˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
ขอความกรุณาช่วยส่งต่อกระทู้นี้จากหว้ากอ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ ขอความกรุณาช่วยส่งต่อกระทู้นี้จากหว้ากอ 


อาจจะอิงการเมือง แต่นี่ถือเป็นกระทู้ที่ช่วยปลุกระดมให้คนไทย หยุดอคติใส่กัน
และเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองที่ผ่านๆมา

ขอความกรุณาสต๊าฟอย่าลบเลย อยากให้ทุกๆคนทำความเข้าใจ และโปรดทิ้งอคติ
สร้างสติก่อนอ่าน

ขอบคุณมากๆ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9273453/X9273453.html



แก้ไขล่าสุดโดย แม่อีบิดหนี. เมื่อ Sat May 22, 2010 1:57 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
มาดัน Very Happy


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Re: ขอความกรุณาช่วยส่งต่อกระทู้นี้จากหว้ากอ 
แม่อีบิดหนี. พิมพ์ว่า:
อาจจะอิงการเมือง แต่นี่ถือเป็นกระทู้ที่ช่วยปลุกระดมให้คนไทย หยุดอคติใส่กัน
และเรียนรู้ประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองที่ผ่านๆมา

ขอความกรุณาสต๊าฟอย่าลบเลย อยากให้ทุกๆคนทำความเข้าใจ และโปรดทิ้งอคติ
สร้างสติก่อนอ่าน

ขอบคุณมากๆ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9273453/X9273453.html



แม่ให้อภัยลูกค่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
นึกถึงสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส

คนไทยสามัคคีกันซะที ถึงจะคิดต่างก็เถอะ แต่รักกันเพื่อในหลวงไม่ได้รึไง

ดันอีกคน



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ปี 40 อินโดนีเซีย เจอวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนไทยเป๊ะ ตามมาด้วยการคอรัปชั่นของอดีตประธานาธิบดีซู ฮา โต้ ประชาชนแตกแยกลุกฮือกันขึ้นมาต่อต้านเผด็จการ นอกจากนี้ยังมีสงครามกับโจรแบ่งแยกดินแดนอาเจก็ติดพัน ตามมาด้วยการลุกฮือของติมอร์ตะวันออก ปัญหาหนักหนากว่าไทยซะอีก
ประธานาธิบดี ซู ซิ โล่ บัง บัง ได้รับเลือกมาสมัยแรกอย่างหืดขึ้นคอเลย แต่ด้วยความไม่รักในอำนาจ ยุติธรรมต่อคนของเขาไม่ว่าฝ่ายใหน เจรจาได้หมด ตกลงกันได้ ไม่ไล่คนจนตรอก ไม่เห็นคนที่คิดต่างเป็นศัตรู กับประธานาธิบดีซู ฮา โต้ ก็จตามยึดทรัพย์กันไป แต่ก็ให้ความเคารพ เข้าใจสถานะของอดีตผู้นำ พูดคุย เจรจากันไป ไม่สร้างความแตกแยก สุดท้ายซู ฮา โต ป่วยตายไปก่อน
กับอาเจ ก็เจรจา อลุ่มอล่วยกันไป สงครามก็สงบ กลับไปทำมาหากิน
กับการคอรัปชั่นก็ปราบปราม อย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่พวกพ้อง จัดการเรียบ คนของใครไม่สน จะมีบุญคุณหรือไม่ก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม บ้านเมืองก็มั่นคง ทหารก็ไม่แทรกแซง ต่างชาติก็สนใจเข้ามาลงทุน ปัญหาปากท้องก็ถูกแก้ตามมา ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ ชนชั้น ก็ถูกลบเลือนไป
นี่แหละผู้นำครับ ต้องไม่บ้าอำนาจ ถ้าทำดี ยุติธรรม อำนาจมาเอง การเลือกตั้งครั้งที่สอง เขาชนะอย่างถล่มทลาย เป็นผู้นำอย่างภาคภูมิ พาประเทศอินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศน่าลงทุน และกำลังจะก้าวต่อไป

จากคุณ : BigMooHuHu

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
------
มื่อใดก็ตามที่ผู้คนคิด ว่า ถ้าไม่ใช่พวกเรา คือคนเลวและไม่ใช่คน เมื่อนั้น civil war จะบังเกิด
เมื่อ ความแตกแยกของสังคมและชนชั้นได้เกิดขึ้นแล้ว คงไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถประสานมันเข้ากันได้อีก
---
^
^
มันใช่เลย ตอนนี้คนที่คิดอีกอย่าง กลายเป็นว่าอีกฝ่ายทำอะไร พูดอะไรก็ไม่ถูก
ต่อให้มีเหตุผลมากแค่ไหนก็ตาม ตอนแรกคิดว่าเกี่ยวกับการศึกษา
แต่จริงๆแล้วไม่เลย คนที่ระดับการศึกษาสูงๆ ระดับที่ใช้บอกใช้สอนคนได้
แต่กลับไม่มีการแยกแยะเรื่องนี้เลย เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดเสมอ ไม่ฟังอะไรเลยด้วย

ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลาขนาดไหน และจะมีใครออกมาเป็นฮีโร่แก้ไขเรื่องนี้ได้

แต่ก็จะขอเฝ้ารอวันนั้นอย่างมีความหวังต่อไป

จากคุณ : น้ำพริกกินกะปลาทู

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แม่อีบิดหนี. พิมพ์ว่า:
ปี 40 อินโดนีเซีย เจอวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนไทยเป๊ะ ตามมาด้วยการคอรัปชั่นของอดีตประธานาธิบดีซู ฮา โต้ ประชาชนแตกแยกลุกฮือกันขึ้นมาต่อต้านเผด็จการ นอกจากนี้ยังมีสงครามกับโจรแบ่งแยกดินแดนอาเจก็ติดพัน ตามมาด้วยการลุกฮือของติมอร์ตะวันออก ปัญหาหนักหนากว่าไทยซะอีก
ประธานาธิบดี ซู ซิ โล่ บัง บัง ได้รับเลือกมาสมัยแรกอย่างหืดขึ้นคอเลย แต่ด้วยความไม่รักในอำนาจ ยุติธรรมต่อคนของเขาไม่ว่าฝ่ายใหน เจรจาได้หมด ตกลงกันได้ ไม่ไล่คนจนตรอก ไม่เห็นคนที่คิดต่างเป็นศัตรู กับประธานาธิบดีซู ฮา โต้ ก็จตามยึดทรัพย์กันไป แต่ก็ให้ความเคารพ เข้าใจสถานะของอดีตผู้นำ พูดคุย เจรจากันไป ไม่สร้างความแตกแยก สุดท้ายซู ฮา โต ป่วยตายไปก่อน
กับอาเจ ก็เจรจา อลุ่มอล่วยกันไป สงครามก็สงบ กลับไปทำมาหากิน
กับการคอรัปชั่นก็ปราบปราม อย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่พวกพ้อง จัดการเรียบ คนของใครไม่สน จะมีบุญคุณหรือไม่ก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม บ้านเมืองก็มั่นคง ทหารก็ไม่แทรกแซง ต่างชาติก็สนใจเข้ามาลงทุน ปัญหาปากท้องก็ถูกแก้ตามมา ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ ชนชั้น ก็ถูกลบเลือนไป
นี่แหละผู้นำครับ ต้องไม่บ้าอำนาจ ถ้าทำดี ยุติธรรม อำนาจมาเอง การเลือกตั้งครั้งที่สอง เขาชนะอย่างถล่มทลาย เป็นผู้นำอย่างภาคภูมิ พาประเทศอินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศน่าลงทุน และกำลังจะก้าวต่อไป

จากคุณ : BigMooHuHu


เพื่ออะไรค่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ผมว่าขึ้นกับผู้นำนะครับ ว่ามีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ และให้ความยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายได้จริง

ถ้าเป็นอย่างข้างบน ผมว่ายุติได้ อย่างใน USA

แต่สำหรับไทย มันยังไม่จบหรอกครับ ใครที่คิดว่าวิกฤตนี้เพิ่งเริ่มไม่กี่ปี

คิดผิดครับ มันเริ่มตั้งแต่ 2475

จากคุณ : EITHER

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
การเผาศาลากลางคือสัญลักษณ์ของการปฏิเสธอำนาจรัฐจากส่วนกลางที่ส่งคนลงไป"ปกครอง" คำถามคือ อีกนานไหมกว่าพวกเขาจะหยุดโมโหและยอมให้ปกครองอีกครั้ง.....

1. ไม่นานถ้าใช้กำลังปราบปรามหรืออุดปากพวกเขาไว้

2. นานถ้ายอมรับการตัดสินใจของเขา ยอมให้เขา "มีส่วนร่วม" กับการปกครองจริง ๆ (ไม่ใช่ยังเป็นสองนคราประชาธิปไตยแบบนี้และแบบที่ผ่านมา) เขาจะไม่ต่อต้านการปกครองนั้นอีกต่อไป

ปล. ตามข้อ 1 เร็วแต่ไม่ยั่งยืน ตามข้อ 2 ช้าแต่ยั่งยืน

แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 53 08:55:07

จากคุณ : น้องจั้ง

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 4
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com