favorite bands,” he says. Although Wu and his cohorts — fellow keyboardist Daniel Hunt and vocalists Helen Marnie and Mira Aroyo — were initially required to remain hush-hush about the project, they couldn’t keep their secret from everyone.

“What do we do but tell our parents?” Wu says. “Christina is one of those people where you know your parents would have heard of her, so it’s kind of good for us to tell our moms and dads, ‘Look, mom, look, dad — we’re actually doing something you can understand.’”

Over the course of 10 years and four studio albums, Ladytron has earned praise from and toured with the likes of Nine Inch Nails and Depeche Mode, but the Aguilera collaboration marks the first time the Liverpool quartet has written for another artist. “Working with Christina was a completely different experience,” Wu says. “To hear her singing on those tracks, it was pretty shocking how great her voice is. Obviously, you hear it on MTV and on the radio, but to actually listen in front of you, singing in front of you, it’s a completely different thing. And quite a few of the songs, she just did one take, and that was it.”

Due out early next year, ‘Light & Darkness’ will also feature contributions from Goldfrapp and Sia Furler — electronic artists whose involvement suggests Aguilera is trading the retro-pop vibe of her last album for something more futuristic. “My feeling is that she got to a point in her life where she wanted to take her music to a different level,” Wu says. “She was willing to take a risk and go in a completely different direction. It wasn’t like, ‘Oh, I want to be all electro.’ It wasn’t anything like that. She just wanted to evolve her music according to what she was listening to at the time.”

Besides Ladytron, Aguilera has evidently been getting down to Brazilian dance rock and ’90s British punk. While visiting the singer in Los Angeles recently, the members of Ladytron rode with her to a CSS show, blasting Elastica jams in the back of her limo. “She’s got really good taste,” Wu says.

Wu isn’t sure how many of Ladytron’s tracks will make the finished ‘Light & Darkness,’ but he says all of the songs pick up where the group’s last album, 2008’s ‘Velocifero,’ left off. In working with Aguilera, Wu and company were even inspired to write some major-key tunes, something the darkly dressed, quasi-Goth party starters aren’t exactly known for.

“I’m glad to say they’re still very Ladytron, and they’re also very Christina, because her voice is on the tracks,” he says. “We’re very pleased with it.”




เครดิตจากบอร์ดคริสทิน่าไทยแลนด์นะคะ

ก็เลดี้ทรอนได้ออกมาพูดถึงการทำงานกับคริสทิน่าน่ะค่ะ เท่าที่อ่านดูแล้วงานของคริสทิน่านี่ภาคดนตรีจะเป็นเลดี้ทรอนมากๆด้วยความที่ชีไม่ได้บ่งบอกว่าต้องการดนตรียังไงทำแบบเลดี้ทรอนออกมาเลยเดี๋ยวดิฉันร้องเอง แหมๆๆๆๆๆ พบกันซะคนละครึ่งทาง

ป.ล. สรุปว่าเอาเพลงเหลือจาก Velocifero มาทำใหม่เหรอคะ เฮ้อ ขึ้นชื่อว่าเพลงเหลือก็กังวลเนอะ แต่เชื่อว่าน่าจะมิกซ์ออกมาให้ดีได้

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ้างอิงจาก:
ปกอัลบั้มใหม่ ได้ถ่ายไปแล้วครับสดๆร้อนๆ โดยช่างภาพชาวอิสราเอล ALIX MALKA ครับ
ข่าวนี้เผยแพร่ทางเว็บไซท์ข่าวของที่นั่น ใครอ่านออก เชิญเลยครับ
http://www.nrg.co.il/online/7/ART1/962/880.html?hp=7&loc=21&tmp=6557

ใครคือ ALIX MALKA เอ่ย..



อ้างอิงจาก:
ALIX MALKA Is one of the new talents in fashion photography, born in Paris, Alix Malka is today one of the most asked for photographers by the international magazines. His inspiration comes from the likes of Pedro Almodovar and John Waters, as well as designers like John Galliano and Alexander McQueen. Obsessed by color, Malka’s images are suggestive of taste for rich, exuberant and sophisticated stylism. His first incursion to the world of the fashion was in 1985 when he began work with director Tierry Mugler. Certain image will probably speak to you. One of my preferred photographers in the hyperglamourous world of fashion…



คร่าวๆนะครับ เนื้อหอมในหมู่คนดังในวงการเหมือนกัน
ไม่รอช้าแล้ว ตามไปดูรูปผลงานของเค้าคนนี้เลยดีกว่าครับ

อันนี้ในเว็บของเค้าครับ สวยมากๆๆๆ
http://www.chrisboalsartists.com/index.php?artist=alixmalka

หากยังไม่พอ คลิ๊กตรงนี้เลยครับ
http://images.google.com/images?hl=en&source=hp&q=alix+malka&gbv=2&aq=f&oq=&aqi=g1


อร๊าคคคคค มันจะต้องออกมาเป็น Futuristic ที่ High-fashion แน่ๆเลย


เอาภาพมาให้ดูเรียกน้ำย่อยครับ





















[img]http://farm1.static.flickr.com/165/396538574_7a6a7bc143.jpg?v=0[/img]







อัพเดทหน้าปกอัลบั้ม ตามที่โพสท์เลยนะคะ แอร๊ยยยย รูปสวย

เครดิต บอร์ดคริสทิน่าไทยแลนด์

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ้างอิงจาก:


M.I.A : Arular : 95%


ก่อนหน้านี้ได้รีวิวงานของหนึ่งในโปรดิวซเซอร์ของคริสทิน่าทั้ง Goldfrapp ที่ชนะโหวตและ Ladytron ที่อยากรีวิวเป็นการส่วนตัวลงบอร์ดชนิดเต็มๆไปแล้วน่ะค่ะ ส่วนตัวก็ดีใจที่แม้ว่าทั้งสองวงนี้จะเป็นศิลปินที่ค่อนขางรู้จักแค่ในวงแคบแต่การตอบรับจากผู้อ่านดีเกินคาดทีเดียวซึ่งก็เป็นไปตามคารดเช่นกันนะคะว่าจะมีรีเควสโปรดิวซ์เซอร์ท่านอื่นของอีติ๊ตามมาเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพราะดิฉันได้รับรีเควสท่านที่เหลือหมดทุกท่านเลยก็ต้องขอกราบเรียนตรงนี้ว่าคงไม่สามารถรีวิวให้หมดทุกคนได้เนื่องด้วยเวลาและอะไรหลายๆอย่างมันไม่เอื้ออำนวยน่ะค่ะอย่างไรก็ตามถ้ามีเวลาว่างมากจริงๆอย่างวันนี้ก็จะทยอยลงให้อ่านกันตามที่ดิฉันสนใจนะคะ ซึ่งวันนี้เป็นคิวของ M.I.A ซึ่งเป็นโปรดิวซ์เซอร์อีติ๊ที่โดนร่อนรีเควสมาถามถึงมากที่สุดและส่วนตัวเท่าที่มองเธอคนนี้แล้วคิดว่าเป็นอีกท่านที่โดเด่นในระดับแนวหน้าจากบรรดาโปรดิวซ์เซอร์อีติ๊ทั้งหมดเลยทีเดียวและจากการที่ได้ฟังผลงานของเธอทั้ง2อัลบั้มแล้วคงต้องขอบอกว่า "แม่คนนี้นี่เปรี้ยวระดับเทพธิดาทีเดียว"



รูปแบบเพลง
สำหรับสาวพรสวรรค์สูงท่านนี้มีชื่อเต็มว่า Mathangi "Maya" Arulpragasam เป็นขาวอังกฤษเชื้อสายศรีลังที่นอกจากจะมีความสามารถอันหาตัวจับยากในด้านการร้องเพลง แต่งเพลงและโปรดิวซ์แล้วยังควบด้วยการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ นักเขียนตลอดจนกราฟฟิคดีไซน์เนอร์เก๋ๆให้งานตัวเองด้วยนะคะ (จะเก่งเกินคนไปมั้ยแม่นาง?) สำหรับงานที่หยิบขึ้นมารีวิวเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรกชื่อ rular ที่วางขายช่วงต้นปี2005ซึ่งเป็นงานอัลเทอเนทีฟแดนซ์ซึ่งเน้นบทบาทส่วนใหย๋ไปที่ภาคของอิเล็คโทรนิก้า ดรัมส์แอนด์เบสส์ แดนซ์ฮอลล์และฮิพฮอพแร็พในระดับที่สูงผสานบนสรรพสำเนียง Funk Carioca หรือ ไบเล่ฟั้งค์ที่เป็นภาคดนตรีท้องถิ่นที่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมาจากโซนพวก "บราซิล" (อันนี้ไม่แน่ใจ) โดยจับมาปรุงแต้งให้มีความร่วมสมัยขึ้นโดยบูรณาการเข้ากับเทคโนและGrimeที่เป็นบริทิชิพฮอพแบบยูเคการาจผสานดั๊บสเต็ปตลอดจนคอนเทมโพลารีย์อาร์แอนดืบีและอิเล็คโทรแคลชได้อย่างลงตัว โดยภาคเนื้อหาเป็นการสะท้อนทัศนคติที่มีต่อสังคม การเมือง วัฒนธรรมตลอดจนเหตุการณ์ที่ทางครอบครัวเคยมีส่วนเข้าไปพัวพันกับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมและสงครามการกวาดล้างกบฏจากรัฐบาลศรีลังกา



จุดด้อย

สำหรับเดียนคิดว่า "คงไม่มี" เนื่องจากเก๋ไก๋และสมบูรณ์แบบเพียงพอต่อความต้องการเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเพลงของเธอยังค่อนข้างเฉพาะทางคือไม่ได้เป็นที่นิยมในวงกว้างพอสมควรซึ่งลองคิดเล่นๆว่าถ้านำงานชุดนี้ไปเปิดให้บรรดาผู้ฟังเพลงที่ติดอยู่กับการบริโภคดนตรีในกระแสหลักฟังแล้วส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะสามารถเป็นที่ถูกใจได้กี่คนเพราะเอาจริงๆเพลงเธอก็ไม่ใช่จะเรียกว่าฟังง่ายซักเท่าไรหรอกนะคะ อีกประเด้นคือเสียงหล่อนซ่องแตกมากค่ะถ้าจะฟังให้มันเปรี้ยวมันก็โคตรจะจี๊ดดดดดแต่สำหรับคนที่เขารำคาญตคงจะมีไม่ใช่น้อยเช่นกันเนื่องจากมันกรี๊ดกร๊าดโหยหวนแทงประสาทเหลือเกิน หึหึหึหึ

แทร็คเด็ด

เปิดอัลบั้มได้อย่างสะเด็ดสะเด่าด้วย Pull Up The People (5) ที่จับสรรพสำเนียงของฮิพฮอพแร็พมาผสานเข้ากับแด๊นซ์ฮอลล์ก่อนจะตบอิเล็คโทรนิก้าเข้าไปคุมทิศทางได้อย่างลงตัวตามด้วยอาร์แอนด์บี เทคโน ฟั้งค์ขยำรวมกันอย่างกลมกล่อมภาพรวมออกมาเป็นอัลเทอเนทีฟแดีนซ์เริ่ดๆสุดร้อนแรงเข้าขั้น "ไพร่" (อันนี้ชมนะ) ที่ระเบิดทุกซ่องได้กระจุยเปยผุยผงเลยทีเดียว มาที่ Galang (4.5/5) และ Sunshowers (5) 2ซิงเกิ้ลแรกที่ส่วนตัวคิดว่าภาคการนำเสนอโดดเด่นและฉีกออกมาจากหลายๆแทร็คมากที่สุดโดยแทร็คแรกเปนยการหล่อหลอมดนตรีบอมบาพื้นเมืองให้เข้าสู่มิติใหม่แห่งทศวรรษ2000ด้วยการใส่บีทอิเล็คโทรนิค ทคโน ฟั้งค์เข้าไปประยุกต์ก่อนจะถ่ายทอดอย่างเก๋ไก๋บนท่วงทำนองของฮิพฮอพแร็พผสานแดนซ์ฮอลล์ติดเร็กเก้นิดๆเปรี้ยวสมศักดิ์ศรีซิงเกิ้ลแรก ในขณะที่แทร็คหลังพาคุณย้อนกลับเข้าสู่บรรยากาศของความเป็นพื้นเมืองจริงๆกับภาคดนตรีแด๊นซ์ฮอลล์ที่ติดกลิ่นของความเป็นจังเกิ้ลเสริมทัพด้วยลูกเล่นGrimeที่นำเสนอผ่านความเป็นยูเคการาจในแบบบริทิชฮิพฮอพ เร็กเก้และพ็อพก่อนจะหยอดบีทอิเล็คโทรนิคเข้าไปคุมเข้มได้อย่างเหนือชั้น เริ่ดมากกกกกกกกกก

Amazon (4/5) ทรงเสน่ห์บนสรรพสำเนียงของ Funk Carrioca ที่ถูกแปลงโฉมให้โฉบเฉี่ยวร่วมสมัยขึ้นโดยฮิพฮอพแร็พ แดนซ์ฮอลล์และอิเล็คโทรนิก้าแรงๆส่วนตัวฟังแล้วติดตรงที่อยากให้ใส่ความเป็นอิเล็คโทรนิคและคลับแด๊นซ์เข้าไปให้จัดจ้านกว่านี้รับรองได้เพลงอิเล็คโทรแคลชบนสรรพสำเนียงแด๊นซ์ฮอลล์ที่เปรี้ยวปราดมากๆแน่ ต้องชมว่าเก๋าเพราะมีน้อยคนที่จะทำออกมาได้ เอ่อ ..... ขนาดนี้ (เน้นว่างานชุดนี้ต้องฟังเองจะเห็นภาพว่าแรงจริง) ปิดท้ายด้วยแทร็คที่ชอบที่สุด 10 Dollar (5) อัลเทอเนมีฟแด๊นซ์ที่โดเด่นบนท่วงทำนองอิเล็คโทรนิคคลับแด๊นซ์จัดๆผสานเทคโน ฮิฮอพดรัมส์แอนด์เบสส์ แร้พตลอดจนยูเคการาจดั๊บสเต็พสุดพลังแค่ดนตรีก็เริ่ดพอแล้วแต่พอฟังเสียงหล่อนนี่ต้อง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเสียงแร็พของหล่อนนี่มันช่างซ่องแตกเหลือร้ายอะไรขนาดนี้ฟังแล้วหนาวเลยฮ่ะ หึหึหึ ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆอีนี่ย์

สรุป

เธอเปรี้ยว เก๋และแรงจริงๆผู้หญิงคนนี้ฟังแล้วขอคารวะ ส่วนสรรพคุณจะเป็นอย่างไรแนะนำให้ไปลองหาซื้อหาโหลดมาฟังกันเอาเองเพราะต่อให้เดี๊ยนบรรยายซะสวยหรูขนาดไหนภาพมันก็ไม่ชัดเท่าได้ลิ้มลองนะคะ ระวังหยุดเต้นไม่ได้แล้วกันเพราะเพลงชีประสาทแดกมาก หนู ช๊อบบบบบบบบบบบบบบบ ชอบบบบบบบ ค่า



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ้างอิงจาก:


Santigold : Santogold : 91%

ครั้งที่แล้วได้ลงงานของ M.I.A ไปแล้วนะคะซึ่งก็แหมๆๆๆๆๆเมื่อมีM.I.Aแล้วจะขาดซานติโกลด์ได้ยังไงเนอะด้วยความที่ช่วงหลังๆมีการร่วมฟีทเจอริ่งในงานของศิลปินเดียวกัน ออกทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกันตลอดจนเป็นโปรดิวซ์เซอร์ของคริสทิน่าสองท่านที่โดนร่อนรีเควสมาถามถึงรีวิวอัลบั้มเต็มมากที่สุดใกล้ๆกันเลย หากแต่ส่วนตัวที่ตัดสินใจรีวิวนังเมียก่อนเนื่องจากมัคนอ่านสนับสนุนเยอะกว่าในแง่ของรีเควส รีวิวได้ง่ายกว่าตลอดจนเนื้องานทำออกมาได้ถูกจริตกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับวันที่ว่างมากๆวันนี้เดี๊ยนไม่เห็นว่าจะมีศิลปินท่านใดที่เหมาะสมแก่การมารีวิวเป็นงานอดิเรกเพื่อเข้าคอลเล็คชั่นส่วนตัวของเดียนเท่ากับเธอคนี้ในฐานะเพื่อสาวสุดอาร์ตคนใหม่ล่าสุดในวงการของเดี๊ยน

รูปแบบดนตรี

Santogold เป็นสตูดิโออัลบั้มแรกภายใต้ชื่อเดียวกับศิลปินที่วางแผงเมื่อปี2008ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อตัวเองมาเป็นSantigoldทีหลังเนื่องจากปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์การใช้ชื่อที่ชื่อของอีเจ๊แกดันไปปะทะเข้าเต็มรักกับแบรนดอัญมาณีอะไรซักอย่างเนี่ยแหละค่ะ สำหรับแนวเพลงในงานชุดแรกเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของอิเล็คโทรนิค นิวเวฟ อินดี้ร็อค โพสท์พั้งค์ แด๊นซ์ฮอลล์ อัลเทอเนทีฟแดนซ์ตลอดจนดั๊บออกดอกผลมาเป็นงานดนตรีโคตรอาร์ทและเท่ห์จัดชนิดที่ดิฉันนั่งฟังครั้งแรกถึงกับอึ้งไปกับอัจฉริยะภาพทางดนตรีตลอดจนความบ้าพลังล้นเหลือที่แม่คุณกระหน่ำยัดลงไปซะเกินพิกัดในงานชุดนี้ หากแต่ แหมมมมมมมม มันปฏิเสธไม่ได้นะคะว่างานออกมาดูดี๊ ดูดีค่ะเธอ

จุดด้อย

เอาจริงๆฟังไปนานๆแล้วมันก็ไม่ใช่งานที่ฟังยากเหมือนที่เล่นซะสยองขนหัวลุกในรอบแรกนะคะ ฟังง่ายมากๆหากแต่ "เข้าใจยาก" มากกว่าด้วยความติ๊สท์จัดๆในการนำเสนอของเธอตลิอดจนภาคดนตรีที่ตึ๊บมาในแง่ของรายละเอียดที่ใส่ลงไปเอาใจผู้ฟังชนิดแออัดยัดทะนานจนผู้ฟังบางส่วนที่ภูมิต้านทนทางดนตรีแนวนี้ไม่แข็งกล้าพอ "เฉกเช่น ดิฉัน" ถึงกับมึน คืออีฟังเพลินๆไม่เท่าไรหรอกค่ะหากแต่ถ้าฟังแบบจะเก็บรายละเอียดข้อมูลมารีวิวล่ะก็ แหกกกกกกกกกกก อีกประเด็นคือส่วนตัวไม่รู้ว่าจะจัดแม่คุณไปไว้ในหมวดหมุ่ไหนดีเนื่องจากภาคดนตรีคุณนายมาชนิดที่กว้างและใส่น้ำหนักความชัดเจนลงมาเท่ากันมากๆ จะตอบว่า "อินดี้" เฉยๆก็แลดกำปั้นทุบดินจะอิเล็คโทรนิคไปเลยก็ดันมีนิวเวฟ มีอัลเทอมีโน่นมีนี่ปนมาเฉียบขาดพอกันทุกแทร็คหมด เข้าข่ายศิลปินคุณภาพที่หาศาลสิงไม่ได้อีกนางแล้ว

ป.ล. ได้ข่าวว่าหนู Paradizer ประทับใจงานชุดนี้มากเลย ครับผม!!!

แทร็คเด็ด

เปิดอัลบั้มด้วย L.E.S Artiste (4.5/5) อัลเทอเนทีฟอินดี้ร็อคติดกลิ่นอายนิวเวฟช่วงยุค80ตบด้วยเบสส์ฟั้งค์และบีทอิเล็คโทรนิคตามมาติดๆก่อนจะเหยาะความเป็นพ็อพเข้าไปเพิ่มความละมุนละไมได้อย่าลงตัว ส่วนตัวประทับใจภาคเนื้อหาที่ตอกหน้าพวกวอนน่าบีได้อย่างแสบทรวงยิ่งไปกว่านั้นเป็นหนึ่งในแทร็คที่ฟังง่ายที่สุดเป็นลำดับต้นๆของอัลบั้มแล้วค่ะ แทร็คถัดไป You'll Find A Way (5) ต๊ายยยยยยยยย เท่ห์โคตรๆค่ะ ตัวเพลงเป็นอัลเทอเนทีฟอินดี้ร็อคที่โดดเด่นบนสรรพสำเนียงโพสท์พั้งค์สุดเกรี้ยวกราดผสานแดนซ์ ฟั้งค์ อิเล็คโทรนิคและนิวเวฟเข้าด้วยกันชนิดสุดกลมกล่อม เก๋ไก๋และเปรี้ยวปราดมากๆเป็นแทร็คที่ประทับใจที่สุดสำหรับงานชุดนี้ สำหรับ Shove It (4.5/5) ส่วนตัวคิดว่าภาคการนำเสนอใกล้เคียงกับ M.I.A เพื่อนซี้เธอพอสมควรทีเดียว แด๊นซ์ฮอลล์ปะทะฮิพฮอพแร็พเจือสำเนียงFunk Carioca ละทินโซล เร็กเก้แบบที่เป็นซาวนด์เอกลักษณ์ของ M.I.A นั่นแหละ หากแต่ในเรื่องการแร็พออกมาไม่จัดจ้านเท่าแต่ตีตื้นตรงภาคดนตรีที่ประดิดประดอยออกมาได้มีมิติน่าค้นหาในแบบของซานติโกลด์เองจนต้องชม

Say Aha (4/5) อัลเทอเนทีฟแด๊นซ์ที่ยืนพื้นบนอินดี้ร็อคผสานแด๊นซ์-พั้งค์ก่อนจะไต่ระดับไปสู่ซินธิ์พ็อพ อิเล็คโทรตลอดจนแซมเพิ่ลกลิ่นอายอันทรงเสน่ห์จากความเป็นเรโทรด้วยนิวเวฟยุค80ได้อย่างเหนือชั้น ติดหูพอสมควร! ปิดท้ายรีวิวด้วย Creator Feat. Switch&Freq Nasty (5) ซิงเกิ้ลแรกที่เจิดจรัสด้วยการผสานความหลากหลายของนิวเวฟ อินดี้ อัลเทอเนทีฟ แด๊นซ์ฮอลล์และฮิพฮฮพเข้าสู่โครงสร้างยืนพื้นที่เป็นอิเล็คโทรนิคตึ๊บๆผสานยูเคการาจดั๊บสเต็ปสุดเปรี้ยวปราดได้อย่างมีชั้นเชิงสมศักดิ์ศรภาคเนื้อหาที่ร่ายถึงพรสวรรค์อันยิ่งยวดในฐานะผู้เนรมิตศิลปะและนวัตกรรมของเจ้าหล่อน หึหึหึหึ ได้ใจมากค่าาาาาาาา

สรุป

มาถึงตรงนี้แล้วบอกตรงๆว่ามองไปถึงแรงบันดาลใจที่คาดว่าจะส่งถึงงานของคริสทิน่าในอัลบั้มใหม่แล้วทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยากฟังมากขึ้นไปอีกระดับ สรุปว่ามานั่งรีวิวแม่พวกนี้นี่ไม่ได้ช่วยบันทอนความอยากฟังที่สุมอยู่เต็มทรวงให้คลี่คลายไปด้วยดีอย่างใดแต่กลับทำให้อยากฟังมากขึ้นไปอีก เพราะจากศิลปินที่เป็นโปรดิวซ์เซอร์ของคริสทิน่าที่หยิบมารีวิว4ท่านนี่แต่ละคนมันการันตีให้เห็นภาพว่างานอีนี่ต้องออกมาเริ่ดแน่ๆ โอ๊ยยยย เมื่อไรจะปีหน้าวะคะ



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 5 จาก 8
ไปที่หน้า ก่อนหน้า  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com