
หลังจากความสำเร็จของหนังจากนิยายวัยรุ่นอย่าง The Twilight Saga และ The Hunger Games ทำให้มีหนังแนวเดียวกันออกมายกใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีหนังเรื่องไหนทำออกมาได้ประสบความสำเร็จจริงๆ The Mortal Instruments: City of Bones เป็นเรื่องหนึ่งที่แป้กอย่างมากทั้งคำวิจารณ์และรายได้ หนังเปิดตัวในสหรัฐไปเพียง 14 ล้านเหรียญจากการฉาย 5 วัน และทำเงินไปทั้งสิ้นจากการฉายในบ้านเพียง 31 ล้านเหรียญ เมื่อวัดจากทุนสร้าง 60 ล้านเหรียญที่ยังไม่รวมงบประชาสัมพันธ์และการตลาดแล้ว ทำให้คอนสแตนติน บริษัทผู้สร้างหนังตัดสินใจระงับการดำเนินงานสร้างภาคต่อหลังจากเปิดกล้องได้หนึ่งสัปดาห์ เพื่อพิจารณาว่าจะเอายังไงดี จะปรับกระบวนยุทธ์ยังไง และดูเหมือนว่าพวกเขาได้คิดออกแล้ว จึงประกาศออกมาว่าจะเริ่มดำเนินงานสร้างใหม่ในปี 2014 ครับ
มาร์ติน มอสซโกวิคซ์ หัวหน้าฝ่ายรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ของคอนสแตนติน เปิดเผยแก่เดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์เตอร์ ถึงเหตุผลที่ทำให้กลับมาสร้าง The Mortal Instruments: City of Ashes ที่เป็นภาคสองของหนังว่า ฐานแฟนคลับของนิยายจากงานเขียนชุดนี้ของแคสซานดรา แคลร์ ที่มีอยู่มากมายเป็นเหตุผลสำคัญ และทางบริษัทก็ได้กำลังใจมากจากพวกเขา
แฟนๆ ต่างตอบสนองออกมา ทั้งจากบล็อคต่างๆ และจากจดหมายที่เราได้รับ ให้กำลังใจในการสู้ต่อ มันเป็นกระแสด้านบวกอย่างท่วมท้นเมื่อเทียบกับหนังจากนิยายวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ
มอสซโกวิคซ์บอกด้วยว่ารายได้จากการฉายในต่างประเทศตอนนี้ใกล้ 100 ล้านเหรียญแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดการณ์มากๆ
เรากำลังวิเคราะห์กันว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปในภาคแรก โดยเฉพาะการวางหน้าหนังและการตลาด และเราต้องเปลี่ยนตรงไหนบ้าง เรากำลังร่วมมือกับทีมงานที่ยอดมากในการวางจุดขายใหม่ให้แก่ภาคต่อ
แล้วอะไรที่ผิดพลาดไปสำหรับภาคแรก ผู้บริหารของคอนสแตนตินเผยว่าเหตุผลหนึ่งมาจากการตลาดที่เน้นกลุ่มเป้าหมายแคบเกินไป โดยเน้นไปแค่วัยรุ่น
ผู้อ่าน The Mortal Instrument มีอายุมากกว่าที่เราคาด นั่นเป็นประเด็นหนึ่งของการตลาด และเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากเกินไป
ถ้าผู้สร้างต้องการปรับให้เป็นหนังสำหรับผู้ชมวัยผู้ใหญ่ด้วยตามที่กล่าว จะแปลว่าเนื้อหาของภาคต่อจะโตหรือมีฉากสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้นด้วยหรือไม่ พวกเขาไม่ได้บอกมาครับ แต่ถ้าจะทำเช่นนั้นก็อาจต้องมีการปรับบทของ City of Ashes ใหม่ รวมถึงโทนของหนังและตัวละครด้วย และการที่จะเริ่มดำเนินงานสร้างใหม่ในปี 2014 แปลว่าหนังอาจจะได้เข้าในปี 2015 เป็นอย่างเร็วที่สุด
ที่มา
เป็นติ่งนิยายเรื่องนี้ค่ะ แต่หนังหวังแค่ว่ารายได้จะพยุงพอสร้าง ภาค City of Glass(ภาค 3) ได้แค่นั้น
เพราะรอคู่นี้เท่านั้น





_________________
