หลังจาก นางจุรี วิจิตรวาทการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีแนวคิดที่จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เกี่ยวกับคำนำหน้าชื่อ เพื่อให้สิทธิผู้ชายที่แปลงเพศใช้คำนำหน้าชื่อว่า "น.ส." แทน "นาย" ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มคนในสังคมอย่างกว้างขวาง โดยล่าสุด นางจันทวิภา อภิสุข เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมโอกาสผู้หญิง ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้ชายแปลงเพศใช้คำนำหน้าว่า น.ส. แทนคำว่า นาย ในขณะนี้ และมองว่า นักกฎหมายที่คิดจะเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสภากำลังหลงทางในการแก้ปัญหา
นางจันทวิภา กล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มเกย์ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นที่สังคมไม่ยอมรับ โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปสมัครงานตามที่ต่างๆ แล้วหน่วยงานไม่รับเข้าทำงาน แสดงท่าทีรังเกียจในลักษณะเป็นเพศที่สาม ซึ่งหากจะแก้ปัญหานี้ก็ต้องดำเนินการในการรณรงค์ให้คนในสังคมปรับทัศนคติให้หันมามองที่ความสามารถของคน ไม่ใช่มองที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่นักกฎหมายกลับคิดที่จะเสนอให้ชายแปลงเพศใช้คำนำหน้าชื่อ จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และอยากย้อนถามว่า หากชายแปลงเพศเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อไปแล้ว แต่สังคมไม่ยอมรับอยู่ดีจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
"การกำหนดคำนำหน้าชื่อ เป็นการระบุชื่อตามเพศอิงตามลักษณะทางชีววิทยา บ่งบอกความเป็นชายเป็นหญิงให้มีความชัดเจน ส่วนกลุ่มเกย์ ทอม ดี้ หรือคนที่ไม่ใช่ชายจริงหญิงแท้อื่นๆ ถือเป็นเพศทางสังคม ดังนั้น การจะให้มีคำนำหน้าชื่อที่ต่างไปจากเดิมต้องใช้ความละเอียดอ่อน อีกทั้งไม่เห็นความจำเป็นที่ สนช. หรือรัฐบาลจะหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาทำในเวลานี้ เพราะมีกฎหมายอื่นที่สมควรจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาคอรัปชั่น ที่กำลังเป็นปัญหาที่บ่นทำลายประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด" นางจันทวิภา กล่าว
ขณะที่ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวอย่างยิ่ง เนื่องจากจะทำให้สังคมเกิดความสับสน ทั้งนี้ เห็นว่าการจะใช้คำนำหน้าแบ่งระหว่างชายกับหญิง ให้ใช้คำนำหน้าเฉพาะนายกับนางก็น่าจะเพียงพอแล้ว
นอกจากจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่แสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะเสนอ พ.ร.บ.ให้ชายแปลงเพศใช้คำนำหน้าชื่อว่า น.ส.เช่นกัน อย่างเช่น นายเกียรติคุณประดิษฐ์ เจริญไทยทวี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้แสดงความคิดเห็นว่า หากมีการกำหนดให้ชายที่แปลงเพศแล้วใช้คำนำหน้าชื่ออื่นแทนนายนั้น เห็นว่า ควรให้ใช้คำว่า น.ส. และเมื่อแต่งงานแล้วก็ให้ใช้นาง เพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้คำอื่นแทน เช่น นายสาว หรือนายชาย เนื่องจากจะเป็นการประจานบุคคลอื่น เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
เช่นเดียวกับ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่มองว่า การให้สิทธิชายที่แปลงเพศแล้วใช้คำนำหน้าว่า น.ส. เป็นการสนับสนุนสถานะบุคคลให้ตรงกับความเป็นจริง ทำให้บุคคลผู้นั้นดำเนินชีวิตไปในสังคมได้โดยสงบสุข เพราะที่ผ่านมา กลุ่มคนเหล่านี้มีปัญหาในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างเช่นการเดินทางไปต่างประเทศ ในหนังสือเดินทางใช้คำนำหน้าชื่อว่า นาย แต่ตัวกลับเป็นหญิง ทำให้เกิดความยุ่งยากในการเดินทาง
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า หาก พ.ร.บ.ให้ชายแปลงเพศใช้คำนำหน้าชื่อเป็น น.ส.ประกาศใช้ จะทำให้สังคมเห็นความเด่นชัดถึงความเสมอภาคระหว่างคนในสังคม กลุ่มเพศที่สามมีโอกาสได้แสดงตัวตนที่แท้จริง ไม่ต้องหลบซ่อน
ขณะที่ ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่จะให้ชายที่แปลงเพศแล้วใช้คำนำหน้าชื่อว่า น.ส. และยังเห็นว่า ในสถานศึกษาเองก็ควรมีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาในสถานศึกษาโดยเฉพาะเรื่องหอพัก มีการแบ่งแยกระหว่างชายกับหญิงชัดเจน ทำให้นักศึกษาที่เป็นเกย์ต้องพักรวมอยู่กับนักศึกษาชาย ทั้งที่นักศึกษาผู้นั้นต้องการที่จะพักในหอพักหญิง ซึ่งหลังจากนี้เห็นว่า นักศึกษาที่เป็นชายแต่แปลงเพศแล้วก็ควรได้สิทธิพักในหอพักหญิง
++++++++++++++++++++++++++++++++++
จาก ค.ช.ล.
แอร๊ยยยยยยยยเดี๊ยนเป็น"กระเทย" .......มิใช่เกย์แต่เยี่ยงใดคร๊ะ
_________________


#WorkBitch
