˹���á Forward Magazine

ตอบ

Joss Stone - Introducing - การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า?
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Joss Stone - Introducing - การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า? 


3.5

เกริ่นนำ

เมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้วยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงFall In love with a boy ของนักร้องเด็กสาวคนหนึ่งที่Cover มาจากเพลงครั๊นจ์การาจร็อคสุดเปรี้ยวของตา แจ็ค ไวท์ วงTHE WHITE STRIPES ออกมาได้แร่ดแบบมีคุณภาพด้วยทั้งสรรพเสียงสำเนียงบริททิชสุดไพเราะ นำเสียงโซลทรงพลังสุดเสียงสังข์บวกกับกลิ่นอายของเครื่องดนตรีสดๆแท้ๆเชิ่ดใส่โพรแกรมมิ่งกับเสียงสังเคราะห์เกลื่อนกลาดดาดดื่นทั่วไปในวงการเพลงตลอดระยะเวลานั้น หากการมาถึงของนอร่าส์ โจนส์ ที่กรุยทางลาดหญ้าให้กับแวดวงดนตรียุคใหม่ด้วยภาพลักษณ์ของศิลปินแท้ๆที่ไม่มีเรื่องการตลาดมาเจือปนในตัวเนื้องาน กับลุคของผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ เป็นผู้หญิงธรรมดาที่เล่นดนตรีเป็น ทำดนตรีได้ และมีความสามารถทักษะทางเนื้อร้อง การร้องในระดับที่พวกดิว่ากับทีน ไอดอลจะต้องขนลุกค้อนกันขวับๆ ด้วยความสำเร็จมหาศาลช็อคโลกกับยอดถล่มทลายและ แกรมมี่ย์ อวอร์ด 5 รางวัลและสถิติชิบหายวายวอดประสาทแดกที่ตัวเธอเองก้ยังคงไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันล่ะ

หลังจากที่วงการเริ่มยอมรับในตัวของศิลปินเพศแม่ที่เอาจริงเอาจังขึงขังมากขึ้น เราก้เรยมีโอกาสได้เห็นศิลปินหน้าใหม่ๆที่มีขนบคล้ายๆกันในแง่ของรูปแบบเชิงทัศนลักษณ์แต่ถูกนำเสนอต่างแบบดนตรีและคนล่ะรูปแบบตามแผนการตลาดและกลุ่มเป้าหมายของตัวศิลปิน

เราได้รู้จักมิแชล แบรนช์ / เรเชล ยามากาตะ / มิซซี่ย์ ฮิกกิ้น / โทบี้ย์ ไลท์ แมน / คาเรน โอ วง Yeah Yeah Yeah ที่ถึงจะมาเป็นวงแต่เธอเด่นมากกกกกก เด่นจนกลบคนอื่นหมด / วาแนสซ่า คาร์ลตัน เเมซี่ย์ เกรย์ ตลอดจนการมาถึงของว่าที่ตำนานหน้าต่อไปของวงการเพลงทางฝั่งอังกฤษด้วยนำเสียงเกินวัยที่เป็นโซลโดยสันดาน เป็นโซลโดยสัญชาตญาณหาได้เป็นการประดิษฐ์ประดอยจนดูน่าอึดอัดเหมือนโสเภณีกลับตัวมาตัวไม่บวกกับความสามารถที่เธอมีอยู่ทั้งเขียนเนื้อร้องทำนอง จอส สโตน ถึงได้ยันยืนหยัดมาในวงการที่มีการแข่งขันสูงได้ถึงทุกวันนี้ย์ ยังรวมไปถึงรุ่นเก่าๆหน้าเก่าๆที่ออกมาทำงานในรูปแบบที่โชว์ออฟมากขึ้น กล้ามากขึ้น และชัดเจนมากขึ้นอย่าง บียอนเซ่ และยัยคริสติน่า อากิเรร่า


ย้อนรอย

จากการที่มีรุ่นพี่ได้ปูทางเพื่อก่อให้เกิดรุ่นใหม่ๆมาต่อยอดกระเเสต่อๆไปจนเกิดกลายเป็นวัฒนธรรมของวงการไปชั่วระยะหนึ่ง พวกต้นสังกัดก้เลยปล่อยลำศิลปินพวกนี้ย์ โพรโมทแต่พองามไม่ได้โพรโมทเอาเป็นเอาตายและหันมาใส่ใจกะเพลงฮิพฮอพ และแวดวง
เพลงอินดี้ย์ ที่กะลังอินเทรน ชิบหายกันจนมอมเมาพวกหัวนอกกันจนโงหัวไม่ขึ้น แต่นั้น
เป็นการชี้ชัดให้เห็นกันจะจะเป็นสัจธรรมว่า ของจริงเท่านั้นที่จะอยู่ยงคงกระพัน ของจริงเท่านั้นที่จะลืมตาอ้าปากได้ท่ามกลางพายุพัดโหมกระหนำซำเติมกับการตื่นตัวของระบบทุนนิยมที่สร้าง Pop Culture ใหม่ๆมาสนองตอบความต้องการตลาดได้

และหนึ่งในศิลปินที่ผ่านจุดสูงสุดของกระแสดังกล่าวมาได้ ก็คือนักร้องสาวที่เราจะมาชำแหละ ดีเอ็นเอ อัลบั้มสตูดิโอชุดล่าสุดเป็นลำดับที่ 3 ที่โก อเมริกา ของเธอกัน จอส สโตน - Introducing Joss stone ซึ่งงานนี้ย์เจ้าตัวบอกว่าอัลบั้มชุดนี้ย์ พูดถึงเรื่องที่เธออยากพูดจริงๆ เป็นตัวตนของเธฮจริงๆไม่ใช่ในแบบที่ใครๆอยากให้เป็น และเธอไม่แคร์แล้วว่าใครจะชอบเธอหรือไม่ นั่นคือที่มาของการแนะนำตัวเอง ชื่ออัลบั้มลำดับล่าสุด ที่กำลังไปได้ดีในอเมริกา (แต่ยังชะล่าใจไม่ได้เพราะบิลบอร์ดพลิกล็อคได้ทุกสัปดาห์และเป็นชารต์ผีบ้าที่ไม่ค่อยน่าจะไปใส่ใจกะเรื่องความแน่นอนและน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่) ส่วนในบ้านเกิดก้ถือว่าน่าพอใจ แต่ข่าวแย่ๆของเธอในการไปเปิดตัวที่งาน บริท อวอร์ด กับการพูดสำเนียง อเมริกัน สื่อเอาไปเขียนข่าวด่าหนูจอส กันเละตุ๊มเป๊ะ ไม่มีชิ้นดี ตลอดจนการได้ร่วมงานกะศิลปินระดับบิ๊กๆหลายๆคน ทำให้เธอถูกมองว่ากำลัง ถูกทำให้เป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่งเท่านั้น จอส สโตนกำลังจะไม่ใช่ศิลปินอีกต่อไป คนอังกฤษกำลังเขม่นหนูกันอยุ่แบบไม่มีตกร่องปล่องชิ้นให้สบายตัวกันเรยทีเดียว

รูปแบบเพลง

ร็อค โซล อาร์ แอนด์บี - - ฮิพฮอพ !!!! คุณอ่านไม่ผิดหรอก และเดี๊ยนก้มิได้พิมพ์ตกหรือใส่สีตีไข่แต่อย่างใด มาหนนี้ย์นังหนูจอสควงคู่มากับโพรดิวซ์เซอร์คนใหม่ Raphael Saadiq หนึ่งในสมาชิก
วง Tony Tonie Tonie (ขออภัยถ้าพิมพ์ชื่อวงนี้ย์ผิด) ที่ฝีไม้ลายมือของตาราฟาเอลค่อนข้างจัดจ้านเอาเรื่อง จัดการเป่าคลาบไคลโคลนโซลดิบๆของอีหนูออกหมด และเหยาะส่วนผสมใหม่ๆลงไปในงานชุดล่าด้วยสรรพเสียงจากเครื่องคอมพิวเอตร์มากขึ้น เสียงสังเคราะห์ต่างๆ เสียงแสคชแผ่น เสียงซินธ์หลอนๆ ตลอดจนการใส่แซมเปิ้ลของเพลงเก่าๆของนักร้องรุ่นดึก และริฟกีต้าร์เนิบบๆเลื้อยๆ เครื่องดนตรีหลากหลายขึ้น มีมิติมากขึ้น มีงานทดลองอยู่ในหลายๆแทร็คที่เป็นของใหม่สำหรับตัวของหนูจอส เอง บวกกับการได้ร่วมงานกับศิลปินชั้นยอดอย่าง ลอเรน ฮิลล์ / Common / ลุงสตีวี่ย์ อวนเดอร์ที่มาช่วยจรดปากกาให้ในเพลง What were we thinking และร่วมโพรดิวซ์ ส่วนอีกหนึ่งเพลงเจ้าปัญหา Headturnner สรุปสิริรวมแล้วอีหนูตี๊นามาช่วยแค่เเต่งเนื้อเท่านั้น ส่วนอีกเวอร์ชั่นที่อีหนูทั้งสองตะเบ็งแหกปากแข่งกันแร่ดแย่งซีนคาดว่าคงมีออกมาหลังจากที่เพลงที่ว่าตัดเป็นซิงเกิ้ล แฟนๆทั้งหลายเตรียมเฮโรได้เรย ถ้าเพลงนั่นตัดออกมาเมื่อไหร่ ซ่งอเซิ่งเเตกฮือ ชะนีย์กระเทยกรี๊ดกร๊าด แหกปกร้องตามกันทั้งบางแน่นอน ก้แหม ออกจะติดหูและชวนโยกขนาดนั้น


ปมเด่น

แน่นอนว่าต้องเป็นงานโพรดิวซ์ของ ตาราฟาเอล ซาดิค ของชัวร์ ตานี่ย์น่าจะหันไปเป็นโพรดิวซ์เซอร์มืออาชีพไปเรยจะเข้าท่ามาก เพราะงานของเค้าชัดเจนเหมือนมีลายเซนต์ประทับตราในทุกวินาทีของดนตรีก็จริงแต่เค้ายังมีลูกเล่นและรูปแบบในการนำเสนอของตัวศิลปินได้ชัดเจนใกล้เคียงกันเช่นกัน งานมีมิติชัดเจน ฟังไม่น่าเบื่อเหมือนงานชุดก่อนๆของน้องจอส ที่อาจมีฟุบแอบหงอยบ้างในช่วงกลางๆอัลบั้ม การจัดเรียงก็เรียงร้อยเพลงต่อเนื่องกันได้ดีไม่มีสะดุดอันนี้ย์ก็ต้องยกความดีให้โพรดิวซ์เซอร์เหมือนกัน หลายๆเพลงมีการนำเอาเครื่องดนตรีหลายๆชิ้นเข้ามาช่วยเพิ่มสีสัน บวกกับนำเสียงของหนูจอสที่ดูเข้าที่เข้าทางขึ้นมากก โตขึ้นมากกกๆ และการเล่นคีย์ไล่อิมโพรไวซ์ก้ยิ่งร้อนแรงขึ้นทุกแทร็ค จนเทียบเข้าขั้นจะแซงหน้าอีตี๊นาอยู่รอมร่อ แถมด้วยเนื้อหาที่โตขึ้น ฉลาดขึ้นแต่ก็เป็นภาษาที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่ายไม่หม่นหมอง ภาพรวมของอัลบั้มดูมีอิสระมากขึ้น ฟังเพลินมากขึ้น และติดหูขึ้นเรื่อยๆเพิ่มตามจำนวนรอบที่ฟัง อีกอย่างการใช้เสียงประสานในแบบเพลงกอสเพลในบางเพลงยิ่งตอกยำความเป็นหนึ่งเดียวกันของตัวอัลบั้มได้อย่างถึงขั้ว และผู้ที่มาร่วมงานก็ไม่ได้กลบรัศมีตัวนางเอกจนน่าเกลียดทุกคนมีพื้นที่พรีเซนท์ตัวเองในแบบพอเพียงและเข้าท่าไม่มากไปน้อยไป มาแบบพอดีๆ และช่วยกันส่งรับทะยานขึ้นสู่จุดหมายด้วยกัน ไม่ใช่สักแต่จะแย่งซีนกันจนน่าเกลียดแบบที่พวกวงการฮิพฮอพส่วนมากชอบสะเออะทำกันยันเต

ปมด้อย

รีวิวอัลบั้มนี้ย์ในเวปบอร์ดเมืองนอกร้อนแรงมากๆ คือถ้าไม่ชอบมากๆๆๆๆ ก้จะเกลียดอัลบั้มนี้ย์จนแทบไม่อยากจะได้ยินมันเข้ามาในโสตประสาทอีกเลยเป็นครั้งที่ต่อๆไป มีรีวิวหนึ่งในเวปอะเมซอน ดอท คอมพ์ ให้คำจำกัดความไว้ว่า not just bad but sad., March 22, 2007 และมีรีวิวสั้นๆให้อ่านกันสนุกๆแต่จิกกัดเลือดสาดของคนเดียวกันว่า
not just bad but sad., March 22, 2007

Reviewer: aragorn - See all my reviews
I knew I was in trouble when the first cut started and instead of Joss I get some guy telling me about how you need balls to change. I didn't buy the cd to hear guys talking but to hear joss singing. I have listened and liked joss from her first cd and her live performances are transcendent. I checked all the reviews and there's a love it or hate it feel to them. Joss is a talented young woman and if this is her sound all I can say is good luck girl and catch you later. One thing thought I will say is that on this cd she loses her freshness. There's nothing here that stands out, no cut that I want to play over and over. There's a sameness to it like a million other young wanna be's. When a women has got the pipes and Joss has got them the trick is less is better.
You don't need the backup singers, the guys rapping and the heavy back beat all you need is Joss. Some time it takes more balls to go it alone then with a whole crew.

แต่ในทางตรงกันข้าม อีกหลายต่อหลายรีวิวกลับยกย่องชื่นชมอัลบั้มนี้ย์กันจนน่าตกใจเว่อร์ๆอย่าง

This is the best Joss Album Yet, March 23, 2007
Reviewer: Lisa "Chokolatesoul" (San Antonio, Texas) - See all my reviews
If this is the "real Joss" bring it on! I mean the last two albums I frankly didn't like the lyrics but dug the voice. Her voice is such a throw back. I got the album today and was not disappointed. I was absolutely estatic about the track "Music" with Lauryn Hill is one of my favorites. The single "Tell Me 'bout it" is hot and I like "Put Your Hands on Me". I like the evolution. Introduction well taken Joss.

และ

MEET THE NEW JOSS...NOT THE SAME AS THE OLD JOSS, March 20, 2007
Reviewer: Alan Dorfman "JukeboxJunkie812" (DELRAY BEACH, FL United States) - See all my reviews

Joss Stone woke up one morning and found herself a certifiable star. A happy, hippie, barefoot soul child prodigy with a prodigious voice that killed in concert demanding comparisons to Janis Joplin, although Tracey Nelson would have been more accurate.

Now about 5 years later as she lives out the last year of her teen years Joss has decided to grow up and assert her womanhood and control (much like Janet Jackson once famously did). She has glammed up her style (including magenta hair), her wardrobe (from head to foot - yes, she's wearing shoes now), her song choice (more mature themes and most self-penned) and shows a newfound clarity in what she wants for her career direction. Hence the "Introducing" part of the CD title.

As Common raps in "Tell Me What We're Gonna Do Now," his duet with Joss, "If you keep keepin' it fresh it won't go bad." And this CD is funky fresh; you're hearing it right from the grapevine - and it is goooood.

และมีอีกหลายบทความที่เขียรีวิวชมกันจนเกินงามเหมือนถูกจ่ายใต้โต๊ะให้เขียนเอออห่อหมก
แต่ก้มีอีกหลายรีวิวที่เขียนด่าสาดกันชนิดไม่ลืมหูลืมตาเกินพอดี

โดยส่วนตัวคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างก้าวกระโดดของนังหนูจอส ครั้งนี้ย์ก้ไม่ต่างอะไรกับการที่ยัยตี๊นาแปลงโฉมจากจีนี่ย์มาเป็นสาวเดอร์ที่ย์ ผีเสื้อกลางคืนหนนั้นเท่าไหร่ แต่บังเอิญว่านังตี๊หร่อนอยุ่อเมริกาประเทศเสรีนิยม ในขณะที่นางจอสอยุ่อังกฤษหนึ่งในประเทศที่หลงตัวเองและเชิดชูสถาบันชาติเยี่ยงโคตรเหง้า ยอมรับกับเรื่องวิบัติข้ามวันแบบนี้ย์ไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ ก้เรยเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างเกินเลย จนเป็นข่าวพาดหนังสือพิมพ์แทปลอยด์ท่นั่นยกใหญ่ว่าหลายๆรายการของอังกฤษจะไม่ให้หนูจอส ออกโทรทัศน์ !!!! รวมไปถึงการที่เธอหันมาทำเพลงเอาใจตลาดอเมริกาแบบออกนอกหน้าซึ่งหลายๆคนค่อนขอดว่าอยากดังจัดล่ะซี่ย์ ถึงขนาดไปลากอีตี๊มาช่วยงานด้วย และเอาลอเรน ฮิลล์มาดูเอทได้ ก้กลายเป็นข้อถกยกใหญ่ชนิดที่ทุกวันนี้ย์ก้ยังด่ากันไม่จบระหว่างคนที่ไม่เห็นด้วย

ในแง่ของตัวอัลบั้มจุดอ่อนจริงๆไม่มีให้เห็นมาก และไม่มีทีเด้นชัด อัลบั้มนี้ย์ สมบูรณ์ในแง่รุปแบบเพลง การนำเสนอ การตลาด คุณภาพ และเนื้อหา ตลอดจนการเลือกใช้เสียงในแต่ล่ะแทร็ค มันชัดมากและเด่นเท่าเทียมกันจนไม่มีเพลงไหนโดนกลืนและเหมือนกันไปหมดจนแยกไม่ออกและพลอยให้ง่อยหลับหงอยไปในที่สุด

แต่ . . . . . อย่างที่บอกและพล่ามไปในหลายๆบรรทัด กับรีวิวที่เดี๊ยนยกมา ถ้าคุณไม่ชอบอัลบั้มนี้เรย ก้จะเกลียดมากๆไปเรย

เออ จุดอ่อนของอัลบั้มอีกอย่างก้คือการสะระแนตัดเพลงแถมออก 3 เพลงซึ่งเป็นเพลงที่เด็ดและดีมากๆทั้งหมด ทั้งเพลงที่ร้องร่วมกับป้า แพทตี้ย์ ลาแบล Stir it up และอีก 2 เพลงที่เข้าท่าพอกันแต่สงสัยความที่เพลงทั้งสองมันร็อคมากไปหน่อย เรยถูกตัดออกเพราะความที่มันโดดๆออกจากเพลงอื่นในอัลบั้ม


ยังค่ะ ยังมิหมด ข้อด่างพร้อยของอัลบั้มที่เห็นเด่นชัดมากคือเรื่องเนื้อเพลง เนื้อหาของเพลง ก้พอเข้าใจว่าหนูเพิ่งอายุ 19 จะให้แต่งอะไรที่มันซับซ้อนซีเรียสมากเกินไปก้คงจะเกินวัยและดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่ทีมงานเก่งๆก้มีนี่คะ ให้เค้าช่วยก้ได้ค่ะ ร้องเพลงที่คนอื่นแต่งน่ะ อาจจะดีดกว่าร้องเพลงตัวเองก้ได้น่ะค่ะ ถ้าหากเพลงเรามันตื้นเขิน เนื้อหาวนไปวนมากะเเค่รักเธอรักฉัน รักกัน รักไม๊ รักเหอะ โอ๊ยยยย ฟังแร๊วหยั่งกะอีพวกอีแก่ไอแก่นักร้องรุ่นดึกบ้านเราที่ออกมากี่อัลบั้ม เพลงเหมือนเดิม/ไม่พอเนื้อเพลงยังหน้าด้านขายกันซื่อๆ ก็อปปี้ย์ ปาสสส ซะงั้น ไม่เอาน่ะหนูนะ มันดูมักง่ายไปหน่อย

เพลงน่าสนใจ

เปิดอัลบั้มด้วยคำสุนทรพจน์ของอีตาวินนี่ย์ โจนส์ Change (Vinnie Jones Intro)
นักฟุตบอลล์อังกฤษที่ผลันตัวเองไปเป็นนักแสดง คลอไปกับเสียงคีย์บอร์ดเย็นๆเบาๆออๆไปเรื่อยๆมาเรียงๆกับเครื่องดนตรีน้อยชิ้นที่คลาข้างอ่อนๆบ่งบอกอย่างชัดเจนและยืนยันถึงจุดยืนในการเลือกที่จะแลกและยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า เข้าท่าเชี๊ยะ 3 / 5

ถัดมากับเพลงที่อาจทำให้เเฟนเก่าๆช็อค Girl They Won't Believe It ชื่อเพลงก้บอกอยุ่แร๊วว่า พวกเขาจะต้องไม่เชื่อแน่ๆ ด้วยดนตรีกระฉึกกระฉัก ยืนพื้นด้วยบีทฮิพฮอพอาร์แอนด์บีหนักๆชวนโยกกับเสียงประสานคลอรับส่ง ริฟเบส กีต้าร์แน่นๆน่าฟังไปตลอดเพลงและเครื่องสายสารพัดสารเพเครื่องดนตรีครบรสหมดจนเนียนนุ่มกอปรกับเสียงอีหนูที่พรำบ่นไปถึงการค้นพบสิ่งใหม่ๆในชีวิตที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในตัวเธอไปพลัน และพวกนั้น คนพวกนั้นที่ใจแคบคงยอมรับัมนไม่ได้แน่ๆกบัการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ย์ 4/ 5

Headturner เพลงเจ้าปัญหาที่อีตี๊มาช่วยเขี่ยๆเขียนเนื้อร่วมเนื้อหาดัดจริตกระแดะคงถูกใจกระเทยเป็นที่สุด "กุสวย กุมั่น กุจะทำให้อีผุ้ชายทุกคนหันหัวมาจ้องที่กุคนเดียว" เนื้อแบบนี้ย์กระหรี่เท่านั้นที่จะแต่งออกมาได้ถึงแก่นคณิกาเยี่ยงนั้น ดนตรีเป็นการเอาบีทอาร์แอนด์บี ฮิพฮอพเหยาะเข้ากับโพรแกรมมิ่งอ่อนๆแบบเพลงเต้นรำ เสียงคีย์บอร์ดกับเครื่องเป่าที่โซโล่ตอนท่อน ไบรจ์เข้าท่ามากๆ นี่ถ้าเพลงนี้ย์อีตี๊กระหรี่กะอีจอส กล้าตัดออกโพรโมท กระเทยเตรียมตัววีนแตกกันได้ เพราะท่อนฮุคติดหูน่าร้องตามมากๆค่ะ 3 / 5

Tell me abou it - โอลด์ สคูล ฮิพฮอพอาร์แอนด์บี ที่เน้นเครื่องดนตรีสด กับเครื่องดนตรีหลากหลายส้รางมิติให้เพลงที่แอบเก๋ตรงที่มีเสียงสังเคราะห์เหยาะๆเข้ามาสร้างอารมณ์เปรี้ยว และเพิ่มความเป็นโซลด้วยเสียงคอรัสรับส่งแบบโมทาวน์ กับการเดินคอร์ทแบบดิบๆ อีหนูตะเบ็งร้องเพลงนี้ย์แบบแอบเซ็กซี่ย์ เออ ตาราฟาเอล แอบมาแร๊พกึ่งพูดตอนต้นเพลงดั๊วะแหล่ะค่ะ 3.5 / 5

Tell me what we're gonna do now หนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้ม ดนตรีแบบอาร์แอนด์บี ลีดแบ็คทำนองเนิบนาบฉาบไปด้วยเสียงเคืร่องดีดสีตีเป่าครบครัน ตาคัมม่อนนี่ย์หันมาทำแบบอ่อนโยนโรแมนติคหวานแหววกะเค้าทั้งทีย์ก้ยังแอบเก๋เหี้ยๆอยู่ดีย์น่ะค่ะ 4 / 5

Put your hands on me baby เสียงแสคชแผ่นกับเสียงสังเคราะห์หยุบหยับเต็มเพลงสอดรับกะบาโรแซ็ก และเสียงโพรแกรมมิ่งกรุ๊งกริ๊งน่ารัก แต่แอบดิบหยาบด้วยกลองยำแบบห่ามๆกับการร้องในแบบร็อคด้วยนำเสียงกึ่งโซลกึ่งร็อค เพลงนี้ย์อีหนูแอบทำเสียงแตกแหบพร่าแต่โหนสูงยังไงเสียงก้ดันเสร่อใสกิ๊งอยุ่ดีย์ คนมันเสียงดีอ่ะค่ะ ทำไงได้ 3.5/5

Music เพลงถัดมากับดนตรีอาร์แอนด์บี นุ่มๆ โซลสะท้านทรวงฝีมือ ลอรเน ฮิลล์ เพลงนี้ย์บอกถึงภาพรวมอัลบั้มได้ชัดเจนพอๆกับแทร็คเปิดอัลบั้ม ภาคดนตรีขึงขังจริงจังเนื้อหามีลูกล่อลูกขนกับดนตรียืนพื้นบนบีทเนิบนาบและมีการแซมเพิ้ลเพลงของลุง Otis Reddining - มาด้วยตอนที่เสียงนังลอเรน ฮิลล์ แร๊พขึ้นมาเท่านั้นล่ะ สรรพเสียงดนตรีก้คอยส่งรับทั้งตัวเพลงให้พุ่งขึ้นไปในอีกระดับพอส่งรับท่อนต่อมาถึงนังหนูจอส อีหนูก้รับช่วงต่อยอดได้ไม่มีที่ติ 5 / 5

Arm of my baby เดินเบสไสตล์เพลงโมทาวน์หลังยุค 60 กับดนตรียื่นพื้นในความเป็นโซลสมัยใหม่และเครื่องดนตรีสดทั้งหมด แอบมีเครื่องสายเครื่องเป่าเสริมความหรูหรากลางเพลงและแหกปากแข่งกะเสียงประสานจนเกินพอดีไปนิดนึงนะหนูนะ 3 / 5

Proper Nice 3 / 5 เพลงที่ทั้งภาคดนตรีและเนื้อหาเข้าท่าดีฟังเรื่อยๆเพลินๆได้ ก้แล้วแต่ว่าใครมามาถูกใจเอากะเพลงนี้ย์ลูกเล่นและรูปแบบดนตรีค่อนข้างห่างไกลความเป็นจอสในแบบเก่าๆมากพอสมควรเพราะทั้งเพลงเราจะได้ยินเสียงสังเคราะห์เต็มไปหมดและออกแนวรกและดูจะโชว์ของมากไปหน่อยกับโพรดิวซ์เซอร์ร่วมอย่างตา Common

Bruised But Not Broken บัลลาดสาวมั่นฉันไม่เป็นไรเนื้อหาเด่นมากและดนตรีก้ช่วยส่งตัวเพลงให้โดดขึ้นไปในอีกระดับก้าวข้ามเป็น อัมคอนเทมโพรารี่ย์ วอคัล เพลงนี้ย์มีวงออเคสต้าร์ย่อมๆและคณะประสานเสียงกลุ่มตัวทะมึนมาช่วยกันขานขับเพิ่มค่าให้กับนำเสียงโซลบาดใจของหนูจอส
เป็นเพลงบัลลาดหนึ่งในไม่กี่เพลงของอัลบั้มที่ทำออกมาได้ถึงมาก และดีมากท่อนแต่ล่ะท่อนเป็นโซลในแบบที่เอาไปอวดเจ้าแม่อย่างป้าอรีธ่า แฟรงคลินท์ ได้สบายๆ 4/ 5

My god ต๊ายยยยย แร่ดมากๆค่ะ เนื้อเพลงอีหนูเพลงนี้ย์ "พระเจ้าช่วยย ผู้ชายยน่ารักมากกกกกกกกกกกกก พระเจ้าช่วยยยย มือขาอ่อนสั่นระทวย แทบร้องกรี๊ดดด " ต๊ายยยยย ใครดลใจให้อีหนูเราแสดงวิสัยทัศน์โสเภณีแบบนี้ย์ออกมาในเพลงกันค่ะ แต่เดี๊ยนให้อภัยเพราะดนตรีแบบโมทาวน์กับเบสกีต้าร์น่ารักๆตลอดเพลงนั่นฟังเพลินมากๆ แต่ . . . อีตอนเฟดเอาท์ที่หนูแหกปาก ร้องว่า
"พระเจ้า ผุ้ชายยยยน่าแดกกกกกก " แร๊ววตะเบ็งแข่งกะดนตรีนั่นไม่เอาน่ะค่ะ คุณพี่ไม่อยบากให้หนูกลายพันธุ์ไปเป็นคาเมเลียนกระหรี่แบบอีนั่น ใครหว่าไปนึกเอาเอง . . . . .. แค่ผุ้ชายหล่อๆเองต้องเก็บอาการให้อยุ่ซีค่ะ 3 / 5

What ever Happen to the Heroes 4.5 /5
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เริ่ดมากๆนี่ย์สิที่เดี๊ยนมองหาจากอัลบั้มเพลงชุดนี้ย์ของหนู โซลร็อคกระหนำเสียงสังข์สุดพลังช้างเผือก ทั้งกลองคีย์บอร์ดเพียโน เบส กีต้าร์ สารพัดสารเพกระหนำรัวยำกันสนุกชิบหายป่าช้าแตก ยิ่งเสียงประสานในแบบกอสเพลที่ใส่มาตอนท้ายๆแร๊วอีหนูแหกปากสุ้นะค่ะ โดนมากกกกกก เกิดอะไรขึ้นมั่งกะพวกฮีโร่ กรี๊ดดๆๆๆๆๆ ต๊ายย แต่มุขแบบนี้ย์ไปโขมยอีตี๊มาน่ะค่ะ แต่ขอยอมรับว่าอีหนูจอส ทำได้เนียนและน่าฟังกว่า ถึงเสียงจะไม่เรนจ์กว้างเท่าก้เถอะ

What were we thinkin' 4.5 / 5
บัลลาดอีกเพลงที่ครบรสทุกมิติดนตรีโซลแท้ๆท่อนฮุคนี่ย์ตายไปเรย ยิ่งได้คณะประสานเสียงแบบกอสเพลมาช่วยสะดับส่งกับวงออเคสต้าร์ขนาดย่อมเยาว์บรรเลงเสียงสวรรค์ สมแร๊วที่ลุงสตีวี่ย์มาลงแรงช่วยปลุกเสกเพลงชั้นเยี่ยมแบบนี้ย์ให้ ไม่เสียแรงลุงจริงๆ ยิ่งตอนท่อนท้ายไปจนถึงเฟทเอาท์ที่มีเสียงของนักร้องผิวดำท่านหนึ่งมาแศซมเพิ้ลและตอกยำไปด้วยเสียงประสานระดับพระเจ้าส้รางของทุก backup vocal ที่มีส่วนร่วมในเพลงนี้ย์นับ 20 ชีวิต ขอบอกว่า อีหนูคือของจริง ถึงจะได้ทีมงานระดับพระกาฬและรายล้อมไปด้วยคนเก่งๆเสียงระดับไหนๆอีหนูก้แทรกตัวเด่นเด้งเกินหน้าทุกเพศผุ้เมียได้หมดจด เริ่ดจริ้งๆ

Music Ottro 3 / 5

เพลงปิดอัลบั้มสั้นๆ เหมือนภาคต่อของเพลง Music แต่เข้มข้นมากกว่าในส่วนของการร้อง เสียดายสั้นไปหน่อย ขอรีวิวสั้นๆตามเพลงล่ะกัน หนูจอสร้องเพลงนี้ย์ได้ถึงอารมณ์มากๆ แร๊วแอบเก๋ตอนฮิดเด้นแทร็คที่ร้องรับส่งกะตาราฟาเอล แบบไม่มีดนตรี ไม่มีแบ๊คอัพ ดีที่อีหนูคุมเสียงตัวเองให้ซาบๆเนือยๆแบบชิลล์ๆ ฟังก่อนเข้านอนก้คงหลับฟังดีสบายใจ

สรุป

จับตามองก้าวต่อไปของเธอกันให้ดีๆ ครั้งนี้ย์เป็นการลองผิดลองถูกครั้งสุดท้ายแล้ว ผลงานชิ้นต่อนับจากอัลบั้มชุดนี้ย์จะเป็นการชี้ชะตาในวงการของเธอค่อนข้างแน่อนอนว่าจะหมูหมากาไก่อาลาเร่โดเรม่อน ชินโดนซุเกะรึไม่ รูปแบบดนตรีและการที่เธอเลือกที่จะเดินในสายทางสองเเพร่งที่เลือกเอาไว้ในหนนี้ย์ อาจสร้างแนวทางหใหม่ๆเพื่อส้รางสรรค์อีกขนบดนตรีก้าแบบพร้อมที่จะเดินบากบั่นไปข้างหน้าพัฒนาตัวเองเก็บเกี่ยวแประสบการณ์เพื่อรังสรรค์งานชิ้นที่ดีกว่า ลบคำปรามาสต่างๆนานที่เธอโดนสบประมาทเอาไว้ หรือจะจบอยู่แค่นี้ ? คงต้องรอพิสูจน์ในงานชุดหน้ากันแล้วล่ะค่ะ

ว่าที่ป้าแพทตี้ย์ ลาแบลล์ กับ อรีธ่า แฟรงค์คลิน เคยพูดไว้ในรายการ เอเลน ดิเจอเนเรส โชว์ว่า
"Girl of soul" ในวันที่แล้วจะก้าวผ่านไปเป็น "Lady of Soul" ด้ไหม และที่พวกป้าๆระดับตำนานพูดยอกันขนาดนี้ย์แล้ว อีหนูเราจะผลักดันตัวเองไปได้ถึงขนาดไหน ?




แก้ไขล่าสุดโดย มาดามจ๊อกกาโล่ เมื่อ Fri May 11, 2007 4:50 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง

_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว ตำแหน่ง AIM Yahoo Messenger MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ตอนแรกที่ฟัง Tell Me 'Bout It แอบคิดถึง You Had Me ... = ="

... มาดามมาเขียนรีวิวให้อ่านบ่อยๆ น่ะครับ ^^ .... หุหุ



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ชอบเพลง มายก็อท มากๆๆ


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
[size=24]ชอบรีวิวจัง โดยส่วนตัวชอบอัลบั้มที่แล้ววมากกกกก พอได้อ่านรีวิวของมาดามคงต้องไปจับจองอีกแลสแหละคับ[/size]


_________________

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Arms of my Baby <------ ชอบที่สุดในอัลบั้มคร่ะ ท่อนเสียงประสานเพราะมากๆ
ถูกใจที่สุดเลยเพลงนี้ เริศ เริศ เริศ ชอบท่อนที่ร้องว่า

Living on the road is so damn tough
Talking on the phone is never enough
I gotta back to the place that I'm used to


น่ะค่ะ แจ่มใส Cool



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
รีวิวดีจังเลยคร่ะมาดาม
อัลบั้มนี้ชอบหลายเพลงเลยคร่ะ รู้สึกว่าจะชอบมากกว่าอัลบั้มที่แล้วเยอะ
เพลงโปรดก็ Tell me what we gonna do now กับ Headturner เพลงหลังนี่แบบว่าฟังแล้วติดหูเลยจริงๆ



_________________
http://www.napussyonline.net/

http://www.babyjane-mimi.com
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
วิจานเจเนดบ้างสิยะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อัลบั้มนี้เปรี้ยวดีค่ะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Mean:Boy พิมพ์ว่า:
ตอนแรกที่ฟัง Tell Me 'Bout It แอบคิดถึง You Had Me ... = ="

... มาดามมาเขียนรีวิวให้อ่านบ่อยๆ น่ะครับ ^^ .... หุหุ
Sad Sad Sad


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com