˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
อัลบั้มของมาดอนน่าที่แนสชอบที่สุดค่ะ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ อัลบั้มของมาดอนน่าที่แนสชอบที่สุดค่ะ 


Madonna : Bedtime Story : 4.5/5

อัลบั้มของมาดอนน่าที่แนสทิน่าชอบที่สุด :
Bedtime Story เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่7ของมาดอนน่า (ปี1994) แม้จะไม่ใช่อัลบั้มที่ยิ่งใหญ่จนสามารถเทียบชั้น Ray Of Light , Like A Prayer หรือ Confessions On A Dancefloorก็ตาม แต่โดยส่วนตัวแล้วเดี๊ยนสามารถเข้าถึงตัวตนและสัมผัสอะไรหลายๆด้านของผู้หญิงที่ชื่อ “มาดอนน่า” ก่อนหน้านี้เราได้สัมผัสเธอในด้านของสาวนักปฏิวัติผู้ที่กล้านำเสนอในทุกๆเรื่องตั้งแต่การตีแผ่เรื่องพรหมจรรย์ของตนเองในเพลง การเสียดสีศาสนา ไปจนถึงการแสดงความเสมอภาคทางความคิดเรื่องค่านิยมทางเพศ (อย่างโจ่งครึ้ม) แต่อัลบั้มนี้สิ่งที่ผู้ฟังจะได้รับคือ “มาดอนน่า” กล่าวคือเปรียบเสมือนการที่เธอเปิดใจให้เราท่องไปในอีกด้านของเธอที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน (ด้านที่นุ่มละมุน) หลังจากที่เรารู้จักแต่มาดอนน่าในโลกแห่งอุตสาหกรรมดนตรีสากล



รูปแบบดนตรี :
ในอาณาจักรดนตรี “พ็อพ” คือสัญลักษณ์ในการทำงานที่ไม่สามารถแยกออกจากตัวเธอได้ (เปรียบเสมือนให้ชีวิตแก่กันและกัน) โดยที่อัลบั้มนี้มาดอนน่าได้ขยับขยายไปเล่นกับทริพฮ็อพ เทคโน อิเล็คโทรนิค รวมไปถึง อาร์แอนด์บี (อีเจ๊มองการณ์ไกลแฮะเหมือนเธอจะจับกระแสดนตรีในอนาคตออก) โดยไปเกี่ยวก้อยเอาขุนพลอาร์แอนด์บีอย่าง Dallas Austin (รุ่นเราๆน่าจะรู้จักเขาจากผลงานที่ร่วมกับพิงค์ในMissundaztood!) Baby Face ที่เคยร่วมงานกับดิว่าอาร์แอนด์บีดังๆอย่างป้าวิทนีย์ โทนี่ แบร็คทัน รวมไปถึงเพื่อนซี้อีเจ๊และพี่สาวที่แสนดีของติ๊อย่าง มารายห์ แครีย์ มาคุมในเรื่องของBackgrounnd Vocal กับ ซินธิไซเซอร์ให้ นอกจากนี้ยังมี Nelee Hooper และ Dave “Jam” Hall (มาลัยอีกแร๊วว) และแล้วช่วงปลายทศวรรศ90เพลงคนดำอย่างอาร์แอนด์บี (ที่ปัจจุบันนิยมเล่นคู่กับฮิพฮอพและโซล) ก็กลับมาครองชาร์ตอีกครั้งจนถึงวันที่เดี๊ยนนั่งถ่างตาพิมพ์อยู่นี่แหละค่ะ ในส่วนของเนื้อหาโดยส่วนตัวมีความเห็นว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่มีด้านเนื้อหาที่ดิบที่สุดของเธอ คือสื่อความเป็นตัวเธอออกมาตรงๆโดยปรุงแต่งคอนเซ็ปท์แบบก่อนๆค่อนข้างน้อย


จุดด้อย :
การปรุงแต่งที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอัลบั้มก่อนๆจนแถบจะดูเหมือนไร้คอนเซ็ปท์ทำให้อัลบั้มนี้อาจจะถูกมองข้ามไปเนื่องจากการนำเสนอภาพลักษณ์ที่อ่อนยวบ อันนี้เจ๊ผิดเองตั้งแต่แรกแล้วล่ะที่ผูกชีวิตสายดนตรีของตนเองกับการขายภาพลักษณ์แบบตายจากกันไม่ได้ซะขนาดนั้นเมื่อต้องเผชิญกับความคาดหวังที่สูงเสียดฟ้าของแฟนๆและนักฟังเพลงที่ ยึดติดกับภาพลักษณ์แรงๆและต้องการเสพย์ผลงานของเจ๊ในฐานะสาวนักฏิวัติมากกว่าจะสนใจว่าเธอที่ชื่อมาดอนน่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรนี่ก็เลยเป็นสาเหตุแรกๆที่จะทำให้อัลบั้มนี้ไม่ถูกพูดถึงในหมู่มาก อีกประการหนึ่งคือเรื่องของเพลงอัลบั้มนี้มีเพลงช้าเก๋ๆเยอะมากก็จริงแต่ดันผิดต่ออุปสงค์ของตลาดที่มีต่อมาดอนน่าอันนี้ไม่รู้จะโทษใครดีนะคะแต่โดยส่วนตัวคิดว่าอัลบั้มนี้เพลงดีและเก๋แบบไม่โฉ่งฉ่างอ่ะค่ะ
ซึ่งพวกขาแดนซ์ทั้งหลายที่นิยมเสพย์เพลงเต้นระบำรำฟ้อนซ่องแตก (ฐานใหญ่ของเจ๊ซะด้วย) คงผิดหวังไปตามๆกันผลที่ตามมาคือขายออกแต่ก็เงียบอยู่นะคะ


ซิงเกิ้ล :
Secret (3.5/5) ซิงเกิ้ลแรกที่มี่ส่วนผสมระหว่างบีทอาร์แอนด์บีกีตาร์เข้ากับสำเนียงการร้องแบบกึ่งๆพ็อพบัลลาด แบบหลอนๆ (มีใครรู้สึกว่าเพลงนี้แอบ เอ่อ ฮิพฮอพหน่อยๆบ้างคะ) ที่ประทับใจคือการที่มาดอนน่าสามารถใช้น้ำเสียงสื่อความเซ็กซี่ของเพลงนี้ออกมาได้อย่างดีก้าวไปอีกขั้นสำหรับการเข้าถึงอารมณ์ในบทเพลงของเธอนะคะ

Take A Bow (3.5/5) เพลงนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบัลลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาดอนน่าไปแล้วนะคะ โดยส่วนตัวคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่เพลงนี้สามารถทำอันดับบนบิลบอร์ดชาร์ตได้นานที่สุดของมาดอนน่าและในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เจ๊เราต้องฝ่าฟันกับคำครหาที่ว่าหมดยุคของเธอแล้ว
แต่เพลงนี้กับสัมผัสอันดับหนึ่งได้อีกครั้งเป็นการการันตีความนิยมในตัวเธออย่างยิ่งยวดเชียวค่ะ สำหรับเดี๊ยนส่วนตัวไม่ได้รู้สึกประทับใจหรือยกย่องเพลงนี้จนถึงขั้นยกให้เป็นสุดยอดบัลลาดของเธอ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นอีกบัลลาดระดับดิว่าที่เพราะมากๆของมาดอนน่า ที่สำคัญผ่านการเรียบเรียงดนตรีที่ดีกว่าบัลลาดหลายๆเพลงของเธอ ส่วนความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้คือ “น่าเบื่อมากๆค่ะ”

Bedtime Story (4/5) ไทเทิ่ลแทร็คที่Bjorkลงมือแต่งเนื้อร้องให้เลยนะคะ เจ๊ทำออกมาเป็นซาวนด์แบบพ็อพเทคโนผสานด้วยลูกเล่นของซาวนด์อิเล็คโทรนิค ที่เก๋มากๆเลยคือเนื้อหาแบบจิตวิเคราะห์ที่ว่าด้วยการจมดิ่งสู่โลกแห่งจิตไร้สำนึกที่ถ่ายทอดโดยการใช้สำนวนภาษาเหนือระดับที่อัจฉริยะของBjork เรียกได้ว่าทั้งเนื้อหาและดนตรีเป็นการปูทางสู่ Ray Of Lightเลยก็ได้นะคะ แม้ว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงเต้นรำที่ดีมากๆแต่จุดด้อยมีอยู่จุดเดียวคือตรงที่เมื่อมันมารวมอยู่ในอัลบั้มแล้วขัดต่อภาพรวมของอัลบั้มอยู่มาก

Human Nature (3/5) แซมเพิ่ลเพลง What You Need ของกลุ่มศิลปินฮิพฮอพ Main Sourceนะคะ สำหรับตัวเพลงถูกนำเสนอมาในแนวของอาร์แอนด์บี พ็อพ ที่มีการใช้เทคนิคของทริพฮอพเข้ามาเป็นสีสันในแง่ของเนื้อหายังคงยืนหยัดถึงความแสบสันยอมหักไม่ยอมงอ
และสงวนไว้ซึ่งความเสมอภาคของเพศสภาพตามแบบฉบับของมาดอนน่าครบถ้วนค่ะ (ทราบมาว่าสาวกของมาดอนน่าหลายคนไม่ชอบเพลงนี้เหรอคะ มาตอบด่วน) จริงๆแล้วต้นสังกัดเจ๊ไม่ได้คิดจะตัดเพลงนี้หรอกค่ะ เห็นว่าทีแรกจะตัด Don’t Stop (3/5) ออกมาโปรโมตค่ะว่าแล้วขอพูดถึงเลยนะคะ เพลงนี้ออกแนวพ็อพแบบพ็อพใสๆทั้งดนตรี เสียงร้อง และเนื้อหาเลยค่ะ เป็นเพลงที่แสดงด้านที่หวานแหววและเป็นPositive Thinkingของมาดอนน่าในแบบที่หาฟังได้ค่อนข้างน้อย (ถ้าไม่นับอัลบั้มแรกนะคะ) คาดว่าตัดมาคงเป็นเพลงที่ตลาดนิยมบริโภคอยู่นะคะ เพียงแต่บุญน้อยที่อีเจ๊ดันเม้งใส่ต้นสังกัดและเลือกตัดเพลงที่ตัดอนาคตตัวเองมาโปรโมตค่ะ


เพลงที่เหลือ :
Survival (3/5) โครงสร้างดนตรีเป็นพ็อพแบบง่ายๆอารมณ์หวานๆลอยละล่องประมาณเพลงของโทรี่ เอมอส เนื้อหานอกจากจะกล่าวถึงจุดประสงค์ที่ผู้หญิงที่ชื่อ “มาดอนน่า” ยืนหยัดอยู่บนโลกทุกวันนี้ยังกล่าวสิ่งที่เป็นสัจธรรมสำหรับชีวิตของมนุษย์ทุกระดับบนโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเราทำเพื่อความอยู่รอดไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้น

ป.ล. เพลงนี้เป็นเพลงของเธอที่เดี๊ยนชอบที่สุด

I’d rather be your lover (4//5) อาร์แอนด์บีดำๆเก๋ๆ อีกหนึ่งเพลงที่มีศักยภาพในการเป็นซิงเกิ้ลมากที่สุดในอัลบั้มช่วงกลางเพลงมีการให้นักร้อง
ฮิพฮอพมาแร็พซึ่งไม่แน่ใจว่าเจ๊หรือมารายห์เป็นนักร้องหญิงคนแรกในยุคนั้นที่เริ่มการฟีทเจอริ่ง มาดูที่เนื้อหาอันนี้โดนมากค่ะเจ๊แสดงให้โลกเห็นถึงความเป็นดิว่าและความเป็นผู้ชนะตลอดกาล
ที่แท้จริงลองแม่เล็งไว้แล้วล่ะก็แม่ต้องได้ค่ะ เกย์มากๆค่ะเพลงนี้

Inside Of Me (3.5/5) ซอฟท์ลัลลาบายที่มีกลิ่นอายของทริพฮอพเก๋มากๆค่ะ เพลงนี้เจ๊แต่งให้แม่ของเธอ (นี่แหละนะที่เขาว่าเงินหรือชื่อเสียงมากมายแค่ไหนมันลบแผลเป็นในใจไม่ได้หรอกค่ะ) เดโมตอนแรกใช้ชื่อว่า I will always love you (เสร่อจริงๆค่ะเจ๊จากใจ) เห็นว่าเวอร์ชั่นก่อนที่จะรีรีสออกมาเจ๊ทำเป็นดิว่าบัลลาดโชว์พลังเสียงแบบCrazy for you เลยนะคะ อยากฟังจัง

Forbidden Love (4/5) ยกให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดของอัลบั้มและเป็นเพลงที่ศักยภาพสูงที่สุดที่สมควรจะตัดเป็นซิงเกิ้ลคือ
มีครบทั้งคุณภาพของเนื้องาน ความโดนใจของเนื้อหา(สีม่วงสุดพลังค่ะเพลงนี้) และเชื่อว่าขายได้แน่ๆ เพลงนี้เป็นบัลลาดที่เหนือชั้นในด้านการนำเสนอและทรงพลังในแง่ของการเล่นและสื่ออารมณ์ เป็นอีกหนึ่งในขุนพลบัลลาดแนวหน้าของเจ๊ที่ได้รับเลือกไปใส่ในอัลบั้ม Something To Remember อัลบัมรวมเพลงบัลลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาดอนน่า

Love tried to welcome me(4.5/5) กับ Sanctuary(4/5) เป็นอีกสองบัลลาดที่ดีมากๆในแง่ของการเรียบเรียงดนตรีและสรรพสำเนียงการร้องที่แปลกใหม่พอดูสำหรับมาดอนน่า พูดได้แค่นี้แหละค่ะอยากให้ลองฟังมากกว่าเพราะเพลงดีมากๆ บัลลาดอัลบั้มนี้ทรงพลังมากๆค่ะ


สรุป :
เส้นทางสู่บัลลังก์แห่งมหาราชินีเพลงพ็อพกว่าสองทศววศมาดอนน่าได้สร้างสรรผลงานหลายสิ่ง
ที่ประวัติศาสตร์ของโลกดนตรีพ็อพจะต้องจารึกเธอในฐานะศิลปินของโลก (Superstar) แม้ว่าอัลบั้มนี้อาจจะไม่เป็นที่กล่าวขานในหมู่มากแต่เดี๊ยนเชื่อว่าเมื่อคุณลองเปิดใจและเข้าไป
ผจญภัยในโลกเหนือประสาทสัมผัสของเธอพร้อมๆกับบทเพลงในชุดนี้ คุณจะสัมผัสได้ว่า Bedtime Story คือหนึ่งในดาวที่จรัสแสงที่สุดดวงหนึ่งที่ประดับเคียงคู่ความเป็นตำนานของมาดอนน่า ซักวันโลกทั้งใบจะหันมาส่องดาวดวงนี้เชื่อมั้ยล่ะ




แก้ไขล่าสุดโดย Da Nastina เมื่อ Wed Feb 21, 2007 8:33 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ช่วงนี้เป็นช่วงมีอารมณ์อยากจะรีวิวนะคะอยากให้รีวิวงานใคร รีวิวออกมาแบบไหนลองเสนอชื่อกันมาดูนะคะ แล้วจะมารีวิวให้อ่านกันหนุกๆค่ะ ช่วงนี้บอร์ดรีวิวเงียบเหลือเกิน เจ๊มาดาม น้องบอม พี่แคนดี้ พี่รักเธอ พี่ฮิเดโกะ
น้องพ็อพพาราซซี่ อีเอ็มซี อีอะฮั๊นหายไปไหนกันหมดแล้วค่ะ



แก้ไขล่าสุดโดย Da Nastina เมื่อ Wed Feb 07, 2007 9:40 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ขอชื่นชมพี่แนสที่เขียนรีวิวออกมาให้อ่านได้ง่ายและไหลลื่นมากๆค่ะ

โดยส่วนตัวเป็นแฟนงานเขียนของพี่และคิดว่างานเขียนชื้นนี้คงเป็นหนึ่งในงานเขียนที่ดี

ที่สุดของพี่ เพราะอ่านง่ายสะดวกตาและไม่ยาวจนเกินไป แถมได้ใจความครบถ้วน

ส่วนตัวแล้วชอบเพลง Survival และเพลง Love try to welcome me กับ Santuary ค่ะ

แต่เพลงที่โปรดที่สุดในอัลบั้มคงไม่พ้น Take a Bow แน่นอนค่ะ




แก้ไขล่าสุดโดย popparazi เมื่อ Wed Feb 07, 2007 12:50 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
popparazi พิมพ์ว่า:
ขอชื่นชมพี่แนสที่เขียนรีวิวออกมาให้อ่านได้ง่ายและไหลล่นมากๆค่ะ

โดยส่วนตัวเป็นแฟนงานเขียนของพี่และคิดว่างานเขียนชื้นนี้คงเป็นหนึ่งในงานเขียนที่ดี

ที่สุดของพี่ เพราะอ่านง่ายสะดวกตาและไม่ยาวจนเกินไป แถมได้ใจความครบถ้วน

ส่วนตัวแล้วชอบเพลง Survival และเพลง Love try to welcome me กับ Santuary ค่ะ

แต่เพลงที่โปรดที่สุดในอัลบั้มคงไม่พ้น Take a Bow แน่นอนค่ะ


ต๊ายยยย พี่กำลังบ่นถึงหนูพอดีเลยค่ะขอบคุณนะคะที่ติดตามงานเขียนพี่ตลอด น้องPOPชอบTake a bow หรือคะ พี่ขอเหตุผลหน่อยได้มั้ยคะคือโดยส่วนตัวคุณพี่ไม่ค่อยปลื้มเพลงนี้เลยค่ะ ขณะที่สาวกมาดอนน่าเกือบทุกคนชอบ พี่งงตัวเองค่ะ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รีวิว เก่งมากคับ แนส ++

มาดอนน่า เพิ่งจะมาเริ่มฟังก้อเพลง Hung up นี่แหละ ... 55



_________________
I can make the bad guy good for a weekend.
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
JONI พิมพ์ว่า:
รีวิว เก่งมากคับ แนส ++

มาดอนน่า เพิ่งจะมาเริ่มฟังก้อเพลง Hung up นี่แหละ ... 55


ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ต๊ายยยอะไรทำให้โชคชะตาของคุณพี่รู้จักเจ๊เอาอีป่านนี้คะเนี่ย Surprised

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Da Nastina พิมพ์ว่า:
popparazi พิมพ์ว่า:
ขอชื่นชมพี่แนสที่เขียนรีวิวออกมาให้อ่านได้ง่ายและไหลล่นมากๆค่ะ

โดยส่วนตัวเป็นแฟนงานเขียนของพี่และคิดว่างานเขียนชื้นนี้คงเป็นหนึ่งในงานเขียนที่ดี

ที่สุดของพี่ เพราะอ่านง่ายสะดวกตาและไม่ยาวจนเกินไป แถมได้ใจความครบถ้วน

ส่วนตัวแล้วชอบเพลง Survival และเพลง Love try to welcome me กับ Santuary ค่ะ

แต่เพลงที่โปรดที่สุดในอัลบั้มคงไม่พ้น Take a Bow แน่นอนค่ะ


ต๊ายยยย พี่กำลังบ่นถึงหนูพอดีเลยค่ะขอบคุณนะคะที่ติดตามงานเขียนพี่ตลอด น้องPOPชอบTake a bow หรือคะ พี่ขอเหตุผลหน่อยได้มั้ยคะคือโดยส่วนตัวคุณพี่ไม่ค่อยปลื้มเพลงนี้เลยค่ะ ขณะที่สาวกมาดอนน่าเกือบทุกคนชอบ พี่งงตัวเองค่ะ


ส่วนตัวคิดว่าที่ชอบเพลงนี้เพราะคุณแม่หนูก็ชอบค่ะ และ หนูคิดว่เบบี้เฟสทำเพลงออกมาได้ดีมากๆ เพลงโดยรวมแต่งได้ดีกว่าตอนที่แต่งเพลงให้เจ๊วิทนี่ย์ในอัลบั้ม My love is your love อีกค่ะ ทำนองเพลงโดดเด่นมาแต่ไกลเพราะได้กลิ่นอายแบบตะวันออก จังหวะก็พอดิบพอดี ฟังแล้วสบายหู อีกทั้งมาดอนน่าเลือกใช้เสียงได้หวานเหมาะสมกับเพลง ท่อนที่แหลมก็ไม่แหลมจนเกินไป หรือท่อนที่ต่ำก็ให้อารมณ์เจ็บปวดได้รวดร้าวดีเหลือเกิน เหมาะแล้วที่จะเป็นเพลงขึ้นอันดับ 1 นานถึง 7 สัปดาห์ แต่ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นเนื้อเพลงโดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า

All the world is a stage And everyone has their part เป็นอะไรที่บรรยายคำดออกมาผ่านการสื่อความหมายให้เห็นภาพได้ดีมาก ประหนึ่งว่ารักของเทอเป็นเหมือนละครที่เล่นไปตามบทบาท เมื่อละครจบลง ความรักก็จบตามไปด้วย ซึ้งมากๆค่ะท่อนนี้ และต้องเป็นเสียงแบบมาดอนน่าร้องเท่านั้นถึงจะไพเราะด้วยค่ะ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Cool Cool Cool


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
JONI พิมพ์ว่า:
รีวิว เก่งมากคับ แนส ++

มาดอนน่า เพิ่งจะมาเริ่มฟังก้อเพลง Hung up นี่แหละ ... 55


เหมือนกันเลยอ่ะ


_________________


สวยและรวยเวอร์
ต้องJessica Simpson
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 4
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com