
Kylie Minogue : The Abbey Road Sessions : Orchestra (97% = 5/5 )
ช่วงหลังๆมีความรู้สึกว่าเจ๊ไคย์ลี่ย์ มิโน้กนี่ค่อนข้างจะ "เยอะ" ไปนิดเพราะไม่รู้จะเข็นสารพัดงานรวมฮิตอะไรมาออกขายกันนักหนาชนิดรวมแล้วรวมอีกไม่มีที่สิ้นสุด The Greatest Hits เอย Best Of เอยไปยันล่าสุดก็เฉลิมฉลอง25ปี ล่าสุดนี่เจ๊ก็ออกงานรวมฮิตมาอีกแล้วจ้าแต่ชะรอยว่าคงได้ยินเสียงด่าระงมของบตดาสาวกหนนี้แม่คุณเลยทำเก๋ มาใหม่เรียบเรียงใหม่เป็นงานออเครสตร้าเริ่ดๆเลยทีเดียว
ส่วนตัวแล้วเป็นแฟนคลับชนิดที่ "เห่อ" เจ๊แกเป็นพักๆคงต้องเรียนตามตรงว่าอัลบั้มของเจ๊ที่ทำเอาดิฉันนับวันนับคืนรอกินไม่ได้นอนไม่หลับทุรนทุรายก็เห็นจะมีแต่งานชุด Body Language ส่วนที่เหลือก็งั้นๆออกมาก็ฟังเผลอๆฟังช้ากว่าชาวบ้านเขาเกือบหนึ่งเดือนเป็นอย่างต่ำ นับว่าความรู้สึกดังกล่าวทิ้งช่วงนานพอดูทีเดียวก่อนจะมาป๊ะกันจังๆอีกทีกับ The Abbey Road Sessions ชุดนี้ที่เล่นเอานั่งตะเกียดตะกายนับคืนนับตะวันรอด้วยหัวใจเปี่ยมความกระหาย ก็เพราะอิฉันดันไปได้ยินเพลง Finer Feeling หนึ่งในเพลงที่ส่วนตัวรักใคร่บูชาที่สุดของเจ๊ในฉบับออเครสร้าที่ใจดีปล่อยชิมลางมาให้ฟังกันก่อนหน้านี้แล้วไหนจะที่เจ๊นาโอได้เขียนวิจารณ์โชว์คอนเสิร์ตออเครสตร้าสุดอลังการของเจ๊ตบท้ายไว้อีก วู้ยยย รู้มัยคะว่านั่นก็ยิ่งกระพือความอยากฟังเข้าไปอีกคูณสิบชนิดที่เล่นเอาอิฉันแถบจะลงไปดิ้นพราดๆให้ได้
คอนเส็ปท์เขาว่าเป็นอัลบั้ม "ออเครสตร้า" แต่จริงๆแล้วบางแทร็คก็แถบจะไม่ได้เข้าข่ายออเครสตร้าเลย แค่ภาคดนตรีดังกล่าวคุมทิศทางของอัลบั้มเสียเป็นส่วนใหญ่มากกว่า อาทิ Confide In Me (4/5) นี่ส่วนตัวคิดว่าความเป็นบริทร็อคแบบงานอินดี้ร็อคกึ่งโลไฟที่ชวนให้นึกถึงเจ๊แกสมัยยุค Impossible Princess นั่นค่อนข้างจะโดดเด่นจนฉีกและแหวกตัวเองเป็นแกะดำในหมู่เพื่อนฝูงท่านอื่นๆที่มาแบบสวยงามหวานไสวเลยทีเดียวที่เหลือก็ยังตามด้วยอิทธิพลของดนตรีแบบทริพฮอพและกลิ่นเวิลด์มิวสิคอะบอริจิ้นลึกลับ
สำหรับเพลงที่ฟังแล้วขอกรี๊ดดดังๆด้วยความประทับใจขอยกให้กับ Hand On Your Heart (5/5) ไพเราะสว่างไสวบนความเป็นงานEasy Listeningเรียบง่ายแบบอคูสติคพร้อมอารมณ์ชิลล์แจ๊ซซ์ละมุนละไมสุดสุนทรีย ฟังแล้วถึงกับน้ำตาซึมด้วยมันจุกอกเพราะความอิ่มเอมประทับใจ ไม่ได้เจอเจ๊ไคย์ทำเพลงน่ารักๆผ่อนคลายๆแบบนี้มานานขนาดไหนแล้วนะ? ช่วงหลังๆเจอแต่ไม่แด๊นซ์กระจายก็ติ๊สท์แตกไปเลย และแน่นอนเพลงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Finer Feelings (5/5) ออริจินัลเป็นงานอาร์แอนด์บีกึ่งทริพฮอพมาคราวนี้ได้วงมโหรีกรีดเสียงสวยตั้งแต่เบิกโรงเบรคด้วยเสียงกีตาร์อคูสติคเพราะๆและเพอร์คัสชั่นสุดเซ็กซี่ในช่วงคอรัส โอ๊ยย ต๊ายย ตายๆๆๆ ลูกสาวเจ๊ที่นั่งฟังอยู่ตรงนี้ละลายหลอมระรวยหมดแล้วค่า เป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดตลอดกาลที่เจ๊เคยทำมาร่วม25ปี พูดแบบไม่กลัวหน้าแหกเอ้า!!! อีกเพลงที่ชอบไม่แพ้กันคงหนีไม่พ้น I Believe In You (5/5) ที่สลับจากงานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเปรี้ยวๆมาเดินเกมส์ด้วยกีตาร์นุ่มๆเครื่องสายเบาบางพร้อมเสียงประสานสไตล์คลาสสิคคัลกึ่งกอสเพล ฟังแล้วฉ่ำปอดฉ่ำใจ
แทร็คเปิดอัลบั้ม All The Lovers (4.5/5) ขึ้นต้นมาพร้อมกับเครื่องสายและเสียงประสานก็ทำเอาชะงักชะงันเพราะเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงยิ่งช่วงฮุคที่ได้วงออเครสตร้ามาบรรเลงความเป็นคลาสสิคคัลและมหาชนคอรัสประสานเสียงเพราะๆนั่นอีก วู้ยย จะอัจฉริยะไปไหนนี่ มาที่ Better The Devil You Know (4.5/5) นี่เล่นของสูงสลับเป็นงานคอนเทมโพรารี่ย์แบบสแตนดาร์ดเพียโนแจ๊ซซ์เรียบง่ายไม่มากความแต่ยิ่งใหญ่อลังการ แต้มอารมณ์บลูส์เจือจางช่วงท้าย วู้ยย อัลบั้มนี้เจ๊จะมีคลาสไปไหนนี่ มันทำให้หนูรักรู้มั้ยคะ? Slow (4/5) นี่เป็นเพลงที่ยอมรับว่าจำไม่ได้จริงๆฯมาร้องอ๋อก็ตอนได้ยินท่อนคอรัสนั่นแหละ ออกแนวครอสโอเวอร์แจ๊ซซ์พิสดารล้ำลึกแบบพี่ฮ็อบบิทแจ๊ซซ์ "เจมี่ คัลลั่ม" Where The Wild Roses Grow (4.5/5) ร้องคลอไปกับกีตาร์อคูสติคและเพอร์คัสชั่น ดิบ เศร้าและหมองหม่นไม่แพ้ต้นฉบับ
I Should Be So Lucky (4.5/5) นับเป็นอีกเพลงที่นำมาทำใหม่ได้อย่างเด็ดดวงภาคดนตรีเหมือนพวกบัลลาดTorch Songและวอลทซ์แบบยุค50's Love At First Sight (5/5) ก็มาปัดฝุ่นเป็นพ็อพโฟล์คอคูสติคเพราะๆติดอารมณ์โซลฟูลหวานๆฟังแล้วนึกถึงงานในระดับที่อ่อนกว่านิดนึงของ เอมอส ลี,จอห์นนี่ย์ แคช,อินเดีย อารีและเจมส์ มอริสัน ไม่น่าเชื่อว่าเจ๊จะเปลี่ยนเพลงเต้นระบำมันส์รากแตกซ่องกระเจิงให้ออกมารูปนี้ได้ หวานหูมาก ส่งท้ายด้วย Never Too Late(4.5/5) บัลลาดปิดอัลบั้มเมโลดี้สุดไพเราะ ฟังก่อนนอนแล้วจะฉ่ำมากๆ
ท้ายที่สุดขอบอกว่ารักและภูมิใจอัลบั้มนี้มาก!!! เป็นอีกหนึ่งของทั้งพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงที่เจ๊ไคย์นำมาฝากแฟนๆของเธออย่างไม่หยุดยั้งตลอด25ปีตั้งแต่สาวน้อยข้างบ้านผูกโบว์อันเท่ากังหันลมทำเพลงพ็อพสนุกๆก้าวผ่านจุดไอค่อนเพลงเต้นรำแห่งยุคขยับมาทำอาร์แอนด์บี ทริพฮอพ เฮ้าส์ยันร็อคดิบๆจวบจนก้าวขึ้นมาเป็นDancing Queenตัวแม่แห่งยุค เรียกได้ว่าเธอหลอมตัวเองเข้ากับดนตรีมาแล้วแถบจะทุกอย่างแต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่าชื่นชมที่สุดคือ "เธอไม่เคยลืมจุดยืนของความเป็นไคย์ลี่ย์" จะขายศิลปะสุดโต่งดนตรีเล่นกันยากๆแบบที่ได้ยินกันในชุดนี้ ในKylieหรือในImpossible Princessเธอก็ทำได้ หรือจะให้ตลาดแตกโจ่งแจ้งขายกันดื้อไปเลยแบบ Fever,Aphrodie หรืองานในยุคแรกๆไปเลยเธอก็ทำได้ "ออเครสตร้า" อาจจะไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับไคย์ลียเพราะก่อนหน้านี้เธอก็มีสอดแทรกบัลลาดประมาณนี้มาโดยตลอด แต่เธอได้พิสูจน์ตัวเองต่อทุกสายตาที่ท้าทายว่าเธอคือ "ศิลปิน" ที่แท้จริงๆที่มีทั้งวิสัยทัศน์และทุกครั้งาหรับผู้หญิงที่ชื่อไคลี่ย์ จะทำเพลงทั้งทีมันต้อว "ถึงขีดสุด" ไม่มีกั๊กไม่มีธรรมดา ดิฉันถามความรู้สึกตัวเองแล้วคิดว่า The Abbey Road Sessions ชุดนี้ควรได้ 97% ซึ่งก็เข้าทำเนียบอัลบั้ม5ดาวเต็มเป็นลำดับ3ของเจ๊ไคย์ที่แนสทิน่ารีวิว (ก่อนหน้านี้คือ KylieและImpossible Princess) ฟังงานชุดนี้แล้วรักไคลี่ย์มากขึ้น