หนังเรื่องนี้สร้างมาแล้วหลายเวอร์ชั่น เช่น
ปี 2003 ชื่อไทยว่า "ล่อมาชำแหละ"
The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning / เปิดตำนาน สิงหาสับ ภาคนี้จะย้อนไปก่อน 4ปี ถึงที่มาที่มันใช้เลื่อย
ประมาณนั้น ลืมละอะ ฮ่าๆ แต่ คือไม่ได้เอาจากเรื่องจริงทั้งหมดมาสร้าง แค่อิงมานิด แบบ นิดจริงๆ
เอาประวัติ พี่เอ็ดมาฝาก
อ้างอิงจาก:
เอ็ดเวิร์ด กีน เกิดในปี ค.ศ.1906 ในครอบครัวเกษตรกร เขาเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดาแบบชายอเมริกันบ้านนอกทั่วไป แต่เด่นที่สุดคือดวงตาของเขาที่สุกใสแลดูลึกลับต่อผู้พบเห็น ครอบครัวของเอ็ดประกอบไปด้วยพ่อของเขาเป็นปีศาจสุราที่จะแสดงความโหดร้ายทุกครั้งที่ขาดสติและเป็นภาระแก่ครอบครัว ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่งมงายในศาสนาหน้าไม่รับแขกและเป็นใหญ่ในบ้านพร้อมเสียงด่าดังลั่นตลอดเวลาถ้ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมในบ้าน และมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเฮนรี่(ในหนังสือบางเล่มเป็นน้องชาย ซึ่งผมใช้ข้อมูลของสรจักรและเน็ตเป็นบรรทัดฐาน) แต่ด้วยความเป็นคนขี้อายและเป็นคนเก็บตัว เขาจึงเติบโตอย่างโดดเดี่ยว โดยมีแม่เป็นทั้งเพื่อนและครูอันเนื่องจากเขาออกโรงเรียนกลางคัน แล้วมาเลี้ยงดูอย่างผู้หญิงเพราะเธอหวังว่าลูกคนที่สองเป็นผู้หญิง และมักพาเขาไปดูการชำแหละซากสัตว์อยู่บ่อย ๆ คำสอนที่เธอมักสอนเอ็ดอยู่บ่อย ๆ เธอมักสอนว่า
"ผู้หญิงทุกคน(ยกเว้นแม่) ล้วนบาปหนา และแกไม่สามารถมีเพื่อนได้ยกเว้นแม่"
เขาเชื่อคำสอนนี้ และเขามองแม่เหมือนพระเจ้า แม้จนสิ้นอายุขัย
จนกระทั้งพ่อเขาตายเมื่ออายุยี่สิบกว่า ๆ กิจการทั้งหมดทั้งสามจึงเป็นผู้รับผิดชอบ ถึงแม้เอ็ดและพี่ชายจะถึงวัยหนุ่มแต่เขาก็ยังเป็นโสดผิดจากวัยรุ่นทั่วไป เนื่องจากไม่มีหญิงสาวคนไหนทนคำพูดของแม่ได้ เธอบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นบาปอย่างยิ่ง
เมื่อเอ็ดอายุ 40 ฟาร์มเขาเขาอยู่ช่วงวิกฤต ผลผลิตภายในฟาร์มไม่ดีทำให้ขาดทุนมากมาย ทำให้พี่ชายของเอ็ดต้องทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และช่วงนี้พี่ชายเขามักปากกล้าโต้เถียงแม่เป็นประจำ แต่เอ็ดก็ยังเข้าข้างแม่ แม้เรื่องที่เถียงกันแม่เป็นฝ่ายผิดก็ตาม เพราะสำหรับเขาแม่คือพระเจ้า และมันผู้ใดที่ดูถูก ต้องได้รับบทลงโทษ
ในปี 1944 เฮนรี่พี่ชายของเอ็ดก็เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ในแปลงข้าวโพด มีหลายคนเห็นพี่ชายของเอ็ดอยู่กับเอ็ดในแปลงข้าวโพดก่อนเกิดเหตุไม่นานนัก ปีถัดมา แม่ของเขาล้มป่วยเป็นอัมพาธและเสียชีวิตไปอีกคนหลังจากอุบัติเหตุ
ปัญหาต่าง ๆ ทั้งงานฟาร์มและปัญหาครอบครัวล้วนมีส่วนให้เขาเปลี่ยนแปลงไปจนกระทั้งเอ็ดกีน วัย 51 ปี เขาเป็นชายผู้ซึ่งสุภาพอ่อนโยนและสันโดษ แต่สำหรับพวกชาวบ้านเขาดูเป็นคนน่ารังเกียจ เป็นตนผิดปกติออกกระตุ้งกระติ้งแบบผู้หญิง จึงไม่ค่อยมีใครสุงสิงหรือพยายามสนิทเท่าใดนัก
เมื่อปราศจากแม่เขาก็เป็นอิสระแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการให้แม่กลับคืนมา เขาเริ่มสนใจร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นการสนที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นการทางเพศหรือความต้องการจะมีเรือนร่างของสตรีเพศ เขาหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรืองร่างของสตรีเพศมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ สารานุกรม หรือแม้กระทั้งการทดลองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง ข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจให้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นเขาปิดตายห้องต่าง ๆ ในบ้านตัวเอง ยกเว้น ห้องครัวและห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
เหยื่อ
ไม่รู้ว่าเอ็ดได้ฆ่าเหยื่อไปทั้งหมดกี่คนกันแน่ แต่จากสืบสวนของตำรวจ เขาว่าเอ็ดฆ่าเหยื่อ 2 ราย เหยื่อรายแรกที่เขาลงมือคือนาง มารี โฮแกน วัย 55 ปี ปี 1954 แม่หม้ายเจ้าของร้านอาหารและบาร์เล็ก ๆ ชื่อโฮแกน ทราเวิร์น ที่หมู่บ้านไพน์ โกรฟ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธออยู่กับเอ็ดตามลำพัง จนกระทั้งมีลูกค้าคนหนึ่งเข้าไปที่นั้นก็ไม่พบคนขาย แต่เห็นเลือดกองใหญ่บนพื้นที่ประตูด้านหลังร้าน กับกระสุนปืนพกขนด 32 ปลอกหนึ่ง และรอยเลือดปรากฏเป็นระยะ ๆ ไปจนถึงที่จอดรถและก็หายไป เข้าใจว่านาง มารีคงนำไปขึ้นรถจากที่ตรงนั้น ตำรวจไม่สามารถหาตัวเธอได้แม้จะผ่านหลายปีแล้ว จนกระทั้ง นายเอลโม เจ้าของโรงเลื้อยให้การกับตำรวจภายหลังว่า เขาเคยคุยกับเอ็ดเรื่องการหายตัวของมารี เอ็ดตอบเขาว่าเธออยู่ที่ฟาร์มของเขานั้นแหละ ไม่ได้หายไปไหนหรอก ตอนนั้นเอลโมคิดว่าเอ็ดพูดเล่น จึงไม่ใส่ใจและถามอะไรเพิ่มเติม
และสามปีให้หลังการหายตัวของมารี เอ็ดก็หาเหยื่อรายใหม่
เหยื่อรายต่อมาคือ เบอร์นิซ วอร์เดน หญิงหม้ายวัย 60 ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์ในเมืองเพลนฟิลด์ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 1957 แน่นอนเอ็ดเข้ามาร้านในตอนที่ไม่มีคนอยู่เช่นเคย เขาใช้ปืนขนาด .22 ที่นำมาเองใส่เข้าไปในปืนไรเฟิลและยิงเธอโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วนำร่างของเธอขึ้นรถบรรทุกสำหรับส่งของแล้วขับกลับบ้านเขา
ในเวลาต่อมาแฟรงค์ลูกชายของเบอร์นิซกลับจากการล่าสัตว์ เขาก็พบว่าประตูร้านของแม่เขาล็อกเอาไว้ แต่มีไฟเปิดอยู่ด้านใน ซึ่งมันผิดปกติ เพราะเป็นเวลาท่ร้านควรปิดได้แล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างในก็พบเครื่องคิดเงินหายไป กับมีหยดเลือดกระจายอยู่บนพื้น แรงค์รีบแจ้งตำรวจทันที จากการสอบปากคำของคนในที่พื้นใกล้เคียง มีผู้พบเห็นรถส่งของของร้านแล่นผ่านไป เมื่อเวลาประมาณ 9.30
จนกระทั้งแฟรงค์และตำรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญ คือใบเสร็จรับเงินว่า เขาได้ขายของให้ใครบ้าง สิ่งที่พบคือชายที่เป็นลูกค้าประจำที่ถามแฟรงค์ว่าพรุ่งนี้เช้าเขาอยู่หรือเปล่า ชายคนนี้คือ เอ็ดเวิร์ด กีน
บ้านสยอง
แฟรงค์และตำรวจรีบรุดที่ฟาร์มของเอ็ดทันที เนื่องจากกลัวว่าเจ้าตัวจะรู้ทันและหลบหนีทันทีที่ก้าวออกจากรถ ทุกคนในที่นั้นต่างได้กลิ่นเน่าโชยจากตัวบ้านที่ซ่อมซอของเขา ที่เด็ก ๆ แถวนั้นเรียกมันว่า บ้านผีสิง แต่เจ้าของไม่อยู่บ้าน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจค้นในบ้านได้ พวกเขาจึงขับรถค้นหาแถวเวสต์เพลนฟิลด์ที่เอ็ดชอบซื้อของใช้ พอไปถึงก็พบเอ็ดพอดี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและสอบถามและตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันทีเพราะเขาเอ่ยว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่านางวอร์เดน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครถาม
เย็นวันนั้นตำรวจชุดเดิมพร้อมอาวุธครบมือกลับไปที่บ้านของเอ็ดอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เขาเปิดปะตูที่ด้านข้างเพระปะตูหน้าล็อค เวลาที่ค้นนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ ตัวบ้านนั้นมืดเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้รวมถึงน้ำซึ่งมันเป็นมานานตั้งแต่แม่ของเขามีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่จึงใช้ไฟฉายสาดและตามเข้ามา กลับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทุกคนที่เห็นหัวใจแทบหยุดเต้นด้วยความสยดสยอง
มันคล้ายซากกวางมากกว่าเป็นศพ ร่างเปลือยเปล่าและซีดขาวโพลนร่างหนึ่งถูกแขวนอยู่กับคานของโครงหลังคาแบบเอากลับหัวลง ขาทั้งสองข้างแยกออกกว้าง เห็นชัดว่าร่างนั้นถูกอะไรบางอย่างแยกผ่าด้านหน้าตั้งแต่หว่างขายาวไปถึงลำคอ เมือดูจากร่างกายแล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพียงแต่ไม่รู้ว่าใคร
เพราะร่างนั้นปราศจากหัว..........
ว่ากันว่าเอ็ดจะใช้ร่างนั้นสวมให้เขาเหมือนผู้หญิง คล้ายกับตุ๊กตาในสวนสนุก
ท่ามกลางกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน พวกเขาสำรวจต่อ ก็พบว่าทั้งบ้านแทบจะเหมือนกองขยะที่ไม่เคยเก็บกวาดเลย และสิ่งที่นอกเหนือจากศพที่พบ เจ้าหน้าที่แทบซ็อก เพราะ บ้านหลังนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บซากศพและอวัยวะศพ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกจากหลาย ๆ ส่วนของมนุษย์ มีจมูกที่ตัดออกจากใบหน้าคนจำนวนสี่จมูก กระป๋องใส่อาหารที่ขึงด้วยหนังมนุษย์ที่ทำเป็นกลอง ถ้วยที่ทำจากกะโหลกของมนุษย์โดยตัดส่วนบนของกะโหลกออก หน้ากากที่เฉือนออกมาจากใบหน้าของผู้หญิงจำนวนเก้าชิ้น หัวของผู้หญิงที่ถูกเลื่อยส่วนบนตั้งแต่โหนกคิ้วออกไปจำนวนสิบหัว เก้าอี้ถูกเปลี่ยนจากเบาะธรรมดาเป็นเบาะหนังมนุษย์ ในตู้เย็นเต็มไปด้วยอวัยวะมนุษย์ มีกำไลมือ กระเป๋าหิ้ว ปลอกมีด สนับแข้ง โคมไฟ เสื้อ ที่ทำจากหนังมนุษย์ เข็มขัดที่ประดับด้วยปลายถันของสตรีสี่ชิ้น นอกจากนี้ยังมีอวัยวะหลายส่วนที่ใช้ประดับบ้าน เช่น หัวคน ริมผีปาก อวัยวะเพศของผู้หญิง หัวกะโหลกสองหัวที่ติดไว้ข้างเตียงที่เคยเป็นของแม่ของเอ็ดเอง กับหนังร่างกายของผู้หญิงแบบเต็มตัวตั้งแต่ใบหน้าลงไป
ว่ากันว่า เมื่อถึงพระจันทร์เต็มดวง เอ็ดจะออกมาเต้นรำโดยใส่หน้ากากเป็นผู้หญิง ใส่วิกและเสื้อกั๊กเต็มยศ ส่วนอวัยวะเพศถูกใส่ไว้ในกางเกงใน แล้วในที่สุด พวกเจ้าหน้าที่ก็พบศีรษะของนางวอร์เดนและไส้ของเธออยู่กระทะบนเตา แต่เอ็ดปฏิเสธว่าเขาไม่กินเนื้อคน แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้าน หลายคนบอกว่าเคยได้รับเนื้อเป็นของขวัญ เขาบอกว่าเป็นเนื้อกวางที่ล่ามาได้ทั้ง ๆ ที่เอ็ดเองบอกว่าไม่เคยเข้าป่าล่าสัตว์เลย และถึงตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันคือเนื้ออะไร จากการชันสูตรศพและอวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึงสิบห้าศพด้วยกัน และชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมาย
ต้นตำรับตำนานสยอง
แม้จะพบศพเป็นจำนวนมากมายบ้านเขา แต่ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตายแค่สองศพ นั้นคือ นางมารี โฮแกน และ เบอร์นิซ วอร์เดน ซึ่งทั้งสองมีหน้าตาคล้ายแม่เขา และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสงสัยว่าเขาอาจเป็นคนสังหารพี่ชายของตัวเอง คนงานสองคนที่ทำงานฟาร์ม และเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวสองคน แต่ก็ไม่พบหลักฐานมัดตัวเขาได้ เอ็ด กีนจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบ้าชื่อเซนทรัล สเตท หลังจากแพทย์วินิจฉัยพบว่าเขาเป็นคนผิดปกติทางจิตอย่างรุนแรง และต่อมาถูกย้ายไปรักษาตัวที่สถาบันวิจัยและดูแลคนป่วยทางจิตเมนโดด้าทั้งที่เขาก่อคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวอย่างที่ไม่มีใครทำมาก่อน แต่คำให้การของคนที่ดูแลเขากลับบอกว่า เอ็ดเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ ไม่ก้าวร้าวกับคนอื่น แต่เขามักพูดถึงความสุขที่เขาได้ฆ่าเหยื่อบ่อย ๆ
เวลาผ่านไป 10 ปี ศาลได้ตัดสินคดีของเขา ซึ่งผลคือ เอ็ด ผิดจริง แต่ทำไปเพราะอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงเพราะบ้า ดังนั้นเขาจึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมนโดด้าจนวาระสุดท้ายของเขาในปี ค.ศ.1984 ด้วยโรคหัวใจ ด้วยวัย 77 ปี และหลังจากนั้นบ้านสยองของเอ็ดถูกไฟไหม้หลังจากที่เขาติดคุก
จนกระทั้งนิตยสารไลฟ์และไทมส์ลงข่าวเกี่ยวกับตัวเขาและบ้านสยองขวัญ เรื่องของเอ็ด กีน โด่งดังไปทั่วจนกลายเป็นตำนานของวิสคอนซิน จนนักเขียนโรเบิร์ต บลอซ นำเรื่องราวของเขาไปเขียนเป็นนวนิยาย ในปี ค.ศ. 1960 และนิยายดังกล่าวได้ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง ไซโค ที่กล่าวถึงและได้รับรางวัลมากมายเพราะเนื้อเรื่องแปลกใหม่ ที่สำคัญคือนางเอกตายต้นเรื่อง และโด่งดังจนเป็นต้นแบบภาพยนตร์แนวนี้ต่อมาอีกนับไม่ถ้วน
http://www.trutv.com/library/crime/serial_killers/notorious/gein/bill_1.html