
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/10/20/get-into-the-groove-avril-lavigne-ft-chad-kroeger-let-me-go-pop-rockballad-85-45/
hysteria
Avril Lavigne Ft.Chad Kroeger : Let Me Go : Pop-Rock/Ballad (85% = 4/5)
เพลงออกมาตั้งนมนานแล้วดิฉันเพิ่งจะได้มาฟังจริงจังเอาก็อีวันนี้นั่นแหละค่ะกับงานซิงเกิ้ลล่าสุดของสาว อาวริล ลาวีญ ที่ใช้ชื่อว่า Let Me Go ที่เพลงนี้ไปเกี่ยวก้อยเอาพี่ แชด ครูเกอร์ หัวหอกวงแคนาเดี้ยนร็อคระดับแนวหน้าอย่าง Nickelback และที่สำคัญที่สุดเป็นสามีของนางเองมาร่วมครวญในซิงเกิ้ลนี้ด้วยว่าแล้วหลังจากที่ดิฉันตามมากรี๊ดกร๊าดของใหม่อย่างหนูไมลี่ย์ ไซรัส,เคที่ เพอร์รี่และเลดี้กาก้าจนถีบหัวส่งของเก่าอย่างเจ๊วีนผู้เป็นไอดอลคนสำคัญสมัยวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ตามรักตามหอบหิ้วกันมาเป็นสิบปี วันนี้ก็ถึงเวลากลับไปประจำตำแหน่งทำหน้าที่แฟนคลับที่ดีเสียที
หลังจากที่อัลบั้มชุดที่แล้วอย่าง Goodbye Lullaby ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ซบเซาสำหรับดิฉันแม้ว่า What The Hell จะไปได้ดีถึงท็อป20บนชาร์ตทั้งฝั่งอเมริกาและยูเคตลอดจนทำอันดับทั่วโลกได้ค่อนข้างดีแถม SmileกับI Wish You Were Hereก็ยังเปิดวนเวียนหลอกหลอนค่อนข้างบ่อยตามคลื่นวิทยุในบ้านเรามาจวบจนทุกวันนี้แต่ดิฉันวัดโดยเปรียบเทียบจากปรากฏการณ์ที่เธอเคยสร้างมาในสามอัลบั้มก่อนหน้าเมื่อมาเทียบกันแล้ว Goodbye Lullaby ดูจะเป็นงานที่มีความทรงอิทธิพลต่อตลาดเมนทสตรีมน้อยที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมาอันนี้รวมถึงความทรงพลังของตัวอัลบั้มที่เรียกได้ว่าอ่อนยวบไปเยอะทั้งในส่วนของการเรียบเรียงและความมีเสน่ห์น่าสนใจแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอพยายามที่จะมีพัฒนาการขึ้นนะเพียงแต่ขาดไฟก็เท่านั้น มาที่อัลบั้มล่าสุดที่เห็นว่าจะเป็นSelf-Titledโดยใช้ชื่อเดียวกับตัวเอง - Avril Lavigne - ก่อนหน้านี้จำความได้ว่าปล่อย Heres To Never Growing Up มาเป็นซิงเกิ้ลแรกซึ่งอันดับบนบิลบอร์ดนี่ไม่ได้ติดตามจริงๆก่อนจะเห็นว่าเดี๋ยวก็มีเพลงโน้นเพลงนี้หลุดออกมาเป็นระลอกๆแต่ได้มาฟังอีกทีก็ Let Me Go ที่กำลังเขียนอยู่นี่แหละค่ะซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นซิงเกิ้ลลำดับที่เท่าไร
คงต้องบอกว่าก่อนหน้านี้คลายความสนใจที่มีในตัวเธอไปค่อนข้างเยอะเหมือนกันเพราะอย่างที่บอกว่าปีนี้ชื่อของไมลี่ย์,เคที่,กาก้า,บริทนี่ย์หรือแม้แต่ที่หลุดวงโคจรลอยตัวไปแล้วอย่างย่าแฌร์เป็นอะไรที่ดูน่าสนใจกว่า อาวริล ลาวีญ เยอะ เพราะเรียนตามตรงว่าดิฉันยังสัมผัสจุดยืนที่เธอจะสื่อในอัลบั้มนี้ไม่ได้เลยว่านางจะเอายังไงกันแน่?!!! แต่พอมาได้ฟัง Let Me Go ในวันนี้แล้วขอบอกว่ากู้ศรัทธาคืนมาได้ชนิดเต็มแม็คเต็มเปี่ยมและทำให้แฟนคลับคนนี้มีกำลังใจที่จะยืนหยัดที่จะเชื่อและมีความหวังในตัวเธออีกครั้ง แม้ว่าบางคนฟังแล้วอาจจะเบือนหน้าว่านี่มันก็งานพ็อพร็อคบัลลาดแบบอนุรักษ์นิยมและเป็นงานบัลลาดสูตรสำเร็จเดิมๆที่อาวริลทำมาตลอดนี่ แต่สำหรับดิฉันแทนที่จะคิดว่ามันซ้ำซากส่วนตัวกลับชอบนะอันนี้ไม่ได้ใช้ความรู้สึกที่ว่า นี่แหละ! เพลงแบบนี้แหละที่แฟนๆคาดหวังจะฟังจากเธอ มาตัดสินคะแนนนะคะ เพียงแต่ในสูตรสำเร็จนี้ส่วนตัวแล้วมองเห็นพัฒนาการในการเรียบเรียงเมโลดี้ของดนตรีที่มีลูกล่อลูกชนและมีมิติมากกว่าเดิมอาจจะเพราะว่าดึงตาแชดสามีมาร้องด้วยกระมังมันเลยดูมีบางเศษเสี้ยวของสรรพสำเนียงดนตรีแบบ Nickelback ผสมผสานอยู่ด้วยเพียงแต่ไม่ได้หนักหน่วงหรือเกรี้ยวกราดเท่าภาพรวมยังเป็นงานพ็อพร็อคบัลลาดที่โดดเด่นบนท่วงทำนองของเพียโนและเครื่องสายในแบบที่อาวริลชอบทำช่วงหลังๆซึ่งครั้งนี้ขอชมในเรื่องของ การใช้เสียง พัฒนาขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัดจริงๆนะ ทั้งการสื่ออารมณ์ที่ดูถึงขึ้นมากไหนจะเสียงประสานที่สร้างมิติให้ตัวเพลงดูแพรวพราวมีชั้นเชิงขึ้นยิ่งช่วงหลังที่เล่นมุขเฟดเอ๊าท์สับขาหลอกคนฟังไปแล้วแต่ยังหยอดความเป็นอัลเทอเนทีฟผสานกลิ่นซิมโฟนิคหลอนๆก่อนจะทิ้งผู้ฟังให้ลอยท่ามกลางความเคว้งคว้างประหนึ่งลมพัดวูบ - ว่าแล้วอยากเห็นเธอสับรางมาทำพวกโกธิคหรือแอมเบี้ยนท์จังคงขึ้นนะ - บวกเสียงร้องที่เธอดวลกับพี่แชดซะทรงพลังสุดเสียงสังข์แล้วทั้งหมดทั้งมวลทำให้เพลงนี้ดูแพงระยับและไพเราะน่าฟังมากๆ ชอบอ่ะ!