˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
Da Nastina : Avril Lavinge : The Best Damn Thing
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Da Nastina : Avril Lavinge : The Best Damn Thing 
อ้างอิงจาก:


Avril Lavinge : The Best Damn Thing : 68%

รูปแบบดนตรี :

ใน The Best Damn Thing อาวริลยังคงนำเสนอดนตรีที่มีพื้นฐานอยู่บนแนวพ็อพร็อคเช่นเดียวกับสองอัลบั้มที่ผ่านมา เพียงแต่ทิศทางและสัดส่วนของดนตรีแบบพังค์พ็อพค่อนข้างแรงและชัดเจนยิ่งขึ้น คิดว่าคนที่ชอบเพลงติดอารมณ์พังค์ๆแบบ Sk8er Boi หรือ He Wasn't คนจะถูกใจเพราะในอัลบั้มนี้มีให้คุณเลือกจิ้มกันเพลินเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังได้นำสรรพสำเนียงการร้องแบบอาร์แอนด์บีเข้ามาประยุกต์ใช้เป็นสีสันในงานรวมถึงการครีเอทสไตล์การร้องและแร็พ (ใช่แล้วแร็พฟังไม่ผิดหรอก) แบบพวกสาวปอมปอมเชียร์ลีดเดอร์ เรียกได้ว่าเป็นซาวนด์ทดลองที่ค่อนข้างเก๋และเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ชิ้นงานที่สำคัญที่สุดเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่ฉายแสงออกมาได้ชัดเลยทีเดียว ในส่วนของงานบัลลาดซึ่งมีน้อยมากในอัลบั้มแต่สำหรับเดี๊ยนส่วนน้อยนี่แหละที่เป็นตัวแทนบ่งบอกถึงพัฒนาการและศักยภาพในการทำงานเพลงที่สูงขึ้นไปอีกหนึ่งระดับของเธอ

ป.ล. The Best Damn Thing ยังมีอีกหนึ่งเวอร์ชั่นที่แถมดีวีดีซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสำรอกคำหยาบ ซึ่งหยาบโลนจนถึงขั้นได้รับเกียรติแปะป้าย Parental Advisory เป็นอัลบั้มแรกของเธอ (คาดว่าคงสมใจวีนเธอน่ะค่ะ) ใครที่อยากฟังอะไรแรงๆห่ามๆแบบไม่ต้องกิ๊กๆกั๊กๆหนีบๆ หรืออยากจะรู้ว่าสาวปากปีจออย่าง Brooke Valentine หรือ Lady Souvereign ลองแบ่งภาคมาทำเพลงทีนควีนจะเป็นอย่างไรลองไปหามาฟังดูนะคะ

ซิงเกิ้ล :

Keep Holding On (5) ซาวนด์แทร็คประกอบภาพยนตร์เรื่อง Eragon บัลลาดพ็อพร็อคที่ทรงพลังทั้งในด้านเนื้อหาและดนตรี ฟังแล้วรู้สึกถึงเพลง Breakaway ของ เคลลีย์ คลาคสัน จนแถบอยากจะเรียกว่าเป็นภาคสองของเพลงนั้นเลยทีเดียว โดยส่วนตัวแล้วเป็นเพลงที่สมบูรณ์แบบ มีสาระ ลึกซึ้งและสวยงามที่สุดในอัลบั้มค่ะ ชอบที่สุดแล้ว

ป.ล. เพลงนี้ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงอคาเดมี่อวอร์ดปีล่าสุดสาขา Best Original Song ด้วยนะคะ แต่หลุดไฟนอลโนมินีไปอย่างน่าเสียดาย

Girlfriend (3.5/5) เปิดตัวได้สมศักดิ์ศรีเกินความคาดหวังค่ะ เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มและเป็นซิงเกิ้ลแรกของเธอที่ได้อันดับหนึ่งบนบิลด์บอร์ดชาร์ต พังค์พ็อพร็อคแบบเดียวกับที่ได้ยินจาก Sk8er Boi และ He Wasn't นั่นแหละค่ะ เรียกได้ว่าเป็น Signature Song ของเธอไปแล้ว เพียงแต่เพลงนี้มีลูกเล่นที่เก๋กว่าในการหยอดบีทและลูกเล่นการร้องแบบอาร์แอนด์บีเข้าไป รวมถึงการแร็พปลุกใจแบบสาวปอมปอม (ขอชมว่าทำได้น่ารักและลงตัวมากๆ) แต่ตินิ๊ดนึงนะคะว่าครังแรกๆที่ฟังนี่เดี๊ยนเห็นหน้าฮิลารีย์ ดัฟฟ์ลอยไปลอยมาว่อนเชียว โดยเฉพาะท่อนที่เธอเน้นคำว่า Disappear อ่ะค่ะ มีใครเห็นด้วยมั้ยว่าคล้ายกันมากๆ

ป.ล. ได้ข่าวว่าเกิลเฟรนด์ทำท่อนคอรัสออกมาถึง7ภาษา รวมไปถึงอีกสองภาษาที่ทำไม่เสร็จอย่างฮินดูและรัสเซียด้วย ไม่ทราบว่าทำมาเพื่ออะไรเจ้าคะ และอัพเดทนิ๊ดนึงค่ะว่าซิงเกิ้ลนี้ล่าสุดถูกTommy Dunbar และ James Gangwer ยื่นเรื่องต่อศาล ที่เพลง Girlfriend ของเอวริล มีทำนองและเนื้อร้องที่ละม้ายคล้ายเพลง I Wanna Be Your Boyfriend ของพวกเค้าที่แต่งขึ้นในปี 1979 และะขับร้องโดยวง The Rubinoos โดยเรื่องจะขึ้นพิจารณาคดีในศาล เดือนสิงหาคมนี้ น่ะค่ะ

ป.ล. (อีกที) อีย์หอกออกซิงเกิ้ลแรกงวดนี้อย่าแพ้เขานะลูก โฮะๆๆๆๆๆๆๆ

When You're Gone (3.5/5) บัลลาดพ็อพร็อคซิงเกิ้ลที่สอง อย่างแรกที่ชอบคือดนตรีเนียนตั้งแต่อินโทรเพียโนและเครื่องสายสม่ำเสมอและสอดรับกันกับท่วงทำนองบัลลาดร็อคแบบลงตัวไปจนจบเพลง อย่างที่สองคือการผนวกความรู้สึกที่หลากหลายแล้วสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเอกภาพ ส่วนตัวฟังแล้วคิดว่าเป็นการผสานที่ลงตัวระหว่างความเกรี้ยวกราดที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นของ I'm With You และความมืดหม่นอ้างว้างแต่กลับมาอย่างทรงพลังของ Slipped Away อาวริล! เพลงนี้ขอบอกว่าคุ้มค่าที่รอคอยนะ

Hot (3/5) ว่าที่ซิงเกิ้ลที่สาม ที่ล่าสุดเธอนำไปโชว์ที่ The Friday Night Project น่ะค่ะ ตัวเพลงถูกนิยามว่าเป็นบัลลาดพังค์น่ะค่ะ คือใช้เทคนิคการเดินดนตรีแบบซอฟต์พังค์ร็อคและใส่อารมณ์พ็อพร็อคละเมียดละไมกึ่งๆบัลลาดลงไป เรียบๆง่ายๆแต่ส่วนตัวเดี๊ยนว่าโดดเด่นที่สุดในอัลบั้มคือดูแหวกออกมาจากเพลงอื่นเลยทีเดียวน่ะค่ะ มารอดูกันนะคะว่าจะออกหัวหรือก้อย

แทร็คอื่นๆ :

I Can Do Better (3.5/5) กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ เริ่ดมากๆค่ะเพลงนี้ย์! พัhงค์พ็อพชนกับร็อคทั้งดนตรีเนื้อหาไปยันลูกเล่นการนำเสนอป่วงได้สะใจเดี๊ยนมากๆ ไหนจะลูกบ้าที่ประโหมประโคมทั้งลูพกลอง กีตาร์ เบสหนักๆไปจนถึงวีนที่แหกปากสุดพลังก่อนจะแปล่งร่างมาเป็นสาวปอมๆแร็พเอาช่วงกลางเพลง ขุดสารพัดวิทยายุทธขึ้นมาเอ็นเตอร์เทนคนฟังเกิน108เล่มเกวียนขนาดนี้ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ เริ่ดมากค่ะเพลงนี้ย์! อีกรอบน่ะค่ะ Runaway (4/5) เข้าทางอาวริลสุดๆค่ะแทร็คนี้ พ็อพร็อคเริ่มต้นด้วยจังหวะใสๆกลางๆแล้วไประเบิดพลังเอาถึงขีดสุดในช่วงคลอรัส เป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์และสูตรสำเร็จอีกหนึ่งอย่างของงานเธอที่ได้ยินกันมาตั้งแต่ Mobile กับ Anything But Ordinary แล้ว อย่างไรก็ตามไม่ว่าทำออกมากี่ครั้งก็ถูกใจเดี๊ยนทุกทีไป ต่อกันด้วย The Best Damn Thing (4/5) ไทเทิ่ลแทร็ค ฟังแล้วพาลนึกถึง Watching The Rain ของ เคที่ โรส ตะหงิดๆน่ะค่ะ ถ่ายทอดอย่างเก๋ไก๋ด้วยการร้องกึ่งแร็พที่ได้อิทธิพลมาจากพวกลีดแดนซ์ที่เราเห็นประกวดๆกันน่ะค่ะผสมผสานกับท่อนฮุคที่ปรับตัวมาเป็นสาวพังค์ได้อย่างลงตัว ได้ใจสุดๆก็ตอนการร้องแบบแปรอักษรช่วงกลางเพลงนั่นแหละช่างคิดช่างครีเอทจริงๆน่ารักดีน่ะ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่อยากให้เป็นซิงเกิ้ลมากๆค่ะ อีกเพลงที่มันส์ไม่แพ้กันคือ Everything Back But You (3/5) ชั้นเชิงไม่มีอะไรมากมายค่ะ แต่ถ้าจะเอาความมันส์กระแทกกระทั้นเร้าใจล่ะก็รีบๆจิ้มแล้วสนุกไปกับการเปิดคอนเสิร์ตร็อคส่วนตัวในห้องนอนเลยค่ะ เหมาะต่อการเล่นสดมากๆแค่คิดก็ไม่ต้องบรรยายแล้วว่าจะออกมามันส์ขนาดไหน

ป.ล. ใครก็ได้ช่วยเดี๊ยนคิดหน่อยสิคะว่าอีย์ท่อนคลอรัสสุดจะกระแทกกระทั้นนี่ย์ ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงไหนของ Green Day คือรู้สึกถึงอ่ะค่ะแต่นึกไม่ออก

I Don't Have To Try (2/5) ในแง่เนื้อหาเดี๊ยนว่าน่าสนใจนะคะ ฐานะที่แสดงจุดยืนและทัศนคติของอาวริลออกมาได้อย่างเด่นชัดคือเล็งไปที่เนื้อหาแล้ว อาวริล ลาวีญ ตัวจริงเสียงจริงเลยอ่ะค่ะ เสียงแร็พและดนตรีในช่วงต้นฟังดูเหมือนจะเก๋น่ะค่ะแต่พอเข้ามาที่ตัวเพลงเต็มๆแล้วค่อนข้างกลวงนะคะ คือเธอพยายามยัดลูกบ้าที่มันมากมายจนเกินไปทั้งพยายามทำเสียงแหลม ทั้งกระแทกดนตรี ทั้งแหกปากตะคอก เพลงที่น่าจะรอดเลยร่วงไปสมใจเลยค่ะ เหลือแต่เพียงความห้วน ความเฝือ ความกระด้างและไร้ทิศทางจนไม่น่าฟังอ่ะค่ะ ขอชมนะคะที่กล้าจะใส่ลูกบ้าแต่คราวหน้าต้องออกมาดีกว่านี้นะคะ มาที่ One Of Those Girl (2.5/5) กับ Contagious (2.5/5) ไม่ใช่เพลงที่แย่อะไรเลยค่ะ เพราะติดหูด้วยซ้ำแต่เรามามองดูกันดีๆนะคะว่าโพรดัคชั่นแบบนี้มันเกลื่อนแล้วน่ะค่ะ พังค์แท้พังค์เทียมที่ไหนเขาก็ใช้กัน ถ้าคิดจะย่ำรอยเดี๊ยนว่าฉีกอะไรที่แปลกใหม่ไปเลยแบบช่วงต้นอัลบั้มจะดีกว่าน่ะค่ะ

ป.ล. Contagiousนี่ล่าสุด Chantal Kreviazuk นักแต่งเพลงที่ร่วมงานกับเธอในอัลบั้มก่อน ก็จะออกมาฟ้องค่ะในฐานะที่เขาเป็นคนแต่งเพลงนี้แต่กลับไปมีเครดิตเขาในปกเลย ตอนที่ทำอัลบั้มร่วมกันได้ข่าวว่าก็เจออีย์วีนแผลงฤทธิ์ใส่ไว้เยอะนิคะ น่าสงสารน่ะค่ะ

Innocence (4/5) พาวเวอร์บัลลาดที่อาวริลสามารถโชว์พลังเสียงและทักษะในการร้องได้ดีมากๆค่ะ ในที่สุดก็ได้ยินเพลงระดับนี้จากเธอเสียที จากที่ฟังงานบัลลาดทั้งหมดในอัลบั้มนี้มาเดี๊ยนขอชมว่าชั้นเชิงและลูกเล่นในการทำเพลงสูงขึ้นมากๆ ศักยภาพทางดนตรีรอบด้านพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

จุดด้อย+บทสรุป :

ตัดสินจากการฟังรอบแรกแม้ว่าจะประทับใจเรื่องลูกเล่นหลายอย่างที่เธอเสริมเข้ามาแต่ก็คิดว่าอาวริลย่ำอยู่กับมันมากเกินไปจนเป็นแพทเทิร์นน่ะค่ะ แบบว่า "เออร้องแบบนี้อีกแล้ว ใส่เบสลงกลองจุดนี้เหมือนเดิม สรรพสำเนียงแบบนี้อีกแล้ว เป็นสาวปอมปอมอีกแล้ว" อย่างไรก็ตามมันก็ไม่แย่จนถึงขั้นซ้ำซากหรอกค่ะเมื่อฟังมากรอบเข้า สำหรับคนฟังบางท่านอาจจะรำคาญและงงๆกับความบ้าพลังของเธอนะคะทั้งการประโคมดนตรีและการร้องในหลายๆอย่าง แต่สำหรับเดี๊ยนไม่ใช่ปัญหาค่ะตัดตรงนั้นไปได้เลย ปัญหาของเดี๊ยนมันอยู่ที่ว่าศักยภาพของเธอมันแรงได้มากกว่านี้ค่ะอย่างที่เห็นกันครั้งแรกใน Let Go แต่นี่เป็นอีกครั้งที่เดี๊ยนรู้สึกว่าเธอไม่ได้ปล่อยมาแบบสุดๆ หรืออาจจะสุดๆแล้วแต่อาจจะยังไม่พบว่าแท้จริงแล้วเธอมีดีกว่านี้และทำได้เหนือระดับกว่านี้ค่ะ วันนั้นเดี๊ยนเชื่อว่าจะมาถึงในเร็วๆนี้ แต่วันนี้ขอร่วมเดินทางไปกับก้าวใหม่ของเธอ ที่ตื่นตาตื่นใจ สนุกและน่าติดตามสมศักดิ์ศรีไอค่อนแห่งยุคของจริงค่ะ



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
คิดถึงอาวริลอ่ะ



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
กระทู้อีติ๊รอบที่4อัพเดทเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะท่านผู้อ่านที่น่ารักขอบคุณสำหรับอีเมลล์ทวงงานนี้ทุกฉบับ เหอๆๆๆๆ Smile

ป.ล. โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนสาวเดี๊ยนทั้งหลายนี่ ดิฉันอัพเดทแล้วนะยะเลิกโทรมาก่อกวนเรื่องนี้ซักที

http://www.forwardmag.com/webboard/topic-1098682-30.html

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ตอนแรกเป็นอัลบั้มที่ฟังไว้กระแทกโสตประสาทได้มันมาก หลังเริ่มเบื่อด้วยความที่ว่ามันเป็นแพทเทิร์นเดิมอย่างที่เจ๊บอกจริงๆนะแหละ สุดท้าย ณ ปัจจุบันนี้ที่ยังฟังๆอยู่ก็มี When You're Gone / Innocence / I Don't Have To Try / I Can Do Better / The Best Damn Thing นอกนนั้นก็กดข้ามซะส่วนใหญ่ ยังไงก็รีบๆออกซิงเกิ้ลแรกมาให้ฟังได้แล้ว ก่อนที่จะปล่อยอัลบั้มปีหน้านะครับผม!!!


_________________

April fighting! + angel Sojin�
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
หนูเป็นแฟนของอาวริลมาตั้งแต่อัลบั้มแรก ก็ฟังไปเรื่อยๆโดยที่ไม่คิดว่าจะก็อปหรือไม่ก็อป เพราะไม่รูว่าจะไปสนใจตรงนั้นทำไมน่ะคะ แต่พอมาอ่านรีวิวของเจ๊แนส หนูก็อาจจะลองกลับไปเปรียบเทียบดูน่ะคะ แต่ในอัลบั้มนี้หนูชอบ i don't have to try ที่สุด หนูรู้สึกว่า เพลงนี้ ทำให้งานอาวริลดูโตขึ้น มันดูร็อคมากว่าเพลงอื่นในอัลบั้ม
ด้านภาพลักษณ์ ชีดูดัดจริตไปนิดนึง มันไม่ใช่ร็อคแบบที่เธอเคยเป็นอะคะ อ่านคอมเม้นท์เล่นๆใน youtube ตามMV ของเธอ ก็จะมีแต่พูดถึงภาพลักษณ์ว่า เธอเปลี่ยนไปแบบนั้นแบบนี้ พอไปอ่านบทสัมภาษณ์เก่าๆ ซึ่งดูมันขัดแย้งกับสิ่งที่เธอเป็นตอนนี้เอามากๆ ไม่รู้ว่า เป็นเพราะต้นสังกัดสั่งหรือเธอจะอยากจะเป็นมันซะเอง เหอๆ หนูว่าคงยากที่จะเห็น เธอกลับมาใส่ converse อีกนะคะ เหอๆๆแต่พอมาคิดถึงในอีกด้านนึง ในเมื่อคนมันโตขึ้น มีครอบครัว(หรืออาจจะเคยมี) ก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างธรรมดา เหมือนที่เพลง Moblie ของชี ในอัลบั้มแรก

ปล. เจ๊แนส ไม่ลองรีวิว วง Blink 182 ดูเหรอคะ วงนี้หนูชอบมากกกกก แฮะๆ



_________________

>>>...Blink 182...<<<
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ตำแหน่ง AIM Yahoo Messenger MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ตอบน้องทั้งสองคนเลยนะคะสำหรับพาราเพลงที่เจ๊ชอบมากๆในงานชุดนี้ก็มี4แทร็คแรกฟังบ่อยมากๆในช่วงนั้น InnocenceและKeep Holdin' On แต่ถ้าชอบเพลงไหนที่สุดตอบเลยว่า Runaway ความเป็นอาวริลแบบที่ต้องการสูงมากๆ

พวกตัวชอบ I Don't Have To Try กันจริงๆอ่ะ แอร๊ยยยยยย แต่ก็นะอันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแต่เป้นเพลงที่ส่วนตัวเจ๊ไม่ชอบมากที่สุดในอัลบั้มเลย

สำหรับน้องเตอเรสอาวริวนี่เจ๊ว่าเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปตามกระแสตลาดด้วยรวมถึงต้นสังกัดเป็นคนครีเอทให้ด้วยส่วนหนึ่งแต่อาวริลฉลาดนะคะแต่งเพลงแก้เกมส์ไว้ตั้งแต่งานชุดแรกแล้ว Mobile อ่ะค่ะที่แต่งบอกเป็นนัยๆว่าอย่าเอาอะไรกับเธอมากเพราะมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นมายาสูงกว่าสิ่งใดในโลกรวมกัน เปลี่ยนไปได้เสมอ เหอๆๆๆๆๆ Smile

เจ๊กำลังคิดถึง Green Day/Sex Pistols/ไม่ก็Die Youngน่ะค่ะแต่Blinkก็น่าสนใจนะคะถ้าว่างๆรับรองว่าได้มีรีวิวถึงแน่ๆ เอ่อ The Chemical Romanceอีกวง

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Armand D'Angouleme พิมพ์ว่า:

พวกตัวชอบ I Don't Have To Try กันจริงๆอ่ะ แอร๊ยยยยยย แต่ก็นะอันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแต่เป้นเพลงที่ส่วนตัวเจ๊ไม่ชอบมากที่สุดในอัลบั้มเลย


ชอบเพราะมันดูปลดปล่อยดีอ่ะเจ๊ เหมือนอีวีนกำลังปล่อยสารพัดอะไรที่อัดอั้นไว้ดี

ปล.Runaway ก็ชอบนะเจ๊ แต่ชอบสุดๆคือ Title Track อัลบั้ม ดูแรดและฟังได้นานกว่า Girlfriend อ่ะครับผม!!!


_________________

April fighting! + angel Sojin�
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
paradizer พิมพ์ว่า:
Armand D'Angouleme พิมพ์ว่า:

พวกตัวชอบ I Don't Have To Try กันจริงๆอ่ะ แอร๊ยยยยยย แต่ก็นะอันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแต่เป้นเพลงที่ส่วนตัวเจ๊ไม่ชอบมากที่สุดในอัลบั้มเลย


ชอบเพราะมันดูปลดปล่อยดีอ่ะเจ๊ เหมือนอีวีนกำลังปล่อยสารพัดอะไรที่อัดอั้นไว้ดี

ปล.Runaway ก็ชอบนะเจ๊ แต่ชอบสุดๆคือ Title Track อัลบั้ม ดูแรดและฟังได้นานกว่า Girlfriend อ่ะครับผม!!!


หนูขาอย่าเบี้ยวอีติ๊เจ๊นะคะ โฮะๆๆๆๆๆๆ อีห่านี่แฟนคลับดันอยู่นอกบอรืดเยอะซะด้วยเลยต้องรบกวนหนูมาช่วยปั่นกระแสกับเจ๊นี่แหละค่ะ หึหึหึหึหึหึหึหึ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Armand D'Angouleme พิมพ์ว่า:
paradizer พิมพ์ว่า:
Armand D'Angouleme พิมพ์ว่า:

พวกตัวชอบ I Don't Have To Try กันจริงๆอ่ะ แอร๊ยยยยยย แต่ก็นะอันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแต่เป้นเพลงที่ส่วนตัวเจ๊ไม่ชอบมากที่สุดในอัลบั้มเลย


ชอบเพราะมันดูปลดปล่อยดีอ่ะเจ๊ เหมือนอีวีนกำลังปล่อยสารพัดอะไรที่อัดอั้นไว้ดี

ปล.Runaway ก็ชอบนะเจ๊ แต่ชอบสุดๆคือ Title Track อัลบั้ม ดูแรดและฟังได้นานกว่า Girlfriend อ่ะครับผม!!!


หนูขาอย่าเบี้ยวอีติ๊เจ๊นะคะ โฮะๆๆๆๆๆๆ อีห่านี่แฟนคลับดันอยู่นอกบอรืดเยอะซะด้วยเลยต้องรบกวนหนูมาช่วยปั่นกระแสกับเจ๊นี่แหละค่ะ หึหึหึหึหึหึหึหึ


ไม่เบี้ยวหรอกเจ๊ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร เอาเป็นว่ารับปากว่าคืนนี้ชัวร์ๆครับผม!!!


_________________

April fighting! + angel Sojin�
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 2
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com