˹���á Forward Magazine

ตอบ

อีโตจัน (16)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อีโตจัน (16) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

http://www.facebook.com/hysteriaculture

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (https://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

[size=18]บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (http://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture )เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

(ความเดิมตอนที่แล้ว) : การต่อสู้ของมาดามDitaกับราชินีพัดเหล็กคาโอริ มาดามDitaกลายเป็นคนพิการและเสียสติ จันทราเข้ามาช่วยชีวิตDitaพร้อมกับจะเป็นคนดูแลเธอ ฮโยรินและฮวายองตาย หลงเริ่มมีใจให้เอียนจือ ดอกทอง ปีเตอร์เล่าเรื่องราวชีวิตของDitaพร้อมกับสารภาพและรับผิดแทนเธอทั้งหมด

อีโตจันลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าแล้วมองไปรอบๆห้องของตัวเอง เกือบสามเดือนแล้วสินะที่ฝันร้ายทั้งหมดได้เกิดขึ้นสามเดือนจากการต่อสู้ในคฤหาสน์ของDita สามเดือนที่ไม่มีเคียวโกะมันเป็นสามเดือนที่เธอและคนรอบข้างของเธอต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดและเผชิญกับความหวาดกลัวจากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น “แม่บังเกิดเกล้า” ของเธอเอง เธอลุกขึ้นในความมืดหันมามองร่างของ “ซาโตชิ” แฟนหนุ่มที่หลับสนิทก่อนจะเดินออกจากห้องไปช้าๆ ความทรงจำอันท่วมท้นได้สาดเข้าใส่อีโตจันในทุกฝีก้าวที่ย่างเท้าลงบันไดหญิงสาวประมวลความทรงจำทั้งหมดพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลรินเธอจำได้ไม่ลืมถึงวินาทีสุดท้ายที่Ditaได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเธอและซาโตชิให้ปลอดภัย ภาพที่จียอนและหลี่ชิงถูกรุมสังหารอย่างโหดเหี้ยม ภาพที่ร่างของเอียนจือ ดอกทองลอยดิ่งลงสู่ท้องทะเลช้าๆ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าหิ้งอันหนึ่งเอามือเอื้อมไปหยิบดาบขนาดใหญ่ตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองรูปของ “จันทรา” แล้วยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดตรึงอยู่กับที่ “แม่คะขอพลังให้หนูด้วย” พูดจบเธอก็คว้าดาบแล้วเดินออกจากบ้านไป

แสงตะวันเริ่มสาดกระทบหน้าอีโตจันเธอเดินขึ้นไปสู่ยอดเขาก่อนจะหลับตาลงทบทวนเรื่องทั้งหมดหลังจากวันนั้นวันที่เธอกลับมาจากคฤหาสน์ของDita – – อีโตจันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเธอรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้กลับมาสูดอากาศในบ้านเกิดอันเป็นที่รักอีกครั้งแม้ว่าแผลใจที่ต้องสูญเสียเคียวโกะไปจะยังไม่หายดีแต่มันก็เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆหลายๆสิ่งในชีวิต ขณะนี้เธออยู่ในบ้านหลังอบอุ่นของอาจารย์มิซาเอะที่เป็นคนออกปากชวนให้เธอกับจันทราย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อจะได้สะดวกต่อการไปเรียนและไปทำงานที่ร้านอาหารของทั้งคู่ แม้ว่าจะต้องแบ่งห้องนอนกับแม่อีโตจันก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่นิดเดียว จันทราได้ตื่นก่อนอีโตจันเพื่อลงไปเตรียมอาหารเช้านานแล้วอีโตจันอาบน้ำแต่งตัวแล้ววิ่งลงไปด้านล่าง “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะอาจารย์ สวัสดค่ะพี่จียอน” ทั้ง3คนหันมามองอีโตจันพร้อมร้อยยิ้ม “วันนี้มื้อเช้าเป็นซุปเต้าเจี้ยวและข้าวราดแกงกะหรี่นะลูก” จันทรายิ้มในขณะที่อีโตจันกำลังหยอกล้อกับดอนนี่ที่วิ่งกระวีกระวาดเข้ามาหาเธอด้วยความยินดี เธอหันไปมองภาพของผู้หญิงร่างอ้วนท้วมในเรือนผมบลอนด์สุกสว่างที่กำลังนั่งตาลอยอยู่บนเก้าอี้รถเข็น “มาดามDita” ในวันนี้แตกต่างจากภาพของเธอในชุดราตรีตามสื่อโดยสิ้นเชิงแม้ว่าจะยังดูเจิดจรัสแต่สภาพของผู้หญิงที่เคยมีรอยยิ้มอันอบอุ่นเปี่ยมด้วยสง่าราศีกลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าว่างเปล่าปราศจากการแสดงความรู้สึกใดๆ ใช่สิหลังจากเรื่องราวทั้งหมดซาโตชิได้รับสิทธิ์ในมรดกของDitaและแคทลายีในฐานะลูกบุญุธรรมแต่เขาเลือกจะปล่อยคฤหาสน์ของแม่ที่ฝรั่งเศสให้รกร้างไปเช่นเดียวกับที่เขาตัดสินใจขายคฤหาสน์ของตระกูลโอซาว่าเพื่อย้ายเข้ามาอยู่กับอาจารย์มิซาเอะและช่วยจันทราดูแลแม่ผู้น่าสงสารของตัวเอง

“ซาโตชิตื่นรึยังลูก!!!” จันทราตะโกนเรียก “อีก10นาทีครับแม่!!!” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนตอบกลับมา จันทราหันกลับมามองDita “นี่แน่ะ!!! วันนี้ฉันทำฟองดูให้เป็นมื้อเช้านะมาดาม ของโปรดเธอเลยไง” Ditaเงยหน้าขึ้นมองจันทราพร้อมกับรอยยิ้มเธออ้าปากให้จันทราป้อนอาหารและน้ำส้มคั้นอย่างว่าง่าย “Ditaนี่ยังมีคนส่งโปสการ์ด ดอกไม้ ขนมและของขวัญมาให้ทุกวันเลยนะจ๊ะ” มิซาเอะเดินมายิ้มพร้อมกับยัดตุ๊กตาหมีสีขาวแบบเดียวกับขนเฟอร์ที่Ditaชอบใส่ลงบนมือเธอ “อย่างน้อยกิจกรรมการกุศลที่เคยทำๆไว้ก็ช่วยเธอล่ะน้า” จียอนที่ตอนนี้ผมเริ่มขึ้นบางๆพูดผ่านหนังสือพิมพ์ “ฉันล่ะแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะเคลียร์เรื่องกับตำรวจฝรั่งเศสได้ง่ายขนาดนี้ ปีเตอร์ยอมรับและวางเรื่องทุกอย่างได้ลงตัวจนไม่มีใครเอาผิดDitaได้เลย” จียอนพูดต่อ “ตาซาโตชิกว่าจะลงมาได้ฉันหิวจะแย่แล้วนะยะ!!!” อีโตจันเอ็ดเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมของซาโตชิลอยฟุ้งมา “ขอโทษๆเมื่อคืนฉันนอนดึกไปหน่อยน่ะ” ซาโตชิยิ้มแหยๆ “สวัสดีครับแม่” ซาโตชิทักทายทั้งDitaและจันทราที่ตอนนี้เปรียบเสมือนแม่บุญธรรมของเธออีกคน “ทานข้าวเถอะจ๊ะเด่วจะไปโรงเรียนสายนะ” จันทราหันมายิ้ม “อ่า สวัสดีค่า” หลี่ชิงที่เพิ่งเดินทางมาถึงเข้ามาในบ้านพร้อมทักทายทุกคน “หลี่ชิงจะเป็นคนมาดูแลDitaและบ้านอาจารย์ตอนกลางวันน่ะจ๊ะ” จันทราหันไปบอกซาโตชิกับอีโตจัน “ใช่ค่า ที่ร้านพนักงานเยอะแล้วฉันก็เลยเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์แค่วันเสาร์น่ะและฉันก็จะมาทำงานประจำที่ได้เงินเดือนเยอะกว่ากับอาจารย์และพี่จันทรา ฮ่าฮ่าฮ่า” หลี่ชิงหัวเราะอารมณ์ดี “แม่ครับลุงปีเตอร์จะถูกตัดสินประหารชีวิตนะครับโดยเขาไม่ขอสู้คดี แต่ไม่มีใครทำอะไรแม่ได้แล้วนะครับ” ซาโตชิเข้ามากอดDitaแล้วถึงกับหน้าเจื่อนเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ “คงเป็นปฏิกิริยาตอบสนองน่ะเพราะDitaกับปีเตอร์ผูกพันกันมาก” มิซาเอะบีบไหล่ซาโตชิ

หลังจากอาหารเช้าทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนโดย จันทราได้เหาะไปที่ร้านอาหารไทยของเธอเป็นประจำทุกเช้าส่วนจียอนที่ขอย้ายมาประจำเป็นมือปราบที่ญี่ปุ่นก็ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจไปที่โรงพักพร้อมกับซาโตชิและอีโตจันที่ติดรถของมิซาเอะไปโรงเรียน “อาจารย์ครับผมต้องขอบคุณอาจารย์กับอีโตจันมากเลยนะที่ดีกับแม่ผมมากๆทั้งที่จริงๆแล้วแม่ของผม..” แต่มิซาเอะรีบพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน “ยังไงเธอก็เป็นนักเรียนของครูนะซาโตชิ อีกอย่างครูพูดตรงๆว่ามาดามDitaตอนนี้เธอก็อยู่ในสภาพที่ เอ่อ ตายทั้งเป็นน่ะจ๊ะ อย่าโกรธครูนะที่พูดแบบนี้ ยังไงครูก็ยินดีนะที่จะช่วยเหลือในทุกๆเรื่องมีคนมาอยู่ในบ้านเยอะๆก็ดีนะเพราะวันๆครูก็อยู่กับเจ้าดอนนี่เหงาจะแย่ ตอนนี้มีเพื่อนสาวสองคน กับน้องสาวตำรวจและลูกศิษย์สองคนมาอยู่ด้วยอบอุ่นขึ้นเยอะเลยทีเดียว แต่คะแนนภาษาอังกฤษของเธอสองคนถ้าเทอมนี้ไม่ได้เกิน90%ล่ะก็น่าดูนะจ๊ะ” ซาโตชิหัวเราะแล้วหันไปมองหน้าอีโตจันที่ยังคงนิ่งเฉยมึนตึงและไม่ปริปากพูดอะไรกับเขาสักคำ “อีโตจันเธอยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ?” ซาโตชิถามอย่างระมัดระวัง “เปล่า!!! ฉัน เอ่อ ฉันแค่คิดถึงเคียวโกะน่ะคือมันเหมือนใจสลายที่ฉันอยู่ตรงนั้นแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย” อีโตจันเริ่มร้องไห้ออกมาก่อนจะโผเข้ากอดซาโตชิแล้วปล่อยโฮอย่างสุดทนเป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ที่คฤหาสน์ของDitaที่เธอระเบิดอารมณ์ออกมา “อีโตจันฉันเสียใจจริงๆ ที่ทำได้แค่ยื้อชีวิตเธอทั้งสองคนไว้เพราะฮโยรินคอยขัดขวางและกันฉันทุกทาง มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันกล้ากว่านี้ฉันคงลอบเข้าไปช่วยเธอแล้วเราสามคนก็จะได้กลับญี่ปุ่นด้วยกัน เคียวโกะก็คงไม่ตาย” ซาโตชิร้องไห้ออกมาอย่างสุดทน มิซาเอะได้แต่มองลูกศิษย์ทั้งสองคนผ่านกระจกอย่างเจ็บปวดใจ

ณ เกมส์เซ็นเตอร์ย่านฮาราจูกุ – – “มาโกโตะ” เจ้าพ่อของขบวนการลักลอบขายยาเสพย์ติดและสื่อลามกให้วัยรุ่นตลอดจนเปิดเกมส์เซ็นเตอร์บังหน้าธุรกิจพนันฟุตบอลและเป็นสถานที่ให้เด็กชายหญิงมาสมสู่กันทั้งแบบสมยอมและล่อลวง “ตั้งแต่ตัวใหญ่ในโตเกียวอย่างอีซ้อโอซาว่าถูกฆ่าตายกิจการร้านเราแม่งก็ดีฉิบหายเลยว่ะ” มาโกโตะหันไปหัวเราะกับลูกน้อง “เงินสะพัดแถมร้านเรายังโจ๋แถบนี้ซะด้วยเส้นตำรวจไว้เยอะ แต่เชื่อมะไอ้ที่จ่ายๆไปขี้ๆทั้งนั้น” มาโกโตะนับเงิน “แต่ช่วงนี้ผมได้ยินมาว่าสาขาย่อยของพวกSalon Of Love โดนตามเก็บเรื่อยๆนะครับที่สำคัญไม่ใช่พวกตำรวจด้วย สายเราที่เดินส่วยมันบอกว่าในโรงพักคุยกันให้ลั่นว่าเป็นฝีมือผู้หญิง” ชายในเงามืดที่เล่นเกมส์อยู่พูดกับมาโกโตะ “ปัดโธ่ ไอ้หลง!!! ผู้หญิงมันจะไปทำอะไรได้ว้า อย่างอีโอซาว่าก็มีผู้ชายเป็นเบื้องหลังคนฝรั่งเศสที่ออกข่าวโครมๆนั่นไง ผัวมันรึเปล่าก็ไม่รู้” สิ้นสุดคำพูดของมาโกโตะประตูทางเข้าหลังร้านก็เปิดออก “ราชินีพัดเหล็กคาโอริ” ในชุดสตรีทแฟชั่นแบบฮาราจูกุในเรือนผมสีชมพูยาวสยายเดินเข้ามาพร้อมกับชายชุดดำ5คน “เฮ้ย!!! อีหนูเอ็งเข้ามาได้ไงวะ อยากเป็นเมียป๋าๆหรือไง?” ลูกน้องมาโกโตะคนนึงพูด นางมารเพียงแค่แสยะยิ้มก่อนจะชักมีดสั้นที่กำไรข้อมือหนามแบบพั้งค์ของตนปักใส่ปากชายหนุ่มคนนั้นตายคาที่ “อีนี่นิ!!!” มาโกโตะเล็งปืนไปที่นางมารแต่หลงหันมาชักปืนเอาจ่อหัวมัน ในขณะที่ชายหนุ่มนับสิบในห้องชักปืนตรงมาที่นางมารและหญิงสาวอีกห้าคนที่นั่งข้างมาโกโตะกรีดร้องและวิ่งออกไปให้พ้นทาง กระสุนจากปืนทั้งสิบกระบอกพุ่งตรงมาที่นางมารและลูกสมุนชุดดำทั้ง5 นางมารยกพัดขึ้นก่อให้เกิดสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่หลอมกระสุนที่พุ่งเข้ามาชนจนละลาย เธอเขวี้ยงพัดเหล็กของเธอที่แยกกระจายออกเป็นสิบชิ้นตัดปืนทั้งสิบกระบอกของพวกมันจนขาดกระจาย หนึ่งในนั้นถือขวดเบียร์ปากฉลามพุ่งเข้าใส่นางมารแต่เธอบิดตัวหลบได้อย่างสง่างามก่อนจะจับแขนชายหนุ่มหักแล้วฟาดลงกับพื้นอย่างแรงแล้วหักพับถึง5ทบนางมารจิกหัวชายหนุ่มขึ้นมาแล้วจับหันไปทางมาโกโตะพร้อมบีบขมับอย่างแรงจนลูกตาและฟันของมันกระเด็นออกมาเปรอะเต็มโต๊ะทำงานของเจ้าพ่อ “โมโตกิซัง โมโตกิซัง” แฟนสาวของโมโตกิวิ่งเข้ามากอดศพโมโตกิพลางร้องไห้แต่นางมารหยิบดาบซามุไรมาจากชายชุดดำด้านหลังที่ยื่นให้เธอพร้อมกับฟันฉับลงไปที่กลางใบหน้าของหญิงสาวจนขาดครึ่งท่ามกลางเสียงร้องของคนทั้งห้อง “ขอแนะนำตัวนะฉันคือผู้หญิงที่ทลายแก๊งค์ของโอซาว่า แคทลายีทั้งในโตเกียว จีน ฮ่องกงและฝรั่งเศส ที่มาในวันนี้เพราะใช่ผู้หญิงอย่างฉันคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้ต้องพึ่งความสามารถของชายหนุ่ม ‘หลง!!!’ แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาฉันเจรจาธุรกิจอย่าเอาอาวุธจ่อหัวเพื่อนร่วมงานของเราฉันไม่ชอบกลิ่นเยี่ยวผู้ชาย!!!” นางมารพูดต่อ “ฉันมาขอความร่วมมือจากแกไหนๆแกก็อยู่บนแผ่นดินนี้แบบคนไม่รักชาติอยู่แล้ว ฉันที่ต้องการจะทำลายชาติของแกให้ย่อยยับก็คงไม่กระดากใจที่จะบอกว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้” มาโกโตะยืนตัวสั่น “คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร” นางมารที่กำลังเดินไปมองสร้อยของหญิงสาวชุดเขียวข้างๆหันมาพร้อมแกว่งดาบไปรอบๆห้องแล้วปักมันบนโต๊ะทำงานของมาโกโตะ

“ทำธุรกิจของแกต่อไป ทำในสิ่งที่แกทำ เงินเป็นของแกฉันจะไม่เอาสักเยนแต่แกต้องเดินตามแผนของฉัน แลกกับชีวิตของแก ช่วยเป็นกำลังให้ฉันทำลายญี่ปุ่น แกไม่ต้องกลัวหรอกนะราชินีพัดเหล็กคาโอริปกป้องคนที่ออกหน้าในนางเสมอ” เธอหันไปแล้วโยนดาบให้สมุนของมาโกโตะที่ยืนอยู่ข้างห้องรับไว้ “แกหรือใครคนไหนมีปัญหาหรือข้องใจอะไรมั้ย?!!!” ทุกคนในห้องเงียบกริบพร้อมคุกเข่าให้นางมาร “หลง!!! หนูอยู่ที่นี่ทำตามแผนของเรา เอาเบียร์เย็นๆปลอบใจเจ้านายและเพื่อนในห้องหน่อยล่ะ แม่จะไปที่มอลล์สักหน่อย” นางมารหันหลังพร้อมกับเดินออกไป “พวกเธอทุกคนอยู่ที่นี่เปลี่ยนเป็นชุดสตรีทสไตล์ซะ” เธอหันมาสั่งชายชุดดำทั้ง5 “สร้อยสวยดีนะแม่นางไปซื้อมาจากไหน” เธอหันไปถามเด็กสาวชุดเขียว “สร้อยนี้หนูทำเองค่ะ อยากได้รึเปล่าคะเดี๋ยวหนูจะทำให้” เด็กสาวตอบอย่างฉาดฉานแม้จะหวาดกลัว นางมารมองเด็กสาวอย่างประเมินค่า “เจ้าชื่ออะไร?” เธอถามอย่างประหลาดใจ “หนูชื่อนูไอโนะ นาริโกะค่ะชื่อในวงการชื่อนาร์ช่า” เด็กสาวตอบตาเป็นประกาย “นาร์ช่า!!! อืม เธอมีแววนะ อยากมาฝึกงานกับฉันมั้ย?” นางมารถาม “ด้วยความยินดีค่ะ หนูว่าพี่โคตรเท่ห์เลยค่ะ เอ่อ เรียกเจ๊ได้มั้ยคะ?” นาร์ช่าเคี้ยวหมากฝรั่งยั่บๆพลางถาม “ตราบใดที่เธอไม่เรียกฉันว่าป้าหรืออีฉันก็รู้สึกสะดวกใจ ตามฉันมา” นางมารสั่งโดยมีนาร์ช่าเดินสะบัดเอวตาเธอไปอย่างไม่รีรอ “ทุกคนเล่นเกมส์และแชตในนี้ให้พอวันนี้ฉันยกให้เป็นวันพักผ่อนของพวกเธอ เพราะงานนี้ฉันมีลูกมือแทนฮโยรินและฮวายองแล้ว ต่อไปนี้นาร์ช่าคือหัวหน้าของพวกเธอจงเคารพเขาเหมือนกับที่เคารพหลงและฮวายอง” เธอตะโกนบอกเหล่าผู้ชายในชุดแฟชั่นฮาราจูกุละลานตาทั่งร้านทั้งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ PS3 เกมส์ Arcade โต๊ะสนุ๊กและสล็อตแมชชีน “คร้าบ!!!” คนทั้งร้านลุกขึ้นตะโกนตอบพลางคำนับให้นาร์ช่า “นาร์ช่างานแรกของเราคือช็อปปิ้งที่มอลล์”

นางมารและนาร์ช่าเดินท้าทายสายตาผู้คนบนท้อนถนนย่านแฟชั่นฮาราจูกุสู่ด้านในของมอลล์ “วันนี้เจ๊อยากจะมาซื้ออะไรคะ?” นาร์ช่าถาม “เปล่า!!! ฉันมาเดินคลายเครียด” นางมารตอบเสียงเย็น ทั้งคู่เดินไปจากไร้จุดหมายจนถึงโซนของร้านเกมส์เซ็นเตอร์ด้านบนอันเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกหัวโจก “เป็นสาขาสุดท้ายของDitaในญี่ปุ่น” ราชินีพัดเหล็กคาโอริพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน ข้างในเกมส์เซ็นเตอร์แห่งนี้มีการตกแต่งสไตล์กราฟฟิตี้แบบเมทัลกึ่งเจร็อคโดยพนักงานในร้านเปรียบเสมือนนักดนตรีวงX-Japanเช่นเดียวกับขาโจ๋ชายหญิงทั้งหลายที่ตอนนี้หันมามองนางมารและนาร์ช่าเป็นตาเดียวกัน “ต๊ายยย พวกมอรืนิ่งมูซูเมะรึเปล่าเนี่ย? เสร๊อ เสร่อ มาผิดร้านรึเปล่าเธอ” เสียงเด็กสาวท่าทางก๋ากั่นคนนึงเย้ยหยันพร้อมเสียงหัวเราะดังกึกก้อง “บ้าน่านี่มันAfter Schoolชัดๆ ว้าวๆมีแบบนี้มาเป็นอีหนูร้านเราลูกค้าน่าจะเยอะเว้ย!!!” เจ้าของร้านเสริม “หน้าห* มึงพูดกับแขกของร้านแบบนี้คงอยากจะเจ๊งเหมือนร้านทำผมที่โตเกียวสินะ?” นาร์ช่าแผดเสียงเย้ยหยัน “อ้าวอี่นี่!!! พูดแบบนี้ต้องโดนซะละมั้ง เฮ้ยจับแม่งกับเพื่อนมาเรียงคิวกันกลางร้านหน่อยเด๊ะ” เด็กผู้ชายคนนึงในร้านตะโกนท่ามกลางเสียงเชียร์ “แต่พวกกูขอตบก่อนซะกัน มาๆผู้หญิงกูจัดการเอง” เด็กผู้หญิงท่าทางก๋ากั่นประมาณ20คนเดินเข้ามาล้อมนางมารและนาร์ช่าไว้ “นาร์ช่าดูข้าเป็นตัวอย่างให้ดี!!!” นางมารกางพัดเหล็กออกทำเอาเด็กหญิงทั้งกลุ่มถึงกับสะดุ้งเพราะน้ำเสียงของใบพัดที่ชวนสยองขวัญ “เอาเลย!!!” เด็กผู้หญิงสามคนเหวี่ยงโซ่ด้านบนอย่างน่ากลัวแล้วฟาดใส่นางมารแต่เธอสามารถใช้พัดร่ายระบำจนโซ่ขนาดใหญ่ทั้งสามเส้นขาดสะบั้นเป็นเสี่ยงๆเช่นเดียวกับร่างของเจ้าของทั้งสามที่ร่วงหล่นบนพื้นเป็นชิ้นๆประดุจเนื้อสันเพิ่งถูกใบมีดคมกริบในโรงฆ่าสัตว์ชำแหละ เสียงกรีดร้องดังลั่นระงมร้านผู้คนที่เฮโลมารุมเชียร์ต่างพากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ถูกสะกัดไว้ด้วยกลุ่มของชายในชุดเลียนแบบฮิเดะทั้ง8คนที่ถือปืนไรเฟิลแล้วยืนขวางประตูไว้

นาร์ช่าอาศัยไหวพริบในขณะที่พวกหญิงสาวที่ล้อมเธอหันไปข้างหลังและพะว้าพะวงกับการวิ่งหนีนั้นฉวยดาบซามุไรบนพื้นจากศพที่ปะทะกับนางมารเข้ากระหน่ำฟันไปที่คอ หลังและแทงสะก๊อยท์เหล่านั้นอย่างดุเดือด “กูอยากทำแบบนี้มานานแล้ว” เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันราชินีพัดเหล็กคาโอริกำลังเอาพัดฟาดเข้าใส่ใบหน้าของหญิงผู้โชคร้ายจนขาดกระจุยก่อนจะหันมาที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนตัวสั่น “อ้าว!!! กลัวมอร์นิ่งมูซุเมะด้วยหรือ?” นางมารกางเล็บที่งอกยาวแหลมคมประดุจมีดทะลวงเข้าที่กลางหน้าอกของเด็กสาวจนขาดใจตาย เธอหันมามองหน้าชายเจ้าของร้านด้วยดวงตาแดงก่ำของงูจงอาง ในขณะที่เหล่าวัยรุ่นด้านหลังถูกต้อนให้ไปยืนรวมกันหลังเค้านท์เตอร์จ่ายเงิน “ฉันเนี่ยแหละคือคนที่ทำให้โอซาว่า แคทลายีถูกฆ่าตาย” สิ้นเสียงหัวเราะของนางมารผมของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงโชติช่วงก่อนที่เธอจะโบกพัดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าก็ไหม้เป็นจุณพร้อมกับระเบิด นาร์ช่ากรีดเสียงร้องแล้วก้มลงด้วยความหวาดกลัว “นาร์ช่าเจ้าเป็นอะไรน่ะ!!!” นางมารยืนหัวเราะหญิงสาวเงยหน้ามองเห็นตัวเองพร้อมเด็กผู้ชายในชุดฮิเดะอีกแปดคนยืนอยู่บนฟุตบาท “อ้าว!!! มันเป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้เราอยู่ในมอลล์แล้ว…” ก่อนที่นาร์ช่าจะพูดจบชั้นห้าของมอลล์ที่อยู่ห่างจากพวกเธอหลายเมตรก็ระเบิดออกพร้อมถล่มลงมาในขณะที่คนด้านล่างวิ่งหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น “ดูท่าทางมอลล์คงจะไฟไหม้ ฉันสงสัยจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น” นางมารพูดจบก็ตรงไปที่ร้านไอศครีมด้านข้างพร้อมชายทั้งแปดคนทิ้งให้นาร์ช่ายืนสันอยู่พักนึงก่อนจะวิ่งตามเข้าไป “เตรียมตัวให้ดีนะฝน” นางมารส่งLineหาฝนที่กำลังจะโจมตีโรงเรียนมัธยมโตเกียว

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com