
เหลืออีก2วันก็เข้าปี 2013 แล้วก่อนอื่นต้องขอสวัสดี ปีใหม่ 2556 สมาชิกชาวบอร์ด FF และท่านที่กำลังอ่านทุกคน ล่วงหน้านะค่ะ ขอให้มีความสุขทั้งปี คิดสิ่งใดก็ได้สิ่งที่ปรารถนานั้น ส่วนท่านใดกำลังเดินทางก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ
สำหรับรีวิวปิดท้ายปีนี้ ขอเลือกอัลบั้มที่ส่วนตัวกำลังอินอย่างรุนแรง ฟังไม่ขาดในช่วงเวลาที่ผ่านมาเลยทีเดียว กับงานอัลบั้มของราชินีเพลงแดนซ์ ไคลี มิโนก กับผลงานทางดนตรีเรียกได้ว่าแปลกและโดดเด่นที่สุดในชีวิตของน้าไข่ เทียบเคียงงานมาสเตอร์พีซระดับตำนานอย่าง Ray Of Light ของเจ้แม่กันเลยทีเดียว ไม่ใช่อัลบั้มไหนแต่เป็น Impossible Princess นั้นเองค่ะ
Impossible Princess : 95%
สารภาพนิดหนึ่งว่าพึ่งได้ฟังอัลบั้มเมื่อ2เดือนที่ผ่านมานี้เอง รู้สึกอายและล้าหลังมากที่พึ่งมาได้ฟังอัลบั้มนี้จริงๆจังๆหลังจากผ่านมา15ปี นี้ฉันเกือบพลาดงานดีๆระดับนี้ไปเชียวหรือเนี่ย? พอมาได้ฟังจริงๆจังแล้วต้องบอกว่าฟังยากมาก ระดับปีนบันไดฟังไม่แพ้งาน Ray Of Light ของเจ้แม่ แต่สิ่งที่ต่างกว่ากันตรงที่เจ้แม่เลือกจะทำงานอิเล็กโทรนิก้าแบบสุดโต่ง ในขณะที่น้าไข่กลับทำงานลูกผสมโดยดึงงานอัลเตอร์เนทีฟร็อคที่บูมในฝั่งยุโรปมาปูฉาบหน้า แล้วตบด้วยอิเล็กโทรนิก้าที่ฟังยากชุดใหญ่แบบค้างเติ้งกันไปเลย ทำให้ได้งานเพลงตีเนียนหลอกคนฟังว่าเป็นงานโมเดิร์นร็อค แกลมร็อคอะไรเทือกนี้นะ แต่จริงๆมันเป็นงานอิเล็กโทรนิก้าแท้ๆแซมร็อคอ่อนๆมากกว่า
จุดเด่น
อย่างที่บอกไปว่าอัลบั้มนี้ส่วนตัวยกให้เป็นอัลบั้มที่มีศักดิ์ศรีและศักยภาพเทียบเคียง Ray Of Light ของเจ้แม่เลยทีเดียว คือภาพรวมมันคืองานอิเล็กโทรนิก้าเจ๋งเป้งที่มาจากศิลปินพ็อพ แต่มันก็ยังมีจุดต่างกันอยู่หลายอย่าง คือ ภาพรวมของแนวเพลงที่เลือกนำเสนอกับเอกลักษณ์และตัวตนของศิลปิน แต่สิ่งที่ต่างกันมันไม่ใช่มีเพียงแค่นั้น การนำเสนอของภาคเนื้อหาของ2อัลบั้มนี้ก็แตกต่างกันสิ้นเชิง เหมือนขาวกับดำ ในขณะที่เจ้แม่เลือกตีแผ่โดยการเอาสัจธรรมของโลกมนุษย์ มาร่ายเป็นงานศิลป์ด้านแสงสว่าง ส่วนน้าไข่กลับเลือกเอาเรื่องราวที่เลวร้าย เกี่ยวกับความรัก ชีวิต และอบายมุขทั้งหลายมาทำเป็นงานดนตรีด้านมืด ที่ดิบ ดุดัน เกี้ยวกราด หม่นหมอง และลึกลับ จนกลบภาพลักษณ์ The Girl Next Door ไปจนหมดสิ้นเชิง ผ่านงานทดลองแนวทางใหม่ด้วยงานอิเล็กโทรนิก้าจัดจ้าน แซมอัลเตอเนทีฟร็อค ซึ่งเป็นแนวนิยมของตลาดยุโรปถิ่นการค้าของตัวน้าเอง โดยหวังให้อัลบั้มนี้ เป็นอัลบั้มระเบิดความศักยภาพความสามารถของตัวเองให้ประชาชีได้รับรู้ และประกาศศักดากันไปเลยว่าว่าฉันก็เป็นอัจฉริยภาพทางดนตรีอีกคนหนึ่งเช่นกัน สุดท้ายมันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าศักยภาพที่เห็นมันเป็นของจริง เป็นงานชั้นครูประดับบารมีอาชีพศิลปินของน้าอย่างที่คาดหวังไว้ได้จริงๆ
จุดด้อย
แม้ว่าอัลบั้มนี้จะทำให้เราได้รับรู้ถึงความเป็นอัจฉิรยภาพทางดนตรีของน้าไข่ แต่ผลลัพธ์พวกชาร์ตต่างๆ ยอดขายและกระแสตอบรับดันเจ๊งไม่เป็นท่า เรียกได้เป็นอัลบั้มที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าและเป็นจุดตกต่ำที่สุดของสายอาชีพศิลปินของน่าไข่ จนกลายเป็นตัวสำรองของวงการเพลงในที่สุด อาจเพราะแนวทางดนตรีไม่แมส ฟังยาก และสวนกระแสแนวเพลงพ็อพบับเบิ้ลกัมที่กำลังแผ่ระบาดในช่วงนั้น บวกกับปัญหาส่วนตัว ค่ายเพลงและบลาๆๆ แต่ตัวจริงก็ยังเป็นตัวจริงวันยังค่ำ สุดท้ายนางก็ยังผงาดขึ้นมายืนอยู่บนบัลลังก์แดนซ์ฟลอร์เป็นราชินีเพลงเต้นรำได้อีกครั้งจนได้
Singles of Impossible Princess
Some Kind of Bliss : 4/5
ลีดซิงเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุดของบรรดาลีดซิงเกิ้ลทั้งหมดของน้าไข่ แต่ส่วนตัวค่อนข้างชอบเพลงนี้นะ ด้วยความเป็นคนชอบงานบริตพ็อพอยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกกระดากใจอะไรในการเปลี่ยนแปลงในเพลงนี้ของน้าไข่มากนัก โดยเพลงนี้เอง น้าไข่ได้วงอัลเตอร์เนทีฟร็อคจากสหราชอาณาจักรอย่างวง Manic Street Preachers มาเป็นโปรดิวเซอร์ดูแลให้ ทำให้ภาพรวมเพลงนี้ก็เป็นงานกรันจ์ร็อคสมัยนิยมติดดนตรีเล้าจ์นฺสบายๆแบบงานตามผับตามบาร์อะไรเทือกนี้ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าภาคดนตรีค่อนไปในทางธรรมดา ออกจะเก่อด้วยซ้ำ แต่วงอัลเตอร์เนทีฟดังๆสมัยนั้นก็ทำเพลงประมาณนี้ทั้งนั้นแหล่ะ แม้เป็นแนวเพลงที่ค่อนข้างใหม่สำหรับน้าแต่ก็ทำได้ดีไม่เลวเลย ไม่ได้ด้อยกว่างานบริตพ็อพพ็อพทั่วไปวงไหนเลย
Did It Again : 5/5
ถัดมาที่ซิงเกิ้ลที่2ที่เป็นอัพบีทอัลเตอร์เนทีฟร็อคที่จัดจ้านมากขึ้น แต่ก็ยันเดินสูตรงานบริตพ็อพทั่วไป ที่เป็นกรันจ์ผสมโพสต์พังค์ แต่มันเด็ดตรงน้าไข่แอบหยอดพวกลูกเล่นเวิร์ลมิสสิคและเอ็ฟเฟ็กซินธิไซเซอร์ลงไปให้ดูเป็นตัวเองมากขึ้น ส่วนตัวที่คิดว่าโอเคอีกเรื่องคือฝากเนื้อหา ที่น้าแอบกัดตัวเองและคนทั่วไปแบบหยิกแกมหยอก ฟังไปก็ช่วยแอบเตือนสติตัวเองเบาๆไปด้วย
Breathe : 4/5
ซิงเกิ้ลที่3ในอัลบั้มที่น้าเริ่มเข้าสู่แนวอิเล็กโทรนิก้าจริงๆจังๆเสียที ด้วยบรรยากาศสภาวะไร้น้ำหนัก เข้าสู่ห้วงอวกาศด้วยทริฟฮอฟดาว์นเทมโพเย็นจัดๆ ก่อนกระแทกเพอคัสชั่นแบบงานคลับเฮาส์เนือยๆคุมทิศทางให้อยู่มัด แต่ส่วนตัวคิดว่าน้าทำเพลงนี้ได้จืดสนิทและโหวกเหวกไปหน่อย ทำให้ภาพรวมออกมาไม่สุดโต้งอย่างที่ควรจะเป็น อาจเพราะน้าใส่กรู๊ฟความเป็นแดนซ์บีทเล็กๆเข้าไปด้วย ทำให้มันเยอะไปนิดหนึ่ง ถ้าเอาพวกซาวด์ไม่จำเป็นและปรับให้ดูหลอนกว่าอีกหน่อยจะออกมาเจ๋งกว่านี้มาก
Cowboy Style : 5/5
ซิงเกิ้ลปิดอัลบั้มนี้ ที่ได้ฟังครั้งแรกแล้วต้องตะลึงกับความเก๋ของตัวเพลง และความเก๋าของฝีมือการทำดนตรีของตัวน้าไข่เอง ที่กล้าจับแนวดนตรีที่ขนานกันราวคนละโลกให้บรรจบกลายเป็นบทเพลงเดียวกันได้ กล้าออกปากเลยว่า ถ้าใครได้ฟังเพลงนี้แล้ว คงอดใจให้เคลิ้มไปกับความเก๋ไก๋ของเพลงนี้ไม่ได้แน่ เพราะน้าไข่ได้เอางานคันทรี่พ็อพลูกทุ่งบ้านนามาขัดเกลาเป็นหนึ่งเดียวกับงานอิเล็กโทรนิก้าล้ำสมัย นี้สิ่คืองานเอ็กเพอริเมนทัลของแท้ ชนิดที่อีพวกบอกตัวเองเป็นพวกลูกทุ่งโมเดิร์นหรือพวกทำเพลงทดลองทั้งหลายกลับไปตาย10ชาติแล้วเกิดใหม่ก็เทียบกันไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่ความเก่และทรงเสน่ห์เท่านั้น แต่เพลงนี้เป็นการประกาศอิสระภาพทางดนตรีที่ไม่พรมแดนและขอบเขตกั้นซึ่งกันและกันจริงๆ
_________________

