˹���á Forward Magazine

ตอบ

สุสานนักเรียน ตอนที่2 (6+7)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ สุสานนักเรียน ตอนที่2 (6+7) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

hysteria

สุสานนักเรียน ตอนที่2 สุภาพสตรีชุดขาวกับการจองจำมรณะบนชั้น8

บทความ/นิยา่ยในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (http://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

ฮโยมินวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตลงจากอาคารเรียนสู่ลานหน้าเสาธงอันเคว้งคว้างและเงียบสงัด เธอรู้สึกผิดที่ทิ้งเพื่อนทั้งสองคนให้เผชิญหน้ากับเรื่องน่ากลัวด้านบนแต่ก็อดที่จะเอาชนะความหวาดกลัวของตัวเองไม่ได้ เด็กสาววิ่งชนร่างๆหนึ่งในความมืดอย่างจังก่อนที่เธอจะหงายหลังล้มลงพลางดีดดิ้นกรีดร้องด้วยความเสียขวัญ “ไม่เป็นไรๆลืมตาขึ้นก่อนฮโยมิน นี่ลุงโก๋เอง” ลุงโก๋พ่อบ้านคนเก่าคนแก่ของโรงเรียนเขย่าตัวเด็กสาวเพื่อเรียกสติ

“และแล้วพวกเราก็มาถึงชั้น8นะครับ” ฮาเวิร์ดหันมากระซิบกับกล้อง “จากมุมตรงบันไดนี้เพื่อนๆจะเห็นทางหน้าระเบียงว่างโล่งตรงที่กล้องกำลังจับอยู่นะครับ บริเวณนั้นเป็นจุดที่หลายๆคนนะครับเห็นวิญญาณของผู้หญิงชุดขาวที่ยืนมองพวกเขาลงไปจากจุดนี้เป็นประจำ” ฮาเวิร์ดพูดอธิบายในขณะที่บรูโน่กำลังนำกล้องแอบจับภาพบริเวณนั้นด้วยใจจดจ่อ “ชั้น8ตรงโซนกลางที่เรากำลังจับภาพอยู่นี่เป็นบริเวณเดียวในเซนต์มาบุสนะครับที่ไม่ได้ใช้ในการทำการเรียนการสอนใดๆ จะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์รึก็เปล่าซึ่งทางปีกซ้ายนะครับจะเป็นห้องเรียนดนตรีขนาดใหญ่ในขณะที่ด้านปีกขวาเป็นห้องโสตทัศนศึกษาแต่บริเวณตรงกลางนี้เท่าที่ผมจำได้เป็นห้องเรียนร้างนะครับเพราะเคยแอบขึ้นมาเห็นว่ามีกระดานดำเก่าๆอยู่” แอนดี้รู้สึกหนาวๆร้อนๆพลางเสียวสันหลังวูบนี่เป็นครั้งแรกที่จิตสำนึกของเขากำลังตักเตือนเขาอย่างหนักว่าสิ่งที่ทำอยู่มันช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้าเรื่องเอาซะเลยจริงๆ

“ฮโยมินเป็นอะไร บอกลุงโก๋มาสิ? แล้วดึกดื่นป่านนี้มัวมาทำอะไรอยู่ทำไมไม่กลับบ้าน?!” เด็กสาวอึกอักพลางหลบสายตาที่เฉียบคมของพ่อบ้านเฒ่าที่ในความอ่อนโยนดูใจดีนั้นแฝงความดุดันและเยือกเย็นจนเธอขนลุก “คงขึ้นไปลองดีกันอีกแล้วสินะ ทีนี้มีใครบ้างล่ะ? บอกลุงมาไม่งั้นลุงคงต้องรายงานมิสมาลินนะ!” ลุงโก๋คาดคั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งทำเอาเด็กสาวต้องยอมเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดวันนี้

“ฟารีดาๆมันไปแล้ว” ดีไซน์เขย่าตัวฟารีดาที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในอาการกึ่งหมดสติ ฟารีดาลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความหวาดผวาเธอเอามือจับบริเวณไหล่ที่เด็กทารกคนนั้นมาเขย่ามันยังคงร้อนผ่าวประดุจถูกเหล็กร้อนๆนาบ เด็กสาวทั้งสองคนค่อยๆช่วยกันผยุงตัวลุกขึ้นยืน “ยัยฮโยมินนี่เห็นแก่ตัวมากเลยนะ ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะฟารีดาที่ยังอุตส่าห์ช่วยฉัน” ดีไซน์ส่ายหน้าด้วยความผิดหวังที่เพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้นกลับมาทิ้งเธอในวันนี้ได้ลงคอทั้งๆที่ทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย “อย่าไปว่าเขาเลย บางทีคนเราเวลากลัวน่ะมันห้ามกันไม่ได้หรอก” สิ้นประโยคของฟารีดาเด็กสาวทั้งสองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงสวดสรรเสริญพระเจ้าที่ดูอ้างว้าง เยือกเย็นและสลดหดหู่แทบขาดใจผิดกับความอบอุ่นเปี่ยมสุขเหมือนที่พวกเธอเคยได้ยินกันตอนพิธีมิสซาในโบสถ์ “เรารีบไปกันดีกว่า ฉันกลัวอ่ะ!!!” ดีไซน์เข้ามาเกาะแขนฟารีดาไว้แน่น “ดีไซน์เดี๋ยวเธอลงไปก่อนเลยนะอีกชั้นเดียวเองคงไม่มีอะไรหรอก” คำพูดของฟารีดาทำเอาดีไซน์เบิกตาโพลง “เธอพูดอะไรของเธอน่ะ?!!! แล้วเธอจะไปไหน?” ดีไซน์เขย่าตัวฟารีดาราวกับว่าเธอบ้าไปแล้ว “เธอได้ยินที่เด็กทารกคนนั้นพูดใช่มั้ย? ฉันว่าบางทีพวกนี้ที่เขามาปรากฏตัวให้เห็นเพราะเขาต้องการจะบอกอะไรพวกเราสักอย่างน่ะ ฉันเคยโดนผีเข้าเลยคิดว่าบางทีเราอาจจะช่วยเขาได้” ดีไซน์ยืนมองหน้าฟารีดาพลางชั่งใจสักระยะ “งั้นฉันไปด้วย ยังไงถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ยังช่วยกันได้”

ฮาเวิร์ด,บรูโน่และแอนดี้ยืนแอบถ่ายบริเวณโซนกลางของชั้น8ที่ยังคงดูเงียบสงบปกติสุขราวเกือบๆจะ20นาที “Shit!!! ทำไมไม่มาสักทีวะ?” ฮาเวิร์ดเดินออกจากที่ซ่อนตรงมุมบันไดขึ้นมาบริเวณที่ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นยืนมองแอนดี้ประจำโดยที่บรูโน่และแอนดี้รีบเดินตามไปติดๆ ตรงบริเวณนี้เมื่อเดินมาใกล้ๆกับสวยงามกว่าที่แอนดี้คาดคิดด้วยการตกแต่งสไตล์ย้อนยุคผสมผสานเครื่องเรือนไทยเข้ากับเฟอร์นิเจอร์วินเทจของตะวันตกได้อย่างลงตัว ทำให้เขานึกถึงบ้านผู้ดีตระกูลเก่าแก่ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไทยที่ฉายทางเคเบิ้ลทีวี “Dude มึงถ่ายไปด้านล่างเด่ะ!” ฮาเวิร์ดสั่งบรูโน่ให้ถ่ายภาพลงไปจากชั้น8 “จากจุดนี้นะครับเป็นบริเวณที่เรามักจะเห็นวิญญาณของผู้หญิงในชุดขาวยืนอยู่ ฉิบหายละ!!!” ฮาเวิร์ดสบถดังลั่นก่อนจะรีบกดตัวบรูโน่กับแอนดี้ลง “เชี่ยอะไรของมึงกันวะ?!!!” บรูโน่ท้วงอย่างหยาบคายเพราะเขาเกือบทำกล้องหลุดมือ “ไอ้สัตว์มึงไปตัดแว่นได้แล้วไป ไม่เห็นเหรอว่าฮโยมินยืนคุยกับลุงโก๋อยู่ งานเข้าแน่ๆเลยมึงถ้ามิสมาลินรู้เรื่องเข้า” แต่แล้วฮาเวิร์ดก็เงียบเสียงลงเมื่อมีเสียงคล้ายๆคนเดินลากสิ่งของหนักๆจากห้องด้านหลัง เด็กหนุ่มทั้งสามกลั้นหายใจก่อนจะหันหลังกลับไปมองก่อนที่จะอ้าปากค้างเมื่อทั้งโซ่และกลอนประตูที่ล็อคห้องนั้นไว้อย่างแน่นหนาค่อยๆคลายตัวออกช้าๆจนร่วงหล่นมากองที่พื้นพร้อมกับประตูไม้เก่าๆผุๆที่ค่อยๆเปิดออกเป็นสัญญาณของสิ่งลี้ลับด้านในที่เต็มใจเชิญชวนผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญทั้งสาม

ฟารีดาประคองดีไซน์ดียังคงเดินขากะเผลกตามเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่โหยหวนเยือกเย็นนั่นไปตามทางเดินปีกซ้ายของอาคารเรียนชั้นสองที่เคว้งคว้างชวนขนหัวลุก การตกแต่งอันสวยงามชวนตกตะลึงของเซนต์มาบุสในยามวิกาลนั้นช่างแลดูไม่เป็นมิตรกับพวกเธอเอาเสียเลย รูปปั้นและภาพวาดนักบุญต่างๆที่ทั้งคู่เดินผ่านดูเหมือนกับว่ากำลังจ้องมองเด็กสาวทั้งสองชนิดไม่วางตา “ฟารีดา!!!” ดีไซน์ชี้ไปที่ภาพของชุดคลุมด้านหน้าที่ค่อยๆหันกลับมาแสยะยิ้มให้พวกเธอด้วยรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม อำมหิตและดูสยองขวัญก่อนจะอันตรธานหายเข้าไปในอุโมงค์อันมืดสนิทอันเป็นทางเชื่อมกับโบสถ์ของโรงเรียน ฟารีดาหันไปมองหน้าดีไซน์ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเดินตามไป

แอนดี้แทบจะหยุดหายใจเมื่อภาพหลังบานประตูปรากฏโซ่ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆไหลผ่านบนพื้นไปต่อหน้าต่อตาเขาประหนึ่งว่ามีคนกำลังเดินลากมันอยู่ในห้อง “ฮาเวิร์ด ไอ้สัตว์กูไม่ตลกกับมึงแล้วนะ มึงจัดฉากกับใครรึเปล่าเนี่ย?!” บรูโน่ยืนตัวสั่นเทิ้ม “ไอ้เชี่ย! ชมรมเราก็มีพวกเราแค่4คนกูจะไปจัดฉากกับใคร มึงอย่าป๊อดน่า! ถ่ายไปๆ!!!” เขาหันไปตวาดบรูโน่ด้วยน้ำเสียงที่ปิดบังไม่มิดเช่นกันว่ากลัวจับใจ “Let’s go Andy!!!” ฮาเวิร์ดดึงตัวแอนดี้ขึ้นมา เขาค่อยๆเข็นไหล่เด็กหนุ่มจากทางด้านหลังให้เดินนำเข้าไปในห้อง

ทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องเรียนเก่าที่ฝุ่นคลุ้งและเหม็นอับราวกับว่ามันถูกปิดตายมาเป็นเวลาร่วมสิบๆปี “สวัสดีครับเมื่อกี้มีใครอยู่ในห้องรึเปล่าครับ?” ฮาเวิร์ดตะโกนในขณะที่บรูโน่ที่กำลังเกาะอยู่ด้านหลังของพวกเขาแจก็กำลังหมุนตัวเก็บรรยากาศรอบๆด้านตามไฟฉายที่ฮาเวิร์ดส่องไป ทั้งสามเดินเข้ามาถึงกลางห้องเรียนทั้งหมดตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนเท้าอยู่ด้านหลัง “Catch Ya!!!” ฮาเวิร์ดหันเอาไฟฉายไปส่องด้านหลังหากแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า “งามแสงเดือน…มาเยือนส่องหล้า… งามใบหน้า…มาสู่วงรำ” เสียงร้องเพลงไทยเดิมที่ไพเราะแต่เย็นยะเยือกปลิดขั้วหัวใจดังขึ้นด้านหลัง ทั้งสามค่อยๆหันมาก่อนจะผงะเมื่อไฟฉายของฮาเวิร์ดส่องกระทบกับภาพผู้หญิงในชุดขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระดานดำใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยองตาซ้ายของเธอกลอกไปมาในขณะที่ซีกหน้าด้านขวานั้นยุบลงเหมือนกับถูกของแข็งตีอย่างแรง แอนดี้ล้มลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้าในขณะเดียวกันกับบรูโน่ที่กลัวจนถึงขีดสุดกำลังยืนฉี่ราดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “พวกมึงมากันทำไม? พวกมึงรู้มั้ยว่าผัวกูเป็นนายพล?!!!” เธอพึมพำซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะค่อยๆเดินย่างสามขุมลากโซ่ตรวนที่ปลายเท้าตรงมายังพวกเขา

บรูโน่และฮาเวิร์ดต่างหันหลังและวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตหากแต่แอนดี้กลับรู้สึกเหมือนกับมีพลังอะไรบางอย่างมากดแขนขาเขาไว้แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบังคับตัวเองให้ยืนขึ้นแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่ขยับเขยือน เด็กหนุ่มร้องลั่นเมื่อร่างในชุดขาวนั้นมายืนตรงปลายเท้าของเขา แอนดี้มองลึกเข้าไปในนัยน์ตาอันกราดเกรี้ยวประดุจสุมไว้ด้วยเพลิงแค้นของเธอก่อนที่จะค่อยๆล้มชักกับพื้น เขารู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนกับว่ากำลังถูกเชือกรัดคออย่างแรงจนขาดอากาศหายใจในภวังค์ของเขาเห็นภาพของหญิงสูงอายุคนหนึ่งในชุดผ้าไหมสีแดงงามระยับ ผมดัดเป็นลอนดูหรูหรา กิริยาท่าทางของเธอดูสูงศักดิ์และข่มขวัญทุกคนที่พบเห็นชนิดที่แม้แต่ท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่งของสากุลวดียังเทียบไม่ได้แม้แต่ครึ่งช่วงตัวของเธอ “พวกมึงมาทำอะไร? พวกมึงรู้มั้ยว่ากูเป็นเมียนายพล?!!!” เธอแผดเสียงใส่ชายสองคนด้วยความถือดีก่อนที่หนึ่งในนั้นจะคว้าเชือกตรงไปรัดคอของเธอ “ดูสิว่าผัวนายพลของมึงจะช่วยอะไรมึงได้มั้ย?” ชายคนที่รัดขอเธอหัวเราะดังลั่นก่อนที่เสียงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนเมื่อเธอคว้ามีดปอกผลไม้บนโต๊ะทำงานปาดไปที่มือของเขา หญิงคนนั้นหลุดจากพันธนาการก่อนจะหันไปเอามีดปาดซ้ำเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์ “ฤทธิ์มากนักนะอีบุปผารัตน์!!!” ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนสังเกตุการณ์คว้าค้อนเหล็กขนาดใหญ่ฟาดเข้าไปที่ศรีษะด้านขวาของเธออย่างแรงก่อนจะกระหน่ำทุบซ้ำเข้าไปอย่างไม่ยั้งจนผู้หญิงคนนั้นชักดิ้นชักงอ มือที่หดเกร็งด้วยความเจ็บปวดคลายออกและแน่นิ่งไปในที่สุด บุปผารัตน์นอนสิ้นใจจมเลือดสีแดงฉานที่ไหลนองแทบเท้าฆาตรโฉดทั้งสอง

“แอนดี้ๆ” แอนดี้สะดุ้งขึ้นมาจากภวังค์เขามองร่างๆหนึ่งที่กำลังเขย่าตัวเขาอยู่ “เราเห็นสองคนนั้นวิ่งลงไปที่สนามแต่ไม่เห็นนายเลยรีบขึ้นมาดู ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” แอนดี้โผเข้ากอดคิรินทร์ด้วยความโล่งใจเขาไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตทีเดียว “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปส่งนะรีบไปกันดีกว่า” คิรินทร์เช็ดน้ำตาให้แอนดี้ก่อนจะพยุงเด็กหนุ่มลุกขึ้น ทั้งคู่เดินออกจากห้องเรียนเก่านั้นไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเหลียวกลับมามองเสียงของโซ่ตรวนที่เริ่มลากไปมาในห้องอีกครั้ง

ฟารีดากับดีไซน์เดินมาจนสุดปลายอุโมงค์ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในตัวโบสถ์ที่บรรยากาศด้านในช่วยบรรเทาความหวาดกลัวของทั้งสองได้อย่างดี กลิ่นกำยานหอมที่ตลบอบอวน แสงไฟที่ดูสวยงามอบอุ่นและไม้กางเขนพระเยซูคริสต์ทำเอาฟารีดาและดีไซน์รู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องราวทั้งหมดชนิดบอกไม่ถูก “ฉันนอนที่นี่ได้เลยนะคืนนี้” ดีไซน์ทิ้งตัวลงบนม้านั่งยาวด้านข้างก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงระฆังด้านบนดังขึ้น “ดึกป่านนี้ใครยังบ้ามาตีระฆังอีกเนี่ย?!!!” เธอกับฟารีดาสบตากันอย่างไม่ค่อยสู้ดี



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ฟารีดาค่อยๆประคองดีไซน์ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นหอคอยของโบสถ์ท่ามกล่างเสียงตีระฆังปริศนาที่ยังคงดังเหง่งหง่างไปตลอดทาง “แต่จริงๆห้องระฆังไม่มีใครขึ้นมาตั้งนานแล้วนี่!” ดีไซน์หายใจเข้าลึกๆเตรียมใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเธอเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีเสียเท่าไร “สวัสดีค่ะนั่นใครไม่ทราบคะ?” ฟารีดาที่พยุงดีไซน์เข้าไปที่หอระฆังตะโกนถาม ดีไซน์รีบเบือนหน้ามาซบฟารีดาเมื่อภาพของร่างๆหนึ่งที่ถูกผูกคอห้อยต่องแต่งอยู่ใต้ลูกระฆังปรากฏอยู่ตรงหน้าเช่นเดียวกับกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคลุ้งตลบอบอวน ฟารีดาค่อยๆแข็งใจส่องไฟฉายไปที่เจ้าของร่างก่อนจะอ้าปากค้าง “ศักดิ์” ที่สภาพใบหน้าบวมฉึ่งน้ำหนองไหลเยิ้มไปทั่วทั้งตัวเช่นเดียวกับหนอนที่เริ่มชอนไชกัดกินทั่วร่างของเขาเช่นเดียวกับดวงตาเบิกโพลงที่ ณ ขณะนี้หลุดลงมากลิ้งหลุนๆที่พื้น “ระ เรารีบไปกันเถอะดีไซน์” ฟารีดาคว้าตัวดีไซน์ที่ยืนปิดปากร้องไห้ “แต่วันนี้ลุงศักดิ์มาทำงานนี่เราก็เห็นพวกเขา แล้วลุงศักดิ์ที่นั่งอยู่ข้างล่างล่ะ?!!!”

ฮโยมินเดินออกจากลิฟท์มาที่ชั้น8กับลุงโก๋ “ไหนล่ะเพื่อนๆเรา? ไม่เห็นมีใครสักคน!!!! ฮโยมินโกหกลุงรึเปล่านี่?” ลุงโก๋หันมาถามฮโยมินเสียงดุๆ “แบบนี้คงต้องรายงานครูประจำชั้นแล้วมั้ง ถามจริงว่าเราขึ้นมาขโมยอะไรรึเปล่า?” เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว “เปล่านะคะลุง หนูจะทำแบบนั้นไปทำไม? พวกเขาอาจจะกลับไปกันหมดแล้วก็ได้” เธอเถียงอย่างไม่พอใจแต่ลุงโก๋กลับไม่สนใจ “มีคนมาที่นี่กลอนกับโซ่ถูกถอดออก” ลุงโก๋พูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“เมื่อกี้ที่เราเห็นนั้นมันมีจริงๆเหรอ?” แอนดี้ถามคิรินทร์ขณะที่ทั้งคู่ค่อยๆเดินจูงมือลงมาถึงชั้น4 “เราก็ไม่กล้าตอบว่าจริงรึเปล่าแต่นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ?” คิรินทร์ตอบพลางบีบมือเขาแน่น “อืม เราเห็นภาพตอนที่ล้มลงไป อธิการเก่าของโรงเรียนที่ชื่อว่า ‘บุปผารัตน์’ ถูกฆ่าตายที่นี่จริงๆ” คิรินทร์อมยิ้มจนแอนดี้หันมาพูดกึ่งงอนกึ่งฉุน “นายจะหาว่าเราบ้าสินะ” แอนดี้จับคิรินทร์หมุนตัวมาประจันหน้ากับเขาแต่แล้วก็อดใจอ่อนกับตาแป๋วๆออดอ้อนของเขาไม่ได้ “เปล่าเราหัวเราะเพราะเห็นว่านายฉลาดดี ไม่ลังเลหรือต่อต้านที่จะเชื่อกับสิ่งที่พิสูจน์ด้วยตาตัวเองแล้ว เราชอบคนแบบนี้” แอนดี้อดไม่ได้จริงๆที่จะลูบไล้ไปบนใบหน้าเรียบเนียนของเพื่อนหนุ่ม “นายชอบคนแบบนี้จริงๆเหรอ? เราก็ชอบคนแบบนายจริงๆนะ” เด็กหนุ่มทั้งคู่ยืนประกบปากกันทั้งคู่ยืนจูบปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มร้อนแรงก่อนที่ทั้งคู่จะยืนกอดกันแน่น แอนดี้ไม่อยากที่จะลังเลหรือปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่อคิรินทร์อีกต่อไปแล้ว – - มันคือความรักจริงๆ

ฮาเวิร์ดและบรูโน่วิ่งหอบไปถึงหน้าป้อมยาม “ฉิบหายแล้วและแอนดี้จะทำยังไงเนี่ย?” บรูโน่พูดเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาทั้งสองทิ้งแอนดี้ไว้ข้างบน “จะให้ทำยังไงเล่าวิ่งมาถึงชั้นสามหันไปก็ไม่เจอมันแล้ว!” ฮาเวิร์ดตอบพลางหอบหายใจ “ขอโทษทีป๋าศักดิ์เรื่องนี้อย่าบอกใครนะครับ” ฮาเวิร์ดยกมือไหว้ศักดิ์ที่ยังคงนั่งหน้าซีดเผือดพร้อมดวงตาว่างเปล่าไร้แววอยู่ในป้อมยาม “ฮาเวิร์ด บรูโน่ออกมาจากป้อมยามเดี๋ยวนี้นะ!!!!” ดีไซน์ที่ฟารีดาประคองมาต
แผดเสียงดังลั่น “ฮาเวิร์ด บรูโน่ลุงศักดิ์ตายไปแล้วศพถูกแขวนคออยู่ใต้ระฆังโบสถ์” ฟารีดาตะโกน เด็กหนุ่มทั้งสองค่อยๆหันไปมองศักดิ์ที่ ณ ขณะนี้ใบหน้าเริ่มขึ้นอืด บวมฉุ ลิ้นจุกปากและมีหนอนชอนไชทั้งสี่ร้องตะโกนด้วยความตกใจก่อนที่ศักดิ์จะอันตรธานหายไปจากตู้ยามพร้อมกับเสียงระฆังที่เริ่มดังสนั่นในช่วงห้าทุ่ม

“แอนดี้ๆตอนนี้เธออยู่ไหน?” ฟารีดาโทรหาแอนดี้ด้วยความเป็นห่วง “อ๋อ อยู่บนรถไฟฟ้าน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ!แล้วนี่เธอถึงบ้านรึยัง?” ฟารีดาเล่าเรื่องทั้งหมดให้แอนดี้ฟังเร็วปรื๋อขณะนี้เธออยู่กับบรูโน่บนรถแท็กซี่ “ก็อย่างที่ฉันเล่าให้ฟังนั่นแหละ ฉันคงต้องรายงานพวกมิสกับซิสเตอร์ที่โรงพยาบาลเรื่องลุงศักดิ์ก่อนน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าเจอผีนางรำก็แล้ว ผีชุดขาวก็แล้ว ผีซิสเตอร์ก็แล้วนี่ยังต้องมาเจอยามเป็นผีอีก ฉันเริ่มรู้สึกกลัวโรงเรียนเรามากกว่าตอนโดนผีสิงเดือนที่แล้วอีก” แอนดี้วางสายจากฟารีดาก่อนจะหันไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้คิรินทร์ฟังระหว่างเดินกลับคอนโด “สรุปลุงศักดิ์ที่เราเห็นทุกวันก็กลายเป็นผีมากี่วันแล้วก็ไม่รู้ น่ากลัวเนอะ!” แอนดี้หันไปมองหน้าคิรินทร์แล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้ที่คิรินทร์ไม่มีทีท่าตื่นกลัวใดๆเลย “คิรินทร์! ไม่กลัวเลยเหรอ?” แอนดี้ถามคิรินทร์ที่รีบหันมายิ้ม “กลัวสิ! ถึงพูดไม่ออกนี่ไงล่ะ” ระหว่างทางเขาเดินผ่านสาวเชียร์เบียร์ที่แต่งตัววาบหวามกันสองคน “อร๊ายยย น่ารักกันทั้งคู่เลยอ่ะตัว” หนึ่งในนั้นหันมาตะโกนแซวทำเอาแอนดี้ยิ้มให้เขินๆก่อนจะรีบเดินไป “เฮ้ย อีเก๋!!! มึงเมาป่าวเนี่ยกูเห็นน้องเขาเดินอยู่แค่คนเดียว” เพื่อนอีกคนหนึ่งท้วง “อ้าว อีห่านี่อำกูซะละก็เห็นอยู่ว่าเขาเดินกันสองคนนั่นไงอีนุ่น” แอนดี้หันไปมองสองสาวยืนปะทะคารมกันด้วยถ้อยคำหยาบคายพลางหัวเราะ “พวกนี้เขาตลกดีนะ เชิญคร้าบ” เขาเอาคีย์การ์ดเปิดประตูแล้วพาคิรินทร์ขึ้นบนคอนโด

ฮาเวิร์ดที่เพิ่งพันผ้าที่ข้อเท้าให้ดีไซน์เสร็จนั่งลงพลางเปิดคลิปเช็ค “เราว่าพวกเราทำหน้าที่กันวันนี้ได้ดีทีเดียวเลยนะ” เด็กหนุ่มพูดระหว่างที่เขาเช็คคลิปวิดีโออย่างพึงพอใจพลางลูบหัวดีไซน์ที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตักของเขา “Jesus Christ! ดีไซน์ดูสิ” ฮาเวิร์ดอุทานในขณะที่เขากำลังนั่งดูคลิปที่บรูโน่ถ่ายจากชั้น4ลงไปที่ลานว่างกลางน้ำที่อดีตเคยเป็นเรือนนาฏศิลป์ ซึ่งปรากฏภาพของนางรำที่กำลังร่ายรำอยู่ตรงกลางลานที่ว่างเปล่า “มันเป็นไปได้ไงนี่?!!!” ดีไซน์อุทานด้วยความตกใจตัวก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะดังลั่นเมื่อถึงฉากที่ดีไซน์กลิ้งตกลงมาจากบันได “นั่นๆถึงชั้น8แล้ว” ฮาเวิร์ดรีบฟอร์เวิร์ดภาพไปถึงตอนที่เขายืนอยู่ตรงจุดที่ผู้หญิงในชุดขาวชอบปรากฏตัว “นั่นยัยฮโยมินนี่ ยัยบ้า! คอยดูนะถ้าเจอหน้าจะเอาให้น่วมเลย!!!” เธอพูดเมื่อเห็นฮโยมินยืนคุยกับลุงโก๋ตรงสนามก่อนที่เด็กสาวจะกัดปากตัวเองอย่างแรงเมื่อถึงตอนที่ประตูด้านหลังพวกฮาเวิร์ดค่อยๆเปิดออก ภาพของโซ่ที่กระทบกับไฟฉายสามารถเห็นในคลิปได้ชัดเจนพอๆกับเสียงฝีเท้าที่ลากโซ่ตรวน เสียงร้องเพลงไทยเดิมในห้องทำเอาฮโยมินคนลุกซู่ก่อนที่ภาพตรงหน้าของหญิงสาวในชุดขาวตรงกระดานดำจะปรากฏให้เห็นเลือนลางและทุกสิ่งในคลิปก็ดูพร่ามัวไป “Fuck It!!!! แล้วกัน เสียดายอ่ะ!” ฮาเวิร์ดบ่นด้วยความผิดหวัง “แต่ได้ขนาดนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้วนะฮาเวิร์ด” ฮโยมินอัพโหลดคลิปขึ้นทางเพจบนเฟซบุ๊คส์และยูทูบก่อนจะหันมาจูบปากกับแฟนหนุ่มอย่างดูดดื่ม

ศพของศักดิ์ถูกขนย้ายออกจากโรงเรียนภายในคืนนั้นเพื่อป้องกันความแตกตื่นของบรรดานักเรียนและผู้ปกครองซึ่งพ่อจรัล,มิสมาลินและซิสเตอร์เวโรนิก้าเป็นคนขอร้องฟารีดาและบรูโน่ด้วยตัวเองว่าจะไม่นำเรื่องน่ากลัวนี้แพร่งพรายออกไปเนื่องจากความน่าเชื่อถือของโรงเรียนในตอนนี้กำลังเป็นที่จับตาเนื่องจากคลิปของสากุลวดีกับฮาเวิร์ด “ฟังแล้วเราขนลุกเลยอ่ะ รู้สึกโชคดีมากๆที่เมื่อวานไม่ได้อยู่ด้วย ฮ่าๆๆๆ” หลินนั่งอกสั่นขวัญแขวนพลางรู้สึกพิศวงงงงวยที่เมื่อวานเกิดเรื่องขึ้นมากมายจนเธอแทบจะประติดประต่อเรื่องตามไม่ทัน “แต่เรื่องของเนตินี่น่าตกใจมากๆเลยนะเมื่อวานเปิดเฟซดูนี่เล่นเอาอึ้งไปนานเลย คือไม่อยากเชื่อจริงๆ กระทันหันเกิน” กาโต้ที่เพิ่งเขมือบไข่ดาวและขนมปังเข้าไปพูดเศร้าๆ “กูเห็นกับตาเลยว่าไอ้โจ๊ยมันโดนเลาะออกไปหมดเลย กูไม่เชื่อหรอกว่ามันจะทำตัวมันเอง” คำพูดของบรูโน่ทำเอากาโต้สำลักน้ำส้มเต็มหน้า “สัส กูแดกข้าวอยู่! แต่ก็จริงนะกูว่ากรณีไอ้เนมันต้องโดนฆ่าแน่ๆเห็นว่าวันนี้ตำรวจจะมาที่หอแดงนี่…” กาโต้วิเคราะห์คดีความซะละเอียดสมกับเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนยอดนักสืบโคนัน “ว่าแต่เรื่องของลุงศักดิ์ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบยังไงคะ?” หลินหันไปถามฟารีดา “ก็เห็นว่าตอนนี้ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นการฆ่าตัวตายนะ ทางโรงเรียนจะส่งศพไปที่บ้านของลุงศักดิ์ที่ต่างจังหวัด จะรับผิดชอบค่าทำศพทุกอย่างรวมถึงจะจ่ายเงินเดือนช่วยครอบครัวลุงศักดิ์ทุกเดือนเหมือนกับว่าเขายังมีชีวิตอยู่จนถึงเกษียณเลยแหละ เฮ้อ ก็ดีไปเนอะ!” ฟารีดาพูดพลางหาวด้วยความเหนื่อยล้าก่อนที่เพลงมาร์ชโรงเรียนจะดังขึ้น

“นี่บรูโน่วันนี้ฮาเวิร์ด ดีไซน์ ฮโยมินและแอนดี้ไปไหน?!!!” มิสมาลินถามเสียงเข้มในชั่วโมงโฮมรูมด้วยท่าทีที่ทุกคนดูรู้ว่าระเบิดลูกใหญ่กำลังจะลง “ผมโทรไปถามแล้วฮาเวิร์ดบอกว่าตื่นมาเรียนไม่ไหวส่วนดีไซน์ขาเจ็บครับ” บรูโน่ตอบด้วยท่าทีที่พยายามทำให้ดูงุนงงที่สุด “เจริญล่ะ! ตื่นมาเรียนไม่ไหว?!!! เมื่อคืนพวกเธอคงถ่ายสารคดีผีที่โรงเรียนดึกไปหน่อยกระมัง หาแต่เรื่อง! ฉันล่ะไม่อยากเชื่อว่าแอนดี้ก็เป็นไปกับเขาด้วย ไม่ต้องมาพึมพัมว่าฉันรู้ได้ยังไงนะบรูโน่! เธอคิดว่าฉันแก่จนเปิดเฟซบุ๊คส์กับยูทูบไม่เป็นหรือยังไงฮะ?!!!! อยากเป็นกันเหลือเกินเน็ตไอดงไอดอลอะไรนี่ เธอรู้มั้ยว่าคลิปของพวกเธอตอนนี้เป็นที่วิพากย์วิจารณ์กันสนุกปากแล้วว่า ‘แหกตา!!!’ ถึงเมื่อคืนพวกเธอจะเจอมาจริงหรือไม่จริงไม่รู้แหละ บรูโน่ทั้งสัปดาห์นี้เธอต้องอยู่ทำความสะอาดห้องตอนเย็นนะ ฟารีดาเมื่อวานก็เอากับเขาด้วยใช่มั้ย?” มาลินปรายตามามองฟารีดาที่รีบยิ้มรับหน้าเจื่อนๆทันที “เอาล่ะพวกเธอทุกคนที่อยู่ในขบวนการยอดมนุษย์เมื่อคืนนั่นต้องอยู่เป็นเวรทำความสะอาดห้องเช้าเย็นทั้งสัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ละกันเดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่ยุติธรรมและฟารีดาเลิกเรียนไปหาครูด้วยเดี๋ยวจะชวนไปเยี่ยมคริสมาสต์ที่โรงพยาบาลถ้าจะยังช็อคไม๋หาย” มาลินพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “และครูคิดว่าทั้งห้องเราคงรู้เรื่องของเนติอุดมแล้ว” เธอพยายามควบคุมเสียงที่สั่นเครือให้นิ่งสนิทเช่นเดียวกับที่นักเรียนทั้งห้องที่นิ่งเงียบตั้งใจฟังเธอ “เพื่อนจากไปด้วยอาการทนพิษบาดแผลไม่ไหว อย่าถามอะไรทั้งนั้นกุ๊ยฉ่าย นาเดีย!!! ทางตำรวจวินิจฉัยผลชันสูตรเบื้องต้นตั้งสมมุติฐานว่าเป็นการ ‘ฆาตกรรม’ ดังนั้นช่วงตลอดสัปดาห์นี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้าออกหอแดงบ่อย ครูอยากขอความร่วมมือให้พวกเธอช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องห้องน้ำห้องท่ารวมถึงเรื่องการให้ข้อมูลตอบคำถามด้วย ที่สำคัญขอให้ทุกคนระวังถ้าเป็นการฆาตกรรมจริงๆครูว่าฆาตกรมีแนวโน้มเป็นคนโรคจิตและเรื่องแบบนี้ไม่ได้ลงมือคนเดียวแน่ๆขอให้ไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มช่วงนี้ เรื่องงานศพจะจัดขึ้นที่โรงเรียนเราครูขอความร่วมมือห้อง5/3ทุกคนได้โปรดเข้าร่วมพิธีสวดศพเพื่อนและอำนวยความสะดวกในงานเป็นอย่างดีด้วยเรื่องวันเวลาคงภายในสัปดาห์นี้แล้วครูจะแจ้งอีกที”

“ฮัลโหลแอนดี้ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมวันนี้เธอไม่มาเรียน?” ฟารีดาโทรถามอาการของเพื่อนที่เสียงงัวเงียๆ “วันนี้ไม่ค่อยสบายน่ะเมื่อคืนสงสัยเจอหลอกหนักไปหน่อยไข้ขึ้นเลย” แอนดี้โกหกฟารีดาเพราะขณะนี้เขากำลังหันไปกอดคิรินทร์ที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างๆก่อนจะหอมแก้มแฟนหนุ่มของเขาเข้าฟอดใหญ่ “หายใจดังจังแอนดี้ เอาล่ะๆไม่กวนแล้วนอนต่อเถอะ ดูแลตัวเองดีๆเน้อ” ฟารีดาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรู้ทันก่อนจะวางสายไป “กู๊ดมอร์นิ่งครับ! นอนขี้เซาจังนะเรา” แอนดี้หยอกคิรินทร์ที่กำลังบิดขี้เกียจและหน้าตาสะลึมสะลือ “คนอะไรขนาดเพิ่งตื่นยังน่ารักซะขนาดนี้” แอนดี้พูดหยอกเย้าก่อนที่คิรินทร์จะตอบเขาด้วยการจูบแทน

“ดีไซน์ดูดิๆคนไลค์และเม้นท์กันหลายพันจนอ่านไม่ไหวเลยนี่” ฮาเวิร์ดหยิบiPadให้แฟนสาวดูด้วยความดีใจ “555 อะไรกันนี่พิธีกรทั้งหล่อทั้งสวย แขกรับเชิญก็น่ารัก,แหกตาว่ะพวกมึงเนี่ย!,น่ากลัวฝุดๆ,พี่ดีไซน์หายเจ็บเร็วๆนะคะ,จัดฉาก!!!,ฮาเวิร์ดหล่อจุงเบยRazz ฯลฯ Wow Congratulation My Net Superstar” ดีไซน์ยินดีกับความสำเร็จแรกที่สวยงามของทางเพจก่อนจะค่อยๆโลมไล้เข้าที่ซอกคอของแฟนหนุ่ม ฮาเวิร์ดที่กำลังเคลิบเคลิ้มเมื่อมือของดีไซน์ค่อยๆเลื่อนต่ำลงจากแผงอกลงสู่สะดือและล้วงเข้าไปในบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วก่อนที่โทรศัพท์ของนาเดียจะโทรมาทำเอาสวรรค์พังครืน “อะไรยะนังนาเดีย?” ดีไซน์รับสายด้วยน้ำเสียงที่ประดิษฐ์ว่าเพิ่งตื่นนอน “เอากับผัวอยู่หรือไงยะคุณนายยย?นี่ๆเมื่อคืนฮโยมินไปนอนที่บ้านแกรึเปล่าเมื่อกี้แม่ชีโทรมาจิกฉันเพราะนางไม่ได้กลับบ้าน” นาเดียถาม “ไม่ได้มาว่ะ เมื่อคืนแม่งวิ่งหนีทิ้งฉันไว้กับฟารีดาสองคนถ้าแม่มันโทรมาอีกฝากบอกด้วยนะว่า ‘ดีไซน์ฝากมาด่าลูกสาวหล่อนว่าอีดอกเด็ก!!!’”

ดีไซน์วางโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์ในขณะที่ฮาเวิร์ดที่กำลังโอบกอดเธออยู่ด้านหลังค่อยๆไซร้ที่ซอกคอเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะเอามือนวดคลึงไปที่หน้าอกอันอ่อนนุ่มของแฟนสาว “อารมณ์เสียเหรอครับที่รัก? เดี๋ยวผมจะช่วยให้รู้สึกดีที่สุดในโลกเองนะดีมั้ย?” ฮาเวิร์ดบรรจงจุมพิตเธออย่างทนุถนอม เช่นเดียวกับที่ทางด้านของแอนดี้และคิรินทร์ที่กำลังประกบปากอย่างดูดดื่มร้อนแรง “รู้มัยครับว่าผมคิดถึงคุณทุกวันตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกที่ห้องพยาบาล” แอนดี้กระซิบคิรินทร์อย่างแผ่วเบาในขณะที่ที่กำลังใช้ลิ้นตวัดโลมเลียไปที่หัวนมสีชมพูของเขาที่กำลังนอนบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน ในอีกมุมหนึ่งดีไซน์กำลังร้องอย่างสุขสมเมื่อถูกฮาเวิร์ดบดขยี้ร่างของเธออย่างรุนแรง “ผมชอบอยู่ข้างบนมากกว่า!” คิรินทร์พลิกตัวแอนดี้กลับก่อนที่จะค่อยๆเลือนตัวของเขานั่งทับบางสิ่งบางอย่างของแฟนหนุ่มที่ขณะนี้กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ ทั้งสองคู่ต่างพากันร่วมเชื่อมสะพานรักด้วยภาษากายที่ร้อนแรงให้แก่กันและกันพร้อมร่วมดื่มด่ำรสชาติแห่งความสุขสมที่ผลิบานสะพรั่งทอแสงประกายถึงสรวงสวรรค์


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like like like like


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com