2 ทุ่มนิดๆ ก็ได้เวลาของ Danny นักร้องนำ Mark มือกีตาร์ Glen มือกลอง เปิดตัวมาด้วยเพลงฮิต Superheores ที่ทำเอาคลื่นบัตรยืนในฮอลล์เฮลั่นสนุกกันตั้งแต่เพลงแรก ตามมาด้วย Paint The Town Green ธีมสีเขียวที่โชว์ของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป ของไทยเราได้นำคณะองศาศิลป์มาโชว์การเล่นกลองไทโกะ หนังโชว์ แม่ไม้มวยไทยประกอบเพลง The Script นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นวงพ็อพร็อคที่เล่นสดได้สนุก เอ็นเตอร์เทนแฟนเพลงได้ดี โชว์ของวงรอบที่แล้วขึ้นชื่อว่าเป็นโชว์ที่สนุกมากที่สุดครั้งนึงเท่าที่เคยจัดขึ้นที่ Impact Arena เลยก็ว่าได้ ซึ่งในส่วนของโชว์ครั้งนี้ The Script ก็ไม่ทำให้แฟนเพลงต้องผิดหวัง Danny O Donoghue นักร้องนำ นอกจากจะพูดคุยทักทายแฟนเพลงอย่างเป็นกันเองตลอดทั้งโชว์แล้วก็ยังคงความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์สุดยอด สมกับที่เป็นโค้ชให้กับ The Voice เข้าถึงคนดูในฮอลล์ ด้วยการเดินไปหาแฟนเพลงทั้งด้านล่าง และที่นั่งชั้นสองแบบรอบอารีน่า ชนิดที่พี่แกถึงกับต้องทุลักทุเลปีนรั้วชั้นสองลง โดยขนเอาเพลงฮิตจากอัลบั้มแรกจนถึงล่าสุด Freedom Child มาให้แฟนเพลงได้ร้องตามกันสนุกสนาน โดด โยกตัวไปมา ทั้ง Superheores, The Man Who Can't Be Move, Nothing, For The First Time ปิดท้ายอังกอร์ด้วย No Good In Goodbye, Breakeven และ Hall Of Fame งานนี้ใครซื้อบัตรนั่งชั้น 2 ที่แพงสุด 4 พัน และ VIP ได้ฟินได้ใกล้ชิดยิ่งกว่าบัตรติดเวที ฟินไปตามๆ กัน เพราะไม่นึกไม่ฝันว่า ศิลปินจะเดินขึ้นมาเล่น 2 เพลงตรงที่นั่งคนดูแถมยังกันเองเว่อร์ ร่วมจิบเบียร์ทักทายคนดูชั้น 2 ซะรอบอิมแพคอีกต่างหากชนิดที่ไม่เคยมีศิลปินคนไหนเคยทำแบบนี้มาก่อน
ก่อนที่คอนเสิร์ตจะจบลง The Script ที่มาพร้อมกับสายฝนเหมือนเพลง Rain ตั้งแต่มาถึงเมืองไทยทันทีที่แตะสนามบิน รวมถึงทำฝนตกยันวันคอนเสิร์ตเล่น ได้ยืนยันสัญญากับแฟนเพลงว่า จะกลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกเป็นครั้งที่ 3 แน่นอนถ้าได้มีโอกาสมาทัวร์เอเชีย ซึ่งถ้าดูจากความสนุกของโชว์จากครั้งแรกที่ได้ร้องตามกันครบทุกเพลงฮิต กับครั้งล่าสุดที่เน้นความใกล้ชิดคนดูมีเพลงใหม่กว่าครึ่งแล้ว รับรองได้ว่าโชว์ครั้งต่อไปของ The Script ในไทยจะต้องเป็นที่จดจำและประทับใจแฟนเพลงไม่น้อยหน้าไปกว่ากันแน่นอน