˹���á Forward Magazine

ตอบ

สุสานนักเรียน ตอนที่3 (12)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ สุสานนักเรียน ตอนที่3 (12) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

hysteria

สุสานนักเรียน ตอนที่3 เรื่องเล่าสยองขวัญจากห้องน้ำนักเรียนชายที่ถูกปิดตาย (3)

“ว่าแต่ฉันสงสัยว่ากาโต้ขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ยังไงเพราะว่าประตูดาดฟ้ามันก็ล็อคหมดทุกบานไม่ใช่เหรอ?” ดีไซน์โพล่งขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ในขณะที่ฟารีดาและฮาเวิร์ดเริ่มครุ่นคิดกับคำถามของดีไซน์ “นั่นสิ แถมประตูตรงอาคารกลางก็สนิมเกาะเปิดยากมากๆเลยนะตัวเล็กๆอย่างกาโต้ไม่น่าเปิดเองได้” คริสมาสต์พูดลอยๆระหว่างที่กำลังเก็บเหรียญในเกมส์ Subway Surfer ด้วยความเพลิดเพลิน “มันจะเปิดเองได้ยังไงเล่าก็ประตูบนดาดฟ้ามันล็อคทุกบาน!!!” ฮาเวิร์ดหันไปแยกเขี้ยวใส่คริสมาสต์ที่ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าเขาเพิ่งแสดงตรรกกะเฉิ่มๆออกมา “แต่ที่ฉันตกใจคือไม่คิดว่ากาโต้จะใจถึงขนาดนั้น…” คำพูดของฟารีดาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแหลมสูงเกรี้ยวกราดของแม่กาโต้ที่เดินเข้ามาด่ากราดใส่พวกเธอทั้ง4ไม่ยั้ง “ไหนๆๆ เด็กเหลือขอที่ชื่อฮาเวิร์ดมันอยู่ไหน?!!!” ฐิตารีย์แผดเสียงใส่หน้าฟารีดาที่ดูเหมือนว่าจะตั้งตัวไม่ทันจนได้แต่ยืนแข็งทื่อเช่นเดียวกับคริสมาสต์ที่ดูเหมือนจะไปไม่เป็นพอๆกัน “ผมเองแหละครับฮาเวิร์ด คุณแม่ก็น่าจะจำผมได้นี่!” ฮาเวิร์ดยักคิ้วใส่ฐิตารีย์ด้วยความท้าทายก่อนที่แม่ของกาโต้จะซัดเปรี้ยงเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนเขาเซถลา “มึงเป็นอะไรกับลูกกูนักหนา!!! ทุกครั้งกูไม่เคยเอาเรื่องที่มึงรังแกข่มเหงลูกกูสารพัด ไอ้เหี้ย!!! วันนี้ลูกกูเกือบตายก็เพราะมึง มึงรู้มั้ย มึงรู้มั้ย!!!!” ฐิตารีย์เอากระเป๋าฟาดไปตามใบหน้าและลำตัวของฮาเวิร์ดอย่างแรงโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคนทั้งโรงพยาบาลที่กำลังมองไปทางพวกเขา “หยุดนะคะคุณแม่มีเหตุผลหน่อย!!!” ดีไซน์วิ่งเข้าไปคว้าข้อมือแม่ของกาโต้ก่อนที่จะดันเธอออกไป “คุณคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะรบกวนสงบสติ..” นางพยาบาลคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่แม่ของกาโต้ก่อนจะชะงักไปด้วยความหยาบคายของเธอ “ไม่ต้องเสือก!!!” เธอหันไปตวาดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจก่อนจะหันกลับมามองหน้าฮาเวิร์ดและดีไซน์ชนิดตาแทบถลน “ถึงมึงจะไม่มีแม่นะแต่กูก็จะบอกให้มึงรู้ไว้นะว่ากาโต้เขามีพ่อมีแม่ ในโรงเรียนมึงทำลูกกูได้นอกโรงเรียนกูก็ทำมึงได้!!!” ฐิตารีย์ชี้หน้าฮาเวิร์ดพลางด่ากราดด้วยความคลุ้มคลั่งในขณะที่ฮาเวิร์ดตอนนี้กำลังตัวสั่นเทิ้มเพราะกำลังควบคุมโทสะ “เกินไปแล้วนะคะคุณแม่ เรื่องนี้โทษฮาเวิร์ดอย่างเดียวก็ไม่ถูกหรอกค่ะวุฒิภาวะทางอารมณ์ของลูกคุณแม่ก็ส่วนหนึ่งด้วยแหละค่ะ คุณแม่เลี้ยงลูกยังไงคะให้เขากรีดข้อมือและจะกระโดดตึกตายเพราะสอบไม่ได้ท็อปห้อง?” ฟารีดาแทรกขึ้นมาทำเอาแม่ของกาโต้หน้าเจื่อน

“กาโต้เป็นคนที่ใจแคบมากๆนะคะ!” ดีไซน์เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง “พวกเธออย่ากล้าดีมาว่าลูกชายฉันแบบนี้นะ พวกเธอมีดีกว่าลูกชายฉันขนาดไหนเชียวถึงมาพูดแบบนี้! พวกเด็กไม่มีสัมมาคารวะไม่มีสกุลรุนชาติพ่อแม่พวกเธอเป็นได้อย่างฉันกับพ่อกาโต้รึเปล่าล่ะจ๊ะ? คงไม่หรอกเนอะ!!! เพราะเท่าที่ดูๆแล้วพวกเธอมันก็พวกเด็กใจแตกพวกตัวปัญหาของห้องจบไปก็คงไม่พ้นใช้เงินยัดเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแล้วก็จบมาแบบไม่มีคุณภาพ โอ๊ยอย่าว่าแต่ม.เอกชนเลยเอาแค่ม.6ที่นี่จะจบกันรึเปล่าเถอะ!” ฐิตารีย์หัวเราะเยาะ “พ่อแม่พวกเราอาจจะไม่ได้เป็นหมอแต่ก็มีปัญญาส่งเสียพวกเราเรียนที่ดีๆที่เดียวกับกาโต้ได้ครับและพวกเราทุกคนถึงจะไม่ได้หัวดีแบบกาโต้แต่ก็โตมามีความสุขกับชีวิตดีครับ!” คริสมาสต์สวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาเรียบนิ่งต่างกับปกติที่เขาจะออกแนวกวนๆและดูง้องแง้งเป็นเด็กไม่รู้จักโตจนทำเอาฟารีดาและดีไซน์หันไปมองด้วยความตกใจ “พอเถอะค่ะคุณแม่!” มาลินเดินออกมาแทรกก่อนที่ฐิตารียจะอ้าปาก “เรื่องนี้เป็นเรื่องในโรงเรียนเป็นเรื่องในความรับผิดชอบของดิฉันถึงแม้ว่าฮาเวิร์ดจะมีส่วนผิดแต่คิดดีๆนะคะว่าทั้งหมดกาโต้ทำตัวเอง ไม่ได้ถูกข่มขู่ให้กระโดดตึกหรือกรีดข้อมือแต่อย่างใด” มาลินจับหน้าฮาเวิร์ดหันให้ฐิตารีย์ดูเผยให้เห็นรอยเลือดซิบๆตรงใบหูที่ถูกเบตาดีนฉาบซะอย่างดี “กาโต้เอาของบนโต๊ะนักเรียนเขวี้ยงใส่ฮาเวิร์ดและก็คงจะลืมดูว่าเขาเขวี้ยงกรรไกรใส่เพื่อนด้วยถ้าเรื่องนี้จะผิดก็ผิดทั้งสองฝ่ายเรื่องนี้ดิฉันจะทำโทษทั้งคู่แน่นอนค่ะ” มาลินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำเอาแม่ของกาโต้เงียบกริบไป “ถ้าคุณแม่จะว่าคุณแม่ก็ต้องว่าหนูนะคะเพราะถ้ากาโต้จะกระโดดตึกเพราะใครก็คงเป็นเพราะหนูไปว่าเขาว่านิสัยเจ๊าะแจ๊ะเหมือนผู้หญิงเอง” ดีไซน์พูดน้ำเสียงจิกๆ “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นดีไซน์! เดี๋ยวดิฉันคงต้องขอเชิญคุณแม่เข้าไปคุยกับคุณหมอดีกว่าค่ะรวมถึงปัญหาทางสภาพจิตใจของกาโต้ที่เราคงต้องร่วมกันแก้ไขเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อตัวเด็กเองไม่งั้นวันข้างหน้าเขาก็จะใช้วิธีนี้เป็นทางออกอีก” มาลินจ้องเธอเขม็งในขณะที่ฐิตารีย์พึมพำด้วยความตกใจ “ปัญหาทางสภาพจิตใจ!” แต่ดูเหมือนว่ามาลินจะไม่ใส่ใจ “ที่สำคัญดิฉันขอความกรุณาเป็นอย่างยิ่งว่าอย่าลงไม้ลงมือกับเด็กนักเรียน คุณไม่มีสิทธิ์ นักเรียนดิฉันถ้าจะตีดิฉันตีเอง ขอเชิญที่ห้องคนป่วยค่ะ!”

“เป็นไปไม่ได้ค่ะ ดิฉันยืนยันเลยว่านี่ต้องเป็นความผิดพลาดหรือเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอนเพราะลูกกาโต้ไม่มีทางทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้แน่นอนดิฉันเลี้ยงลูกมาแต่อ่อนแต่ออกดิฉันรู้จักเขาดีนะคะไม่มีทางแน่นอนที่เด็กอย่างน้องกาโต้จะไปเสพย์ยาบ้า!!!” ฐิตารีย์โวยวายเมื่อพิภพแจ้งผลตรวจ “ด้วยจรรยาบรรณของการเป็นหมอผมก็มีหน้าที่ๆจะต้องแจ้งผลตรวจคุณแม่กับอาจารย์ตามความเป็นจริงแต่ในเรื่องของการดำเนินการตามกฏหมายคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับยังไงน้องเขาก็รุ่นน้องผมเรื่องนี้ผมไม่มีทางปล่อยให้เล็ดลอดไปถึงตำรวจแน่ๆ” พิภพกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและสุภาพ “ตอนนี้ดิฉันว่าแทนที่จะมาใช้อารมณ์เราควรหันหน้าปรึกษากันดีกว่าค่ะว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี” มาลินหันมามองแม่ของกาโต้ที่ดูเหมือนกำลังอยู่ในห้วงประสาทเสีย “นั่นสิคะคุณแม่ผกาว่าเรื่องนี้ทางผู้ปกครองกับทางโรงเรียนต้องร่วมมือกันนะคะเพราะยังทันนะคะที่จะป้องกันปัญหาแบบนี้ไม่ให้มันเกิดอีกได้” ผกาเสริม “ประการแรกผมว่าน่าจะเป็นเรื่องของความกดดันที่น้องกาโต้ได้รับบางทีการเคี่ยวเข็ญที่มากเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อตัวเด็กนะครับ” พิภพเข้าเรื่อง “คุณยังไม่มีลูกคุณจะไปเข้าใจอะไรล่ะคะ!!! ดิฉันมีน้องกาโต้แค่คนเดียวดิฉันย่อมหวังในตัวน้องเขามากเป็นธรรมดา ยังไงซะดิฉันก็ทำหน้าที่ๆดีที่สุดในฐานะแม่ที่จะปลูกฝังสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกและดิฉันก็วางแผนขีดเส้นชีวิตให้เขาเป็นอย่างดีว่าเขาจะต้องตั้งใจเล่าเรียนเพื่อที่จะเข้าเรียนหมอแบบพ่อกับแม่ของเขา” ฐิตารีย์เชิ่ดหน้า “แต่คุณก็ควรจะถามความสมัครใจของกาโต้ว่าเขาชอบหรืออยากเป็นอะไรมากกว่านะคะ!!!” มาลินแย้ง “คุณเป็นแค่ครูนะคะไม่ใช่แม่ คุณมีสิทธิ์แค่ในโรงเรียนไม่ใช่มาแทรกแซงก้าวก่ายหน้าที่ของคนเป็นแม่แท้ๆดิฉันรู้ดีแน่นอนว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเขา ดิฉันคลอดเขาออกมาค่ะ…ใครอนุญาติให้พวกเธอเข้ามาในนี้ไม่ทราบ!!!” ฐิตารีย์หันไปตวาดพวกคริสมาสต์ที่เดินเข้ามาในห้อง “พวกหนูก็แค่เป็นห่วงกาโต้ก็แค่นั้นแหละค่ะ!” ดีไซน์ตอบเสียงเขียว “เป็นห่วง เชอะ! ลูกฉันเกือบจะฆ่าตัวตายก็เพราะพวกแก ไสหัวออกไปเลยเชียว ไป๊!!!” ฐิตารีย์คำรามก่อนที่ฮาเวิร์ดจะเดินตรงไปที่เธอพร้อมยื่นแบงค์พันใส่หน้า “คุณเคยให้แบงค์พันผมที่ช่วยชีวิตกาโต้ เอาคืนไปเถอะครับ บ้านผมมีเงินและผมไม่เคยคิดอยากจะเบียดเบียนเงินจากคนอย่างคุณสักบาท!” เด็กหนุ่มวางเงินก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปตามด้วยเพื่อนๆและมาลินกับผกาที่หันมามองฐิตารีย์ด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินตามลูกศิษย์ไปเช่นเดียวกับพิภพที่ปล่อยให้เธออยู่เฝ้าอาการลูกชายของเธอ “ฉันตามแกจริงๆเถอะ แกเสพย์ยาที่โรงเรียนจริงๆใช่มั้ย ตอบฉันมา ตอบมาเดี่ยวนี้!!!” เธอพุ่งตรงเข้าไปบีบคอลูกชายพลางเขย่าอย่างบ้าคลั่งลับหลังบรรดาอาจารย์ เพื่อนนักเรียนและนายแพทย์

“ฟารีดาLineมาบอกแล้วว่ากาโต้ปลอดภัยตอนนี้กำลังนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่โรงเรียนแหละ” หลินบอกแอนดี้ระหว่างที่ทั้งคู่เดินลงมาจากตึกเรียน “แล้วนี่หลินจะกลับบ้านเลยหรือจะอยู่รอเพื่อนๆก่อน? ถ้าจะกลับเลยเราจะได้ไปส่ง” แอนดี้หันมาถามหลิน “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะถ้าจะไปส่งไปส่งแค่ขึ้นรถไฟฟ้าก็พอ” หลินอมยิ้มทำเอาแอนดี้ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะครับ?” เด็กหนุ่มถาม “ก็ตอนนี้คุณพ่อของหลินมารอรับบนบีทีเอสแล้วค่ะและที่สำคัญ แอนดี้น่าจะไปส่งคนข้างหลังมากกว่า” เด็กสาวกลั้นหัวเราะก่อนที่แอนดี้จะหลังไปแล้วเห็นคิรินทร์กำลังยืนยิ้มมองเขาอยู่

“ขออนุญาติครับซิสเตอร์” ศุภกรเด็กนักกีฬาหัวขี้เลื่อยจากห้องม.5/3เคาะประตูก่อนที่จะเดินตัวสั่นเข้ามาในห้องฝ่ายปกครองเด็กหนุ่มหลบสายตาของซิสเตอร์สากุลวดีที่เล็งตรงมาทางเขาประดุจนางพญาราชสีห์ที่หมายจะขย้ำเหยื่อก่อนที่เขาได้ยินเสียงเรียบนุ่มอ่อนโยนในแบบที่เขาไม่คาดฝันเอ่ยขึ้น “ลูกรู้ใช่มั้ยว่าที่ลูกเข้ามาในห้องปกครองนี่เพราะลูกทำความผิดอะไร?” สากุลวดีเอ่ยกับเด็กหนุ่มอย่างมีเมตตา “ผม เอ่อ ผมแอบมีเพศสัมพันธ์ในห้องน้ำโรงเรียนครับ!!!” ศุภกรร้องไห้เพราะรู้ดีว่าความผิดนี้สามารถทำให้เขาโดนไล่ออกได้ “สิ่งที่ลูกทำมันมีผลที่ทางโรงเรียนจะตัดสินพักการเรียนลูกหนึ่งเทอมหรือไล่ออกได้เลยทีเดียวรู้ตัวมั้ย? ความประพฤติที่น่ารังเกียจนี้จะทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเสียใจขนาดไหนลูกเคยคิดบ้างหรือเปล่า? ทุกวันนี้โลกของเราก็เต็มไปด้วยความชั่วช้าโสมมอยู่แล้วสิ่งที่ลูกทำตัณหาราคะเหล่านั้นเป็นบ่อเกิดของความเลวทรามและความอันตรายทั้งปวง” สากุลวดียืนขึ้นก่อนที่จะมองลึกเข้าไปบนใบหน้าของศุภกรด้วยแววตาเย็นชาซึ่งมันดูน่ากลัวกว่าตอนที่เธออาละวาดและคลุ้มคลั่งเป็นเท่าตัว “ลูกชื่อเล่นชื่ออะไร?” เธอถามศุภกร “เบสท์ครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้า “เบสท์ ตอนนี้ยังทันเวลาที่เราจะช่วยปกป้องลูกที่หัวใจยังคงบริสุทธิ์อยู่จากภยันตรายของโลกใบนี้ลูกยินดีหรือไม่ที่จะสาบานว่าจะกลับตัวกลับใจเพื่อองค์พระเป็นเจ้าของลูกและรักษาตนให้บริสุทธิ์เพื่อถวายเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์แด่พระองค์ตลอดกาล” สากุลวดีถาม “ผมยินดีครับผมยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อจะกลับตัวกลับใจ ซิสเตอร์จะไม่ไล่ผมออกใช่มั้ยครับ?” สากุลวดีแสยะยิ้ม “งั้นประการแรกถอดกางเกงของเธอออก!” คำพูดของเธอทำเอาศุภกรถึงกับสะดุ้ง “แต่มันจะดีหรือครับซิสเตอร์!” เด็กหนุ่มละล่ำละลักด้วยความหวาดกลัวปนอับอาย “ฉันไม่ได้จะทำเรื่องน่ารังเกียจนั่นกับเธอแต่เป็นการลงโทษที่ฉันจะขอสั่งให้เธอปลดปล่อยมันต่อหน้าฉัน!!!” เสียงของเธอดังกังวานและดูทรงอำนาจจนศุภกรต้องจำยอมทำตามคำสั่งของเธออย่างเสียไม่ได้แม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดหรืออับอายเพียงใดก็ตาม เด็กหนุ่มก้มหน้าและหลบสายตาของสากุลวดีที่จับจ้องเขาไม่วางตาเพียงแต่เขาไม่ได้สังเกตุเห็นเลยถึงสายตาที่ว่างเปล่าปราศจากอารมณ์ประหนึ่งไร้ซึ่งดวงวิญญาณของเธอที่จับจ้องการประกอบกิจที่น่าอับอายของเขาจนมันเสร็จสิ้น

“พ่อขอบคุณลูกๆทั้งสองคนมากๆนะครับที่ช่วยดูแลหลินรวมถึงฝากขอบคุณไปถึงเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับลูก ยังไงต้องรับปากกับพ่อเลยนะว่าต้องให้พ่อพาไปเลี้ยงตอบแทนไม่รู้ล่ะ” พ่อของหลินกล่าวขอบคุณแอนดี้กับคิรินทร์ก่อนจะเดินจูงมือลูกสาวเข้าสถานีบีทีเอสไป “พ่อของหลินน่ารักดีนะครับ” คิรินทร์ยิ้มพลางโบกมือตอบหลินที่กำลังอยู่บนบันไดเลื่อน “นั่นสิครับ! อุ๊ย คิรินทร์ผมลืมซีร็อกซ์โน๊ตให้พวกฮาเวิร์ดอ่ะแถวนี้มีร้านถ่ายเอกสารมั้ยเนี่ย?” แต่คิรินทร์ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้แอนดี้ก่อนที่เขาจะก้าวขา “ผมไปถ่ายไว้ให้แล้วตอนที่แอนดี้เข้าห้องน้ำที่โรงเรียน” แอนดี้หยิกแก้มคิรินทร์พร้อมกับยิ้มด้วยความพึงพอใจ “รู้ใจผมไปซะทุกอย่างเลยนะ ไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านมั้ยครับ?” แอนดี้เดินกอดคอพาคิรินทร์ตรงเข้าไปในเซ็นทรัล

“แอนดี้Lineมาบอกว่าซีร็อกส์โน๊ตวิชาเลขกับภาษาไทยไว้ให้แล้วนะ” ฟารีดาบอกเพื่อนๆบนรถแท็กซี่ “แล้วตอนนี้แอนดี้อยู่ไหนอ่ะ?” ดีไซน์ที่นั่งอยู่บนตักฮาเวิร์ดหันมาถามข้ามหัวคริสมาสต์ที่กำลังนอนหลับเอาหัวซบไปทางฮาเวิร์ดทีฟารีดาที “อยู่ที่เซ็นทรัลสีลมกับ…” แต่ฟารีดาแก้เกมส์ทันเมื่อเห็นสายตาของฮาเวิร์ดและดีไซน์ที่มองตรงมาทางเธอ “กับหลินน่ะแต่หลินกลับบ้านไปแล้วพ่อมารับขึ้นบีทีเอสน่ะ!!!” เธอมีสีหน้าโล่งใจเมื่อมาลินกับผกาดูเหมือนจะไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไรยังไงซะคงจะดีที่สุดที่ไม่เปิดเผยให้อาจารย์ท่านไหนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างแอนดี้กับคิรินทร์ “งั้นเดี่ยวพวกเรานั่งรถไปส่งมิสที่โรงเรียนกันแล้วค่อยย้อนกลับไปเอาโน๊ตกับแอนดี้เนอะ ดีมั้ย?” ดีไซน์หันมาถามฮาเวิร์ด “ไม่เป็นไรหรอกครูก็เบื่อกับข้าวที่โรงเรียนด้วยว่าจะแวะกินข้าวที่เซ็นทรัลเหมือนกัน” มาลินโพล่งขึ้นทำเอาดีไซน์หน้าถอดสี “อู๊ยยย ดีค่า ดีๆๆจะได้ถือโอกาสไปเดินช็อปปิ้งด้วยนี่ยังไม่สี่โมงครึ่งเลยอีกตั้งนานกว่าจะสี่ทุ่ม ฮ่าๆๆๆ” ผกาหันมาแผดเสียงหัวเราะให้กับมาลินกับนักเรียนโดยที่ฟารีดารีบส่ง Line รายงานแอนดี้ทันที

“งานเข้าแล้วเดี๋ยวมิสมาลินกับมิสผกาจะมากินชาบูชิกับพวกเราด้วยอ่ะครับ!” แอนดี้โอดครวญหลังจากที่อ่านข้อความที่ฟารีดาส่ง Line มาให้ “แล้วทำไมเหรอครับ? พวกเขาจะมาก็ให้เขามาสิ!” คิรินทร์แสร้งทำน้ำเสียงเรียบเฉยและสีหน้านิ่งๆซึ่งกลบความไม่พอใจข้างในได้มิดชิด “แล้วคุณไม่กลัวว่าอาจารย์จะรู้เรื่องของเราสองคนเหรอครับ?” แอนดี้ถามหยั่งเชิงระหว่างที่นั่งมิงคิรินทร์ตักไอศครีมวนิลาเข้าปาก “ผมไม่เคยใส่ใจเลย ผมใส่ใจแอนดี้คนเดียวถ้าแอนดี้แคร์ผมก็แคร์แต่ถ้าแอนดี้ไม่ซีเรียสผมก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร!” คำตอบของคิรินทร์ทำเอาแอนดี้ยิ้มหน้าบาน “ผมไม่เคยคิดว่าการมีคุณอยู่ข้างๆจะเป็นเรื่องเสียหายแม้แต่นิดเดียวครับ” เขากำมือแฟนหนุ่มเสียแน่นก่อนจะดึงมันมาจุมพิตเบาๆด้วยความดีใจอย่างยิ่งเพราะถ้าคิรินทร์พร้อมที่จะเปิดตัวขนาดนี้มันก็จะช่วยทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายดายขึ้นโดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยเรื่องนี้กับพ่อของเขาในอนาคตซึ่งแอนดี้เตรียมใจไว้แล้ว

“ดีมาก! แล้วอย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้นะลูก คืนนี้เวลาห้าทุ่มตรงเราจะพบกันที่บีทีเอสศาลาแดง” ซิสเตอร์สากุลวดีบอกพลางโยนกางเกงให้ศุภกรที่เด็กหนุ่มรีบคว้ามันใส่ปิดบังร่างกายของเขาด้วยความอับอายโดยที่เลวรำพึงเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี ศุภกรตกใจฯยืนแข็งทื่อเช่นเดียวกับเลวรำพึงที่ดูเหมือนว่าสมองของเธอจะเริ่มแล่นเพื่อหาคำตอบกับภาพตรงหน้า “ออกไปซะ!!!” สากุลวดีตวาดศุภกรที่เพิ่งใส่กางเกงเสร็จ เลวรำพึงไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มที่รีบวิ่งออกจากห้องไปจนแทบจะวิ่งชนเธอ “มารยาททรามที่สุดจะเข้าห้องทำงานคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะประตู? มีการศึกษารึเปล่า!!!” สากุลวดีตวาดในขณะที่เลวรำพึงยิ้มเย้ย “เผอิญมีเอกสารเร่งด่วนที่ดิฉันลืมให้คุณ เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนน่ะค่ะ จริงๆแล้วน่าจะขอบคุณดิฉันนะคะที่อุตส่าห์สละเวลาเอาเรื่องปากท้องของคุณมาประเคนให้ถึงในห้อง” เลวรำพึงกระแทกเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของสากุลวดี “มันก็หน้าที่ของพวก ‘สุนัข’ ที่ต้องคอยคาบรับส่งข่าวไปทั่วตึกนี่ ที่นี่เขาจ้างเธอมาในหน้าที่อะไรล่ะ?!!!” สากุลวดีถามยียวนในขณะที่เลวรำพึงปิดปากแสร้งทำเป็นหัวเราะเสียงเสียงน้อยแบบเด็กสาวๆ “อย่างน้อยดิฉันก็ไม่เคยทำอะไรเกินหน้าที่นะคะตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ยิ่งเกินแบบบัดสีบัดเถลิงใช้เครื่องแบบแม่ชีฝ่ายปกครองแล้วเรียกเด็กหนุ่มๆมาทำเรื่องอาบัติกันถึงในห้องทำงานตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินแบบนี้ยิ่งไม่ใช่นิสัยของดิฉันเลยทีเดียว มันคงจะเร้าใจไม่น้อยสินะคะ?

สากุลวดีดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งเพราะคำพูดของเลวรำพึงเธอปัดสิ่งของบนโต๊ะทำงานของเธอลงไปกองกระจัดกระจายที่พื้น “แกอย่ากล้าดีเอาถ้อยคำโสมมแบบนี้มาปรักปรำผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์อย่างฉันนะแม่ปิยะวดี ฉันรักษาร่างกายของตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อถวายเป็นพระวิหารแด่พระองค์และอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องเด็กนักเรียนจากความโสมมของโลกนี้มาทั้งชีวิต!!!” เธอชี้หน้าเลวรำพึงก่อนที่จะแผดเสียงตะโกนใส่จนน้ำลายของเธอแตกเป็นฟองฟอดใบหน้าของสากุลวดีตอนนี้บิดเบี้ยวไปด้วยเพลิงแห่งโทสะเธอไม่ต้องการอะไรมากกว่าจะก้มลงหยิบมีดคัตเตอร์บนพื้นแล้วจ้วงแทงเลวรำพึงให้พรุนไปทั้งตัว ในส่วนของเลวรำพึงที่ดูเหมือนจะสนุกกับเรื่องนี้เธอนั่งไขว่ห้างมองหน้าสากุลวดีอย่างท้าทายด้วยท่าทีพร้อมที่จะตั้งรับกับสถานการณ์ตรงหน้า “แล้วน้ำเมือกที่มันหยดอยู่บนพื้นนั่นมันน้ำอะไรล่ะคะ!!! ซิสเตอร์ตอบได้มั้ยล่ะคะ? อย่าบอกนะคะว่าซิสเตอร์ที่แก่จวนจะลงโลงขนาดนี้แล้วไม่รู้จักว่าเขาเรียกมันว่า ‘น้ำอะไร’ ขนาดบวชเป็นชีแล้วนะคะนี่ยังขนาดนี้เลยถ้าไม่บวชป่านนี้ก็คงมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองไปแล้วกระมัง ไม่น่าล่ะถึงชอบแอบออกจากหอพักในยามวิกาลไปข้างนอกคนเดียวแทบทุกคืน ดิฉันก็เข้าใจล่ะค่ะว่าคนเรามันมีช่วงเวลาเสียวสะท้านกันทั้งนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรแต่ก็ไม่คิดว่าคนในเครื่องแบบพระเครื่องแบบชีอย่างซิสเตอร์มันจะถี่ยิกๆๆๆออกไปคันนอกรั้วโรงเรียนได้มันทุกคืน สรุปแล้วงานที่ซิสเตอร์ทำนี่เวลาไหนประจำเวลาไหนจ๊อบกันแน่คะ? กลางวันครับหรือว่ากลางคืนค่ะ?!!! ฮ่าๆๆๆ” สากุลวดีกระโจนเข้าไปบีบคอเลวรำพึงที่นั่งหัวเราะชอบใจบนเก้าอี้จ นเธอทั้งสองล้มคะมำไปกลิ้งหลุนๆที่พื้นทั้งคู่ แรงของสากุลวดีนับว่าเยอะอย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้หญิงวัยเฉียด60แต่เลวรำพึงก็อาศัยประสบการณ์ที่มากกว่าพลิกตัวสากุลวดีที่กำลังบีบคอและขย่มร่างของเธอให้เป็นฝ่ายลงมานอนที่พื้นก่อนที่เลวรำพึงจะฉวยรองเท้าส้นเข็มของเธอตบเข้าที่กลางใบหน้าของสากุลวดีแต่สากุลวดีคว้าข้อมือเธอไว้ได้ก่อนจะบิดมันอย่างแรงจนเลวรำพึงต้องปล่อยรองเท้าในข้อมือแต่เธอก็อาศัยโอกาสกระแทกส้นเข็มลงไปที่ปลายเท้าของสากุลวดีก่อนจะดันเธอไปกระแทกกับกำแพงห้องเต็มแรงแต่สากุลวดีก็ดูเหมือนจะยังไม่หมดแรงง่ายเธอง้างมือทั้งสองข้างของเลวรำพึงที่บีบคอเธอให้ปล่อยออกไปได้อย่างง่ายดาย “ในนั้นเกิดอะไรขึ้นคะเสียงดังสนั่นออกมาข้างนอกเชียว?!!” เสียงของซิสเตอร์สองสามคนดังขึ้นก่อนที่เลวรำพึงจะสลัดตัวเองออกจากอุ้งมือของสากุลวดีแล้วแกล้งวิ่งชนกำแพงฝั่งตรงข้ามอย่างเต็มแรงก่อนจะนอนแน่นิ่งไปแทบเท้าของสากุลวดีที่ยังคงยืนแยกเขี้ยวมองเธออยู่ “ตายแล้วมิสปิยะวดี!!!” ซิสเตอร์วิรภากับซิสเตอร์รจิตารีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเลวรำพึง “ซิสเตอร์สากุลวดีช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น?!!!” ซิสเตอร์เวโรนิก้าเอาตัวเข้าไปกันเลวรำพึงที่ดูเหมือนว่าจะโดนสากุลวดีกระทืบซ้ำ “คุณทำร้ายคนในโรงเรียนอีกแล้วนะซิสเตอร์!!!” รจิตาแผดเสียงใส่

“เออ!!! อยากโดนแบบมันมั้ยล่ะ?! ถ้าไม่โดนก็ไสหัวออกไปจากห้องทำงานของฉันให้หมด ไป๊!!!!” สากุลวดีคว้าชุดถ้วยกาแฟอย่างดีของเธอเขวี้ยงใส่รจิตาและวิรภาที่ก้มหลบทันจนมันกระแทกกับกำแพงแล้วแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ “สงบสติอารมณ์หน่อยซิสเตอร์ ไม่อย่างนั้นดิฉันก็คงจำเป็นที่จะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อคุณพ่ออธิการนะ!” ซิสเตอร์เวโรนิก้าตะโกนเรียกสติแต่กลับต้องชะงักเมื่อสากุลวดีกระโจนใส่เธอพร้อมกับมีดคัตเตอร์ในมือ “มึงอยากฟ้องก็ไปฟ้องเลยนะเรื่องนี้กูไม่กลัวแต่พวกมึงจำไว้นะว่าพวกมึงไม่ได้อยู่ในโรงเรียนนี้แบบมีความสุขกันแน่ๆ” เธอเอาคัตเตอร์จ่อคอซิสเตอร์เวโรนิก้าที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจกลัวเช่นเดียวกับรจิตาและวิรภาที่ไม่คิดว่าสากุลวดีจะบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ “ออกไป!!!” สากุลวดีที่ดูเหมือนจะเริ่มกลับมาควบคุมสติอารมณ์ได้ชี้คัตเตอร์ไปที่ประตูเป็นเชิงไล่บรรดาซิสเตอร์ที่ช่วยกันประคองเลวรำพึงออกไปโดยดี “ฮัลโหลคืนนี้ฉันว่าเราต้องเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อยแล้วล่ะนะ” สากุลวดีโทรหาหัวหน้านักบวชประจำนิกายนอกรีตของเธอก่อนจะอธิบายถึงแผนใหม่เพื่อดัดหลังแขกที่ไม่ได้รับเชิญในคืนนี้

“โอ๊ยยย หิวข้าว!!!!” คริสมาสต์ที่ลงมายืนบิดขี้เกียจด้านหน้าเซ็นทรัลบ่นพึมพำกึ่งๆแหกปาก “เดี๋ยวก็ได้กินแล้วล่ะน่าไปๆแอนดี้รอพวกเราอยู่บนชั้นสาม” ฟารีดาหันมาดึงแขนคริสมาสต์ที่ดูเหมือนจะยังคงฝันๆและงัวเงียอยู่ให้เดินตามครูทั้งสองและฮาเวิร์ดกับดีไซน์เข้าไป “ว๊ายยย ละลานตาไปหมดเลยนะคะลูกๆ วันนี้เราจะกินอะไรกันนะจิ๋ม เอ่อ ชาบุชิใช่มั้ยคะ ดีค่าเป็นบุฟเฟ่ท์ชั่วโมงกว่าๆที่มิสจะตักให้คุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ” ผกาดูมีทีท่าเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดจนมาลินกับดีไซน์อดหัวเราะไม่ได้ “อ่า แอนดี้ดูเสื้อผ้าอยู่ในเซ็นทรัลเดี๋ยวพวกเราเดินไปเซอร์ไพร์สมันกันดีกว่าครับ!” ฮาเวิร์ดที่เงยหน้าขึ้นจากมือถือหันมาบอกคุณครูทั้งสองของเขาก่อนจะกระโดดขึ้นบันไดเลื่อน

“คิรินทร์ตัวนี้น่ารักอ่ะเหมาะกับคุณมากๆเลยผมว่า” แอนดี้ทาบเสื้อสีดำที่ออกพั้งค์เข้ากับตัวคิรินทร์ “ฮ่าๆ ก็น่ารักดีนะเดี๋ยวผมซื้อดีกว่าศุกร์หน้าจะได้ใส่ไปเรียน” คิรินทร์ควักกระเป๋าสตางค์แต่แอนดี้หยุดมือเขาไว้ “คุณซื้อน้ำหอมให้ผมเมื่อต้นเดือนครั้งนี้ผมขอซื้อให้คุณบ้างนะ” แอนดี้ออดอ้อนก่อนจะยื่นชุดให้พนักงานขายพร้อมจ่ายเงินสดให้เธอไปสองพัน “คิรินทร์มีเดฟสียีนส์มั้ยครับ? ถ้าใส่กับเสื้อตัวนั้นคุณจะน่ารักมากๆเลยล่ะ!” แอนดี้หันหน้ามามองแฟนหนุ่มพลางยิ้มเขินๆ

“อุ๊ย ฟารีดาดูนี่สิคะ ชุดนี้น่ารักจังแต่คงจะพอดีกับแค่ขาครู ตัวเล็กขนาดนี้ยัดเข้าตัวฉันไม่ได้หรอกเชอะ!” ผกาดึงฟารีดา,มาลินและดีไซน์มายืนเม้าท์ชุดมินิเดรสสีสันสดใสน่ารักตัวหนึ่งระหว่างที่สาวๆกำลังหัวเราะคิกคักกับรสนิยมที่ไปกันไม่ได้เป็นอย่างยิ่งกับรูปร่างของผกาสองหนุ่มอย่างฮาเวิร์ดกับคริสมาสต์ก็กำลังมองหาแอนดี้อยู่ “แอนดี้แม่งอยู่ไหนวะ?” ฮาเวิร์ดมองไปรอบๆในขณะที่คริสมาสต์ที่หันไปเห็นแอนดี้กำลังรับถุงสินค้าจากพนักงานมาโดยมีคิรินทร์ยืนอยู่ข้างก็รีบสะกิดฮาเวิร์ด “นั่นไง! เฮ้ย แอนดี้” คริสมาสต์โบกมือเรียกเพื่อนสนิทในขณะที่มาลินเดินยิ้มแฉ่งออกมาจากกลุ่มของผกาและเด็กสาวที่ยังคงเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าตรงหน้าถึงกับผงะเมื่อเห็นภาพตรงหน้าของเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆแอนดี้ ภาพใบหน้าที่เธอจำได้ไม่เคยลืมแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมากว่าสิบปีเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีที่เธอได้เห็นใบหน้าของคิรินทร์และรอยยิ้มอำมหิตกับแววตาที่ดุดันแฝงไปด้วยพิษร้ายของเขาที่ส่งตรงมาสู่เธอด้วยความจงใจจู่ๆไฟทั้งห้างก็ดับลงโดยอัตโนมัติก่อนที่เสียงกรีดร้องของเด็กและลูกค้ารวมถึงพนักงานเพศหญิงจะดังระงมขึ้น “อ๊ายยย นี่มันอะไรกันเนี่ย?!!!” ดีไซน์กรีดร้องด้วยความตกใจก่อนที่ฟารีดาและผกาจะเข้ามาคล้องแขนเด็กสาวไว้ “ยืนเฉยๆลูกเดี๋ยวเดินไปชนของเขาเสียหายจะยุ่ง” ผกากระซิบ

“แอนดี้ๆ” มาลินที่เหมือนจะแหวกฮาเวิร์ดและคริสมาสต์ออกมาได้รีบเดินตรงเข้าไปหาแอนดี้เธอหมายที่จะบอกความจริงให้แอนดี้รู้เกี่ยวกับเรื่องของคิรินทร์หนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุดของโรงเรียนเซนต์มาบุสและเธอจะไม่ยอมที่จะเสียลูกศิษย์ไปอีกคนเพื่อที่จะสังเวยให้แก่ดวงวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตของคิรินทร์ที่พรากชีวิตของนักเรียนเซนต์มาบุสไปคนแล้วคนเล่าตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้

เพียงแต่ระยะทางที่จะเดินไปถึงตัวลูกศิษย์ของเธอดูจะยาวนานขึ้นเรื่อยๆจนเปรียบเสมือนว่าเธอกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆไม่มีที่สิ้นสุดที่ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางไปถึงตัวแอนดี้ได้เสียทีแต่แล้วในที่สุดเธอก็คว้าข้อมือของศิษย์รักของเธอมาได้มาลินรวบรวมพละกำลังทั้งหมดดึงมือแอนดี้ให้เขาเดินออกจากคิรินทร์มากับเธอ “แอนดี้ฟังครูนะคิรินทร์เขาตายไปแล้ว!!!” แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากทั้งบรรยากาศรอบตัวและมือของแอนดี้ที่เย็นเฉียบจนเหมือนน้ำแข็ง มาลินรู้ตัวก่อนจะสลัดมือนั้นออกแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเด็กนักเรียนประจำชั้นของเธอเมื่อสิบปีที่แล้วที่สภาพของคิรินทร์ตรงหน้าไม่ได้หล่อเหลาอย่างที่เคยปรากฏอีกต่อไปแล้วเครื่องหน้าของเขาที่จับจ้องมาลินนั้นบวมเป่งด้วยน้ำเลือดน้ำหนองเน่าๆจนอืด ตาของเขาดำสนิทอันที่จริงมันกลวงโบ๋เหมือนกับว่าถูกควักออกมาทั้งสองข้างและริมฝีปากของเขาชอนไชไปด้วยหนอนกินศพสีขาวยั้วะเยี๊ยะนับร้อยนับพันตัว มาลินต้องปิดจมูกเมื่อกลิ่นศพเหม็นเน่าสะอิดสะเอียนของคิรินทร์คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณนั้น “มิสทำไมรีบเดินจังครับ?” ศพตรงหน้าแสยะยิ้ม “แอนดี้ ฮาเวิร์ดทุกคนดูนี่สิเห็นมั้ยมันเป็นผี มันตายไปแล้ว!!!” มาลินกรีดเสียงแต่ดูเหมือนว่าร่างดำๆรอบบริเวณนั้นจะไม่มีใครสังเกตุหรือได้ยินเสียงร้องของเธอ มาลินหันไปมองรอบๆทั้งร่างของแอนดี้ ฮาเวิร์ด คริสมาสต์รวมถึงบรรดาลูกค้าและพนักงานรอบข้างเธอต่างยืนตัวแข็งทื่อและมองตรงมาทางุเธอพวกเขาทุกคนส่งเสียงหัวเราะชวนขนลุกมาทางมาลิน “แอนดี้เป็นของผม เด็กที่โรงเรียนนี้ทุกคนเป็นของเล่นของผม ผมจะเอาใครไปอยู่กับผมมันก็เรื่องของผม” ฮาเวิร์ดตะโกนใส่มาลิน “มิสไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหน ผมต้องอยู่ในสภาพนี้มาเป็นสิบปีไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้กลับบ้านอยู่คนเดียวในความมืดในขณะที่มิสกินอิ่มนอนหลับมีความสุข มิสก็รู้นี่ว่าทำไม!!!” พนักงานขายเสื้อผ้าคนหนึ่งตรงเข้ามาจับมาลินเขย่าอย่างแรง “มิสขะ ขะ ขอโทษ คิรินทร์ มิสไม่เคยตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย” มาลินรีบผละตัวออกมาจากพนักงานหญิงคนนั้น ก่อนที่จะชนเข้ากับร่างของแอนดี้ที่ยืนทำหน้าตาขมึงถึงมองตรงมาทางเธอ “ทำไมถึงรู้จักขอโทษล่ะ? เมื่อก่อนมาลินไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ บ้าอำนาจ ชอบบีบบังคับและทำกับนักเรียนเหมือนสัตว์ไม่ใช่เหรอ?!!!” มาลินค่อยๆเดินถอยคิรินทร์ที่ค่อยๆเดินย่างสามขุมตรงมาทางเธอ “ผัวกรอกยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตาย ต่อมาลูกชายโดนย่างสดในบ้านต่อหน้าต่อตาและที่สนุกที่สุดคนรอบตัวพ่อแม่พี่น้องค่อยๆตายโหงไปทีละคนจนไม่เหลืออะไรต้องมาอาศัยโรงเรียนอยู่ มิสว่าฝีมือใครล่ะโชคชะตา พระเจ้าหรือคนที่ตายไปแล้ว!” คิรินทร์ที่ใบหน้ากลับมาหล่อเหลาแต่โหดเหี้ยมอำมหิตเดินตรงมาที่มาลินเรื่อยๆท่ามกลางเสียงหัวเราะของบรรดาคนรอบข้างที่มองตรงมาทางเธอ มาลินถอยหลังเรื่อยๆจนเธอหงายหลังกลิ้งตกบันไดเลื่อนลงไปนอนกองไม่ได้สติอยู่ตรงพื้นชั้นสองก่อนที่ไฟในห้างจะติดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงหวีดร้องของคนด้านล่าง

“โอ๊ยยย ติดซะที อีไฟบ้านี่มาดับอะไรตอนนี้เนี่ย!!!” ดีไซน์โพล่งขึ้นมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “ว่าแต่ข้างล่างเข้าวี๊ดว๊ายอะไรกันคะมีรายการลดราคาอะไรรึเปล่า เอ๊ะ! หรือว่ามีใครเป็นอะไร?!!!” ผกาที่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสนุกสดใสแบบเด็กสาวๆรีบวิ่งปราดตรงไปทางบันไดเลื่อนที่เหล่าพนักงานและลูกค้ายืนชะโงกหน้ามุงดูภาพความแตกตื่นของด้านล่างโดยที่เธอไม่ได้แม้แต่จะสังเกตุเห็นคิรินทร์ด้วยซ้ำ “อ้าว มิสไปไหนแล้ววะ?” คริสมาสต์ยืนเกาหัวแกรกๆเช่นเดียวกับฮาเวิร์ดที่มีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน “สองคนนี้มองอะไรกันอยู่ละค้า? ก็แอนดี้กับคิรินทร์อยู่ตรงนี้แล้วไง” ดีไซน์กระโดดกอดคอเพื่อนทั้งสองก่อนที่แอนดี้กับคิรินทร์จะเดินเข้ามาสมทบกับพวกเขา “อ้าว มิสมาลินไปไหนแล้วล่ะครับ” คิรินทร์แสร้งตีหน้าซื่อถามฟารีดาที่หันไปมองรอบๆพลางส่ายหัวก่อนที่ทั้งกลุ่มจะสะดุ้งกับเสียงหวีดร้องของผกาที่ดังมาจากทางบันไดเลื่อน “ตายแล้วจิ๋ม!!! จู่ๆตกลงไปได้ยังไงเนี่ย ใครก็ได้ๆช่วยเรียกรถพยาบาลที เรียกรถพยาบาลทีค่า!” พวกเด็กๆรีบวิ่งตรงมาตรงทางบันไดเลื่อนที่มีคนมุงดูอยู่ “ขอทางหน่อยครับๆ” ฮาเวิร์ดแหวกกลุ่มคนดูก่อนที่เด็กๆจะแทรกตัวเข้าไปได้ทั้งกลุ่ม “มิส!!!” ดีไซน์กับฟารีดากรีดร้องก่อนที่เด็กสาวทั้งสองจะรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนไปดูอาการของครูประจำชั้นด้วยความเป็นห่วง “ทุกคนอย่ามุงนะคะ ขอความกรุณาอย่ามามุงค่ะ คนเจ็บต้องการอากาศหายใจนะคะ!!!” ฟารีดาตะโดนใส่บรรดาพนักงานและลูกค้ามายืนมุงดูด้วยความสนใจจนพวกเขาแตกกระจายไปคนละทางในขณะที่ดีไซน์กำลังเอายาดมค่อยๆจ่อไปที่จมูกของมาลินระหว่างที่ผกากำลังบีบนวดและจับไปที่ชีพจรของเพื่อนสนิท “ชีพจรเต้นอยู่หัวใจก็เต้นแรงอยู่!!!” เธอพึมพำกับตัวเองหน้าซีดหน้าเซียว “ฮัลโหล โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์เหรอครับผมเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์มาบุสนะครับ กรุณาส่งรถพยาบาลมาที่เซ็นทรัลสีลมชั้นสองด้วยครับ ครับๆด้านในเซ็นทรัลครับ อาจารย์ของผมตอนนี้ประสบอุบัติเหตุตกบันไดเลื่อนน่ะครับ หมดสติครับแต่ชีพจรเต้นอยู่ ครับ ด่วนเลยครับ ขอบคุณครับ” คิรินทร์ติดต่อกับทางโรงพยาบาลระหว่างที่นั่งลงไปจับชีพจรที่แขนอีกข้างของมาลิน ผกาที่เงยหน้ามามองเสียงที่ไม่คุ้นเคยของลูกศิษย์ตรงหน้าถึงกับผงะอ้าปากค้าง “นี่หนูเรียนเซนต์มาบุสเหรอคะลูก?!!!” ผกาถามคิรินทร์ “ใช่สิครับมิสเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพวกผมแต่อยู่คนละห้องครับ” ฮาเวิร์ดเดินตรงเข้ามาคุกเข่าข้างๆคิรินทร์พลางเอามือโอบกอดคอเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมคิรินทร์ไงล่ะครับ เรียนห้องม.5/1ผมอยู่ที่เซนต์มาบุสมาหลายปีละครับ!” คิรินทร์ส่งยิ้มให้ผกา “ใช่ค่ะ คลับคล้ายคลับคลาเพราะครูคุ้นหน้าเธอมากๆเหมือนเราเจอกันบ่อยนะคะแต่ก็อย่างว่าแหละแผนการเรียนวิทย์-คณิตไม่ได้เรียนคหกรรมเราเลยไม่ค่อยได้คุยกันมิสขอบคุณหนูมากๆนะคะลูก” ผกาจับมือคิรินทร์ด้วยความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณในขณะที่คิรินทร์ยิ้มตอบอย่างนอบน้อม เด็กหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาของผกาและเขารู้ว่าผกาแค่เคยแต่ได้ยินเรื่องเล่าของเขาแต่จำเขาไม่ได้จริงๆอันที่จริงครูสาวคนนี้เข้าโรงเรียนมาหลังจากการตายของเขาเกือบสองปีเธอย่อมไม่รู้จักเขาแน่นอน

(โปรดติดตาม “สุสานนักเรียน ตอนที่3 เรื่องเล่าสยองขวัญจากห้องน้ำชายที่ถูกปิดตาย เล่ม 2″)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com