˹���á Forward Magazine

ตอบ

Britney Spears : Britney Jean
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Britney Spears : Britney Jean 


http://www.facebook.com/hysteriaculture

http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/11/28/britney-spears-britney-jean-electropoprbdance-popedm-85-45/comment-page-1/#comment-419

Britney Spears : Britney Jean : Electropop/R&B/Dance-Pop/EDM (85% = 4/5)

อยู่ยงคงกระพันบนบัลลังก์ของอาณาจักรดนตรีพ็อพมากว่า14-15ปีนับจากแจ้งเกิดอย่างสง่างามในฐานะเจ้าหญิงกับซิงเกิ้ล Baby One More Time ที่เป็นปรากฏการณ์เขย่าโลกไปทั้งใบ จะว่าไปก็นับว่าเวลาในชีวิตคนเรามันก็ช่างเดินผ่านไปเร็วอย่างเหลือเชื่อเพราะนี่ยังรู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งจะเมื่อวานเองกระมังที่เดินเข้าโรงภาพยนตร์ไปชม Crossroads ที่เธอเล่นแต่แล้ววันนี้นี่มันอะไรกันเรากำลังนั่งฟัง Britney Jean สตูดิโออัลบั้มชุดที่8ของเจ้าหญิงเพลงพ็อพท่านนี้อยู่จริงๆเหรอเนี่ย?!

เอาจริงๆตอนแรกที่เห็นทั้งโปรดิวเซอร์ สื่อมวลชน ต้นสังกัด แฟนคลับและตัวนางหอกเองกระหน่ำโฆษณาสรรพคุณของอัลบั้มนี้ไว้ในชนิดที่สูงเสียดฟ้าไม่ว่าจะเป็น “อัลบั้มที่เป็นส่วนตัวมากๆของนาง,ผนวกไว้ทุกสรรพคุณของรสชาติจากทุกๆอัลบั้มที่เคยผ่านมาของบริทนี่ย์,เธอมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงเกือบทั้งอัลบั้ม,เพลงในอัลบั้มนี้มันเจ๋งมากๆ,In The Zone 2.0/Blackout 2.0 ฯลฯ” ขอสารภาพเลยว่าความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจคือ “มันจะแค่ราคาคุยรึเปล่าวะเนี่ย!!!” ด้วยความที่ก่อนหน้านี้กับ Circus ที่เหมือนจะเป็น In The Zone ภาคสองแต่เมนทสตรีมกว่าและจืดกว่าระดับนึงแต่ก็โอเคอยู่พอมา Femme Fatale นี่เล่นเอาหงายท้องตึงด้วยความที่มันออกมาตลาดจ๋ามากๆแม้ว่าจะประสบความสำเร็จล้นหลามมหาศาลแต่ส่วนตัวนี่ไม่ปลื้มอัลบั้มนี้ที่สุดแล้วในบรรดาทั้งหมดทั้งมวลที่บริทนี่ย์เคยทำออกมาซึ่งก็เป็นเหตุที่ทำให้ในตอนแรกดิฉันคิดว่า Britney Jean อาจจะไม่ดีและไม่แย่ไปกว่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ฟัง Work Bitch ดิฉันก็ทำพิธีสวดเรียกความคิดปรามาสนั่นลงโองผูกสายสิญจ์นอย่างดีแล้วถ่วงคลองหลังบ้านเสียให้จมมิดด้วยความที่รายละเอียดดนตรีดีมากๆแถมยังมีมิติและชั้นเชิงสูงส่งมากจนส่วนตัวยกให้ขึ้นแท่นเป็นซิงเกิ้ลที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์ สเปียรส์ไปโดยปราศจากข้อกังขาซึ่งก็จุดประกายความหวังที่ตอนแรกดิฉันแทบจะไม่มีในอัลบั้ม Britney Jean ให้พุ่งปรู๊ดปร๊าดด้วยความที่เราเชื่อแล้วว่าอัลบั้มนี้น่าจะเป็นงานที่เธอกลับมา “ปล่อยของ” อย่างแท้จริงยิ่งได้ฟัง Perfume,AlienและBrightest Morning Starด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เชื่อว่าการกลับมาของบริทนี่ย์ สเปียรส์ในครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ – - และแล้วความรู้สึกรอคอยอยากฟังอัลบั้มของเธอเสียจนแทบจะลงแดงก็เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานตั้งแต่ In The Zone

พอได้มาลองฟังทั้ง Standard Edition ดูแล้วจากตอนแรกที่คาดไว้ว่างานชุดนี้น่าจะเป็นงานเต้นรำที่แรงในระดับ EDM(Electronic Dance Music) ผสานกับกลิ่นของเออร์บันดิบๆที่เน้นหนักทั้งความเป็นอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพอย่างที่เคยได้ยินกันไปใน Blackout ตามที่หลายฝ่ายหวังไว้ว่าจะเป็นภาคต่อของอัลบั้มนั้นที่สื่อมวลชน นักวิจารณ์และแฟนคลับต่างยกย่องให้เป็นอัลบั้มมาสเตอร์พีซของเธอแต่พอมาได้ฟังจริงๆแล้วสัดส่วนของความเป็นเออร์บันเบากว่าที่คิดมากภาพรวมของ Britney Jean สำหรับดิฉันคิดว่าอิทธิพลของความเป็น Femme Fatale ยังส่งกลิ่นอายตลบอบอวนอยู่เช่นกันจากงานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเอาใจตลาดเมนทสตรีมจ๋าส่วนหนึ่งปะทะกับชั้นเชิง มิติและรูปแบบการทดลองสิ่งใหม่ๆกับตัวเองในแบบที่แฟนคลับหลายคนรักจากอัลบั้ม In The Zone ถึงจะไม่ถึงขั้นระเบิดศักยภาพสูงสุดเท่าผลงานชุดนั้นแต่เนื้องานดูมีหีบห่อที่สูงกว่าสองอัลบั้มก่อนหน้าทั้งในแง่ของภาคดนตรี การเรียบเรียงไปจนถึงความเป็นตัวตนและพลังของความเป็นบริทนี่ย์ สเปียรส์ที่หายไปจมในอัลบั้ม Femme Fatale มาวันนี้ได้กลับมากอบกู้ศรัทธาให้แฟนคลับภูมิใจกันอีกครั้งใน Britney Jean ว่าเธอก็ยังทำดนตรีดีๆแบบนี้ปล่อยของแบบนี้ได้โดยที่ยังสามารถรักษาเสน่ห์ของความติดหูและเป็นเทรนด์น่านิยมของความเป็นพ็อพไว้ได้อย่าวครบถ้วนในขณะเดียวกัน

ถ้าจะหาเพลงที่พีคที่สุดในอัลบั้มก็คงจะหนีไม่พ้น Work Bitch (5/5) ซิงเกิ้ลแรกที่เป็นเต้นรำสไตล์ EDM แบบพวกดีเจคัลเจอร์จริงๆซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับบริทนี่ย์พอตัวทีเดียวหลังจากที่พยายามทดลองทำแนวๆนี้อยู่ตั้งแต่สมัยอัลบั้ม In The Zone มาลุศักยภาพขีดสุดเอาก็ที่เพลงนี้กับงานสายอิเล็คโทรนิคเก๋ๆแบบที่พวกดีเจสายโพรเกรสซีฟทั้งฟากเฮ้าส์ เทคโนและแทรนซ์เขานิยมเล่นกันตามพวกคลับ เทศกาลดนตรีไปจนถึงพวกธีมประกอบรันเวย์แฟชั่นนี่แหละบีทเฟี้ยวฟ้าววิ่งไปวิ่งมาชนิดที่บีบหัวใจแทบจะหยุดเต้นไหนจะความเก๋ในการขับขานแบบ Spoken Words พวกกึ่งพูดกึ่งร้องกึ่งกระซิบกระซาบที่เธอทำมาตั้งแต่สมัย I’m A Slave 4 U ส่วนตัวขอยกให้เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวที่ดีที่สุดของบริทนี่ย์ มาที่ Perfume (4/5) ซิงเกิ้ลที่สองที่สลับมาเป็นงานพ็อพบัลลาดเพราะๆเมโลดี้งามระยับทั้งจากโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคและเครื่องสายออเครสตร้ากรีดกรายแพรวพราวที่สำคัญมีท่อนคอรัสที่โดดเด่นและไพเราะจับจิตจับใจมากๆ ส่วนตัวฟังแล้วประทับใจที่ได้เห็นบริทนี่ย์กลับมาทำบัลลาดโชว์พลังเสียงเพราะๆแบบนี้อีกครั้งคือพูดตรงๆว่าตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ยินงานบัลลาดที่มีมิติระดับนี้จากเธออีกแล้วบอกตามตรงว่าประทับใจสุดๆ มาที่เพลงเปิดอัลบั้ม Alien (4/5) สายตระกูลเดียวกันกับพวก Breath On Me,Heaven On Earth,Unusual YouและTrip To Your Heart นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาคดนตรีเอกลักษณ์ในยุคหลังๆของบริทนี่ย์ที่มีมนตร์เสน่ห์สะกดคนฟังกับท่วงทำนองของงานอิเล็คโทรพ็อพเจือดีพเฮ้าส์ลอยละล่องผสานซินธิ์ แอมเบี้ยนท์และดาวน์เทมโพชนิดที่กล้อมแกล้มจับยัดเข้าสายงานจำพวกเอ็กซ์เพอริเมนทัลได้สบายๆ นับว่าเป็นการเปิดอัลบั้มที่แตกต่างที่สุดในชีวิตของเธอจากบรรดาทั้งหมดทั้งมวลกว่า8อัลบั้ม

It Should Be Easy Ft. Will.I.Am (4/5) แรกๆนี่พูดตามตรงว่าไม่เข้าหูอิฉันเลยแม้แต่น้อยด้วยความที่ส่วนตัวก็แขยงงานเทือกๆนี้อยู่แล้ว งานพ็อพเต้นรำจำพวกที่จับเอาเออร์บันมาเขย่าคละเคล้ากับยูโรบีทไม่ก็พวกดั๊บสเต็ปอย่างที่Will.I.AmและBlack Eyed Peasใช้เป็นซาวนด์หากินนั่นแลยิ่งอันนี้บวกกลิ่นอายแบบอัลบั้มล่าสุดของพี่เดวิด เกตต้าที่ดิฉันอันเชิญพี่แกลงจากบัลลังก์ดีเจในดวงใจก่อนจะมอบตำแหน่งให้สุดหล่อArmin Vaan Burenไปนานแล้วพอมาผนวกกันเข้าไปทีแถมยังอุตริไปดึงตาวิลมาร่วมโก่งคอร้องอีด้วยนี่ วู้ยยย แทบจะคลานไปปิดแต่ฟังไปฟังมาแล้ว เอ่อ มันก็น่ารักดีนะ ติดหูดีแถมชอบเสียงบริทตอนขึ้นออโต้จูนหูดับรัวๆตอนต้นเพลงด้วยมาเจอกับเสียงตาวิลก็กลายเป็นคู่ขวัญแว๊นซ์บอยสะก๊อยเกิร์ลไปเลยยิ่งถ้าไปเชิญพวกตาบูไม่ก็แอ็พเพิ่ลดีแอ็พมาร่วมลงเสียงแร้เพด้วยนี่ อั่ยย่ะ…เฟอร์กี้มึงโดนใบแดงแน่ๆ 555 ไปๆมาๆประสาทดีค่ะชอบ! ต่อด้วย Tik Tik Boom Ft. T.I. (3.5/5) สำหรับคนที่ชอบงานสายอาร์แอนด์บีฮิพฮอพนี่น่าจะโปรดปรานเพลงนี้กันไม่น้อยเลยทีเดียวจะว่าไปก็เหมือนกับเป็นการจับเอาความเป็นเออร์บันช่วงยุค2000sที่เพลงฮิพฮอพอีสโคสต์เวสต์โคสต์ทั้งหลายแหล่แห่กันครอบครองความนิยมบนชาร์ตไล่ที่พวกศิลปินพ็อพก่อนจะมาชนกับงานสำเร็จสูตรแบบเมนทสตรีมช่วงเวลาล่าสุดได้ลงตัวดี ติดหูหนึบหนับมาก ขนาดฟังถอดหูฟังไปนานแล้วยังติ๊ก ติ๊ก บูมลอยอยู่ในหัวไม่ยอมเลิก เอ้า ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก บูม…. สองเพลงที่ผิดคาดขอยกให้ Body Ache (3.5/5) ที่ตอนแรกฟังพรีวิวแล้วตบเข่าผางว่าแม่งมันต้องแรงแน่ๆพอมาฟังแบบเต็มๆแล้วกลายเป็นงานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำเจือยูโรบีทติดกลิ่นดั๊บสเต็ปแบบที่ได้ยินใน Femme Fataleและสารพัดงานจากตาวิลไอแอมแต่มีชั้นเชิงกว่า งั้นๆแหละ ในขณะที่เพลงติดกันแถมเป็นงานสายเดียวกันอย่าง Til It’s Gone (4.5/5) ที่ตอนแรกฟังในพรีวิวแล้วแอบเบ้ปากนึกว่าเป็นภาคต่อของ I Wanna Go แต่พอมาฟังจริงๆแล้วเล่นเอาตาเหลือกเพราะบีทแน่น เข้มข้น รายละเอียดยุ่บยั่บมีมิติและทรงพลังมากๆ มาแรงชนิดที่ทะยานขึ้นสู่แนวหน้าของอัลบั้มทิ้งเพลงอื่นๆในอัลบั้มแบบไม่เห็นฝุ่น ตึ๊บมาก!!!

Passenger (3.5/5) งานอิเล็คโทรพ็อพอาร์แอนด์บีบีทกระฉึกกระฉักหนักแน่นจนเกือบจะกระเดียดๆไปทางร็อคหน่อยๆแล้วแต่เมโลดี้เพราะขาดใจ ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเพลงที่โดดเด่นในอัลบั้มนี้แต่ในเรื่องของฮุคนับว่าใช้ได้เลยทีเดียวฟังไปๆเหมือนเพลงริฮานน่ารวมถึงน่าจะจับไปเป็นซาวนด์แทร็คประกอบภาพยนตร์สักเรื่องนะ มาที่ Chillin’ With You Ft. Jamie Lyn (4.5/5) ที่รวมงานกับเจมี่ ลินน์น้องสาวแท้ๆของเธอเองขอบอกว่าเป็นอะไรที่ผิดคาดมากๆคือแต่แรกไม่คิดเลยว่าจะออกมาดีขนาดนี้กับงานสายทดลองที่เปิดตัวหลอกด้วยกีต้าร์อคูสติคก่อนจะสาดโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคคลุมตามด้วยอาร์แอนด์บี ดั๊บสเต็ป ชิล์แจ๊ซซ์อ่อนๆจากเพอร์คัสชั่นสวยๆไปยันเบรคด้วยคันทรี่ย์โฟล์คนั่งฟังแล้วก็อดตะลึงตะลานไม่ได้ว่าทำได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ! คือเจ๋งนะคะยกนิ้วให้เลยแปลกหูดีแต่เริ่ดแถมเจมี่พูดถึงน้ำเสียงดีเลยทีเดียวนะล่าสุดก็เห็นว่าปล่อยซิงเกิ้ลมาแล้วก็ขอเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จนะคะ ปิดอัลบั้มด้วย Don’t Cry (3.5/5) เป็นงานมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดผสานโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิคและซินธิ์หลอนๆหวิวๆส่วนตัวชอบท่อนคอรัสนะคะฟังแล้วทำให้นึกถึงบริทนี่ย์ในสมัยก่อนยุค Blackout ที่ร้องเพลงบัลลาดได้เพราะมากๆยิ่งตอนเฟดช่วงท้ายนี่น้ำเสียงธรรมดาๆกับคำธรรมดาๆแค่คำว่า Don’t Cry แต่มันสะเทือนใจดิฉันอย่างบอกไม่ถูก…อินเนอร์สินะ!

สุดท้ายนี้คงต้องบอกว่าส่วนตัว “ประทับใจ” กับอัลบั้ม Britney Jean ชุดนี้มากเอาการทีเดียวส่วนที่สะดุดก็เห็นจะเป็นจากการที่ส่วนตัวคาดหวังไปเองว่าอัลบั้มนี้มันน่าจะออกมาได้แรงกว่านี้และมีกลิ่นเออร์บันตลบอบอวนกว่าที่ได้ฟังอยู่อย่างไรก็ตามเนื้องานดีจริงเด่นเด้งจริงก็ว่าไม่ได้นะคะแม้จะไม่ใช่งานที่ดีที่สุดของเธอแต่อย่างน้อยก็เป็นงานที่มีครบทั้งปล่อยของและเอาใจเมนทสตรีมในชุดเดียวกันเลยทีเดียวแม้ว่าภาพรวมอาจจะไม่แรงเท่า In The Zone หรือ Blackout แต่ในแง่ของคุณภาพก็นับว่าเราส่งให้ Britney Jean ขึ้นหิ้งเป็นตัวแทนหนึ่งในงานที่ดีสุดของเจ้าหญิงเพลงพ็อพคนนี้เคียงข้างอัลบั้มสองชุดนั้นเลยล่ะนะ

ป.ล. ได้ข่าวว่าเพลงใน Deluxe เพราะไว้ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนเป็นรีวิวเฉพาะเพลงในคอลัมน์ Get Into The Groove ให้อ่านกันนะคะ



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like like like like like like like


_________________
CLICK

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ดีใจจังมีหลายเพลงคิดคล้ายกันมากๆ ปลื้มชุดนี้มากครับ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
พี่แนสจะบอกว่าหลายๆอย่างคิดเหมือนกันทั้ง Body เองที่คิดว่าไม่ได้โดด้ด่นขนาดนั้น หรือ Till It's gone ที่พอฟังไปมากมันเกินกว่าที่คาดไว้ รวมถึงอารมณ์แบบ Circus และ Femme Fatale ยังอยู่ครบ ถึงแม้ว่าตัวของดนตรีจะไม่พึ่งเหมือน ITZ แต่รู้สึกได้เลยว่ามีตัวตนที่จับต้องไม่จริงมากกว่า FF อีก


ปล. เกลียดอีวิล และ DG พอๆกันแต่กลับชอบ It Should Be Easy เหมือนกัน 555



_________________


#WorkBitch

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
like like


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com