˹���á Forward Magazine

ตอบ

อีโตจัน (2)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อีโตจัน (2) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

hysteria

บทความ/นิยา่ยในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

เรื่องนี้เขียนเสร็จตั้งแต่ต้นปีเพื่อ Happy New Year คนอ่านเพจ Hysteria เป็นนิยายกำลังภายในยุค5G ขออนุญาติพี่สต๊าฟโปรโมตลง FF คั่นรีวิวกับสุสานนักเรียนเรื่อยๆนะคะ

ความเดิมจากตอนแรก : จันทราแอบหลบขึ้นมาบนเรือขนส่งสินค้ามุ่งหน้าจากประเทศจีนสู่ญี่ปุ่น หลังจากช่วยชีวิตทารกน้อยในเปลไม้และสังหาร”ฮุ่ยเกียง”ทหารคนสนิทของนางมาร”เมหลีฮั๊ว” จันทราปะทะกับขบวนการปล้นเรือขนส่งสินค้า(โจรสลัด)และเดินทางสู่ญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย

16ปีผ่านไป – - เรื่องราวในวันนั้นยังคงเป็นปมในใจและความสับสนที่จันทรายังไม่มีวันจะลืมเลือน 16ปีอันเปรียบเสมือนฝันร้ายที่เอาชีวิตรอดมาได้และหลบอยูในประเทศญี่ปุ่นอย่างระมัดระวังและหวาดกลัว 16ปีอันเปี่ยมสุขในฐานะแม่คนเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆและเฝ้าดูเขาเติบโต 16ปีที่ทุกอย่างผ่านมาอย่างราบรื่นจนดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลก 16ปีกับชีวิตใหม่ที่มีความสุขในการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ “แม่ขา!!! หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ”เสียงที่สดใสของเด็กสาวดังขึ้นจากนอกประตูห้องครัว “จ้า!!! ตั้งใจเรียนหนังสือนะลูก เงินค่าขนมที่แม่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือกับปิ่นโตอย่าลืมเอาไปด้วยนะลูก ถ้าลืมแล้วจะเสียใจเพราะวันนี้ฉันทำสปาเก็ตตี้หน้าแกงกะหรี่หมูทอดของโปรดเธอและของหวานวันนี้เป็นทาโกยากิไส้ครีมคัสตาร์ดกับช็อคโกแล็ตที่หนูชอบด้วยนะ” จันทราเปิดประตูครัวออกมาพร้อมรอยยิ้มตะโกนไล่หลังลูกสาว เด็กทารกในเปลไม้เมื่อ16ปีที่แล้ววันนี้โตเป็นสาวสะพรั่งที – - แน่นอน – - ไม่มีเค้าโครงใดๆเหมือนกับจันทราเลยสักนิด หากแต่ใบหน้าของเธอนั้นงดงามผุดผาด ดวงตากลมโตระยิบระยับดุจประกายของแสงดาว เรียวปากบางและสีหวานชมพูเหมือนกลีบกุหลาบและผิวพรรณที่ขาวนวลผ่องประดุจสีของพระจันทร์ – - ฉันตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า “อีโตจัน”

ระหว่างที่จันทรายืนชื่นชมกับความน่ารักสดใสของลูกสาวอยู่อีโตจันก็วิ่งเข้ามากอดแม่ “หนูรักแม่จังเลยค่ะ!!! แม่ดูแลตัวเองดีๆนะคะ” จันทราถึงกับหัวเราะออกมา “หนูก็รู้ว่าแม่ดูแลตัวเองได้ดีทีเดียว” พลางหยิบดาบขึ้นมาแกว่ง “เจ้าค่ะ เจ้าค่า หนูจะรีบกลับนะคะเย็นนี้” อีโตจันหัวเราะท่าทางของแม่แล้วรีบวิ่ง”ทะลุกำแพง”ออกไป ทำเอาจันทราถึงกับส่ายหน้า “เฮ้อ ลูกคนนี้!!! บอกกี่ทีก็ไม่รู้จักจำว่าเปิดประตูแบบผู้แบบคนธรรมดาเขาให้เป็นนิสัยน่ะ ไม่เสียเวลาสักเท่าไรหรอก” จันทราหันกลับเข้ามาในครัวแล้วถึงกับผงะเมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนแก้มซ้ายของตัวเอง – - แผลเป็นที่ได้รับจากทวนของฮุ่ยเกียง – - “เฮ้อ ยังไม่ชินอีกรึกู!!!” จันทรายิ้มให้กับตัวเองในกระจก ‘น่าจะภูมิใจมากกว่านะแผลเป็นที่ช่วยต่อชีวิตให้เด็กบริสุทธิ์คนหนึ่ง ฉันก็คร่าชีวิตคนมานับพันได้แผลเป็นน่าเกลียดนี่มาก็นับว่าฟ้าสวรรค์ยังเมตตา’ จันทราคิดในใจ “ฉันจะเลี้ยงลูกของฉันให้ดีที่สุด”

อีโตจันกำลังวิ่งขึ้นจากบันไดรถไฟใต้ดินพลางดูนาฬิกาที่ขณะนี่เป็นเวลาเกือบจะ7โมงครึ่ง “ฉิบหาย!!!” อีโตจันสบถ “กูไม่น่ามัวแต่อัพเฟซกะแชตในLineยันตีสองเลย จะไปสายไม่ได้นะเสียชื่ออีโตจันคนสวยเริ่ดเพอร์เฟคภาพลักษณ์ดีหมดโน๊ะ” ว่าแล้วเธอก็หันซ้ายหันขวาแล้วหัวเราะคิกๆ “ขอโทษนะยะมิสจันทรา ^ ^” จบประโยคอีโตจันก็พุ่งดำลงไปในดินแล้วมุ่งหน้าสู่โรงเรียนมัธยมโตเกียวอย่างสะดวกโยธินภายในเวลาไม่ถึง8นาที

“ซู่บ!!!!” อีโตจันโผล่ขึ้นที่สวนดอกไม้หลังศาลเจ้าที่โรงเรียนจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินเอามือไพล่หลังเดินเลาะมาผ่านสนามฟุตบอลและมุ่งตรงสู่ตึกเรียนของเด็กมัธยมปลาย อีโตจันเลี้ยวมาทางหลังโรงยิมที่เป็นฟิตเนส สนามบาสเก็ตบอลและวอลเล่ย์บอลก่อนจะพบแก๊งค์หัวโจกนักบาสรูปหล่อสามคน – - ซาโตชิ,ชินย่าและยามาซากิ – - กำลังปีนลับๆล่อๆอยู่แถวๆช่องระบายอากาศของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหญิง “แกน่ะแหละเป็นคนทำเจ้าซาโตชิ” ยามาซากิกระซิบกระซาบ “เออๆ แปปสิวะ” ซาโตชิแหวใส่โดยที่ชินย่ายืนเอามืออุดปากกระโดดไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น แล้วอีโตจันก็เห็นว่าซาโตชิพยายามจะเอาไอโฟนถ่ายคลิปรุ่นน้องม.3ที่กำลังเตรียมตัวสำหรับวิชาพละคาบแรก “พวกเธอ!!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!” อีโตจันแผดเสียงทำเอาชินย่ากับยามาซากิแหกปากร้องด้วยความตกใจ “เป็นนักบาสซะเปล่า หน้าตาดีแต่สิ่งที่พวกเธอทำนี่มันต่ำช้ามาก น่าอายจริงๆจะให้ฉันฟ้องคุณครูมั้ย?” อีโตจันขู่จนทั้ง3หน้าซีด “เอ่อ อีโตจันจ๋าพวกเราผิดไปแล้วอ่ะ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง” ชินย่ารีบแก้ต่างในขณะที่เพื่อนทั้งสองยังคงยืนหน้าเจื่อน “อย่าไปบอกครูนะอีโตจัน ฉันเพิ่งโดนอาจารย์มิซาเอะเรียกคุณแม่มาตักเตือนไปเองเรื่องชกต่อยกับเด็กเซนต์ลูคัสที่ฮาราจูกุน่ะ” ยามาซากิยกมือไหว้

“ก็ได้!!!” อีโตจันถอนหายใจ “ขอบคุณคร้าบ!!!! ” ทั้งสามประสานเสียงพลางโค้งคำนับ “แต่!!! ช่วงนี้ฉันช็อตเงินขอค่าปิดปากคนละหนึ่งพันเยนกับเลี้ยงข้าวที่โตเกียวพาราไดซ์ตลอดหนึ่งสัปดาห์และแบกกระเป๋าไปส่งฉันถึงรถไฟใต้ดินตลอดหนึ่งเดือนย่ะ” อีโตจันฉีกยิ้ม “ห๊า!!! เธอพูดจริงเหรอเนี่ย ยัยอีโตจัน?!!!”ชินย่าอ้าปากค้าง “อีโตจันฉันเกลียดเธอ”ยามาซากิชูนิ้วกลาง “แหม!!! ได้ยินแล้วปลื้มใจจังเลย ^ ^” อีโตจันปิดปากหัวเราะ “ไม่เอาแบบนั้นก็ไม่เป็นไรนี่ ฉันก็แค่เดินไปฟ้องครูและ’เธอ’” อีโตจันกรีดนิ้วไปที่ยามาซากิ “ก็อาจจะถูกไล่ออกจากทีมบาสและไปจากโรงเรียน น่าสงสารจุงเบยฮ่า ^ ^” อีโตจันพูดพลางหยิบไอโฟนขึ้นมาตอบLineจันทราว่าถึงโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย ว่าแล้วทั้งสามก็ต้องรับข้อเสนอของเพื่อนสาวไปโดยยากที่จะหลีกเลี่ยง “ใจร้ายชะมัด แบบนี้นี่เองถึงไม่ใครอยากจะจีบไปเถอะซาโตชิ” ยามาซากิหน้าหงิกในขณะที่อีโตจันชูสองนิ้วสู้ๆพลางยิ้มแฉ่ง “เออ ไปกันก่อนเถอะฉันมีเรื่องจะคุยกับอีโตจันซะหน่อย” ซาโตชิตอบทำให้ชินย่าอมยิ้มและวิ่งลากยามาซากิไปทางโรงอาหารทันที “นายมีอะไรจะคุยกับฉันไม่ทราบยะ?”อีโตจันถามด้วยสีหน้าแอ๊บแบ๊วอารมณ์ดี “ฉัน เอ่อ ฉันว่าเธอน่ารักดีวันนี้ก็เลยจะชวนไปเดินโตเกียวพาราไดซ์น่ะ” ซาโตชิพูดพลางมองลงที่พื้น “กรี๊ดดด ต๊ายย ตายในที่สุดอีโตจันก็มีวันนี้กับเขาเสียที” อีโตจันกระโดดตบมือขึ้นลงทำเอาซาโตชิหัวเราะ “แสดงว่าเธอตกลงจะไปกับฉันเป็นการส่วนตัวนะ เอ่อ ไม่เกี่ยวกับข้อเสนอเมื่อกี้” อีโตจันพยักหน้าก่อนที่จะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ “โอเคสิ แต่ฉันต้องรีบไปทำเวรก่อนนะคะพ่อรูปหล่อ” อีโตจันวิ่งมาหอมแก้มของซาโตชิก่อนจะวิ่งตรงไปตึกเรียน

อีโตจันวิ่งไปตรงไปที่ตึกเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระบำไม่เป็นจังหวะ ซาโตชิไม่เคยรู้เลยว่าหญิงสาวรู้สึกอย่างไรกับเขามาก่อนอีโตจันจำได้ดีว่าตั้งแต่พบหน้ากันในวันปฐมนิเทศน์มัธยม4ครั้งแรกเธอก็อดที่จะคิดถึงภาพของเขาไม่ได้ทุกคืน หากแต่ความสุขของอีโตจันทุกขัดจังหวะข้างตึกเรียนเมื่อ “คาสุมิ” นักเรียนหญิงหัวโจกประจำห้อง4/6ซึ่งเป็นคนละห้องกับอีโตจันได้เข้ามายืนขวางตรงข้างตึกเรียนที่ค่อนข้างเปลี่ยว “ว่าไงอีโตจันดูรีบๆ” คาสุมิยืนกอดอกและแสยะยิ้ม “เธอมีธุระอะไรรึเปล่าคะ คาสุมิ?” อีโตจันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสุภาพแม้จะออกแนวรำคาญ “คือว่าจะขอเงินคนสวยใช้หน่อยอ่ะจ๊ะ จะไปต่อเล็บแฟชั่นซะหน่อย” คาสุมิหัวเราะหึหึ “เหรอคะ? แล้วทำไมคาสุมิต้องมาขออีโตจันด้วยล่ะเจ้าคะ ทำตัวเหมือนขอทานรุยอ่ะ แต่ขอทานก็ยังมีจรรยาบรรณขอดีๆแบบคนที่เขามีการศึกษามากกว่าคาสุมิอีกนะคะ ^ ^” อีโตจันตอกใส่หน้าเล่นเอาคาสุมิหน้าถอดสีเพราะว่าในสายตาของพวกเด็กผู้หญิงในโรงเรียนอีโตจันดูเป็นเด็กนักเรียนตัวอย่างมากๆ “อีนี่!!! อย่าคิดว่ากูไม่กล้าตบมึงนะ คิดว่าเป็นนักเรียนเรียนดีแล้วใครจะตบมึงไม่ได้หรือยังไง?” คาสุมิแยกเขี้ยว “ควยมึงแน่นักก็ตบกูเลยสิคะ อีด๊อกกกกกกกกก!!!!!!!” อีโตจันลากเสียงยาวแหลมสูงและเน้นให้ฟังดูทะเล้นกวนตีนและน่าตบเป็นพิเศษ คาสุมิได้ยินเช่นนั้นถึงกับฟิวส์ขาดพุ่งเข้ามาหมายจะบีบคออีโตจันแต่อีโตจันสวนกลับด้วยฝ่ามืออรหันต์แบบเบาๆเก๋ๆแต่เล่นเอาร่างยักษ์ของสาวซ่าส์คาสุมิถึงกับลอยไปชนกับกำแพงเสียงดังสนั่นก่อนที่อีโตจันจะกระโดดขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของตึกเรียนแล้วเดินลงมาด้วยรอยยิ้มเข้าห้องเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อรุณสวัสดิ์จ้าเรียวกะคุงดูอะไรอยู่เอ่ย” อีโตจันทักทายเรียวกะเด็กเนิร์ดประจำห้อง “ก็เมื่อกี้มีเสียงเหมือนระเบิดข้างล่างน่ะสิพอพวกเราก้มลงไปดูแล้วก็เห็นซาโต้เ คาสุมิห้องนอนร้องไห้อยู่ข้างล่างน่ะ” ชายหนุ่มหันมาตอบ “น่าสงสารจังเลยซาโต้ซัง” อีโตจันเอามือปิดปากก่อนที่เพื่อนสนิทอย่างเคียวโกะจะวิ่งมาโอบไหล่ “นี่คุณแม่พระขา จะทำเวรมั้ยคะเหลืออีกสิบนาทีนะหล่อน”

ระหว่างที่อีโตจันกับเพื่อนๆกำลังทำความสะอาดห้องกันอยู่ “มิซาเอะ” สาวใจดีร่างท้วมครูสอนภาษาอังกฤษและเป็นครูประจำชั้นของอีโตจันเดินเปิดประตูพาคาสุมิเข้ามา “อาโตอิซังครูขอคุยด้วยหน่อยสิ!!! ซาโต้ซังเขาบอกว่าเธอชกเขาจนลอยติดกำแพงนี่มันเรื่องอะไรกัน?” มิซาเอะถามอีโตจันด้วยสีหน้าทึ่งระคนงุนงน “เอ่อ หนูไม่รู้เรื่องนะคะคุณครูมิซาเอะ” อีโตจันทำหน้างงๆ “ใช่ค่ะๆคุณครู อีโตจันมาถึงห้องตั้งแต่เราได้ยินเสียงข้างล่างแล้วและไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะเพราะพวกหนูชะโงกหน้าลงไปดูไม่เห็นใครข้างตึกเลยและประตูทางเข้าก็ต้องเลี้ยวมาอีกฝั่งนะคะ” เคียวโกะรีบตอบก่อนที่อีโตจันจะเปิดปากพูด “ใช่ครับ อีโตจันเขาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เสียงดังข้างล่างไม่ถึง2นาที ใช่มั้ยพวกเรา?” เรียวกะเสริมพลางหันหลังไปขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆในห้องและทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก “เฮ้อ!!! ซาโต้ คาสุมิเธอนี่แย่จริงๆเลยนะไปใส่ความคุณอาโตอิเขาได้ยังไงฉันว่าฉันจะต้องคุยกับคุณพ่อเธอเรื่องพฤติกรรมของเธอเสียหน่อยแล้ว เธอหมดสิทธิ์สอบวิชาภาษาอังกฤษของฉันแล้วนะจ๊ะ มานี่เลย!!!”ครูมิซาเอะจูงมือคาสุมิจะพาไปห้องครูใหญ่ คาสุมิหันหน้ามามองอีโตจันด้วยสีหน้างุนงงแล้วถึงกับของขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มเย้าบนหน้าของอีโตจันที่กำลังขมุบขมิบปากใส่เธอว่า “อีควายยย!!!!”

ประเทศฝรั่งเศส – - สื่อมวลชนนับร้อยได้มายืนออกันหน้าประตูโบสถ์กรุงปารีสเพื่อรอทำข่าวการกุศลของDitaและDominicสามีที่ได้ทำการประมูลเครื่องเพชรประจำตระกูล3ชิ้นโดยรายได้ทั้งหมดจะนำมาเพื่อสมทบทุนแด่โบสถ์กรุงปารีสสำหรับทำกิจกรรมทางศาสนา เป็นค่าอาหารเด็กกำพร้าที่ทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับอุปการะและนำไปเพื่อสนับสนุนให้ความเป็นอยู่ของประชาชนในสลัมมีระดับชีวิตที่ดีขึ้นตลอดจนมีอาชีพการงานเพื่อยังชีพ Ditaในวันนี้ดูงดงามเจิดจรัสในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินเที่ยงคืนซึ่งดูเข้ากันดีกับสามีในชุดสูทสีดำใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีราวกับนางฟ้าเป็นสิ่งที่เธอสามารถสะกดสื่อมวลชนและประชาชนชาวฝรั่งเศสเกินครึ่งที่รักและชื่นชมในตัวเธอ ผมแพล็ททินั่มบลอนด์ดัดอย่างหรูหราแบบมาริลีน มอนโรและรูปร่างเจ้าเนื้อทำให้เธอเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของแวดวงสังคมตลอดจนสื่อมวลชนที่หลงใหลในความสุภาพ ถ่อมตน มีมารยาทและอุทิศตนอย่างจริงใจของเธอ “ฉันเป็นเพียงประชาชนปารีสธรรมดาๆคนหนึ่งที่เผอิญเกิดมาโชคดี อะไรจะเป็นเรื่องน่ายินดีไปกว่าการสรรเสริญขอบคุณพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าด้วยการแบ่งปันสิ่งดีๆเพื่อช่วยเหลือเพื่อนประชาชนชาวปารีสด้วยกัน” Ditaตอบคำถามสื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมด้วยความสุข “แล้วกระแสโจมตีที่ว่ามาดามสร้างภาพและเสแสร้งล่ะครับ” นักข่าวนายนึงยิงคำถาม “ฉันเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าท่านรู้ทุกอย่างค่ะและดิฉันก็สร้างภาพที่ดีจริงๆเพราะดิฉันอยากจะเป็นคนที่ดีของพระองค์” Ditaตอบคำถามอย่างสดชื่น – - ระหว่างทางบนรถลีมูซีนหลังจากเสร็จจากกิจกรรมและการพบปะสื่อมวลชน “โดมินิคเอาโทรศัพท์มาให้ฉันสิ” Ditaสั่งสามีด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ “นี่ครับนายท่าน” Dominicยื่นโทรศัพท์ให้Ditaด้วยท่าทีระมัดระวัง “Diamondเหรอ? สินค้าล็อตหน้าฉันต้องการผู้หญิงญี่ปุ่นเป็นนักเรียนอายุ16-17ได้ยิ่งดี ไม่จำเป็นต้องสอนงานก่อนส่งมาที่นี่หรอกนะ พวกนักการเมืองชอบความตื่นเต้น!” Ditaโทรออเดอร์นางนกต่อสมุนคู่ใจก่อนจะหันไปหาสามี “อองเดรย์มันยอมเปิดปากรึยัง?” สีหน้าของDominicดูหวาดหวั่นทันที “ยังเลยครับนายท่าน” Ditaหันมามองสามีด้วยสีหน้าเยือกเย็นยากที่จะหยั่งรู้ “อ่อนหัดจริงๆพ่อคุณ เดี๋ยวฉันจัดการเอง!!!”

ห้องในใต้ดินในคฤหาสน์หลังงามของDita – - “เผี๊ยะๆๆๆ” เสียงแส้ที่ฟาดลงไปอย่างไม่ยั้งบนร่างเปลือยของตำรวจหนุ่ม Ditaยืนคร่อมอยู่นร่างของอองเดรย์ที่ถูกขึงพืดอยู่บนพื้นด้วยโซ่พร้อมกับร่างกายแดงฉานด้วยเลือดจากกาสที่ถูกแส้กระหน่ำฟาดใส่อย่างบ้าคลั่ง “ขอเตือนว่าฉันมีเวลาเล่นกับแกเรื่อยๆทั้งวันนี้นะเพราะไอ้งานการกุศลให้ไอ้อีโง่ๆพวกนั้นมันไม่มีคิวสำหรับวันนี้” Ditaยืนใส่ส้นเข็มย่ำอยู่บนอกเปลือยของนายตำรวจพร้อมกับเทน้ำตาเทียนลงไปบนใบหน้าของอองเดรย์ “มึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามึงเป็นหนอนบ่อนไส้ให้หมาตัวไหนหรือจะให้กูตัดหนอนมึงออกก่อน” Ditaจิกผมของอองเดรย์ขึ้นมาเอาส้นเข็มเขี่ยไปตรงบริเวณที่ลับของอองเดรย์ที่กำลังอ่อนยวบยาบ “มาดามได้โปรดครับ ได้โปรด” อองเดรย์ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวดก่อนจะร้องดังลั่นเมื่อDitaเอาเข็มฉีดยาเสียบทะลุใบหูจนเลือดพุ่งกระฉูด “มึงดูนี่ให้ดี” DitaเปิดIpadให้อองเดรย์ดูรูปภาพครอบครัวของเขา “ปู่ พ่อแม่ เมียและลูกชายของมึง นี่ไม่ใช่ไม่สุดท้ายแต่เป็นไม้เด็ด!!! มึงอยากให้มันเป็นแบบมึงมั้ย ฮ๊ะๆๆๆๆ” Ditaกระชากและเขย่าขออองเดรย์อย่างแรงจนเข็มฉีดยาที่ปักใบหูทั้งสองข้างของอองเดรย์หักคาพื้น “ผมยอมแล้วครับ ยอมแล้วๆโมลท์เซ่นๆ ‘โมลท์เซ่น อเล็กซานเดอร์’ เป็นคนจ้างให้ผมเข้ามาสืบเบื้องหลังของมาดาม ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลยก็มาโดนจับได้ซะก่อน ปล่อยผมไปเถอะครับ” อองเดรย์ร้องวิงวอน “ได้ฉันจะปล่อยแกว่าแต่ไอ้นักการเมืองคนนั้นมันต้องการอะไรจากฉัน” Ditaถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เขาต้องการจะเป็นใหญ่ในฝรั่งเศสครับทั้งเรื่องยา อาวุธและส่งคนไปขาย กิจการของมาดาสกัดเขาอยู่” อองเดรย์ตอบ “ดีละ” Ditaใช้ส้นเข็มกระทืบเข้าไปในปากของอองเดรย์จนทะลุลิ้นขาดใจตายทันที “ปีเตอร์เผาศพมันซะหรือจะเอาไปเลี้ยงจระเข้ก็ได้แต่ต้อซะหั่นก่อน จระเข้ของฉันจะได้รู้วิธีกินเนื้อแบบที่เดรัจฉานเขาไม่กินกันแล้วบอกโดมินิคว่าให้เก็บครอบครัวมันให้หมดอย่าเว้นแม้แต่เด็ก!!!” Ditaสั่งปีเตอร์พ่อบ้านคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลคนสนิท “ได้ครับคุณหนูว่าแต่กับเมอร์ซิเออร์โมลท์เซ่นคุณหนูคิดว่าควรจะทำอย่างไรดีครับ ดูลาดเลาไปก่อนหรือจะลงมือ?” แต่Ditaหันมาตวาด “ดูลาดเลาไม่ได้แล้ว ไม่ได้ยินที่อองเดรย์มันพูดก่อนฉันฆ่ามันเหรอว่า ‘กิจการของฉันไปขวางตีนมันอยู่’ ก็แสดงว่าไอ้หมาโมลท์เซ่นมันคงจะได้กลิ่นอะไรไปไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ มันอยากจะเป็นใหญ่เราก็ต้องทำให้มันเป็นใหญ่” ปีเตอร์มองดูDitaด้วยความพอใจ “ผมขอถามอีกเรื่องครับ เพชรประจำตระกูลของเราคุณหนูคิดยังไงถึงผแล่อยประมูลไป?” Ditaหันมายิ้ม “เศษเพชรมันก็พอๆกับเศษสวะไม่จำเป็นต้องเสียดาย” ก่อนจะเอามือรูดซิปตรงพื้นของรองเท้าสนเข็มเผยให้เห็นเพชรประจำตระกูลทั้งสามเม็ดที่ยังอยู่ครบ

(โปรดติดตามตอนต่อไป)



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com