˹���á Forward Magazine

ตอบ

อีโตจัน (7)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อีโตจัน (7) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

http://www.facebook.com/hysteriaculture

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

ความเดิมจากตอนที่แล้ว – - มาดามDitaกับอุบายที่จะขจัดโมลท์เซ่น อเล็กซานเดอร์ การสังหารหมู่ที่สุสานหลังโบสถ์ปารีส

โตเกียว – - มิซาเอะกำลังนั่งอ่านข่าวระทึกขวัญในห้องพักครูด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมไปด้วยหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน ในขณะที่บรรดาครูบาอาจารย์ในห้องพักก็ต่างพากันพูดคุยถึงโศกนาฏกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นที่สนามบินโตเกียวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสลด “โศกนาฏกรรม ณ สนามบินโตเกียว!!! พญามัจจุราชดิ่งอาคารผู้โดยสารคลอกสยองนับหมื่น” มิซาเอะอ่านพาดหัวซ้ำไปซ้ำมาพลางน้ำตาคลอเบ้า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น!” เธอพึมพัม “อาจารย์มิซาเอะครับ! ผมก็แถบช็อคเมื่อเปิดดูข่าวเมื่อกลางดึก” อาจารย์ฮิโรชิคุณครูวิชาพลศึกษาแทรกขึ้น “เป็นฝันร้ายของชาวญี่ปุ่นแท้ๆ” มิซาเอะส่ายหน้า “รายงานข่าวล่าสุดบอกว่าเครื่องบินโดยสารที่พุ่งชนอาคารผู้โดยสารลำนี้เป็นเครื่องบินส่วนตัวของเอกอัครราชทูตที่เพิ่งเดินทางกลับจากการพักผ่อนที่ฮ่องกง” อาจารย์ฮิโตมิครูสอนคณิตศาสตร์เดินเข้ามาร่วมวงซึ่งการประกาศของเธอเปลี่ยนบรรยากาศในห้องพักครูจากการซุบซิบจอแจให้กลายเป็นเงียบสงัดในอึดใจ “ตายจริง!!” มิซาเอะยกมือปิดปากน้ำตาไหลพราก “ตายหมดทั้งเครื่องเลย” อาจารย์ฮิโตมิส่ายหัว “ท่านทูต ภริยา คณะติดตาม บอดี้การ์ด คนขับ สจ๊วร์ตและแอร์โฮสเตส” เธอเสริม – - “รายงานข่าวล่าสุดพบว่าศพของแอร์โฮสเตสได้หายไปศพหนึ่งท่ามกลางความสงสัยของเจ้าหน้าที่ ที่ฮ่องกงได้พบศพของแอร์โฮสเตสรายนี้ที่โรงแรมหรูย่านมาเก๊าถูกฆาตกรรมมาเป็นเวลากว่า48ชั่วโมง หากแต่สายการบินยืนยันว่าเธอได้เดินทางมากับเครื่อบินโดยสารลำดังกล่าวด้วยค่ะ” รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ทำเอาทั้งห้องพักครูหันมาซุบซิบกันอีกครั้ง “มันจะเป็นไปได้ยังไงเนี่ย!!” มิซาเอะพึมพำกับต้วยเองด้วยความตกใจ

เช่นเดียวกับในห้องเรียนชั้นมัธยม4/2ที่บรรดานักเรียนก็ดูเหมือนจะสนใจกับเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวไม่แพ้กัน “นกเหล็กดิ่งอาคารผู้โดยสารโตเกียวแอร์พอร์ต” เคียวโกะยืนแผดเสียงอ่านข่าวหน้าห้องด้วยท่าทางประหนึ่งผู้ประกาศในทีวี ในขณะที่พวกเพื่อนๆก็ต่างนั่งฟังกันนิ่งด้วยความสนใจ “จากรายงานพบว่าเครื่องบินโดยสารลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินโดยสารส่วนตัวของ ‘เอกอัคราชทูตประเทศญี่ปุ่น’ (เคียวโกะเน้นเสียงแหลมบาดหู) ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการพักผ่อนที่ฮ่องกงกับภริยาและคณะผู้ติดตาม ไม่มีรายงานผู้รอดชีวิตจากเครื่องบินลำดังกล่าว” เคียวโกะเสียงสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น “ยอดผู้บาดเสียชีวิตทั้งหมดจากเหตุการณ์ดังกล่าว14,370รายและผู้บาดเจ็บสาหัสอีกประมาณห้าพันซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก240ราย ในจำนวนทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติสองพันสองร้อยคน” อาจารย์มิซาเอะรายงานขณะที่เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเศร้าสลดในขณะที่เคียวโกะรีบวิ่งปรู๊ดไปที่นั่ง “เฮ้อ!!! น่าเศร้าใจอะไรขนาดนี้นะเนี่ย วันนี้ทางโรงเรียนเราจะหยุดการเรียนการสอนนะจ๊ะ ครูขึ้นมาบอกให้ทุกคนกลับบ้านได้ ใครจะไปเที่ยวย่านโตเกียวพาราไดซ์ก็ให้ระวังที่จะเดินไปที่เปลี่ยวด้วย เลิกชั้นโฮมรูมจ๊ะ” อาจารย์มิซาเอะบอกก่อนที่ประกาศของประชาสัมพันธ์จะดังขึ้น – - “อีโตจันกับเคียวโกะวันนี้จะไปไหนรึเปล่าจ๊ะ?” อาจารย์มิซาเอะเดินมาหาลูกศิษย์ทั้งสอง “เปล่าค่ะ!!!” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน “งั้นดีเลยครูว่าจะไปทานข้าวที่ร้านอาหารไทยของคุณนายอาโตอิซะหน่อย ช่วยพาครูไปด้วยได้มั้ยจ๊ะ?” อาจารย์มิซาเอะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

ณ ห้องสูทของโรงแรมระดับ5ดาวใจกลางกรุงโตเกียว “ราชินีพัดเหล็กคาโอริ” ในชุดเดรสสั้นเมทัลลิคที่ดูสง่างามและน่าสะพรึงกลัวในทรงผมสีเงินส่องประกายเช่นเดียวกับเครื่องสำอางค์และลิปติคบนใบหน้าที่ทำให้เธอดูเหมือนนางพญาในภาพยนตร์Futuristic Sci-Fi “นี่แค่ปฐมบทของการกลับมาของข้านะชาวญี่ปุ่น” เธอนั่งหัวเราะให้แก่รายงานข่าวในจอโฮมเธียเตอร์เสียงกระหึ่มพลางจิบไวน์ “ขอประทานโทษค่ะท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าไปสำรวจพื้นที่แถวๆนี้ให้ท่านมั้ยเจ้าคะ?” ฝนเดินเข้ามาคุกเข่าถามนางมาร “ลุกขึ้นฝน! จงไปแต่งตัวให้สวยๆเราจะไปเดินช็อปปิ้งที่ย่านโตเกียวพาราไดซ์กัน ข้าไม่ได้มาญี่ปุ่นอีกเลยนับตั้งแต่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิโดนระเบิดนิวเคลียร์ นี่ก็ปาเข้าไปร่วมจะ70ปีแล้วนะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอารยธรรมของมนุษยชาติก็ดูจะน่าสนใจขึ้น ภารกิจแรกของพวกเราคือการ ‘พักผ่อน’ จงไปบอกหลงกับฮวายองให้เตรียมตัวด้วย” นางมารหันมาสั่งด้วยรอยยิ้ม – - ณ สถานีตำรวจกรุงโตเกียว “จียอน” มือปราบหญิงจากเกาหลีเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นเพื่อสืบคดีเกี่ยวกับองค์กรค้ามนุษย์ ยาเสพย์ติด อาวุธสงครามและคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเกาหลีโดยมีต้นตอมาจากในประเทศญี่ปุ่น ด้วยใบหน้าที่โดดเด่นแม้จะเยือกเย็นและลึกลับแต่ตำรวจหญิงนางนี้ก็ดูมีเสน่ห์แพรวพราว ผมซอยสั้นปิดหน้าแบบอีโมทำให้บุคลิกของเธอดูน่าเกรงขาม เย้ายวนและอันตรายอยู่ในที่จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งบรรดาตำรวจชายและหญิงต่างจะพากันเหลียวหลังมองความเท่ห์ของเธอ “สวัสดีครับสารวัติจียอน” สารวัติของสถานีตำรวจโตเกียวแสดงความเคารพ “ดิฉันแฝงตัวเข้ามาทำงานที่นี่ไม่ใช่ในฐานะสารวัติแต่เป็นฐานะนักสืบและมือปราบ ขอให้คุณช่วยปฏิบัติต่อฉันเหมือนกับเป็นลูกน้องของคุณด้วย” จียอนพูดเสียงเย็น “ครับผม!!!” สารวัติรับคำสั่ง “ฉันพร้อมเริ่มงานสืบสวนทันที คุณว่าที่ไหนดูน่าจะมีข้อมูลอันเป็นที่น่าพึงพอใจที่สุด” เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุดัน “ย่านโตเกียวพาราไดซ์ครับ” สารวัติตอบ!!!

ที่ร้านอาหารไทยของจันทรา – - “มันเป็นเรื่องเศร้าที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ ตอนรู้ข่าวครั้งแรกฉันก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก” จันทราบอกมิซาเอะ,อีโตจันและเคียวโกะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารเที่ยงเลิศรสฝีมือของเธอ “แต่พวกเธอรู้กันมั้ยว่าข่าวล่าสุดรายงานว่าพบศพแอร์โฮสเตสของบนเครื่องบินไฟล์ทนั้นในโรงแรมที่มาเก๊า แต่ที่น่ากลัวคือทางสายการบินยืนว่าเธอขึ้นเครื่องไปด้วยน่ะสิ!!!” มิซาเอะที่ดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับต้มยำกุ้งในชามจนลืมเศร้าไปชั่วขณะโพล่งขึ้นมากลางวง “อะไรนะคะ!!!!” อีโตจันกับเคียวโกะประสานเสียง “แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง?!!!” จันทราถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ในเดียวกันกับที่ข่าภาคเที่ยงได้รายงานผลการชันสูตรศพภริาของท่านทูตแล้วพบกระสุนปืนในกะโหลกศรีษะเช่นเดียวกับบอดี้การ์ดและคณะผู้ติดตาม “แบบนี้ต้องเป็นแผนการลอบสังหารแน่ๆเลย!” เคียวโกะเอ่ยขึ้น “แต่แปลกนะว่าทำไมถึงไม่มีรายงานถึงร่องรอยหรือศพของคนร้ายบนเครื่องบินเลยถ้าเป็นการลอบสังหารท่านทูตจริงๆ” มิซาเอะหันมาถามทั้งวงอย่างสงสัย ในขณะที่จันทราเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดด้วยความวิตกว่าสิ่งที่ตนกังวลมาตลอด16ปีมันอาจจะกำลังมาถึง ก่อนที่ทุกคนจะหันไปที่ประตูร้านแล้วอีโตจันก็ลุกขึ้นยืนด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ “ร้านอาหารไทยนี่ที่เขาว่าอร่อยมากเลยล่ะค่ะท่านแม่!!!” เป็นเอียนจือ ดอกทองกับหนีตั่วแจ้นั่นเองที่เดินเข้ามาในร้าน “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?” อีโตจันเดินเข้าไปถามด้วยความกระตือรือร้น “ขอเมนูเด็ดสักหนึ่งชุดแล้วกันค่ะน้อง อะไรดีอ่ะช่วยแนะนำพี่ด้วย” เอียนจือหันไปทางเด็กสาวพร้อมความรู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด “อ้าว คุงมิซาเอะ!!! โลกกลมจังเลยนะค้า เอียนจืออ่า นี่คือคุงมิซาเอะลูกค้าวีอายพีร้างเรางาย” หนีตั่วแจ้แนะนำในขณะที่เอียนจือโค้งคำนับ “ตายจริง!!! ไม่คิดว่าจะเจอเจ้ที่นี่ เป็นยังไงบ้างคะ? ที่นี่ร้านของลูกศิษย์ดิฉันเอง” มิซาเอะรีบเดินมาหา ในขณะที่เคียวโกะกับอีโตันช่วยกันเสิร์ฟน้ำให้แขกทั้งสอง “เดี๋ยวดิฉันจะจัดอาหารไทยสูตรเด็ดให้นะคะเอาเป็นต้มยำกุ้ง หมูทอดแดดเดียวสูตรพริกไทยดำ ผัดผักคะน้าปลาเค็มและข้าวผัดสัปปะรดนะคะ” จันทรากระวีกระวาดเข้าไปในครัว หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยจันทรากับมิซาเอะกำลังปรึกษากันเรื่องที่จะขอให้จันทรามาช่วยทำกับข้าวในวันประชุมผู้ปกครองที่กำลังจะถึง ในขณะที่เคียวโกะกำลังจิ้มไอแพดคอมเม้นต์ในเฟซบุ๊คส์ไม่ยั้งส่วนอีโตจันกำลังนั่งมองเอียนจือ ดอกทองอย่างสนใจ

“ช่วยคิดเงินด้วยค่ะ” เอียนจือเรียกเก็บเงินก่อนที่อีโตจันจะกระวีกระวาดลุกขึ้นไปทำหน้าที่ “มีวรยุทธ์เหมือนกันรึเรา?” เอียนจือถาม “อะไรนะคะ?” อีโตจันดูเหมือนจะงุนงงกับการรุกตรงๆแบบที่ไม่ทันตั้งตัว “พี่ก็มีเหมือนกัน ของแบบนี้มันสัมผัสกันได้น่ะ!!!” เอียนจือหันมาหลิ่วตา “ม่ายเอาน่าเอียนจือ!!! เจ้านี่ก้อชอบล้อเล่งปายเรื่อย เฮ๊าต๊าอ่วยจริงๆ ม่ายมีอารายหรอกค่าคุงหนู” หนีตั่วแจ้หันมาหัวเราะกับอีโตจัน หลังจากทอนเงินเสร็จเอียนจือได้แอบยื่นกระดาษให้อีโตจัน “นี่Lineพี่ แอดมาได้นะถ้าไม่รังเกียจ” ในขณะที่หนีตั่วแจ้กำลังขอบคุณและร่ำลามิซาเอะกับจันทราไม่ขาดปาก “อีโตจันเด่วฉันขอกลับก่อนนะ เผอิญจะไปเดินเล่นที่โตเกียวพาราไดซ์อ่ะ” เคียวโกะบอก “อร๊ายย อยากไปด้วยอ่ะ!!! แม่ขาหนู…” แต่จันทราสวนขึ้นมาตั้งแต่ลูกสาวยังพูดไม่ทันจบ “ไปสิจ๊ะลูก แต่กลับมาให้ถึงที่นี่ก่อนหกโมงครึ่งและห้ามซื้อเสื้อผ้าหรือซีดีอะไรทั้งนั้น!!! เดือนนี้เธอหมดไปจะเป็นสามหมื่นเยนแล้วนะจ๊ะ” จันทรากำชับในขณะที่มิซาเอะก็ขอตัวจะไปเยี่ยม ‘โอซาว่า ซาโตชิ’ ที่บ้านทำเอาหัวใจของอีโตจันเต้นระส่ำ “โตเกียวพาราไดซ์เหรอถ้าไม่รังเกียจติดรถพี่ไปก็ได้นะ พี่แวะไปส่งแม่ที่ภัตราคารแล้วก็จะไปเดินเที่ยวเหมือนกัน” เอียนจือเสนอ

หลังจากที่เอียนจือจอดส่งหนีตั่วแจ้กลับภัตราคารเสร็จแล้วเธอก็พาเด็กสาวทั้งสองมุ่งตรงสู่ย่านโตเกียวพาราไดซ์ทันที “อีโตจันฉันมีอะไรจะสารภาพ” เคียวโกะพูดด้วยเสียงเศร้าๆเมื่อเพื่อนสนิทหันมามอง “คือฉันนัดเดทกับหนุ่มแปลกหน้าที่รู้จักในเฟซบุ๊คส์นะ เอ่อ…” แต่อีโตจันดูเหมือนจะเข้าใจ “ไม่เป็นไรฉันไปเดินคนเดียวได้” เคียวโกะก็ดูเหมือนจะโล่งใจขึ้นมาทันที “เธอไม่โกรธนะ!!!” อีโตจันพยักหน้ายิ้มรับ “อีโตจันถ้าไม่รังเกียจไปเดินเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะ ส่วนเคียวโกะระวังตัวด้วยนะจ๊ะ” เอียนจือพูดพลางมองผ่านกระจกหลัง “นั่นสิผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ มีอะไรโทรหาฉันนะ” อีโตจันหันไปกำชับเพื่อนสนิท “แต่ร้อยทั้งร้อยเชื่อมั้ยว่าผู้หญิงเรานี่แหละร้ายกว่า!!!” เอียนจือพูดเสียงเยียบเย็น

ณ ย่านโตเกียวพาราไดซ์หลังจากที่เอียนจือจอดรถบนห้างสรรพสินค้าเป็นที่เรียบร้อยทั้งสามก็ลงลิฟต์มามุ่งสู่ย่านแฟชั่นทันที “ฉันเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง นัดเขาไว้สามโมงน่ะ ^ ^ ” เคียวโกะพูดอย่างสดชื่น ก่อนที่ทั้งสามสาวจะเดินสาละวนดูเสื้อผ้ากัน “อุ๊ย!!! กระโปรงสีแดงนี่น่ารักจังเลย” เคียวโกะวิ่งตรงเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าร้านแรกที่สาวๆต่างพากันมะรุมมะตุ้มกันอยู่ตรงนั้นให้ชุลมุน ในขณะที่เอียนจือและอีโตจันสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตตรงมุมน้ำพุ “หนูก็สัมผัสได้เหมือนกันใช่มั้ย?” เอียนจือถามอีโตจันขณะหันกลับไปมอง “ใช่ค่ะ!!! มีคนเหมือนกับจะสะกดรอยตามพวกเราอยู่” อีโตจันตอบ “นี่ๆดูอะไรกันอยู่เหรอ? ฉันถอยกระโปรงมาแล้วไปกันเถอะ!!!” เคียวโกะวิ่งมาหาทั้งสองพลางจูงมือทั้งคู่ให้เดินตามเธอไป ในขณะที่อีโตจันยังไม่ละสายตาจากมุมน้ำพุ “แม่เจ้าเว้ย!!! แน่นอนมากๆแรงกว่าพวกสะก๊อยท์แถวฮาราจูจุอีกแก๊ ^ ^ ” เคียวโกะร้องเรียกให้อีโตจันหันมาดูคนกลุ่มหนึ่งที่วัยรุ่นแถวนั้นทั้งเด็กนักเรียนยันขาโจ๋ตลอดเจ้าของร้าน พนักงานรักษาความปลอดภัยจวบจนทุกคนในละแวกที่หันมามองคนกลุ่มนั้นพร้อมกับพร้อมใจหลีกทางให้พวกเขาทั้ง4 เด็กสาวร่างท้วมผมทองกับชุดสไตล์พั้งค์ที่ใส่เสื้อยืดสีชมพูรัดติ้วลายหัวกะโหลกดำไขว้ตัดกับกระโปรงสีดำระบายเป็นชั้นพร้อมกับเลคกิ้งลายขวางสีแดงข้างเขียวข้างและรองเท้าชมพูสดใส หญิงสาวผมสั้นในชุดเกาะอกลายเสือดาวกึ่งคอร์เซ็ทที่จากท่าทางก็ส่อแววให้รู้กันไปเลยว่าเธอร้ายไม่เบาควงแขนกับเด็กผู้ชายหน้าตี๋ตัวสูงล่ำที่แต่งตัวสไตล์เมโทรแบบบอยแบนด์เกาหลี (เคียวโกะและสาวๆตรงนั้นต่างกรี๊ดหนุ่มหล่อคนนั้นแถบสลบ)และตรงกลางกับผู้หญิงผมสีเงินสะท้อนแสงเมทัลลิคสีเดียวกับชุดเดรสสั้นแบบKaty Perryที่งานVMAในปี2009ที่เธอใส่พร้อมกับพัดขนาดใหญ่สีเงินในมือ เธอคนนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาทุกคนด้วยผิวสีขาวนวลสว่างประดุจแสงจันทร์ เรือนร่างงดงามและเรียวปากบางๆสีชมพูประดุจกลีบกุหลาบเช่นเดียวกับที่เอียนจือและอีโตจันม ีเธอปรายตามองทุกคนในพื้นที่นั้นที่ต่างหลบสายตาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวในพลังและรัศมีบางอย่างที่สะท้อนความ “อันตราย” ออกมาจากตัวเธอ

ราชินีพัดเหล็กคาโอริสบตากับอีโตจันและเอียนจือ ดอกทองพลางยิ้มให้ทั้งสองรู้ทันทีว่ากำลังเผชิญหน้ากับผู้ที่มีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับที่นางมารสัมผัสได้ถึงพลังภายในของหญิงสาวทั้งสองและดูเหมือนว่าฝนก็จะสัมผัสได้เช่นกันสายตาที่ฝนส่งให้อีโตจันและเอียนจือนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย “ดูยัยสองคนนั้นมองเธอสิอีโตจัน น่าตบจริงๆจะเชิ่ดไปไหนยะ!!!” เคียวโกะพูดด้วยความหมั่นไส้พลางดูนาฬิกาข้อมือ “ตายแล้วนี่จะสามโมงแล้วอีโตจัน พี่เอียนจือหนูขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบแล้วเคียวโกะก็วิ่งปรู๊ดตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าโตเกียวพาราไดซ์ “อีโตจันพี่ว่าคนกลุ่มนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ” เอียนจือพูดทำลายความเงียบ “ใช่ค่ะดูไม่ใช่คนดีด้วย” อีโตจันเสริมอย่างเลื่อนลอย “ผู้หญิงสองคนนั้นมีวรยุทธ์ ‘หนูดูออกสินะ!’ คนอ้วนนั้นพอๆกับเราสองคนเผลอๆจะกล้าแข็งกว่าหน่อย ส่วนคนกลางนี่สูงมากมากจนที่แม้แต่ถ้าดึง ‘อาโตอิ จันทรา’ มาช่วยสู้ด้วยเราก็ไม่มีทางชนะ” เอียนจือพูดเสียงเย็น ในขณะที่อีโตจันแม้จะไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้านำจันทรามาปะทะกับผู้หญิงคนสวยในชุดเงินนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการจับนางพญามาสู้กับนางทาสชั้นปลายแถว “แต่ปล่อยพวกนางไปเถอะ!!! เพราะวันนี้จุดประสงค์หลักของเราคือช็อปปิ้ง ^ ^ ไปกันดีกว่า” เอียนจือเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเกินคาดก่อนจะจูงมืออีโตจันวิ่งไปที่ร้านเสื้อผ้าสีชมพูสดคล้ายบ้านตุ๊กตาที่ตั้งอยู่ตรงข้าม – - ระหว่างที่กลุ่มของราชินีพัดเหล็กเดินอยู่นั้นเธอหยุดหันไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายพวกเธอไว้ด้วยความสนใจ “ป้าถ่ายอะไรไม่ทราบ?!!!” ฮวายองตวาด ‘แคทลายี’ ที่เดินตรงมาหาพวกเธอด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นนามบัตรใส่มือทั้งสาม “สวัสดีค่ะดิฉัน ‘โอซาว่า แคทลายี’ เป็นเจ้าของร้านทำผมThe Salon Of Loveที่มีชื่อเสียงมากๆในโตเกียว “คาดว่าพวกคุณคงจะรู้จักนะคะ” ^ ^ ดิฉันสนใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้พวกคุณมาเป็นแบบผมและสไตลิสท์ให้แก่ทางเราค่ะ” เธอแนะตัวอย่างสดชื่นแต่ฝนอ้าปากปฏิเสธ “ไปให้พ้น!!!” ทำเอาแคทลายีหน้าเจื่อนไปทันที “อย่าเสียมารยาทสิฝน” นางมารปรามพลางยื่นมือไปเชคแฮนด์กับแคทลายี “ด้วยความยินดีค่ะ!!!” แคทลายีรู้สึกขนลุกเมื่อมองลึกผ่านใบหน้าอันสะสวยของราชินีพัดเหล็กคาโอริเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินที่ว่างเปล่าแต่ดูมีอำนาจจนเธอรีบปล่อยมือแล้วขอตัวจากไป ลับหลังคาโอริแคทลายีได้ส่งรูปของนางมาร ฮวายอง ฝน อีโตจัน เอียนจือและเคียวโกะไปให้ผู้หญิงคนหนึ่งทางLine “หึหึ บอสต้องชอบแน่ๆ” ในขณะเดียวกันกับที่ราชินีพัดเหล็กคาโอริได้ออกคำสั่งลูกสมุนให้จับตาแคทลายีเอาไว้ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฉันอ่านใจของมันแล้วรู้อะไรดีๆเยอะเลยทีเดียว มันคนนี้แหละที่จะพาเราไปสู่การทำลายล้างขบวนการอาชญากรในญี่ปุ่นและฝรั่งเศสและยุคที่ฉันจะเป็นจักรพรรดินีก็จะเร็วขึ้น ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้” นางมารหัวเราะชอบใจพลางรู้สึกตื่นเต้นในใจที่เธอได้เห็นภาพของ ‘จันทรา’ จากการอ่านใจแคทลายี

เอียนจือและอีโตจันเดินช็อปปิ้งตามประสาลูกผู้หญิงประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ได้ข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือเป็นเสื้อผ้าไปรเวทที่ไว้ใส่ไปเที่ยวของเอียนจือเป็นส่วนมาก – - ปกติเธอใส่แต่ชุดนางโลม – - ซีดีเพลงเกาหลี จีนและสากล แว่นกันแดดD&Gสองชุดและน้ำหอมไม่ซ้ำกลิ่นอีก5แบรนด์ใหญ่ ในขณะที่อีโตจันก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วยเมื่อเอียนจือซื้อชุดเดรสกี่เพ้าสีน้ำเงินสดที่สวยมากๆตัวหนึ่งให้พร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตลายม้าลายที่ดูสดใสและแนวมากๆอีกตัวหนึ่ง “ขอบคุณพี่เอียนจือมากๆเลยนะคะ เกรงใจพี่แย่เลยรู้จักกันไม่ทันไรก็ซื้อของให้หนูแล้ว” อีโตจันกล่าวขอบคุณ “ไม่เป็นไรหรอก!!! ไม่รู้สิ พี่ถูกชะตากับเธอมากๆตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น มันเป็นความรู้สึกประหลาดนะเพราะปกติพี่เป็นคนที่ไม่เคยเปิดใจรับใครง่ายๆ ชีวิตนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเพื่อนเลยแต่กับเธอพี่รู้สึกผูกพันอย่างประหลาดจริงๆ” เอียนจือบอกอีโตจันอย่างเอ็นดูด้วยน้ำเสียงอันสุดแสนจะอบอุ่นแบบพี่สาวที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน อีโตจันรู้สึกตกใจที่โชคชะตาเล่นตลกให้เธอทั้งสองมีความรู้สึกที่ตรงกันขนาดนี้ “ขอบคุณพี่เอียนจือค่ะ หนูก็ไม่เคยมีพี่สาวมาก่อนคือพ่อเขาทิ้งหนูไปตั้งแต่ยังเล็กน่ะค่ะ” อีโตจันน้ำตาซึม “แม่พี่ก็เก็บพี่มาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน จะว่าไปเราสองคนผ่านอะไรที่คล้ายๆกันมามากนะ” เอียนจือยิ้มอย่างอบอุ่น ในขณะที่โทรศัพท์ของอีโตจันดังขึ้น “ยัยเคียวโกะมาขัดอะไรเวลาดราม่านี่ ‘เดทเป็นไงเจ้าคะที่รัก?!!!’” อีโตจันรับโทรศัพท์

“เป็นการเดทที่’เฮงซวย’ที่สุดในชีวิตฉันเลย!!! หมอนั่นนะรู้มั้ยตัวจริงไม่ได้มีอะไรเหมือนในรูปสักนิดหน้าพรุนแถมฉุอย่างกับคาบุกิ ขี้งกและกลิ่นตัวเหม็นมาก ฉันหายสงสัยเลยว่าเวลาขอคุยSkypeหรือเล่นเฟซไทม์ทำไมฮีถึงเลี่ยง ขอไว้อาลัยให้ความโลกสวยของตัวเองทั้งคืนเลย”เคียวโกะระเบิดออกมาเป็นชุดในแม็คโดนัลด์ในขณะที่เอียนจือและอีโตจันหัวเราะกันจนท้องแข็ง “พี่บอกแล้วว่าสมัยนี้มันพาโนราม่า360องศาต่อให้ผีก็เปลี่ยนมาสวยกว่าเราสามคนรวมกันได้” เอียนจือบอกพลางหอบหายใจ “ว่าแต่ขอ3คำให้ความประทับใจครั้งนี้หน่อยสิคะ” อีโตจันม้วนอยู่กับโต๊ะ “ซวย-อิ๊บ-อ๋าย” เคียวโกะพูดพลางกลืนนักเก็ตเข้าไปทั้งก้อนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ว่าแต่เราเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็มๆสำหรับไปส่งอีโตจันที่บ้าน พี่ว่าเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่าเผื่อรถติดและคืนนี้พี่ต้องร้องเพลงด้วยสิ!!!” – - ทั้งสามเดินออกจากแม็คโดนัลด์ขึ้นไปยังชั้นของลานจอดรถ พวกเธอเดินผ่านร้านทำผมThe Salon Of Loveแล้วอีโตจันกับเคียวโกะเหลือบไปเห็น ‘โอซาว่า แคทลายี’กำลังยืนหัวร่อต่อกระซิกกับไฮโซชื่อดังท่านหนึ่งโดยที่สายตาแคทลายีเหลือบมามองเด็กสาวทั้งสามแล้วแสยะยิ้มใส่ “พวกมันกำลังขึ้นไปที่ลานจอดรถ ฉันต้องการส่งเซ็ทนี้ไปกำนัลบอสก่อนพวกแกทำงานให้สมกับเป็นมืออาชีพและทำให้เร็วที่สุด!!!” แคทลายีโทรสั่งลูกสมุนหลังจากที่แอบปลีกตัวมาจากการสนทนา “นางจันทราแล้วแกจะได้รู้ว่ามาดูถูกคนอย่าง ‘โอซาว่า แคทลายี’มันจะต้องชดใช้ด้วยอะไร”

ณ ลานจอดรถ – - เอียนจือ,เคียวโกะและอีโตจันได้เก็บข้าวของใส่กระโปรงหลังเรียบร้อยแต่แล้วก็มีรถตู้สีดำคันหนึ่งมาจอดขวางด้านหลังทำให้รถของเอียนจือไม่สามารถถอยออกได้ “ขอโทษนะคะ กรุณาถอยลดนิดนึงค่ะรถของเราออกไม่ได้” เคียวโกะเดินไปบอกคนขับทันใดนั้นมันก็เปิดประตูกระแทกใส่เคียวโกะเต็มแรงแล้วมาคว้าข้อมือเธอไว้ “กรี๊ดดด!!!!” เคียวโกะร้องลั่นด้วยความตกใจกลัวพลางดิ้นเต็มแรง ในขณะที่ผู้ชายอีก5คนได้เดินลงมาจากรถแล้วพุ่งตรงใส่เอียนจือและอีโตจัน ด้วยความไวเอียนจือสามารถปัดมือของชายคนแรกที่เข้ามาถึงตัวเธอได้ก่อนจะนำฝ่ามืออีกข้างฟาดไปที่ขมับของมันอย่างเต็มแรงจนตัวของมันลอยหมุนลงไปนอนที่พื้น เอียนจือต่อเกมส์ด้วยการถีบไปที่ปลายคางของชายคนถัดมาอย่างแม่นยำแล้วใช้พลังฝ่ามือโลหิตอัดเข้าไปที่หน้าอกของมันอย่างเต็มแรงจนชีพจรขาดสะบั้น ในขณะที่อีโตจันวิ่งเข้าไปช่วยเคียวโกะด้วยการจับข้อมือของคนขับรถแล้วหักอย่างแรงจนชายโฉดร้องเสียงหลงก่อนที่อีโตจันจะบิดร่างของมันทุ่มลงกับพื้นอย่างเต็มแรงจนหมดสติไป ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มวิ่งเข้ามาออกหมัดใส่อีโตจันอย่างเต็มแรงแต่เธอสามารถหลบหลีกการชกของมันได้อย่างพลิ้วสลวยประดุจผีเสื้อเต้นระบำ ในขณะที่ชายอีกสองคนกำลังปะทะกับเอียนจือแต่ถูกวิทยายุทธ์เชิงมวยจีนของเธอเล่นงานจนต้องล่าถอยไป อีโตจันฉวยมีดสั้นจากใต้พื้นรองเท้าแทงเข้าที่ข้อพับของโจรกระจอกที่สู้กับเธอในขณะที่เคียวโกะรวมกำลังเตะเข้าที่ใบหน้าของมันอย่างจังจนสลบไป ชายสองคนที่ผละออกจากเอียนจือได้วิ่งขึ้นรถไปพร้อมบึ่งหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกพลังฝ่ามือโลหิตของเอียนจือระเบิดตามจนรถถึงกับคว่ำไม่มีชิ้นดี “มาทำกับพวกฉันแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?” เอียนจือยืนเท้าสะเอวมองด้วยความสะใจ ในขณะที่เหตุการณ์นี้ได้อยู่ในสายตาของราชินีพัดเหล็กคาโอริที่ซุ่มดูอยู่เช่นเดียวกับแคทลายีที่ดูจากกล้องวงจรปิดในอ๊อฟฟิศที่ซาลอน “ไม่น่าเชื่อ!!!” เธอกรีดเสียง “อีพวกนี้มันเป็นนักมายากลหรือนางฟ้าชาร์ลีกันหรือไง คอยดูกูนะอีพวกบ้า!!!” เธอกดไอโฟน “นี่!!!จัดการขั้นเด็ดขาด”

รถตู้ประมาณ10คันได้ขับมาเป็นวงล้อมทั้ง3สาวก่อนที่จะปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ประมาณเกือบสามสิบคนได้เดินลงมาพร้อมกับอาวุธทีมีทั้งไม้หน้าสาม ดาบสปาต้าร์ ฆ้อนและปืน เคียวโกะดูเหมือนจะเสียขวัญแต่เอียนจือกับอีโตจันบอกให้เธออยู่ใกล้ๆพวกเธอทั้งสองไว้ ในขณะที่ราชินีพัดเหล็กคาโอริดูเหมือนจะสนุกกับการดูกีฬาGladiatorในครั้งนี้ “อีโตจันสกัดมันไว้ พี่จะพาเคียวโกะไปที่รถ” เอียนจือตะโกนบอกแต่เคียวโกะขัดไว้ “พี่ไว้ใจหนูมั้ยคะ? หนูขับรถเก่งมากๆ แอบพ่อแม่หนูขับประจำ” เอียนจือโยนกุญแจรถให้โดยไม่ตอบคำถามและเคียวโกะวิ่งขึ้นไปสตาร์ททันควัน ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งเล็งปืนมาที่ทั้งสองแต่ต้องแตกกระเจิงเพราะถูกพลังฝ่ามือโลหิตของเอียนจือระเบิดเสียจนรถตู้ที่ขับเป็นวงล้อมขู่พวกเธออยู่ถึงกับคว่ำไม่เป็นท่าไปสองคัน ในขณะที่อีโตจันได้ใช้วิชาแยกร่างออกมาเป็นอีโตจันนับร้อยคนล้อมวงรถตู้อีกทีก่อนที่ทั้งเอียนจือและอีโตจันจะวิ่งขึ้นรถฝ่าวงล้อมของชายกว่า30คนที่สาละวนสู้กับภาพมายานับร้อยของอีโตจันไปได้ “อีห่านี่เจ๋งเว้ย!!!” ฝนหลุดหัวเราะออกมาในขณะที่ฮวายองกับหลงทำหน้าตาตื่นเต้นประหนึ่งกำลังยืมชมภาพยนตร์กำลังภายใน “หลงออกรถตามแม่พวกนั้นไป!!!” คาโอริสั่ง

ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งหมดจะรู้ตัวว่ากำลังถูกอีโตจันแหกตา – - ภาพมายาของนินจาที่อิทธิฤทธิ์ยังไม่แข็งกล้าพอจะไม่สามารถทำอันตรายได้และจะสลายไปในช่วงเวลาอึดใจ – - รถตู้ทั้ง8คันได้ขับตามรถของเอียนจืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่เคียวโกะที่ชอบแอบเอารถของพ่อกับแม่มาขับซิ่งตอนกลางคืนก็โชว์ฝีมือการขับรถแบบพาดโพนเชิงExtremeได้อย่างดี “พวกมันตามเรามาแล้ว” เอียนจือหันไปมอง “ดีล่ะ!!!” อีโตจันพูดพลางเอี้ยวตัวออกไปนอกกระจกรถก่อนจะหยิบดาวกระจายเขวี้ยงไปที่ยางล้อรถของรถทั้งสองคันอย่างแม่นยำจนยางระเบิดพลิกคว่ำไม่เป็นท่าพร้อมทั้งบีบก็อปปี้เอารถตู้อีกหนึ่งคันที่ไล่ตามมาติดๆจนเซถลาไปชนกับเสาไฟได้อีกคัน สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนบนท้องถนนมากจนจียอนที่เดินสำรวจพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ถึงกับกระโดดขึ้นขับมอเตอร์ไซค์ตาม ราชินีพัดเหล็กคาโอริถึงกับแผดเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ “ต๊าย ตาย แกลมชิควิลิศมาหรา ฉันไม่เคยได้ดูอะไรแบบสดๆที่มันตื่นเต้นเร้าใจขนาดนี้มาตั้งแต่ตอนที่ญี่ปุ่นโดนนิวเคลียร์แล้วนะนี่!!!” เอียนจือได้โผล่ออกไปนอกกระจกรถพลางรวบรวมสมาธิแล้วระเบิดพลังฝ่ามือโลหิตถูกรถคันหนึ่งที่ลอยพุ่งขึ้นจากพื้นจากแรงอัดอย่างจัด ทำเอาจียอนที่เห็นภาพนั้นกับตาถึงกับตกตะลึง “อะไรกันนี่!!!” เธออุทานก่อนจะพลิกมอเตอร์ไซค์หลบแรงระเบิดยองฝ่ามือโลหิตลูกถัดไปที่เฉียดเธอไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด รถตู้คันหนึ่งได้ยิงปินไปใส่ไปที่รถของเอียนจือทำเอาเคียวโกะหวีดร้องแล้วเสียการควบคุมไปทันที – - รถของเอียนจือมาหยุดใกล้ๆเขตุของสนามบินโตเกียวที่ถูกปิดตาย เอียนจือและอีโตจันลงมาดูอาการของเคียวโกะที่ดูเหมือนจะเสียขวัญจากเสียงปืนก่อนที่รถตู้ทั้ง4คันจะมาจอดด้านหลังเธอปรากฏเป็นร่างของชายประมาณ12คนที่ลงมาจากรถพร้อมปืนสั้นเล็งไปที่พวกเธอ “ขึ้นรถไปกับพวกเราซะดีๆ” หนึ่งในกลุ่มแผดเสียง จียอนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าเข้ามาได้เฝ้าดูสถานการณ์พลางคิดในใจว่าจะเรียกกำลังเสริมดีหรือไม่ หากแต่รถของราชินีพัดเหล็กคาโอริได้พุ่งเหินตามเข้ามาด้วยพลังการควบคุมของนางมาร

“แปะๆๆๆ” เสียงปรบมือของนางมารในชุดสีเงินดังขณะที่เธอเดินออกมาจากรถโดยมีลูกสมุนทั้งหมดตามออกมาด้วย “ฉันไม่ได้ดูอะไรที่บันเทิงขนาดนี้มานานแล้ว ขอชมนะว่าพวกเธอมีฝีมือกันไม่เบา (เธอหันไปที่อีโตจันกับเอียนจือ) ในฐานะที่ฉันมีประสบการณ์มากกว่าก็อยากจะแสดงให้ดูว่าของแบบนี้มันต้องจัดการยังไงเผื่อวันหนึ่งพวกเราอาจจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน” นางมารพูดด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้มีท่าทีหวั่นเกรงปินทั้ง12กระบอกที่เปลี่ยนทิศเล็งตรงมาทางเธอแม้แต่น้อย “ฝน!!!” สิ้นสุดคำพูดของนางมาร ฝนก็หยิบกระบี่คู่ใจของเธอขึ้นมาแล้วพุ่งใส่ผู้ชายทั้ว12คนด้วยความรวดเร็วประดุจฟ้าแล่บก่อนที่เลือดจะสาดกระเซ็นไปทุกทิศ – - แขนของพวกมันข้างที่ถือปืนถูกฝนตัดขาดซะเรียบ – - เคียวโกะร้องกรี๊ดด้วยความหวาดกลัวในขณะที่จียอยถึงกับตาเบิกโพลง ก่อนที่ราชินีพัดเหล็กจะกางพัดของเธอออกแล้วฟาดมันลงกับอากาศกรีดเสมือนเป็นการตวัดดาบแล้วร่างของมันทั้ง12ร่างก็ขาดครึ่งเสี้ยวจมกองเลือดต่อหน้าเด็กสาวทั้งสามทำเอาเคียวโกะถึงกับหมดสติไป “หยุดนะ!!! ไม่ว่านี่มันจะเรื่องอะไรก็ตามฉันขอกุมตัวพวกเธอทุกคนไปสอบสวนที่โรงพัก” จียอนชักปืนเล็งตรงมาที่ทั้งกลุ่ม “ตำรวจหญิงเหรอ?” นางมารแสยะยิ้ม “ฉันจะไว้ชีวิตเพราะเห็นว่ายังไงก็ผู้หญิงเหมือนกันแล้วกันนะ” พูดจบเธอก็กางพัดแล้วพัดไปทึ่จียอนอย่างแรงจนเกิดลมกรรโชกพัดจียอนลอยไปชนกับกำแพงอาคารที่เป็นซากปรักหักพังจนหมดสติไป “ไว้คุยกันทีหลังนะคะสาวๆ” คาโอริพูดจบก็เดินขึ้นรถไปในขณะที่ฝนมองหน้าอีโตจันด้วยความท้าทายก็ก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายแล้วหลงก็ขับรถคันนั้นลับตาไป

เอียนจือได้ขับรถพาอีโตจันและร่างหมดสติของเคียวโกะกับจียอนไปส่งที่บ้านของอีโตจันโดยมีจันทราเร่งตามมาติดๆ – - เธอก็มักจะเหาะเหินเดินอากาศกลับบ้านเวลาค่ำๆเพราะมัวเร็วและรื่นรมย์กว่าการต่อคิวโดยสารรถไฟฟ้านัก – - เอียนจือและอีโตจันเล่าเรื่องทั้งหมดให้จันทราฟังเธอถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่งหน้าซีดกับพื้นเมื่อทั้งสองสาวได้เล่าให้ฟังถึง “ผู้หญิงที่ถือพัดเหล็ก” ความกลัวที่ตามหลอกหลอนจันทรามาตลอด16ปีในที่สุดเธอก็หลีกหนีมันไม่พ้นจนได้ “แม่ขา!!! แม่เป็นอะไรคะ?” อีโตจันพยุงจันทราขึ้นมา “ไม่เป็นไรลูกแค่ไม่สบายนิดหน่อย” จันทราตอบเสียงสั่นเครือ ในขณะที่เคียวโกะลุกขึ้นมานั่งสลึมสะลือก่อนจะวิ่งเข้าไปโผกอดอีโตจันพร้อมปล่อยโฮด้วยความหวาดกลัว จันทรา,เอียนจือและอีโตจันใช้เวลาปลอบขวัญเคียวโกะอยู่นานร่วมครึ่งชั่วโมงจนเธอได้สติ “ฉันนี่อ่อนแอจังเลยนะ!!! ต้องขอบคุณเธอกับพี่เอียนจือมากๆถ้าไม่ได้พวกเธอสองคนฉันคงตายไปแล้ว” เคียวโกะยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “ว่าแต่อีโตจันเธอจะบอกฉันได้รึยังว่าที่เธอปาดาวกระจาย กระโดดได้สูงเกือบเท่าตึกสองชั้น ต่อสู้ก็เก่งแล้วยังแยกร่างออกเป็นร้อยๆคนได้อีกนี่มันอะไรกันแน่?!!!” เคียวโกะเค้นถามจนจันทราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปิดบังเคียวโกะอีกต่อไปจึงอธิบายเรื่องราวของเธอกับอีโตจันที่มีวิทยายุทธ์ให้เคียวโกะฟัง “ว่าแต่เรื่องพวกนี้มันยังมีอยู่จริงๆเหรอ?!!!” ทุกคนหันไปมองเสียงของจียอนที่เพิ่งฟื้นคืนสติ “ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะแต่วันนี่ฉันได้เห็นทั้งผู้หญิงคนนี้ (เธอชี้ไปที่เอียนจือ) ปล่อยระเบิดออกจากฝ่ามือวิ่งพุ่งไปตามพื้น ไหนจะเด็กสาวผมทองตัวอ้วนที่พุ่งเข้าไปใช้กระบี่ฟันแขนผู้ชายกลุ่มนั้นจนขาด รวดเร็วจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์และยังยัยผู้หญิงที่เอาพัดๆใส่ฉันจนปลิวกระเด็นอีกต่างหาก แต่มันต้องมีคำอธิบายได้สิ!!!” จียอนดูเหมือนพึมพำกับตัวเอง “บางสิ่งบางอย่างบนโลกนี้ก็หาหลักวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงอธิบายไม่ได้เสมอไปเฉกเช่นพวกข้าที่มีพลังเหนือธรรมชาติแต่กำเนิด” เอียนจือพูดขึ้นพลางจูงมือเคีศโกะและจียอนฉกมาด้านนอกโดยมีจันทราและอีโตจันตามมาติดๆ “ดูหินก้อนใหญ่นั้นให้ดี” เธอชี้ไปที่ก้อนหินใกล้เนินเขาก่อนจะใช้พลังฝ่ามือโลหิตระเบิดเป็นผุยผง

“คุณตำรวจคะเรื่องนี้ดิฉันขอความกรุณาคุณเก็บเป็นความลับนะคะ อย่าให้เอียนจือหรืออีโตจันต้องไปให้ปากคำเลย” จันทราวิงวอน “แต่พวกเธอสองคนเพิ่งจะทำผิดกฏหมายและอยู่ในที่เกิดเหตุฆาตกรรม” จียอนแย้งแต่กลับเป็นเคียวโกะที่พูดขึ้นด้วยเสียงเย็น “แล้วคุณคิดว่าถ้าคุณพูดไปทั้งโรงพักเขาจะเชื่อพวกเรามั้ยคะ?!!! ใช้สามัญสำนึกดู ที่สำคัญพวกหนูเป็นฝ่ายเสียหายนะคะจู่ๆก็โดนผู้ชายเป็นโขยงบุกมารุมทำร้ายในที่ๆสมควรจะมีผู้พิทักษ์สันติราษฏร์เป็นหูเป็นตา” จียอนถึงกับอึ้งไป “ข้ายอมรับว่าวันนี้ข้าอาจจะฆ่าคนตาย!!! แต่ข้าก็ทำไปในฐานะคนธรรมดาๆที่ต้องปกป้องตัวเอง เจ้าจะจับข้าก็ได้แต่คิดเหรอว่าอย่างข้าจะแหกคุกออกมาไม่ได้?!!!” เอียนจือพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่สำคัญเราทุกคนอยู่ในอันตราย นิสัยของนางมารไม่ใช่คนที่เผชิญหน้ากับใครแล้วจะปล่อยให้รอดไปโดยง่าย เธอรู้วิธีเล่นกับเหยื่อทุกรูปแบบ เราทุกคนอาจจะถูกจับตา!!!” จันทราหลุดปาก “นางมาร?!!! ท่านหมายถึงผู้หญิงถือพัดเหล็กคนนั้นนะเหรอ?” เอียนจือถามทำเอาจันทราถึงกับหน้าเจื่อนไป “แม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ?” อีโตจันคาดคั้น “ใช่!!! นานมาแล้ว ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสมฉันจะเล่าให้ทุกคนฟัง” จันทราพูดพลางเดินหันหลังเข้าบ้าน

เอียนจือขอลากลับไปที่หอนางโลมเพื่อไปเตรียมตัวร้องเพลงก่อนที่จะอาสาพาจียอนกับเคียวโกะไปส่งที่บ้าน – - คืนนี้เคียวโกะจะไปพักที่บ้านของอาจารย์มิซาเอะ โดยที่จียอนรับปากว่าจะขับรถตำรวจไปนอนเฝ้าหน้าบ้านทั้งคืน – - คืนนั้นอีโตจันกับจันทราไม่ได้พูดอะไรกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก อีโตจันเป็นห่วงแม่ที่มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่รู้ราวของผู้หญิงถือพัด – - หรือที่เธอเรียกว่า “นางมาร” – - ในขณะที่จันทราเองก็ห่วงลูกสาวไม่ใช่น้อยเพราะถ้าเมหลีฮั๊วรู้ว่าอีโตจันยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็เธอจะต้องหาทางฆ่าอีโตจันให้จงได้อย่างแน่นอน คืนนั้นอีโตจันกำลังนอนเล่นไอโฟนคุยLineกับเอียนจือ,เคียวโกะ,ซาโตชิและจียอนที่กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ของเธอแบบไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่จันทรากำลังรีดเสื้อผ้านักเรึยนให้อีโตจันอยู่อีกห้องหนึ่ง – - สายตาคู่หนึ่งกำลังมองบ้านอันแสนสุขของสองแม่ลูกจากข้างนอก “ผู้หญิงในชุดกากเพชร” พร้อมกับหน้ากากเพชรอำพรางใบหน้าและลูกสมุนประมาณ20คนกำลังรอเวลาที่จะโจมตีสองแม่ลูกด้านนอก “บอสคะ!!! ดิฉันอยู่หน้าบ้านเป้าหมายแล้วค่ะ อีเด็กนี่มันแสบมากๆเหมือนกับจะไม่ใช่คนปกตินะคะวันนี้ผู้ชายสามสิบคนยังเอามันไม่อยู่แต่ถ้าเราจับแม่มันเป็นตัวประกันล่ะก็ต่อให้มันแยกร่างได้มากกว่าร้อยร่างก็ต้องยอมตกเป็นสินค้าของบอสอยู่ดี”

“ฉันเชื่อมือเธอDiamond!!! ขอบคุณสำหรับรูปที่ส่งมาฉันพอใจทุกๆคนมาก เชื่อว่าสินค้าล็อตนี้จะต้องเด็ดจับแม่มันไว้เป็นตัวประกันแล้วให้มันล่อเพื่อนของมันสองคนออกมา สมัยนี้มันหมดยุคกำลังภายในไปแล้ว อ๋ออย่าลืมหาอีสามคนที่แต่งตัวแรงๆทีเหลือให้เจอด้วยล่ะโดยเฉพาะอีคนถือพัดถึงจะดูรู้ว่า30กว่าๆแต่สวยขนาดนี้แกจะได้คอมมิชชั่นเป็นสิบล้านแน่ๆ” มาดามDitaกำชับ ก่อนที่ปีเตอร์จะเดินเข้ามาหา “เกมส์พร้อมแล้วครับคุณหนู” Ditaยิ้มพร้อมกับหันไปประกาศต่อแขกกิติมศักดิ์ทีมาร่วมชมกีฬาล่าสัตว์ของเธอ “สวัสดีค่ะท่านรัฐมนตรีและแขกรับเชิญกิติมศักดิ์ของดิฉันวันนี้ ก่อนอื่นขอแนะนำ’สัตว์’ที่เราจะล่านั่นคือ ‘โมลท์เซ่น อเล็กซานเดอร์’” โมลท์เซ่นในร่างเปลือยเต็มไปด้วยรอยบาดแผลพร้อมโซ่ตรวนห้อยที่คอเดินออกมาท่ามกลางเสียงโห่ร้องและหัวเราะลั่นของคนดูประมาณสามสิบคนในรีสอร์ทส่วนตัวบนเกาะแห่งหนึ่งของDita “กฏก็คือเมอร์ซิเออร์โมลท์เซ่นจะต้องวิ่งหนีสุนัขล่าเนื้อสิบตัวที่ทางเราจะปล่อยให้วิ่งไล่เขา (ขณะนี้โมลท์เซ่นร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถึธกเนยร้อนๆราดลงไปทั้งตัว) และดิฉันDitaทีมA โดมินิค ทีมBและท่านรัฐมนตรีที่จะมาร่วมสนุกกับเราในทีมC จะขี่ม้าเพื่อยิ่งสุนัขล่าเนื้อใครยิงได้มากที่สุดก็จะได้โบนัสนะคะและถ้าคุณโมลท์เซ่นยังไม่ตายณาก็จะล่าคุณโมลท์เซ่นด้วยวิธีของเราคือท่านรัฐมนตรีจะใช้ปืน คุณโดมินิคจะใช้ฉมวกและดิฉันจะใช้เชือกสไตล์คาวบอยค่ะ ขอเชิญุทุกท่านเลือกข้างทีมจะพนันได้”

ปีเตอร์ยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณที่เริ่มต้นการแข่งขันได้ในขณะที่โมลท์เซ่นคลานมาวิงวอนขอชีวิตDitaแทบเท้าม้าที่เธอขี่แต่แล้วก็ต้องวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อสุนัขล่าเนื้อหิวโซทั้ง10ตัวได้ถูกปล่อยออกมาพวกมันได้กลิ่นหอมของเนยและกลิ่นคาวเลือดจากโมลท์เซ่นจนทำให้มันแยกเขี้ยวแล้วกระโจนวิ่งไล่กวดชายผู้น่าสงสารอย่างบ้าคลั่ง มาดามDitaกรีดเสียงหัวเราะประหนึ่งคนเสียสติก่อนจะตะโกนบอกโดมินิคและท่านรัฐมนตรีให้ปล่อยโมลท์เซ่นสนุกกับลูกหมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย ด้วยความเจ็บปวดและหิวโหยทำให้โมลท์เซ่นหมดแรงเข่าทรุดลงจนถูกสุนัขล่าเนื้อรุมขย้ำทั้งสามจึงได้ยิงปืนใส่ฝูงหมาจนแตกกระเจิงบางตัวหันกลับมาแล้วพุ่งเข้าใส่Dita,โดมินิคและรัฐมนตรีด้วยความหิวโหยแต่ก็ถูกยิงจนขาดใจตายไป โดมินิคได้ที่เขวี้ยงฉมวกตรงไปที่โมลท์เซ่นเฉียดไหล่ไปจนบาดเป็นแผลเหวอะ โมลท์เซ่นรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายวิ่งหลบลูกกระสุนของรัฐมนตรีและฉมวกของโดมินิคแต่เป็นDitaที่ควบม้าตามโมลท์เซ่นโดยไม่กลัวว่าจะถูกลูกหลงก่อนจะใช้บ่วงบาศแบบคาวบอยตะวันตกเหวี่ยงคล้องคอโมลท์เซ่นแล้วลากร่างเปลือยของเขาไปจนรอบรีสอร์ทก่อนจะควบม้ามาที่จุดเริ่มต้นแล้วผูกบ่วงบาศเข้ากับเชือกเสาธงก่อนจะชักธงขึ้นจนร่างของโมลท์เซ่นลอยขึ้นจากพื้นลิ้นจุกปากและฉี่ราดทุรนทุรายDitaวิ่งมารับถ้วยรางวัลและเงินจากการพนันอย่างยินดีก่อนจะกล่าวคำปราศรัยเพียงสั้นๆ “ฉันขอมอบของขวัญให้ตัวเองแด่ชัยชนะสุดพิเศษ”พูดจบเธอก็หันไปคว้าฉมวกจากโดมินิคพุ่งไปยังร่างที่ห้อยต่องแต่งทุรนทุรายของโมลท์เซ่นโดยปักทะลุกลางท้องอย่างแม่นยำจนเสาธงต้นนั้นอาบไปด้วยเลือดท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมกิติมศักดิ์

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com