
ต้องบอกเป็นความโชคดี(หรือเปล่าหว่า?) เพราะเอาเข้าจริงๆ ณ เวลานี้ยังไม่ได้แพลนด้วยซ้ำว่าอยากเขียนงานไหนเป็นพิเศษ แต่อัลบั้มล่าสุดของ The Next Michael Jackson คนปัจจุบัน อย่างจัสติน ทิมเบอร์เลคหรือไอ้หยอย ดันหลุดมาพอดี ก็กะว่าน่าจะหลุดราวๆช่วงนี้แหล่ะ แต่ยังไม่ได้เตรียมใจที่จะฟังอัลบั้มใหม่ของอีหยอยเลย เพราะปัจจุบันกำลังดื่มด่ำกับงานร็อคพวกอย่างพวก Nirvana, Paramore, Travis และ Sex Pistols ดังนั้นรีวิวนี้ค่อนข้างรีบเขียนพอสมควร จะเรียกว่ารีวิวจานด่วนก็ได้เพราะแทบไม่ได้เก็บรายละเอียดจากงาน2อัลบั้มที่แล้วเท่าไหร่ด้วยซ้ำ คงต้องอาศัยความจำและความรู้สึกเก่าๆที่พอเหลือเอาละนะ สำหรับรีวิวจะงดคำหยาบ(เท่าที่ทำได้ละกัน) จะเขียนอะไรที่ทางการนิดนึง กลัวคนอ่านจะรับไม่ได้แล้วเลิกอ่านไปเสียก่อน 55
The 20/20 Experience : 100%
โห ให้คะแนนสูงเนอะ? ก็จริงๆนั้นแหล่ะ ถ้าถามว่าทำไมถึงให้คะแนนอัลบั้มนี้สูงขนาดนี้ คงตอบได้ว่าแม่งโครตถูกจริตสุดๆเลย อาจด้วยช่วง2-3เดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้แตะงานโซลด้วย ทำให้เพิ่มความคนึงหาต่องานโซลละมุนละไมที่ได้จากอัลบั้มนี้อย่างล้ำลึกมากๆ 555 อาจพูดดูเว่อร์หรือดัดจริตทำเป็นฟังเพลงไม่เหมือนชาวบ้านนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะงานนีโอโซลนี้เป็นอะไรที่ลื่นหูสุดๆแล้วรองจากพวกโฟล์ค และที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ให้เรตอัลบั้มนี้สูงเสียดฟ้า เพราะตอนนี้กำลังเห่อแบบสุดตัวด้วย 555 เพราะเขียนถึงศิลปินผู้ชายหรือเปล่า? ก็มีส่วนนะ จริงๆอยากเขียนถึงศิลปินฝ่ายชายมากกว่านี้นะ พวกงานร็อคหรือฮิฟฮอฟอะไรแบบนี้ แต่มันได้รับผลตอบรับน้อยอ่ะ เพราะอย่างที่รู้ๆกัน นอกจากศิลปินหญิงไอดอลกะเทยแล้ว ศิลปินคนอื่นๆดูไม่ค่อยได้รับความนิยมซักเท่าไหร่ เลยสู้ไม่เขียนดีกว่า
ส่วนภาคดนตรีอัลบั้มนี้ เอาจากปากหยอยเองละกัน นางบอกว่าอยากทำเพลงยาวๆซัก10นาที แบบ Pink Floyd, Led Zeppelin และ Queen ไว้ก่อน เพราะยังไงถ้าเพิ่มเข้าสถานีเดี๋ยวเข้าก็ตัดให้มันสั้นเอง เออ กล้าเนอะ 55 ส่วนด้านซาวด์ก็จะได้อิทธิพลจากงานอัลบั้มแรกและอัลบั้ม2มาผสมกัน แต่มันก็เป็นแค่ดึงลูกเล่น บีทและซาวด์หลักๆมาเท่านั้น เพราะยังไงอัลบั้มก็จะตอบโจทย์แนวดนตรีที่ใหม่และไม่เหมือนเดิมแน่นอน ซึ่งก็จริงอย่างที่นางพูดนั้นแหล่ะ อัลบั้มคือการดึงภาคโซลจากอัลบั้มแรกมาต่อยอด ในขณะเดียวกันก็จะมีซาวด์หยาบๆ ลูกเล่นซาวด์ทดลองต่างๆ ทั้งซินธิไซเซอร์ โพรแกรมมิ่ง และดนตรีสดจากอัลบั้มที่แล้วให้พอกล่อมแกล้มเบาๆมาเสริมทัพอยู่ หรือจะให้พูดเข้าใจง่ายคือเข้าสู่ภาคเออบันเต็มตัว แล้วดึงพวกซาวด์ทดลองมาเป็นตัวเสริมเท่านั้นเอง อีกจุดหนึ่งที่หน้าโฟกัสสำหรับอัลบั้มนี้คือ บีทจะยุบๆหยับๆอยู่แค่งานมิดเทมโพอาร์แอนด์บีซะส่วนใหญ่ สำหรับใครที่หวังจะได้เห็นงานฮิฟฮอฟกระฉึกกระฉักแบบอัลบั้มเก่านี้คงหายากกันเสียหน่อย เพราะโดนตัดทอนไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเลย หืมมม งั้นถ้าไม่ค่อยมีซาวด์ฮิฟฮอฟดิบๆชวนติดหูหรือซาวด์ทดลองเจ๋งๆแบบนี้คงน่าเบื่อน่าดูเลยละสิ่ ส่วนตัวคิดว่าไม่นะ เพราะสิ่งที่มาเสริมจุดแข็งให้อัลบั้มนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกับ2อัลบั้มที่แล้วได้ คือพวกซาวด์แซมเพิ้ลยุคโอลดี้ตั้งแต่สวิง บ๊กแบนด์ แท็ป วอลซ์ คลาสสิก ฟังค์โซล โมทาวน์ รวมทั้งงานโซลอาร์แอนด์บีในยุค90sถึงต้นยุคมิลเลเนี่ยมก็มี เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้หยอยลงไปขลุกกับงานภาคเออบันเต็มตัว โดยธีมหลักๆของอัลบั้มนี้นั้นก็คือ โซลและอาร์แอนด์บี นั้นเอง อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เก๋กู๊ดสุดๆที่ทำให้ปลื้มอัลบั้มนี้สุดๆคือหนึ่งเพลงนี้องค์ประกอบครบมาก มีทั้งท่อนพรีลูด อินเทอร์ลูด และฟิเนเล่ครบครันมาก เป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นศิลปินที่ทำได้แบบนี้มานานมากแล้ว
จุดเด่นและจุดด้อย
จุดเด่นอย่างที่บอกคือชอบงานโซลอยู่แล้ว โดยเฉพาะนีโอโซล โอลด์สคูล คอนเทมโพรารี่อาร์แอนด์บีพวกนี้ นี้จะกรี๊ดสุดๆ ซึ่งธีมหลักของภาคดนตรีอัลบั้มนี้คือแนวนั้นเลย ฟังแล้วเคลิ้มสุดๆ หวานละมุนมากๆ ไม่น่าเบื่อซักแทร็คเลย ขนาดมันยาวมากๆแต่พอเพลย์จบแล้วยังติดค้างอารมณ์อยู่เลยอ่ะ จนขนาดตัดสินใจไม่ถูกเลยทีเดียวว่าจะยกให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ชอบที่สุดของหยอยเลยดีไหม? เพราะตอน Justified ก็จำได้ว่าเห่อแล้วบ้าแบบนี้เด้ะ ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกซักพักนึง ถึงจะตอบได้ว่าตกลงชอบอัลบั้มไหนมากกว่ากันระหว่างอัลบั้มแรกหรืออัลบั้มนี้
ส่วนจุดด้อย ส่วนตัวไม่รู้จะเอาอะไรมาติ แต่เท่าฟังความเห็นจากคนอื่นๆคือมันยาวเกินและเนือยไปหน่อย แต่ส่วนตัวไม่รู้สึกไง เพราะเอาจริงๆแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้สมบูรณ์มากๆโดดเด่นทุกเพลง มันแข็งทั้งตัวธีมอัลบั้มและเพลงเลย เทียบกับอัลบั้มที่ใครๆก็ยกให้เป็นมาสเตอร์พีซของหยอยอย่าง FutureSex/LoveSounds แล้ว ความสมดุลของพลังระหว่างแทร็คครึ่งแรกกับครึ่งหลังของอัลบั้มนั้นดูไม่บาลานซ์กันซักเท่าอัลบั้มนี้ด้วยซ้ำนะเออ
Singles of The 20/20 Experience
Suit & Tie : 4.5/5
สารภาพตามตรงว่าฟังครั้งแรกตอนพึ่งหลุดออกมาแบบไม่เก็บรายละเอียดแล้วรู้สึกน่าเบื่อยังไงพิกล โดยเฉพาะช่วงพรีลูดที่เป็นฮิฟฮอฟแบบงานแกงสเตอร์กระฉึกกระฉักนี้ดูไม่ถูกหูเท่าไหร่ แต่พอมาฟังอีกรอบแบบเก็บเนื้องานแล้วเกิดมาก ตัวเพลงภาครวมเป็นนีโอโซล โอล์ดสคูลอาร์แอนด์บี ที่แค่พอเข้าตัวเพลงเท่านั้นแหล่ะ เกิดมากๆ ทั้งองศาความหวานด้วยการหยอดเล้าจ์นฺแจ๊ซหอมหวลละมุนละไมชวนเคลิ้มดื่มด่ำราวกับสวรรค์ชั้น7 ไล่มาเรื่อยๆก่อนไตร่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ แล้วตัดด้วยฮิฟฮอฟบีทอีกครั้งผสมการพ้นแร็พจากเจ้าพ่อวงการแบล็กมิวสิค เจย์ซียากยาวไปท่อนเบรคดาวซ์ของฮุคสุดท้ายแล้วจบด้วยเมโลดี้สวยๆเหมือนตอนเริ่มเพลง เป็นงานเพลงที่ฟินตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เสน่ห์ล้นเหลือชวนเคลิ้มสุดๆ
Mirrors : 4/5
สำหรับเพลงนี้ฟังครั้งแรกก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน ด้วยความที่มันซ้ำซากและจำเจเกินไป เหมือนหยอยตั้งใจจะขายงานแบบ Cry Me a River เกินไป เข้าใจว่ามันป็นSignatureแต่อะไรที่มันมากไปแล้วก็น่าเบื่อจริงๆ แต่พอมาได้ฟังอีกครั้งตอนนี้แบบครบทั้งอัลบั้มแล้ว กลับรู้สึกว่าชอบขึ้นมา อาจด้วยตรงธีมอัลบั้มนี้ด้วยหรือเปล่า แต่จะบอกว่าเหมือนงานอย่าง Cry Me a River ทั้งหมดก็ไม่เชิง เพราะเพลงนี้เหมือนดึงงานบัลลาดร็อคสุดคลาสสิคของหนึ่งในร็อคแบนด์ในตำนาน Guns N' Roses กับเพลง November Rain มาผสมเข้าด้วย ทำให้ได้งานบัลาดอาร์แอนด์บีเน้นซาวด์โหมโรงอลังค์การแบบที่เราคุ้นเคยในยุค90sและต้นยุคมิลเลเนี่ยมให้รู้สึกคิดถึงและย้อนรำลึกกันอีกครั้ง
_________________

