˹���á Forward Magazine

ตอบ

A Great Big World Ft.Christina Aguilera : Say Something
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ A Great Big World Ft.Christina Aguilera : Say Something 


http://www.facebook.com/hysteriaculture

http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/11/09/get-into-the-groove-a-great-big-world-ft-christina-aguilera-say-something-pop-85-45/comment-page-1/#comment-370

A Great Big World Ft.Christina Aguilera : Say Something : Pop (85% = 4/5)

ตั้งแต่ช่วงอัลบั้ม Bionic นี่ดูเหมือนกับว่า “คริสทิน่า อากิเลร่า” จะทำตัวเป็นเหมือนศิลปินพ็อพที่พยายามจะผลักดันศิลปินนอกกระแสดีๆสู่แวดวงเมนทสตรีมตั้งแต่การร่วมงานกับโปรดิวซ์เซอร์และศิลปินตั้งแต่ Sia Furler ศิลปินและนักแต่งเพลงมากความสามารถจากออสเตรเลีย,Le Tigre วงอิเล็คโทรแคลชที่โดดเด่นในภาคเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองและสิทธิสตรี,LadytronและGolfrappวงอิเล็คโทรนิคจากเกาะอังกฤษ (วงหลังร่วมงานกันแต่ท้ายที่สุดงานก็ยังออกมาไม่สมบูรณ์)จวบจนดีเจSwitchจาก Major Lazer ที่พ่วงเอาศิลปินอินดี้คู่บุญอย่างM.I.A.และSantigoldมาร่วมแต่งเพลงให้คริสทิน่าด้วยซึ่งถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาล้มเหลวในแง่ของยอดขาย อันดับบนชาร์ตและการเป็นที่พูดถึงในวงกว้างแต่อย่างน้อยถ้าได้ลองเปิดใจพิสูจน์ในระยะยาวจะรู้ว่า Bionic ไม่ใช่อัลบั้มที่แย่รวมถึงอย่างน้อยที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในการนำพาเพื่อนร่วมงานในโปรเจ็คนั้นบางท่านเข้าสู่ความสนใจของแวดวงเมนทสตรีมได้ประสบความสำเร็จ อาทิ เซียที่ดูเหมือนว่าจะได้รับอานิสงส์สูงสุดเพราะ ณ ขณะนี้เธอกลายเป็นนักแต่งเพลงเนื้อหอมที่ศิลปินมีชื่อเสียงในวงการหลายคนต้องการจะเรียกใช้บริการอีกคนหนึ่งก็เห็นจะเป็น M.I.A. ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นไม่น้อย (ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้เครดิตบารมีจากซิงเกิ้ล Paper Planes เพลงฮิตก่อนหน้านี้ของเธอเองด้วย…ดูเหมือนจะเป็นจังหวะที่เธอจะดังด้วยมากกว่าแหละ)

ถึงแม้ว่าช่วงสองอัลบั้มที่ผ่านมานี้กระแสตอบรับด้านผลงานเพลงของคริสทิน่าจะมีเป็นกระแสเพียงเพราะในหมู่ Fighter สาวกของพวกเธอในขณะที่เงียบกริบไร้การตื่นตัวหรือตอบรับใดๆจากสาธารณชนแต่เราก็ยังได้เห็นเธอคนนี้ออกผลงานมาเรื่อยๆก่อนหน้านี้ก็ We Remain ซาวนด์แทร็คจาก The Hunger Games ที่ไม่หวือหวามากนักแต่ก็ได้รับคำชมจากเหล่าแฟนคลับและบรรดานักวิจารณ์พอตัวอยู่จะว่าไปเอาจริงๆช่วงหลังๆนี้ที่โดดเด่นและโด่งดังเห็นจะเป็นงานที่เธอไป Featuring กับชาวบ้านเขามากกว่าที่เป็นไฮไลท์ประดับ Pop Culture ก็เห็นจะหนีไม่พ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดตัวล่าสุดของเธออย่าง Moves Like Jagger ที่ร่วมงานกับ Maroon 5 และที่เด่นในคลับช่วงปีนี้ก็ Feel This Moment กับเจ้าพ่อแร็พเพอร์พิทบุลที่ก็ไต่ไปได้ถึงท็อป10บนชาร์ตซึ่งก็เป็นสองเพลงที่การันตีพลังในตัวของเธอในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจจากบรรดาสาธารณชนในตลาดเมนทสตรีมได้อย่างดี – - เพราะก็คงจะปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าท่อนของคริสทิน่าไม่กี่ท่อนทำให้เพลงที่กล่าวมาทั้งสองเพลงดูเด่นและน่าฟังขึ้นทันที เพลงแรกอาจจะเหมือนไปพึ่งใบบุญเขาแต่เพลงหลังเชื่อเถอะว่าอานิสงส์เกินครึ่งมาจากคริสทิน่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นได้รับการตอกย้ำอย่างดีอีกครั้งกับการร่วมงานกับ A Great Big World ในเพลง “Say Something” ที่ก่อนหน้านี้ถ้าจำไม่ผิดทางวงน่าจะเคยตัดเพลงนี้มาโปรโมทรอบนึงแล้วใช่รึเปล่าคะ? (ถ้าผิดพลาดต้องขออภัย ณ ที่นี้) แต่เห็นว่าคริสทิน่าไปได้ยินเพลงนี้แล้วประทับใจมากๆจนท้ายที่สุดก็กลายเป็นการร่วมงานกันเฉพาะกิจก่อนที่จะโปรโมตใน Live Show ของรายการ The Voice ซึ่งจากเท่าที่ได้ฟังตอนแรกแล้วนี่ส่วนตัวตกใจนะเพราะว่าเป็นอะไรที่ผิดวิสัยคริสทิน่ามากๆกับการมารับตำแหน่งคอรัสชนิดที่เป็นแค่คอรัสจริงๆไม่มีแผด หวีดหรือแอดลิบอิโพรไวซ์ขโมยซีนใดๆโดยที่ผลลัพธ์กลับออกมาได้อย่างน่าประทับใจมากๆ เชื่อมั้ย?ว่าการที่เธอไม่ตะเบ็งหรือพยายามโอเว่อร์การร้องของตัวเองแล้วมาร้องซอฟท์ๆเบาๆแบบนี้นี่ทำให้โลกได้เห็นมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าเนื้อเสียงและเทคนิคการร้องของเธอนั้นดีขนาดไหนที่สำคัญที่สุดในเรื่องของ “การใช้เสียง” ก็เป็นอีกครั้งที่เราๆได้ตระหนักว่าคริสทิน่าเธอใช้เสียงได้หลายแบบและรู้วิธีที่จะเล่นกับเสียงของตัวเองได้อย่างมีมิติ ทั้งหมดทั้งมวลทุกสรรพสิ่งไปได้ดีกับภาคดนตรีพ็อพบัลลาดเมโลดี้สวยๆที่ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายบนท่วงทำนองของเพียโนผสานเครื่องสายแม้จะบางเบาแต่เข้มข้นทรงพลังกรีดใจเป็นบ้าชนิดที่ฟังไปฟังมาแอบนึกถึงงานของ “จอห์น เลนนอน”,”เอลทัน จอห์น” ไม่ก็ “Chris De Burgh” มาสายอดัลท์คอนเทมโพรารี่ย์อนุรักษ์นิยมประมาณนั้นแล

หลังจากโชว์ที่รายการ The Voice พอปล่อยบน Itunes แล้วกระแสตอบรับก็เกินคาดเพราะใครจะไปคาดคิดว่าเพลงนี้จากวงอินดี้พ็อพที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับความสนใจพอหอมปากหอมคอกับดิว่าพ็อพที่ใครก็ปรามาสว่าหมดเวลาที่นางจะมีลมหายใจในวงการนี้ไปแล้วดันกลับบ้าจี้ทะยานขึ้นถึงอันดับ1บนItunes US ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันเชื่อว่ามาจาก3สิ่ง 1.A Great Big World เจ๋งจริงและเพลงนี้ของพวกเขาก็ไพเราะจริงๆ 2.คลื่นมหาชนที่ติดตาม The Voice และ 3.เชื่อเถอะว่าพิษสงในวงการของผู้หญิงที่ชื่อ “คริสทิน่า อากิเลร่า” ยังไม่หมดลงไปง่ายๆ จากน้ำเสียงและการแสดงชนิดถอดหัวใจร้องของเธอทำให้เพลงนี้มีค่าในสายตาของทุกๆคนที่เปิดใจฟัง ลองใช้เวลาในการจัดระบบตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกสักพักเราเชื่อว่าเธอยังมีสิทธิ์กลับมาโด่งดังได้ด้วยบทเพลงของเธอเองเสมอ…เพราะท้ายที่สุดโลกนี้ก็ยังไม่สิ้นศรัทธาในดนตรีและบทเพลงดีๆนะคริสทิน่า

ป.ล.นี่เป็นสัปดาห์ที่แสนจะงดงามเพราะนอกจากจะประทับใจกับเพลงคริสมาสต์เพราะๆของเลโอน่า ลูอิสกับอัลบั้มเจ๋งๆเริ่ดๆของเลดี้กาก้าแล้วยังได้ฟังสองซิงเกิ้ลใหม่จากสองศิลปินพ็อพหญิงที่ดิฉันชอบที่สุดตลอดกาลทั้งสองท่านอย่างPerfumeของบริทนี่ย์และเพลงนี้ของคริสทิน่ากันอีก – - ดนตรีก็คือดนตรีมันไม่เคยทำร้ายใครแล้วคนฟังแถวๆนี้ (FF Mag) จะมาทำร้ายกันเองทำไม? ดนตรีให้แต่ความสุขก็มีความสุขกับมันซะสิ!


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ชอบเพลงนี้

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com