˹���á Forward Magazine

ตอบ

Pharrell Williams : G I R L
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Pharrell Williams : G I R L 


http://www.facebook.com/HysteriaCulture

http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/03/02/pharrell-williams-g-i-r-l-rbsoulfunkneo-soul-75-3-55/

Pharrell Williams : G I R L : R&B/Soul/Funk/Neo Soul (75% = 3.5/5)

เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูเหมือนจะผลุบๆโผล่ๆตลอดเวลาตั้งแต่เยื้องย่างเข้ามาในอุตสาหกรรมดนตรีสำหรับศิลปินและโปรดิวซ์เซอร์มากความสามารถอย่างพี่ “ฟาร์เรลล์ วิลเลี่ยมส์” กล่าวคือคุณพี่มีทั้งช่วงเวลาที่ราบเรียบเงียบหงอยเช่นพอๆกับที่มีช่วงคัมแบ็คพีคๆสุดแสนทรงพลังชนิดสร้างปรากฏการณ์เขย่าอาณาจักรดนตรีให้สั่นสะเทือนชนิดหลายริกเตอร์อย่างล่าสุดเมื่อปีที่แล้วกับความสำเร็จของซิงเกิ้ลสุดร้อนแรงอย่าง “Get Lucky” ที่ร่วมงานกับDaft Punkและ “Blurred Lines” ที่ก็ได้สร้างสถิติให้ป๋าโรบิน ธิ๊คมีอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดเป็นเพลงแรกหลังจากที่คร่ำหวอดในวงการมานานเกินทศวรรษ นี่ยังไม่รวมถึงที่เจ้าตัวเพิ่งทลายชาร์ตบิลบอร์ดคว้าอันดับหนึ่งบนชาร์ตมาเป็นของตัวเองหมาดๆในเพลง “Happy” ซาวนด์แทร็คจากภาพยนตร์เรื่อง Despicable Me 2 ที่ก็เป็นหนึ่งในแทร็คของสตูดิโออัลบั้มชุดล่าสุดที่กำลังเขียนวิจารณ์ถึงอยู่นี่อีกต่างหาก แค่นี้ก็คงจะการันตีว่าเป็นช่วงเวลาที่ฟาร์เรลล์จะกลับมาเดินเท้าไม่ติดดินในวงการเพลงอีกครั้งค่อนข้างแน่นอน

เห็นว่าคุณพี่โดนพวกนกกระจิบนกกระจาบส่งเสียงเล็กเสียงน้อยวิจารณ์กันให้สนั่นหวั่นไหวเกี่ยวกับความล่อแหลมและเนื้อหาที่ดูไม่ให้เกียรติสตรีเพศในเพลง Blurred Lines ว่าแล้วคุณพี่ก็เลยตอกแมงเม้าท์ทั้งหลายกลับด้วยชื่ออัลบั้มสั้นๆเรียบง่ายว่า “G I R L” โดยเผยว่าคอนเส็ปท์เกือบทั้งหมดของอัลบั้ม “กูได้แรงบันดาลใจมาจากเพศแม่คร้าบ!!!!” อันนี้จริงไม่จริงก็ไม่รู้เพราะระหว่างที่เขียนวิจารณ์อัลบั้มนี้อยู่ยังไม่มีเนื้อเพลงโดยละเอียดให้ตามอ่านแต่ถึงคุณพี่จะทำอัลบั้มเหยียดเพศแม่ในงานชุดนี้ดิฉันก็ว่าน่าสนใจนะคะเพราะดูจากรายชื่อผู้ที่ดาหน้ามาร่วมงานตั้งแต่จัสติน ทิมเบอร์เลค,อลิช่า คียส์,ทิมบาแลนด์,Daft Punk,โจโจ้,ไมลี่ย์ ไซรัสยันเคลลี่ย์ ออสบอร์น (เอาอีนี่มาด้วยเหรอคะ?) แค่นี้คนฟังกับสาวกก็มโนกันตาลีตาเหลือกแล้วกระมัง

ดูเหมือนว่าพวกแฟนเพลงที่เคยชินกับงานสไตล์ฮิพฮอพอาร์แอนด์บีมืดๆแบบในสมัย “In My Mind” อัลบั้มแรกของคุณพี่เมื่อปี2006โน่นยันลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นเด็กติดสอยห้อยตามมาจาก N.E.R.D. กับ The Neptunes ก็คงต้องปรับหูกันสักนิดใน “G I R L” เพราะพี่ดันทำเก๋เล่นยกระดับมาเป็นงานที่กระเดียดไปทาง “นีโอโซล” โดยภาพรวมหนักโซลหนักฟั้งค์ตบด้วยอาร์แอนด์บี เร็กเก้ฟิวชั่น แด๊นซ์ คลาสสิคและกลิ่นอายโอลด์สคูลกรีดกรายจากจังหวะเต้นรำแบบดิสโก้ย้อนยุคกระฉึกกระฉักมากกว่าจะเป็นฮิพฮอพในแบบเดิมในแต่เชื่อว่าถ้าใจรักและฝักใฝ่งานดนตรีสายเออร์บันและคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีเป็นทุนก็น่าจะชอบได้ไม่ยาก (โดยส่วนตัวดิฉันว่าฟังง่ายและระรื่นหูกว่าฟังฮิพฮอพเยอะนะ) เอาเป็นว่าคนที่ชอบงานสไตล์ “จัสติน ทิมเบอร์เลค” น่าจะชอบ อย่างไรก็ตามแม้จะฟังง่ายและเมนทสตรีมมากกว่าเดิมขึ้นโขแถมงานก็ดีเข้าขั้นดนตรีคุณภาพแต่สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรคในการฟังงานของฟาร์เรลล์สำหรับดิฉันคือในฐานะศิลปินที่ทำ “อัลบั้ม” งานของพี่ยังขาดๆเกินๆอยู่มากในชุดนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่างหายจากการออกอัลบั้มไปนานหรือว่าแท้จริงแล้วเกิดมาเพื่อทำซิงเกิ้ลดังกันแน่คือบทที่จะเก๋เกิดเปรี้ยวล้ำคุณพี่ก็ยัดมุขมาซะ “ล้น” จนกลายเป็นตายบนคมหอกคมดาบจาก “ความเยอะ” ของตัวเองบางเพลงที่มันกำลังจะเริ่ดแล้วก็ไปไม่ถึงจุดนั้นเสียทีไม่เร่งพลังไม่ว่ากลับดร็อปและเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อประหนึ่งว่าทนก้มหน้าก้มตาร้องให้จบเนื้อให้ตรงตามดนตรีที่อุตส่าห์ลงทุนทำมาความรู้สึกของคนฟังก็คงไม่พ้นมีอารมณ์ร่วมตามว่า “แล้วเมื่อไรมึงจะจบ?” ที่น่าเกลียดก็คือบางเพลงมันแรงๆอยู่จู่ๆก็ป่วยฉันพลันชนิดสวรรค์พังครืนเอาดื้อๆกลางเพลงเหมือนกับตัวอัลบั้มที่มาแรงแบบ “ม้าตีนต้น” เปิดตัวมาเก๋ไก๋ประหนึ่งเป็นอัลบั้มแห่งสหัสวรรษหลอกล่อให้คนฟังตามฟังจนจบ – - เพื่อที่จะได้รับรู้ว่ามันน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ – - ยืนยันว่างานดีค่ะแต่ดิฉันอาจจะหูไม่ถึงเองก็ได้นะคะว่าแล้วฟังแค่สามเพลงแรกแล้วข้ามไปเพลงที่9เลยก็ได้เนอะ…ถ้าจบอัลบั้มเพียงแค่นี้ก็คงจะเป็นอัลบั้มแห่งสหัสวรรษของจริง

เปิดอัลบั้มมาด้วย Marilyn Monroe (4.5/5) กับมุขออเครสตร้าย้อนไปยุค50sเห็นจะได้ซึ่งทำให้อดนึกถึง Pusher Love Girl ของพี่หยอย “จัสติน ทิมเบอร์เลค” ในพาร์ทแรกของอัลบั้ม The 20/20 Experience ไม่ได้แต่เมื่อพุ่งเข้าสู่ตัวเพลงจริงๆก็เล่นเอาเซอร์ไพร์สจากการดวลกันระหว่างเครื่องสายคลาสสิคคัลกับบีทเต้นรำจำพวกอาร์แอนด์บีเทคโนที่แลดูเป็นมิติใหม่ร่วมสมัยมากๆ ดูเป็นเพลงที่ล้ำลึกและเท่ห์ชนิดไม่ต้องประดิษฐ์ เอ่อ เสียงพูดตอนเบรคนี่เป็นของ “เคลลี่ย์ ออสบอร์น” จริงๆอ่ะ? Brand New (Duet With Justin Timberlake) (4/5) ได้ทิมบาแลนด์มาทำเสียงบีทบ็อกซ์เท่ห์ๆช่วงต้นเพลงโดยภาพรวมเป็นงานโอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีเต้นรำติดฟั้งค์โซลและดิสโก้สไตล์จัสตินแท้ๆเพียงแต่อิทธิพลจากอิเล็คโทรนิคตามสมัยนิยมจะค่อนข้างสูงกว่า ขึ้นต้นมาก็ดูน่าจะแรงดีแต่ไปๆมาๆไม่ทราบว่า “เหนื่อยเหรอคะ?” ดูเซ็งๆวนไปวนมาเหมือนหาทางออกกันไม่เจอแบบจู่ๆก็ล่มปากอ่าว ถ้าเพลงมันกระฉับกว่านี้ก็คงได้คะแนนเยอะกว่านี้อยู่หรอก Hunter (4/5) สรรพสำเนียงฟัลเซ็ทโทเก๋ๆแบบที่พริ๊นซ์ชอบทำลอยหึ่งมาแต่ไกลตามมาด้วยบีทเต้นรำแบบดิสโก้ประสานฟั้งค์ โซล อาร์แอนด์บียันสรรพสำเนียงกระเดียดไปทางพั้งค์ก็มี แปลกๆแต่ก็ชอบนะคะ Happy (3.5/5) ซาวนด์แทร็คจากภาพยนตร์เรื่อง Despicable Me 2 ที่เพิ่งฟาดอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดไปหมาดๆ โดยรวมเป็นงานนูโซลจังหวะน่ารักๆแต่เทียบกับเพลงอื่นในอัลบั้มก็ค่อนข้างจะดูอ่อนและเมนทสตรีมแทบจะที่สุดแล้ว Freq (Interlude) (4/5) เป็นฮิดเด็นอินเทอลูดที่ร่วมงานกับ “โจโจ้” มาในแนวคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีบัลลาดและนีโอโซลสุดแสนไพเราะและมีคลาสสุดๆชนิดที่น่าจะจับมาปรากฏตัวแทนที่บางเพลงแกนๆในอัลบั้มแล้วเอาบางเพลงแกนๆพวกนั้นไปซ่อนแทนซะไม่ก็ขุดหละงฝังเสียให้มิดพร้อมทำพิธีอัปเปหิสวดส่งวิญญาณ ปิดท้ายด้วย Know Who You Are (Duet With Alicia Keys) (4.5/5) งานพ็อพเร็กเก้เพราะๆที่นำมาฟิวชั่นกับอารมณ์โซลหวานๆบรรเจิดใจชนิดที่ฟังแล้วหัวใจเบิกบานล่องลอย ชอบแทบจะที่สุดในอัลบั้มนี้แล้ว

เหมือนจะดีแต่ท้ายที่สุดก็ “ไม่ได้ดีอย่างที่คิด” แต่ถามว่าเป็นอัลบั้มที่ห่วยแตกโหลยโท่ยมั้ย? ก็ไม่ใช่อีกอยู่ดี! อัลบั้ม G I R L ชุดนี้ถ้าจะให้พูดกันตามตรงก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งงานคุณภาพที่น่าติดตามอีกชุดของปี เป็นงานที่ออกมาดีแต่อาจจะดีไม่พอ…แต่เชื่อเถอะมีแววฟาดอันดับหนึ่งค่อนข้างสูง!


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com