
http://hysteriaculture.wordpress.com
hysteria
สุสานนักเรียน ตอนที่2 สุภาพสตรีชุดขาวกับการจองจำมรณะบนชั้น8
บทความ/นิยา่ยในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์ (http://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ
ฮโยมินวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตลงจากอาคารเรียนสู่ลานหน้าเสาธงอันเคว้งคว้างและเงียบสงัด เธอรู้สึกผิดที่ทิ้งเพื่อนทั้งสองคนให้เผชิญหน้ากับเรื่องน่ากลัวด้านบนแต่ก็อดที่จะเอาชนะความหวาดกลัวของตัวเองไม่ได้ เด็กสาววิ่งชนร่างๆหนึ่งในความมืดอย่างจังก่อนที่เธอจะหงายหลังล้มลงพลางดีดดิ้นกรีดร้องด้วยความเสียขวัญ ไม่เป็นไรๆลืมตาขึ้นก่อนฮโยมิน นี่ลุงโก๋เอง ลุงโก๋พ่อบ้านคนเก่าคนแก่ของโรงเรียนเขย่าตัวเด็กสาวเพื่อเรียกสติ
และแล้วพวกเราก็มาถึงชั้น8นะครับ ฮาเวิร์ดหันมากระซิบกับกล้อง จากมุมตรงบันไดนี้เพื่อนๆจะเห็นทางหน้าระเบียงว่างโล่งตรงที่กล้องกำลังจับอยู่นะครับ บริเวณนั้นเป็นจุดที่หลายๆคนนะครับเห็นวิญญาณของผู้หญิงชุดขาวที่ยืนมองพวกเขาลงไปจากจุดนี้เป็นประจำ ฮาเวิร์ดพูดอธิบายในขณะที่บรูโน่กำลังนำกล้องแอบจับภาพบริเวณนั้นด้วยใจจดจ่อ ชั้น8ตรงโซนกลางที่เรากำลังจับภาพอยู่นี่เป็นบริเวณเดียวในเซนต์มาบุสนะครับที่ไม่ได้ใช้ในการทำการเรียนการสอนใดๆ จะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์รึก็เปล่าซึ่งทางปีกซ้ายนะครับจะเป็นห้องเรียนดนตรีขนาดใหญ่ในขณะที่ด้านปีกขวาเป็นห้องโสตทัศนศึกษาแต่บริเวณตรงกลางนี้เท่าที่ผมจำได้เป็นห้องเรียนร้างนะครับเพราะเคยแอบขึ้นมาเห็นว่ามีกระดานดำเก่าๆอยู่ แอนดี้รู้สึกหนาวๆร้อนๆพลางเสียวสันหลังวูบนี่เป็นครั้งแรกที่จิตสำนึกของเขากำลังตักเตือนเขาอย่างหนักว่าสิ่งที่ทำอยู่มันช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้าเรื่องเอาซะเลยจริงๆ
ฮโยมินเป็นอะไร บอกลุงโก๋มาสิ? แล้วดึกดื่นป่านนี้มัวมาทำอะไรอยู่ทำไมไม่กลับบ้าน?! เด็กสาวอึกอักพลางหลบสายตาที่เฉียบคมของพ่อบ้านเฒ่าที่ในความอ่อนโยนดูใจดีนั้นแฝงความดุดันและเยือกเย็นจนเธอขนลุก คงขึ้นไปลองดีกันอีกแล้วสินะ ทีนี้มีใครบ้างล่ะ? บอกลุงมาไม่งั้นลุงคงต้องรายงานมิสมาลินนะ! ลุงโก๋คาดคั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งทำเอาเด็กสาวต้องยอมเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดวันนี้
ฟารีดาๆมันไปแล้ว ดีไซน์เขย่าตัวฟารีดาที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในอาการกึ่งหมดสติ ฟารีดาลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความหวาดผวาเธอเอามือจับบริเวณไหล่ที่เด็กทารกคนนั้นมาเขย่ามันยังคงร้อนผ่าวประดุจถูกเหล็กร้อนๆนาบ เด็กสาวทั้งสองคนค่อยๆช่วยกันผยุงตัวลุกขึ้นยืน ยัยฮโยมินนี่เห็นแก่ตัวมากเลยนะ ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะฟารีดาที่ยังอุตส่าห์ช่วยฉัน ดีไซน์ส่ายหน้าด้วยความผิดหวังที่เพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้นกลับมาทิ้งเธอในวันนี้ได้ลงคอทั้งๆที่ทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย อย่าไปว่าเขาเลย บางทีคนเราเวลากลัวน่ะมันห้ามกันไม่ได้หรอก สิ้นประโยคของฟารีดาเด็กสาวทั้งสองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงสวดสรรเสริญพระเจ้าที่ดูอ้างว้าง เยือกเย็นและสลดหดหู่แทบขาดใจผิดกับความอบอุ่นเปี่ยมสุขเหมือนที่พวกเธอเคยได้ยินกันตอนพิธีมิสซาในโบสถ์ เรารีบไปกันดีกว่า ฉันกลัวอ่ะ!!! ดีไซน์เข้ามาเกาะแขนฟารีดาไว้แน่น ดีไซน์เดี๋ยวเธอลงไปก่อนเลยนะอีกชั้นเดียวเองคงไม่มีอะไรหรอก คำพูดของฟารีดาทำเอาดีไซน์เบิกตาโพลง เธอพูดอะไรของเธอน่ะ?!!! แล้วเธอจะไปไหน? ดีไซน์เขย่าตัวฟารีดาราวกับว่าเธอบ้าไปแล้ว เธอได้ยินที่เด็กทารกคนนั้นพูดใช่มั้ย? ฉันว่าบางทีพวกนี้ที่เขามาปรากฏตัวให้เห็นเพราะเขาต้องการจะบอกอะไรพวกเราสักอย่างน่ะ ฉันเคยโดนผีเข้าเลยคิดว่าบางทีเราอาจจะช่วยเขาได้ ดีไซน์ยืนมองหน้าฟารีดาพลางชั่งใจสักระยะ งั้นฉันไปด้วย ยังไงถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ยังช่วยกันได้
ฮาเวิร์ด,บรูโน่และแอนดี้ยืนแอบถ่ายบริเวณโซนกลางของชั้น8ที่ยังคงดูเงียบสงบปกติสุขราวเกือบๆจะ20นาที Shit!!! ทำไมไม่มาสักทีวะ? ฮาเวิร์ดเดินออกจากที่ซ่อนตรงมุมบันไดขึ้นมาบริเวณที่ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นยืนมองแอนดี้ประจำโดยที่บรูโน่และแอนดี้รีบเดินตามไปติดๆ ตรงบริเวณนี้เมื่อเดินมาใกล้ๆกับสวยงามกว่าที่แอนดี้คาดคิดด้วยการตกแต่งสไตล์ย้อนยุคผสมผสานเครื่องเรือนไทยเข้ากับเฟอร์นิเจอร์วินเทจของตะวันตกได้อย่างลงตัว ทำให้เขานึกถึงบ้านผู้ดีตระกูลเก่าแก่ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไทยที่ฉายทางเคเบิ้ลทีวี Dude มึงถ่ายไปด้านล่างเด่ะ! ฮาเวิร์ดสั่งบรูโน่ให้ถ่ายภาพลงไปจากชั้น8 จากจุดนี้นะครับเป็นบริเวณที่เรามักจะเห็นวิญญาณของผู้หญิงในชุดขาวยืนอยู่ ฉิบหายละ!!! ฮาเวิร์ดสบถดังลั่นก่อนจะรีบกดตัวบรูโน่กับแอนดี้ลง เชี่ยอะไรของมึงกันวะ?!!! บรูโน่ท้วงอย่างหยาบคายเพราะเขาเกือบทำกล้องหลุดมือ ไอ้สัตว์มึงไปตัดแว่นได้แล้วไป ไม่เห็นเหรอว่าฮโยมินยืนคุยกับลุงโก๋อยู่ งานเข้าแน่ๆเลยมึงถ้ามิสมาลินรู้เรื่องเข้า แต่แล้วฮาเวิร์ดก็เงียบเสียงลงเมื่อมีเสียงคล้ายๆคนเดินลากสิ่งของหนักๆจากห้องด้านหลัง เด็กหนุ่มทั้งสามกลั้นหายใจก่อนจะหันหลังกลับไปมองก่อนที่จะอ้าปากค้างเมื่อทั้งโซ่และกลอนประตูที่ล็อคห้องนั้นไว้อย่างแน่นหนาค่อยๆคลายตัวออกช้าๆจนร่วงหล่นมากองที่พื้นพร้อมกับประตูไม้เก่าๆผุๆที่ค่อยๆเปิดออกเป็นสัญญาณของสิ่งลี้ลับด้านในที่เต็มใจเชิญชวนผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญทั้งสาม
ฟารีดาประคองดีไซน์ดียังคงเดินขากะเผลกตามเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่โหยหวนเยือกเย็นนั่นไปตามทางเดินปีกซ้ายของอาคารเรียนชั้นสองที่เคว้งคว้างชวนขนหัวลุก การตกแต่งอันสวยงามชวนตกตะลึงของเซนต์มาบุสในยามวิกาลนั้นช่างแลดูไม่เป็นมิตรกับพวกเธอเอาเสียเลย รูปปั้นและภาพวาดนักบุญต่างๆที่ทั้งคู่เดินผ่านดูเหมือนกับว่ากำลังจ้องมองเด็กสาวทั้งสองชนิดไม่วางตา ฟารีดา!!! ดีไซน์ชี้ไปที่ภาพของชุดคลุมด้านหน้าที่ค่อยๆหันกลับมาแสยะยิ้มให้พวกเธอด้วยรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม อำมหิตและดูสยองขวัญก่อนจะอันตรธานหายเข้าไปในอุโมงค์อันมืดสนิทอันเป็นทางเชื่อมกับโบสถ์ของโรงเรียน ฟารีดาหันไปมองหน้าดีไซน์ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเดินตามไป
แอนดี้แทบจะหยุดหายใจเมื่อภาพหลังบานประตูปรากฏโซ่ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆไหลผ่านบนพื้นไปต่อหน้าต่อตาเขาประหนึ่งว่ามีคนกำลังเดินลากมันอยู่ในห้อง ฮาเวิร์ด ไอ้สัตว์กูไม่ตลกกับมึงแล้วนะ มึงจัดฉากกับใครรึเปล่าเนี่ย?! บรูโน่ยืนตัวสั่นเทิ้ม ไอ้เชี่ย! ชมรมเราก็มีพวกเราแค่4คนกูจะไปจัดฉากกับใคร มึงอย่าป๊อดน่า! ถ่ายไปๆ!!! เขาหันไปตวาดบรูโน่ด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังไม่มิดเช่นกันว่ากลัวจับใจ Lets go Andy!!! ฮาเวิร์ดดึงตัวแอนดี้ขึ้นมา เขาค่อยๆเข็นไหล่เด็กหนุ่มจากทางด้านหลังให้เดินนำเข้าไปในห้อง
ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องเรียนเก่าที่ฝุ่นคลุ้งและเหม็นอับราวกับว่ามันถูกปิดตายมาเป็นเวลาร่วมสิบๆปี สวัสดีครับเมื่อกี้มีใครอยู่ในห้องรึเปล่าครับ? ฮาเวิร์ดตะโกนในขณะที่บรูโน่ที่กำลังเกาะอยู่ด้านหลังของพวกเขาแจก็กำลังหมุนตัวเก็บรรยากาศรอบๆด้านตามไฟฉายที่ฮาเวิร์ดส่องไป ทั้งสามเดินเข้ามาถึงกลางห้องเรียนทั้งหมดตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนเท้าอยู่ด้านหลัง Catch Ya!!! ฮาเวิร์ดหันเอาไฟฉายไปส่องด้านหลังหากแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า งามแสงเดือน มาเยือนส่องหล้า งามใบหน้า มาสู่วงรำ เสียงร้องเพลงไทยเดิมที่ไพเราะแต่เย็นยะเยือกปลิดขั้วหัวใจดังขึ้นด้านหลัง ทั้งสามค่อยๆหันมาก่อนจะผงะเมื่อไฟฉายของฮาเวิร์ดส่องกระทบกับภาพผู้หญิงในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระดานดำใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยองตาซ้ายของเธอกลอกไปมาในขณะที่ซีกหน้าด้านขวานั้นยุบลงเหมือนกับถูกของแข็งตีอย่างแรง แอนดี้ล้มลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้าในขณะเดียวกันกับบรูโน่ที่กลัวจนถึงขีดสุดกำลังยืนฉี่ราดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ พวกมึงมากันทำไม? พวกมึงรู้มั้ยว่าผัวกูเป็นนายพล?!!! เธอพึมพำซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะค่อยๆเดินย่างสามขุมลากโซ่ตรวนที่ปลายเท้าตรงมายังพวกเขา
บรูโน่และฮาเวิร์ดต่างหันหลังและวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตหากแต่แอนดี้กลับรู้สึกเหมือนกับมีพลังอะไรบางอย่างมากดแขนขาเขาไว้แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบังคับตัวเองให้ยืนขึ้นแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่ขยับเขยือน เด็กหนุ่มร้องลั่นเมื่อร่างในชุดขาวนั้นมายืนตรงปลายเท้าของเขา แอนดี้มองลึกเข้าไปในนัยน์ตาอันกราดเกรี้ยวประดุจสุมไว้ด้วยเพลิงแค้นของเธอก่อนที่จะค่อยๆล้มชักกับพื้น เขารู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนกับว่ากำลังถูกเชือกรัดคออย่างแรงจนขาดอากาศหายใจในภวังค์ของเขาเห็นภาพของหญิงสูงอายุคนหนึ่งในชุดผ้าไหมสีแดงงามระยับ ผมดัดเป็นลอนดูหรูหรา กิริยาท่าทางของเธอดูสูงศักดิ์และข่มขวัญทุกคนที่พบเห็นชนิดที่แม้แต่ท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่งของสากุลวดียังเทียบไม่ได้แม้แต่ครึ่งช่วงตัวของเธอ พวกมึงมาทำอะไร? พวกมึงรู้มั้ยว่ากูเป็นเมียนายพล?!!! เธอแผดเสียงใส่ชายสองคนด้วยความถือดีก่อนที่หนึ่งในนั้นจะคว้าเชือกตรงไปรัดคอของเธอ ดูสิว่าผัวนายพลของมึงจะช่วยอะไรมึงได้มั้ย? ชายคนที่รัดขอเธอหัวเราะดังลั่นก่อนที่เสียงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนเมื่อเธอคว้ามีดปอกผลไม้บนโต๊ะทำงานปาดไปที่มือของเขา หญิงคนนั้นหลุดจากพันธนาการก่อนจะหันไปเอามีดปาดซ้ำเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์ ฤทธิ์มากนักนะอีบุปผารัตน์!!! ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนสังเกตุการณ์คว้าค้อนเหล็กขนาดใหญ่ฟาดเข้าไปที่ศรีษะด้านขวาของเธออย่างแรงก่อนจะกระหน่ำทุบซ้ำเข้าไปอย่างไม่ยั้งจนผู้หญิงคนนั้นชักดิ้นชักงอ มือที่หดเกร็งด้วยความเจ็บปวดคลายออกและแน่นิ่งไปในที่สุด บุปผารัตน์นอนสิ้นใจจมเลือดสีแดงฉานที่ไหลนองแทบเท้าฆาตรโฉดทั้งสอง
แอนดี้ๆ แอนดี้สะดุ้งขึ้นมาจากภวังค์เขามองร่างๆหนึ่งที่กำลังเขย่าตัวเขาอยู่ เราเห็นสองคนนั้นวิ่งลงไปที่สนามแต่ไม่เห็นนายเลยรีบขึ้นมาดู ไม่เป็นไรใช่มั้ย? แอนดี้โผเข้ากอดคิรินทร์ด้วยความโล่งใจเขาไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตทีเดียว ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปส่งนะรีบไปกันดีกว่า คิรินทร์เช็ดน้ำตาให้แอนดี้ก่อนจะพยุงเด็กหนุ่มลุกขึ้น ทั้งคู่เดินออกจากห้องเรียนเก่านั้นไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเหลียวกลับมามองเสียงของโซ่ตรวนที่เริ่มลากไปมาในห้องอีกครั้ง
ฟารีดากับดีไซน์เดินมาจนสุดปลายอุโมงค์ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในตัวโบสถ์ที่บรรยากาศด้านในช่วยบรรเทาความหวาดกลัวของทั้งสองได้อย่างดี กลิ่นกำยานหอมที่ตลบอบอวน แสงไฟที่ดูสวยงามอบอุ่นและไม้กางเขนพระเยซูคริสต์ทำเอาฟารีดาและดีไซน์รู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องราวทั้งหมดชนิดบอกไม่ถูก ฉันนอนที่นี่ได้เลยนะคืนนี้ ดีไซน์ทิ้งตัวลงบนม้านั่งยาวด้านข้างก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงระฆังด้านบนดังขึ้น ดึกป่านนี้ใครยังบ้ามาตีระฆังอีกเนี่ย?!!! เธอกับฟารีดาสบตากันอย่างไม่ค่อยสู้ดี