
หากคุณกำลังมองหาการเริ่มต้นเผาผลาญไขมัน เรามีเคล็ดลับ 10 ประการ
ที่จะช่วยให้คุณ จุดระเบิดการเผาผลาญของคุณ
นักจักรยานที่เราเห็นปั่นกันอยู่ทุกวันนี้ เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาปั่นกันอยู่ได้ก็คือคิดว่ามันจะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้
แล้วก็จริงดังว่าในเมื่อการปั่นจักรยานสามารถลดไขมันได้ แต่กระบวนการหนึ่งที่จะช่วยให้การเผาผลาญไขมันเป็นไปอย่างเต็มที่และรวดเร็ว
ก็คือกระบวนการทำงานของร่างกายที่เรียกว่าเมตาโบลิสซึ่มหรือกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร
ถ้าพูดกันให้เข้าใจง่ายๆก็คือกระบวนการที่ร่างกายสร้างพลังงานขึ้นมาและใช้ พลังงานนั้น(แคลอรี่)
สำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ตั้งแต่การดูดซับสารอาหารเข้าไปในเซลจนถึงกิจกรรมหนักๆอย่างการวิ่งมาราธอน หรือแม้แต่การปั่นจักรยาน
ข้อมูลข้างต้นนั้นฟังดูก็เหมือนกับแบบเรียน วิชาวิทยาศาสตร์น่าเบื่อๆที่ไหนสักเล่ม
แต่ถ้าคุณรู้ว่าการเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างหมดจดสามารถทำให้ร่างกายมีสุขภาพ แข็งแกร่งได้
เรารับรองได้เลยว่ามันจะไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
ซู แซน วูดเวอร์ดผู้มีบทความทางวิชาการเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย
รวมทั้งยังทำงานให้กับองค์กรเพื่อสุขภาพไม่หวังผลกำไรอย่างอเมซอน โพรมิส
และเป็นนักเขียนประจำอยู่ในหนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทม์ได้แนะนำว่า
ไม่ว่าคุณจะพยายามลดน้ำหนักหรือแค่ปรับตัวให้พร้อมรับมือ กับการทำงานของระบบการเผาผลาญที่ช้าลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ต่อไปนี้ล่ะคือวิธีที่ได้ผลแน่นอนในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบนี้ และช่วยให้มีร่างกายสมส่วน
:: พยายามสร้างมวลกล้ามเนื้อ ::

ดังเช่นที่กล่าวไว้แล้วเมื่อตอนต้น ว่าระบบการเผาผลาญจะทำงานช้าลงเมื่อเราอายุมากขึ้น
ประมาณว่ามันจะทำงานช้าลงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณทำได้เพื่อต่อสู้กับธรรมชาติ
ชารี ลีเบอร์แมน ผู้เขียนหนังสือชื่อ Dare to Lose ให้ความเห็นว่า
กล้ามเนื้อนี่แหละคือตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดถึงระบบเผาผลาญ พลังงานจากอาหารที่คุณกินเข้าไป
ชี้ให้เห็นด้วยว่าคุณเผาแคลอรี่และเผาไขมันไปได้มากน้อยแค่ไหน
เธอยังแนะนำด้วยว่าถ้าคุณต้องการจะเร่งกระบวนการเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น
อย่างน้อยก็ควรจะยกดัมบ์เบลหรือดึงแถบยางต้านแรงอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง
เพียงเท่านี้มันก็ช่วยได้มากเลยในการเร่งกระบวนการเผาผลาญ และข่าวดีก็คือระบบเผาผลาญของคุณที่ดีขึ้นนี้
จะยังคงทำงานหนักไปได้อีกหลายชั่วโมงทีเดียว ภายหลังจากออกกำลังมาแล้ว
:: เคลื่อนไหวอยู่เสมอ ::

ถ้าบอกว่าต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ใครๆก็รู้ แต่ก็ต้องย้ำกันไว้สักหน่อยล่ะว่าคุณควรจะเคลื่อนไหวแบบไม่ธรรมดา
ด้วยการหาเวลาให้ได้สัก 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง เพื่อมาเดินเร็วๆ, วิ่งจ็อกกิง, ปั่นจักรยาน,
ว่ายน้ำหรือออกกำลังกายแบบ แอโรบิกบางอย่าง ให้ได้ความถี่อาทิตย์ละ 3 ถึง 4 ครั้ง เรื่องนี้ลีเบอร์แมนคนเดิมบอกว่า
ใครๆต่างก็ไม่ชอบทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่มันก็จำเป็นต้องทำค่ะ
:: กินเป็นปกติ อย่าได้อดอาหารเป็นอันขาด ::

ลดน้ำหนักได้แต่อย่าอดอาหาร ฟังดูอาจจะเพี้ยนๆหน่อยสำหรับใครก็ตามที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการกินให้น้อยๆ เข้าไว้
แต่ความคิดแบบเก่าๆนี้กลับเป็นปัญหา ตรงที่ว่ามันกลับไปทำให้กระบวนการเผาผลาญทำงานได้ช้าลง
ตามคำอธิบายของจูลี เบเยอร์ นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งกล่าวว่า
ทุกๆเซลในร่างกายเราก็ไม่ ต่างอะไรจากหลอดไฟ เมื่อเรากินอาหารไม่เพียงพอ หรือเปรียบกับได้รับเชื้อเพลิงน้อย
เซลหรือไส้หลอดก็จะไม่เผาไหม้สว่างไสว ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆห่างกัน
สามถึงสี่ชั่วโมงต่อมื้อ ก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี และช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย
:: ละเว้นน้ำตาล ::

แน่ล่ะ แม้จะไม่มีน้ำตาล คุณก็ยังเลือกกินอาหารอร่อยๆได้
เพราะเมื่อใดที่คุณกินน้ำตาลเข้าไป นั่นคือระบบการเผาผลาญจะถูกเปลี่ยนไปเป็นระบบเก็บกักไขมันอย่างรวดเร็ว
ตามที่ลีเบอร์แมนพูด ในเมื่อเธอเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องการบริโภคอาหารน้ำตาลต่ำ
ด้วยหลักความคิดว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปตามปกตินี้
แม้ไม่มีน้ำตาล มันก็แตกตัวออกเพื่อช่วยรักษาระดับนำตาลในเลือดอยู่แล้ว
:: ไม่อดอาหารเช้า ::

เป็นความจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงเท่าไหร่เลยว่า คนที่กินอาหารเช้าที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำ
มักจะสะโอดสะองกว่าพวกที่ไม่กิน ลองคิดแบบนอกกะลากันดูหน่อยเป็นไร
ถ้าหากคุณจะกินอาหารเช้าที่เป็นสลัดผักหรือว่าข้าวซ้อมมือ
อาหารแบบนี้แหละที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ทั้งยังมีเส้นใยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่นด้วย
:: กินเผ็ดเข้าไว้ ::

คงไม่ต้องถึงกับควันออกหู แต่ถ้าคุณชอบอาหารไทยอยู่แล้วก็ย่อมถือว่าเดินมาถูกทาง
แม้แต่ลีเบอร์แมนเองก็ยังพูดเลยว่าอาหารเผ็ดๆนี่แหละ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญดีนัก
ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูเถอะว่าใครบ้างในวงข้าวของคุณ ที่กินเผ็ดแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆ
นั่นแหละกระบวนการเผาผลาญของเขากำลังทำงานอย่างหนักอยู่
:: ดื่มชาเขียว ::

มิแชลล์ สเตรฟ ผู้ฝึกซ้อมกีฬาจากเนบราสกาให้ความเห็นว่า
มีวิธีค่อนข้างทำลายสุขภาพตั้ง หลายอย่างที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ อย่างการดื่มกาแฟแก่ๆสักแก้ว
หรือการรับนิโคตินเข้าร่างกาย แต่ดิฉันไม่ได้บอกว่าคุณต้องสูบบุหรี่นะ
แต่ลีเบอร์แมนเองก็ให้คำแนะนำที่น่าสนใจในเรื่องนี้เช่นกันว่า แทนที่จะดื่มเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนมากๆ
แล้วต้องพบกับผลข้างเคียงค่อนข้าง อันตราย ก็น่าจะใช้ชาเขียวร้อนแทน ซึ่งชาเขียว
ที่ว่านี้จะกระตุ้นระบบเผาผลาญได้นานกว่าและมีประสิทธิภาพ มากกว่ากาแฟเสียอีก
:: อย่าลืมดื่มน้ำ ::

อย่าได้ละเลยการดื่มน้ำเป็นอันขาด การดื่มน้ำอยู่เป็นประจำนี้สำคัญมาก
กับการขับของเสียออกจากร่างกายในระหว่าง การเผาผลาญไขมัน แม้น้ำเย็นก็ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เล็กน้อย
เนื่องจากร่างกายจะใช้ความร้อนมาเพื่อทำให้อบอุ่นขึ้น แล้วมันจะมาจากไหนล่ะ
ถ้าไม่ใช่ระบบการเผาผลาญแล้วได้ความร้อนเป็นผลพลอยได้
:: หลีกเลี่ยงความเครียด ::

จงอยู่ให้ห่างความเครียดให้มากที่สุด ตามที่ลีเบอร์แมนพูดคือ
เพราะความเครียดสามารถเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้ โดยเฉพาะไขมันตรงหน้าท้อง
ทำไมคุณลีเบอร์แมนถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะทั้งความเครียดทางกายและจิตใจมันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติโซลออกมาน่ะสิ
และเพราะเจ้าคอร์ติโซลนี่มันมีอำนาจชลอกระบวนการเผาผลาญให้ช้าลงด้วย
เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เครียดหรือเครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
:: นอนหลับมาก ๆ ::

นักวิทยาศาสตร์ได้ทำวิจัยมาแล้วหลายครั้งในหมู่ผู้นอนหลับ
พบว่าใครก็ตามที่นอนน้อยกว่าวันละเจ็ดหรือแปดชั่วโมงจะมีโอกาสน้ำหนักขึ้น ได้มาก
ยิ่งกว่านั้นเราก็รู้ด้วยว่ากล้ามเนื้อจะถูกเสริมสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยในช่วง ชั่วโมงท้ายของการนอนก่อนจะตื่น
ตามคำกล่าวอ้างของเบเยอร์ ถ้าจะทำตามข้อแนะนำข้อที่ 1 ไปพร้อมๆกับข้อนี้ด้วย
ก็จะช่วยได้มากในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
ทั้งหมดนี้เราได้มาจากข้อความ ของคุณซูแซน วูดเวอร์ด ซึ่งปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในเมืองโอลิมเปีย รัฐวอชิงตัน
เป็นคอลัมนิสต์เกี่ยวกับสุขภาพและวัฒนธรรมในนิตยสารหลายเล่ม
รวมทั้งอเมซอน โพรมิส องค์กรเพื่อสุขภาพไม่หวังผลกำไร และมีบทความลงในนิตยสารลอส แอนเจลิส ไทม์สด้วย
ไหนๆเมื่อพูดถึงวิธีเร่งกระบวนการเผาผลาญแล้ว ก็น่าจะมาว่ากันต่อเสียเลยกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน
คือเรื่องของความเชื่อและความจริง 10 ประการ เกี่ยวกับการลดน้ำหนักตัว

Credit :: metukyang
_________________

BETTER SORE THAN SORRY...