˹���á Forward Magazine

ตอบ

อีโตจัน (4)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อีโตจัน (4) 



http://hysteriaculture.wordpress.com

http://www.facebook.com/hysteriaculture

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

ความเดิมจากตอนที่แล้ว : อีโตจันไปออกเดตกับซาโตชิที่โตเกียวพาราไดซ์แล้วถูกกลุ่มนักเลงมาไถเงิน ซาโตชิถูกทำร้ายจนสลบและอีโตจันเข้ามาสู้กับพวกนักเลงจนพวกนั้นแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เคียวโกะที่แอบตามไปดูการเดตของทั้งคู่เห็นเหตุการณ์และเห็นการต่อสู้ของอีโตจัน ที่มาเก๊าเมหลีฮั๊ว(ราชินีพัดเหล็กคาโอริ)ได้ลอบเข้าไปทำลายแก๊งค์ขบวนการค้ามนุษย์และยาเสพย์ติดที่ใหญ่ของสุดในจีน ที่หลบมาตั้งสาขาที่ฮ่องกงทำให้อำนาจสูงสุดขององค์กรมืดในแผ่นดินใหญ่ตกอยู่ในมือของผู้มีวิทยายุทธ์อีกครั้ง

อีโตจันยืนมองพวกกลุ่มนักเลงที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตหลังจากที่ถูกดาวกระจายของเธอโจมตีไปจนบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะหวะ ก่อนจะหยิบมีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้พื้นรองเท้าของเธอออกมาแล้วชี้ไปทางพุ่มไม้ “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?!!!” เคียวโกะเดินออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบเดินตรงเข้ามาร่างที่นอนนิ่งไม้ไหวติงของซาโตชิทำเอาอีโตจันถึงกับหน้าถอดสีก่อนจะค่อยๆลดมีดลง “เคียวโกะ!!! ฉัน เธอเห็น” แต่เคียวโกะวิ่งมากอดเพื่อนรักไว้แล้วกระซิบว่า “ช่างมันเถอะ!!! เธอปลอดภัยน่ะสำคัญที่สุด เรารีบพาซาโตชิไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า”

จันทรากำลังสาละวนเก็บกวาดข้าวของอยู่ในร้านอาหารไทยเล็กๆแต่กิจการรุ่งเรื่องที่เธอเปิดหาเลี้ยงชีพมาตลอด16ปีพลางมองไปที่นาฬิกาที่บอกเวลา5ทุ่มตรงพร้อมกับมองไปที่ประตูร้านด้วยความกังวลใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นแก่ลูกสาวเนื่องจากอีโตจันไม่เคยผิดเวลาขนาดนี้ ก่อนจะได้รับโทรศัพท์จากทางสถานีตำรวจว่าขณะนี้อีโตจัน เคียวโกะและอาจารย์มิซาเอะกำลังให้ปากคำอยู่ที่โรงพัก

ณ สถานีตำรวจโตเกียวอีโตจันกับเคียวโกะกำลังก้มหน้ารับฟังคำอบรมจากสารวัติ “พวกเธอรู้มั้ยว่าแถวนั้นมันอันตรายมากๆ เด็กอายุ16อะไรกันนี่เที่ยวกันดึกดื่นมืดค่ำจนปากข้าไป3-4ทุ่ม ช่างไม่รู้จักหน้าที่เอาซะเลย!!! แล้วนี่เป็นไงเธอทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วงและไหนจะต้องรบกวนเวลาของคุณครูเธออีก” เขาหันไปทางอาจารย์มิซาเอะที่กำลังลูบหลังปลอบขวัญเคียวโกะที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น “ผมฝากคุณครูช่วยตักเตือนน้องสองคนนี้ด้วยนะครับ” สารวัติพูดเสียงนุ่ม “ได้ค่ะ!!! แต่วันนี้พวกแกสองคนก็เหนื่อยมากแล้ว ดิฉันว่าคุณน่าจะให้แกสองคนกลับบ้านกันได้แล้วนะคะ” มิซาเอะมองลูกศิษย์ทั้งสองด้วยความห่วงใย “ผมติดต่อแม่ของอีโตจันแล้วครับ ส่วนผู้ปกครองของเคียวโกะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศทั้งคู่เลยและนี่ก็ดึกมากแล้วยังไงผมต้องขอรบกวนคุณครูช่วยไปส่งเธอด้วยนะครับ” มิซาเอะพยักหน้ารับ “ว่าแต่เรื่องราวมันดูแปลกๆนะครับทั้งคู่บอกว่าพอซาโตชิถูกตีจนสลบเธอทั้งสองก็ร้องกรี๊ดให้คนช่วยและพวกนั้นก็วิ่งหนีไป ทั้งๆที่ตรงนั้นเปลี่ยวมากจนเกิดเหตุโจรกรรมบ่อยครั้งกับแค่เสียงกรี๊ดของพวกเธอไม่น่าจะทำให้พวกมันกลัวได้” สารวัติเริ่มทบทวนเรื่องทั้งหมดอีกครั้งก่อนที่เคียวโกะจะร้องท้วงขึ้นมา “แต่คุณตำรวจคะพวกหนูเล่าทุกอย่างไปหมดแล้วจริงๆนะคะ” ตามด้วยเสียงเปิดประตูของจันทราที่เดินเข้ามาในห้องและตรงเข้ามากอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาถามเรื่องราวกับสารวัติ เคียวโกะและคุณครูมิซาเอะว่าเกิดอะไรขึ้น

“คือว่าลูกสาวของคุณไปเที่ยวโตเกียวพาราไดซ์กับเคียวโกะและเพื่อนนักเรียนชายที่ชื่อ’โอซาว่า ซาโตชิ’และถูกพวกอันธพาลเข้ามารุมทำร้ายน่ะครับ โชคดีที่เคียวโกะกับอีโตจันปลอดภัยแต่โอซาว่าคุงถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล” สารวัติเป็นคนตอบ จันทราก้มลงมองที่ลูกสาวแล้วดูเหมือนพอจะเข้าใจเหตุการณ์ “ทางผมจึงขอความร่วมมือคุณในการอบรมและเข้มงวดกับบุตรสาวให้มากกว่านี้ด้วยนะครับ ไม่ควรเลยที่จะปล่อยให้เด็กออกไปเที่ยวจนดึกดื่นมืดค่ำขนาดนี้” สารวัติเสริมแต่ถูกจันทราสวนทันควัน “นี่เป็นครั้งแรกในรอบ16ปีที่ลูกสาวดิฉันกลับบ้านผิดเวลา เรื่องตักเตือนเป็นหน้าที่ๆแม่ทุกคนรู้ดีว่าจะต้องทำในกรณีไหนและในกรณีนี้ฉันจะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ดิฉันว่าตำรวจสมควรจะแก้ปัญหาให้ถูกจุดถ้าพื้นที่ตรงนั้นมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยๆก็สมควรจะมีกำลังตำรวจคอยตระเวนดูแลในพื้นที่นั้นมากกว่าจะมาแก้ปัญหาด้วยการกักบริเวณหรือฝืนธรรมชาติของเด็กวัยรุ่นที่ก็ต้องมีบ้างเรื่องเที่ยวเตร่สังสรรค์ตามประสา” สารวัติถึงกับผงะเมื่อเจอน้ำเสียงที่ทรงอำนาจและท่าทางเอาจริงของจันทรา “นี่คุณกำลังจะโยนความผิดมาว่าเป็นความบกพร่องของตำรวจเหรอครับ?” สารวัติพยายามจะพลิกสถานการณ์แต่เป็นฝ่ายจันทราที่เดินเกมส์ต่ออย่างฉลาด “โยนความผิดกับเตือนสติให้รู้ว่าผิดนี่มันต่างกันนะคะคุณตำรวจ ดิฉันต้องขอกราบขอบพระคุณในความกรุณาและแน่นอนรบกวนไปคิดทบทวนดีๆด้วยว่าดิฉันพูดอะไรที่’ผิด’รึเปล่าเพราะความจริงมักจะเป็นสิ่งที่ผิดเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ ‘ผู้ชายรับกับมันไม่ค่อยได้’” มิซาเอะและเคียวโกะดูเหมือนจะทึ่งในความมั่นใจและฉาดฉานของจันทรา ในขณะที่สารวัติรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจึงรีบพูดแก้เขิน “ว่าแต่หน้าตาคุณสองคนดูไม่เหมือนแม่ลูกกันเลยนะครับ” ก่อนที่จะถูกจันทราตอกกลับอีกหนึ่งดอก “แล้วฉันจำเป็นต้องให้การคุณด้วยมั้ยคะว่า’พ่อมันทิ้ว’ไป16ปีแล้ว หน้าอีโตจันอาจจะเหมือนพ่อมากทีเดียวค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้คุณครูก็มีสอนและเด็กๆต้องเรียนหนังสืออีก ดิฉันว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วก็อยากจะบอกว่าขอตัว’เสียที’ค่ะ” สารวัติดูเหมือนจะถูกใจในความเป็นผู้หญิงห้าวหาญตรงไปตรงมาของจันทรา หากแต่ก็มีเสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับตำรวจสองนายที่คุมเอาอันธพาลสามคนที่เนื้อตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยกรีดเหวอะหวะ – - นักเลงสามคนที่สู้กับอีโตจันนั่นเอง – - “ขอประทานโทษครับท่านสารวัติทางเราได้จับกุมตัวนายสามคนนี้ได้ในย่านโตเกียวพาราไดซ์ พวกหมอนี่มีประวัติเรื่องการจี้ปล้นชิงทรัพย์ในย่านนั้นหลายรายทีเดียว พวกมันให้การตอนจับมาว่าถูกเด็กนักเรียนหญิงขว้างดาวกระจายใส่แถวๆท่าเรือครับ” นายตำรวจชั้นผู้น้อยให้การทำเอาอีโตจันและเคียวโกะถึงกับหน้าถอดสี “นายว่าอะไรนะ?!!! ดาวกระจายอย่างนั้นเหรอ?!!!” สารวัติถามด้วยน้ำเสียงงุนงงในขณะที่มิซาเอะดูจะสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาทีเดียว อีโตจันหันมาสู้หน้ากับหัวโจกทั้งสามทำเอาพวกมันร้องจ๊ากกกออกมาด้วยความหวาดกลัว หากแต่จันทราได้เพ่งกระแสจิตไปที่ทั้งสามทำให้พวกมันตกอยู่ในอาการเบลอและดูเหมือนจะจำพูดจาแบบจับใจความไม่ได้ “อะไรวะเนี่ย สงสัยพวกนี้มันต้องเล่นยาแน่ๆพาพวกมันไปทำแผลเสียก่อนและกุมตัวไว้ให้ดี” สารวัติออกคำสั่งเด็ดขาด

จันทรา อีโตจัน เคียวโกะและคุณครูมิซาเอะเดินออกมาจากโรงพักพร้อมกับมิตรภาพครั้งใหม่ของสองสาวรุ่นใหญ่ “ขอบคุณคุณครูมากเลยนะคะที่ช่วยดูแลลูกอีโตจันของดิฉันเป็นอย่างดี” จันทราหันมาโค้งคำนับ “ด้วยความยินดีค่ะคุณนายอาโตอิ” มิซาเอะโค้งตอบ “จริงๆแล้วเป็นหน้าที่น่ะค่ะ แต่ดิฉันก็เต็มใจมากๆค่ะ ความฝันสูงสุดในชีวิตของฉันก็คือได้เป็นคุณครูดูแลนักเรียนแบบนี้นี่แหละ ไม่มีอะไรสวยงามไปกว่านี้แล้ว ว่าแต่ก็ต้องขอขอบคุณคุณนายอาโตอินะคะที่ช่วยให้เรื่องนี่ง่ายขึ้นมากทีเดียว หมายถึงเรื่องที่ต้องเคลียร์กับสารวัติน่ะค่ะลองเป็นฉันแค่คนเดียวก็ยังไม่รู้เลยว่าต่อให้เที่ยงคืนจะได้ออกจากโรงพักรึเปล่า” มิซาเอะหัวเราะ “ว่าแต่ป่านนี้ซาโตชิจะเป็นยังไงบ้างนะ? นี่ก็คงจะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว” เคียวโกะแทรกขึ้นมา “นั่นนะสิ!!! กล้าหาญมากเลยเด็กคนนั้นฉันล่ะอยากจะเห็นหน้าจัง” จันทราหันมามองหน้าเคียวโกะกับลูกสาว “ว่าแต่คืนนี้หนูเคียวโกะจะกลับบ้านยังไงล่ะนี่ก็จวนจะเที่ยงคืนแล้ว???” จันทราถาม “แม่ขา คืนนี้หนูอนุญาติให้เคียวโกะมานอนที่บ้านเราได้มั้ยคะ?” อีโตจันพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมาเกือบสองชั่วโมงเต็ม “ก็ดีสิ!!! พรุ่งนี้เราจะได้ไปเยี่ยมโอซาว่าซังพร้อมๆกัน แม่ก็ขอเป็นตัวแทนของคุณแม่เคียวโกะขออนุญาติคุณครูมิซาเอะหยุดเรียนซะเลยแล้วกัน” จันทรามองหน้าที่อิดโรยเหนื่อยล้าของเด็กสาวทั้งสอง “เฮ้อ!!! จะปฏิเสธก็คงไม่ได้สินะ พรุ่งนี้ครูก็กะจะทำเรื่องลาช่วงครึ่งเช้าไปดูอาการของโอซาว่าคุงเหมือนกัน” มิซาเอะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ว่าแล้วก็ไปทานข้าวกันเถอะค่ะมื้อนี่ดิฉันเป็นเจ้ามือเอง” จันทราเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเสียงเฮลั่นของเด็กสาวทั้งสอง “ค่ะ ดิฉันเป็นแขกวีไอพีของหอนางโลมที่เป็นภัตราคารจีนพอดี ปกติเข้าไม่ให้เด็กเข้าหรอกนะจ๊ะ (มิซาเอะปรายตาไปที่เด็กสาวทั้งสอง) แต่ถ้ามีปกครองไปด้วยฉันเชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะเคยพาหลานๆไปทานดึกๆบ่อยน่ะค่ะ”

ฝรั่งเศส – - “โมลท์เซ่น อเล็กซานเตอร์” นักการเมืองผู้มีชื่อเสียงสุดฉาวโฉ่ ภายใต้เครื่องเคราบนใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ภายในผู้ชายคนนี้แฝงอันตรายและความวิปริตไว้เต็มเปี่ยม เขากำลังนั่งกุมหูอยู่ในห้องประชุมของพรรค – - หรือถ้าจะพูดให้ถูก “ห้องประชุมของบ้านเขาเอง” – - “บ้าจริง!!! อองเดรย์ขาดการติดต่อมาหลายสัปดาห์แล้วและเมื่อวานไฟก็เพิ่งไหม้บ้านคลอกลูกกับเมียและคนทั้งบ้านมันตายยกครัวไปอีก” โมลท์เซ่นแผดเสียง “ผมว่ามันต้องโดนโดมินิคสั่งเก็บไปแล้วแน่ๆเลยอีแบบนี้” สมาชิกพรรคคนนึงแทรกขึ้นมา “มันเดินเกมส์เร็วกว่าเราทุกครั้งไอ้โดมินิคเนี่ย ฉันละสงสัยจริงๆการส่งสายก็ล้มเหลวไปสี่ครั้ง หาทางเข้าใกล้ตัวหรือสืบอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้เลย” โมลท์เซ่นพูดพลางหันหน้าไปมองความมืดมิดเงียบสงัดของถนนบนกรุงปารีส “แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาสายของเรารายงานมาว่าสาขาใหญ่ของมันในมาเก๊าถูกระเบิดอีกแล้วนะครับ หุ้นส่วนในฮ่องกงของมันตายกันยกบ้านเลยแถมเอเย่นต์มือดีที่มันส่งไปอีก ก่อนหน้านี้สาขาย่อยๆของมันที่อยู่บนจีนแผ่นดินใหญ่ก็ดูเหมือนจะมีเหตุให้มีอันเป็นไปตลอดช่วง4-5ปีที่ผ่านมาไม่ถูกไฟไหม้ก็ถูกฆ่าเป็นศพตายอนาถกันหมดองค์กรบ้างล่ะ เรื่องนี้ดูเหมือนจะกระทบพวกมันอยู่มากทีเดียว” สมาชิกอาวุโสของพรรคท่านนึงเอ่ย “อยากรู้จริงๆว่าใครนะที่จ้องจะเล่นงานมัน” โมลท์เซ่นหัวเราะในลำคอ ก่อนที่เลขาจะโอนสายโทรศัพท์เข้ามาในห้อง “นี่โมลท์เซ่นพูด” เขารับโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงปีเตอร์คนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลDitaโทรมาเชิญให้ไปงานมิดไนท์ดินเนอร์การกุศลที่Ditaจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ “มันให้คนโทรมาเชิญให้ไปที่งานดินเนอร์การกุศลที่เมียมันจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผมว่าเราควรจะไปแต่อย่าเพิ่งเปิดตัวหรือทำอะไรให้เป็นเป้าสายตา ผมว่าถ้าเราจะเข้าถึงตัวมันก็ต้องผ่านนังDitaซะก่อนและถ้าจับนังนี่มาได้ ข้อแม้อะไรก็ตามโดมินิคก็ต้องยอม

คฤหาสน์ของDita – - “คุณหนูครับผมโทรศัพท์ไปเชิญท่านโมลท์เซ่นมาตามคำสั่งของคุณหนูแล้วครับ” ปีเตอร์บอกDitaอย่างนอบน้อม “ดีมากปีเตอร์! เตรียมให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” Ditaพูดระหว่างที่มองร่างๆหนึ่งที่กำลังดิ้นอย่างหวาดกลัวจากการถูกเชือกมัดข้อเท้าให้ห้อยหัวลงมาเหนือบ่อจระเข้ “อะไรจะสนุกไปกว่าการจะทำให้ตายด้วยสิ่งที่มันแสวงหา” Ditaยิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับฝูงจระเข้ที่กระโดดอย่างบ้าคลั่งด้านล่างก่อนจะค่อยๆเอามือกดโทรศัพท์ไอโฟนแล้วฟังเสียงกรีดร้องของหัวขโมยที่แอบลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์ของเธอแล้วถูกจับได้ที่กำลังร่วงลงไปพบกับวาระสุดท้ายของชีวิตด้านล่าง

โตเกียว – - ณ หอนางโลมจีนสาขากรุงโตเกียว จันทรา,อีโตจัน,เคียวโกะและมิซาเอะกำลังตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศการแสดงวิทยายุทธ์จีน งิ้ว กายกรรมและแน่นอนอาหารจีนเลิศรสที่ทยอยมาเสิร์ฟด้วยวิธีที่ตื่นตาตื่นใจเถอะ “ให้ตายเถอะค่ะคุณครูมิซาเอะ ดิฉันอยู่ญี่ปุ่นมา16ปียังไม่รู้เลยว่ามีภัตราคารแบบนี้อยู่ด้วย” จันทราพูดด้วยความตกตะลึง “หนูไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์จะรู้จักร้านเก๋ๆแบบนี้ด้วย ทำไมหนูไม่เคยรู้เลย” เคียวโกะกระซิบทั้งๆที่กำลังเคี้ยวเป็ดปักกิ่งสูตรจักพรรดิเต็มปาก “โฮะๆๆ ก็วันๆฉันเห็นเธอไม่กรี๊ดกร๊าดแต่พวกAKB48,Morning MusumeหรือArashiก็มัวแต่นั่งจิ้มไอแพดไอโฟนนี่จ๊ะ จะว่าไปเฟซบุ๊คส์หรือLineมันก็น่ารักดีหรอกนะแต่ถ้าเราไปใช้เวลากับมันมากๆจนลืมดูอย่างอื่นเราก็จะพลาดอะไรดีๆไปเยอะจนน่าตกใจทีเดียวเชียวล่ะ” อาจารย์มิซาเอะอมยิ้ม “อ่า สวัสดีค่ะคุงครูมิซาเอะ อ่าวันนี้พาญาติพี่น้องมาด้วยเหรอคะ ทานให้มากๆนะคะ ต้องกางอารายบอกแจ้ได้หน่าเต็มจายบริการฮ่ะ” หนีตั๋วแจ้มาม่าซังของหอนางโลมเดินมากล่าวทักทาย จันทราหันไปมองหนีตั้วแจ้แล้วรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาดเหมือนกับเธอเคยเจอหญิงชราคนนี้ที่ไหนมาก่อน ก่อนที่จะหันไปเพราะเสียงพิณจีนเพราะๆชวนเคลิบเคลิ้มบรรเลงขึ้นมาพร้อมกับประกาศของพิธีกร “ขอเชิญท่านพบกับดาวของหอนางโลมเราที่จะมาแสดงความสามารถในการขับกล่อมบทเพลงได้อย่างไพเราะจนได้รับการขนานนามว่านางฟ้าเสียงสวรค์แห่งหอนางโลม ‘เอียนจือ ดอกทอง’” สิ้นเสียงประกาศก็ปรากฏร่างของสาวน้อยในชุดนางโลมจีนสีแดงสดโผล่ขึ้นมาท่างกลามหมอกควันของธารน้ำ เธอมีผิวที่ขาวนวลผุดผ่องประดุจแสงจันทร์ ดวงตาตี่แบบสาวจีน ริมฝีปากเรียวบางประดุจกลีบกุหลาบ ผมดำขลับมันวาวเป็นธรรมชาติและเรือนร่างที่กระทัดรัดงดงามพร้อมใบหน้าที่สวยโดดเด่น เอียนจือออกมาขับกล่อมเพลงจีนโบราณได้อย่างไพเราะทำเอาแขกทุกคนในภัตราคารถึงกับถูกสะกดนิ่งประหนึ่งต้องมนตร์ในน้ำเสียงที่หวานใสแต่ก็เศร้าสร้อยปวดร้าวอยู่ในที หากแต่อีโตจันและจันทราสบตากันเนื่องจากทั้งคู่ต่างรู้สึกถึงพลังประหลาดจากหญิงงามคนนี้ – - พลังของผู้มีวรยุทธ์

จบเพลงพร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้อง ในขณะที่คุณครูมิซาเอะเอามือปาดน้ำตาพร้อมบอกกับทั้งโต๊ะว่า “คนนี้แหละๆร้องเพลงเพราะมากๆเลย” เคียวโกะยืนปรบมือให้เอียนจือด้วยความประทับใจ ในขณะที่จันทรากับอีโตจันต่างปรบมือพลางมองเอียนจือด้วยความสนใจใครรู้ “เอียนจือ!!!” เสียงตะโกนของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เปิดประตูเข้ามาชี้หน้าหญิงสาว “นางแพศยา นางกากี นางช็อกการีโคมเขียว เจ้ากล้าดียังไงมาทิ้งข้า?!!!” ชายหนุ่มคนนั้นดูท่าทางเมามายไม่ได้สติ “ข้าไม่ได้ทิ้งท่าน หากแต่มันสมควรเวลาที่ข้าจะเดินตามการนำทางของโชคชะตาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า” เอียนจือตอบพร้อมรอยยิ้ม “เฮ้ย อาอุ๊ยอ่า มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันหน่าแขกเหลือหนีหมดอ่า” หนีตั่วแจ้เข้ามาปรามแต่ชายหนุ่มปัดออกไป “อาอุ๊ย เรามาประลองกันถ้าเจ้าแพ้ต้องออกไปจากชีวิตข้าแต่ถ้าเจ้าชนะข้าจะยอมเป็นคนของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” เอียนจือบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สิ้นสุดคำพูดของหญิงสาวอาอุ๊ยได้เหินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับสำแดงฤทธิ์เดชของวิชาหมัดเมาหากแต่วรยุทธ์แบบกังฟูและหมัดมวยจีนโบราณของเอียนจือนั้นสูงส่งเสียจนฝ่ายผู้บุกโจมตีต้องกลับล่าถอยไป อุ๊ยถูกเอียนจือส่งลงไปนอนกับพื้นก่อนที่ฝ่ายหญิงจะประกาศออกมาเสียงดังว่า “ท่านแพ้!!!” หากแต่ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายอุ๊ยหยิบกระบีออกมาสองเล่มโยนเล่มหนึ่งไปทางหญิงสาวก่อนที่ทั้งคู่จะกระโจนใส่กันประลองกระบี่กลางอากาศ เอียนจือตีลังกาสิบตลบเพื่อหลอกล่อการโจมตีของอุ๊ยก่อนจะปล่อยพลัง “ฝ่ามือโลหิต” ออกมาด้วยการรวบรวมพลังจิตและลมปราณไปไว้ที่ฝ่ามือและยื่นตรงใส่คู่ต่อสู้ส่งผลให้เกิดระเบิดพุ่งขึ้นมาจากพื้นเวทีไล่ตามอุ๊ยติดๆ อาอุ๊ยกระเด็นลอยไปกระแทกกับหินของธารน้ำตกที่ใช้ประดับเวทีด้วยแรงระเบิดก่อนจะสลบเหมือดไปพร้อมกับเสียงประกาศของพิธีกร “จบการแสดงพิเศษชุด’ไอ้หนุ่มหมัดเมากับนางพญาฝ่ามือโลหิตครับ’” ทำเอาแขกในภัตราคารลุกขึ้นมาปรบมือให้กับเอียนจืแกันกรูเกรียวเช่นเดียวกับที่มิซาเอะและเคียวโกะ “สมจริงมากๆเลย!!!” หากแต่อีโตจันกับจันทรานั่งมองหน้ากันอย่างหวาดๆเพราะทั้งคู่รู้ว่า – - “มันคือของจริง!!!”


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com