
hysteria
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/10/31/back-in-the-day-fever-ray-fever-ray-trip-hopelectronicdowntempoexperimental-85-45/comment-page-1/#comment-350
Fever Ray : Fever Ray : Trip Hop/Electronic/Downtempo/Experimental (85% = 4/5)
(อีกหนึ่งอัลบั้มหลอนๆที่ขอเอากลับมาลงอีกครั้งส่งท้ายHalloween)
หนึ่งในสิ่งที่ดิฉันชอบสำหรับเฟซบุ๊คส์คือในหลายๆครั้งเว็บไซต์นี้ไม่เพียงแต่จะแนะนำให้เรารู้จักเพื่อนที่น่ารักๆจากทุกมุมโลกมากไปกว่านั้นหลายๆครั้งยังทำให้ดิฉันได้รู้จักหลายคนที่คุยภาษาเดียวกัน ในที่นี้อาจจะหมายถึงรสนิยมเหมือนกัน ชอบอะไรคล้ายกัน มีทัศนคติที่ตรงกัน ตลอดจนชีวิตที่ผ่านมาอาจจะเจออะไรที่มันใกล้เคียงกันชนิดน่าอัศจรรย์ใจจนคุยกันถูกคอไปโดยปริยาย หนึ่งในบรรดาบุคคลเหล่านั้นคือ Moet หลานชายของดิฉันผู้ซึ่งแนะนำศิลปินสุดเจ๋งท่านนี้ในวินาทีที่เหม็นเบื่อวงการดนตรีอย่างสุดๆ
รูปแบบดนตรี
Fever Ray คือโซโล่อัลบั้มชุดแรกภายใต้ชื่อเดียวกันกับศิลปินของ Karin Dreijer อดีตสมาชิกดูโอวงอิเล็คโทรนิคจาก เอ่ ไม่ก็สวิตก็สวีเดนแหละค่ะจำไม่ได้ เหอๆๆๆๆ อย่างวง The Knife ที่ดิฉันยังไม่ทันได้สัมผัสหรือได้รู้จักมักจี่อะไรกับงานของทางวงดีก็ชิงวงแตกกันไปก่อนซะอย่างนั้น โดยคุณเจ๊ฟีเวอร์ เรย์ ได้หอบหิ้วสานต่อความฝัน รสนิยมอันวิจิตรพิสดารและอุดมการณ์ทางดนตรีมาเย็บต่อกับงานชุดแรกบนภาคดนตรีอินดี้อิเล็คโทรนิคเย็นยะเยือกสุดหลอนวิญญาณกระชากขวัญซึ่งตลอด10แทร็คที่ดิฉันได้ฟังเนี่ยขอคารวะในความน่ากลัวปวดจิตตลอดจนวิปลาสอย่างมีศิลปะของเจ้าหล่อนชนิดเต็ม10เลยทีเดียว ต๊ายยยย ตาโมเอ็ทช่างรู้ใจลุงจริง
จุดด้อย
ฟังยากและเข้าใจยากค่ะชุดนี้!!! ด้วยความที่ตัวคุณศิลปินติ๊สท์และหลอนจัดดังนั้นอย่าได้กล้าวาดภาพงานอิเล็คโทรนิคแบบติดหูโฉ่งฉ่างแด๊นซ์กระจายซ่องแตกเพราะคุณ จะผิดหวัง หึหึหึ และแน่นอนดิฉันกล้าพูดได้ว่ามันเป็นงานอิเล็คโทรนิคที่ค่อนข้างจะคนละฝากกับความต้องการของคนส่วนใหญ่จึงสามารถสรุปโดยพิสดารได้ว่า เป็นงานดนตรีที่ดีแต่ไม่ใช่งานสำหรับใครหลายๆคน อย่างไรก็ตาม ชอบนะ ที่ศิลปินสามารถนำเสนอเนื้องานออกมาได้อย่างมีเอกภาพและรักษาคอนเส็ปท์ในการนำเสนอตัวเองชนิดแทร็คต่อแทรคได้อย่างดีไม่มีหลุดหากแต่มองในมุมมกลับคือ ความซ้ำซากและน่าเบื่อ ด้วยการที่เอวนเวียนอยู่กับลูกเล่นเดิมๆจนน่ารำคาญรวมถึงทั้ง10แทร็คที่แถบจะหาจุดเด่นและความแตกต่างให้ตัวเองแถบไม่ได้เลยทีเดียวคือ กลืนกันไปหมดเป็นเนื้อเดียว ซึ่งนับว่าเป็นข้อผิดพลาดที่ศิลปินอิเล็คโทรนิคหลายๆท่านหลายๆท่านเช่นเดียวกับพวกสายเมทัลหรือฮิพฮอพส่วนใหญ่เท่าที่ฟังมาหนีข้อผิดพลาดนี้กันไม่พ้นทั้งนั้น เอ หรือว่าเป็นวัฒนธรรมของพวกเขาที่เราเองเข้าไม่ถึงกันแน่หว่า?
แทร็คเด็ด
ประเดิมความหลอนด้วย If I Had A Heart (4.5/5) แทร็คเปิดอัลบั้มกับภาคดนตรีอิเล็คโทรนิคที่ยืนพื้นบนลูกเล่นของดาร์คแอมเบี้ยนท์ปะทะซินธิ์ลอยๆสุดหลอนลอยละล่องและมืดหม่นเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจเสริมทัพด้วยกลิ่นอายโกธิคหม่นๆและภาคเนื้อหาที่สะท้อนสันดานดิบสุดวิปริตและพิศวงชนิดที่น้อยคนจะข้ามเส้นสัมผัสไปได้ถึง ฟังแล้วชวนนึกถึงบทสวดอเวจีจากลัทธิบูชาซาตาน แทร็คถัดไป When I Grow Up (4.5/5) อินดี้อิเล็คโทรทริพฮอพเพลงเก่งที่โดดเด่นบนท่วงทำนองของการจับจังหวะเต้นรำแบบแคริบเบี้ยนประสานวิญญาณเข้ากับซาวนด์ดาวน์เทมโพหนืดๆสุดหลอน เป็นหนึ่งในแทรคที่ติ๊สท์และเท่ห์ที่สุดในอัลบั้มเช่นเยวกันกับ Dry And Dusty (4/5) ที่หยอดเอ็กซ์เพอริเมนทัลและแอมเบี้ยนท์เข้าไปได้อย่างลงตัวเก๋ไก๋ไม่แพ้กัน ต่อด้วย Seven (4/5) ที่พ็อพขึ้นมาหน่อย ตัวเพลงเป็นซินธิ์ติดดาวน์เทมโพลอยๆเคียงคู่ไปกับกลิ่นอายเวิลด์มิวสิคเย็นๆลอยละล่อง จะว่าไปติดหูพอควรเลยทีเดียวถ้าเทียบกับแทร็คอื่นๆในอัลบั้ม มาที่ Keep The Streets Empty For Me (5) คลาสสิคและหนาวเหน็บเย็นยะเยือกเกรี้ยวกราดกับภาคอคูสติคโฟล์คโทรนิก้าบัลลาดผสานซินธิ์พ็อพลอยๆเจือเข้ากับดาร์คแอมเบี้ยนท์มืดหม่นอนธกาลและเอ็กซ์เพอริเมนทัลสุดหลอน เป็นหนึ่งในแทร็คที่ชอบที่สุดของงานชุดนี้ อำลาผู้ฟังได้อย่างเด็ดดวงด้วย Coconut (5) แทร็คปิดอัลบั้ม ตัวเพลงเป็น Exotica ประมาณมาร์ทิน เดนนี่ภาคป่วงจิตซึ่งหลักใหญ่ใจความเล่นบนอิเล็คโทรนิก้าต่อยอดไปสู่เวิลด์ เล้าจ์น อิมเพรสชั่นนิสต์ แอมเบี้ยนท์ ดาวน์เทมโพและเอ็กซ์เพอริเมนทัลได้อย่างเหนือชั้นร้ายกาจสุดๆ
สรุป
เจ๋งๆ