เมื่อคุณว่างงาน หรือตกงาน ตกยาก ค่อนข้างลำบากปนลำเค็ญเข็นยังไงก็ไม่ขึ้น ไปดูดวงก็ไม่ช่วยไรอะไรเลย ให้ดูหนังเรื่องนี้แทนกันดีกว่า
เรื่อง FUN WITH DICK AND JANE เจออย่างนี้...พี่ขอปล้น
หนังตลกเสียดสีที่ได้ใจมากๆหากเทียบกับหนังเสียดสีวงการแฟชั่นอย่าง Zoolander(ซู แลนเดอร์) ที่เบนสติลเลอร์แสดงได้เสียดแทงใจเหล่าดีไซเนอร์ได้เข้ากึ๋นสุดยอดนัก ซึ่งหนังเรื่อง FUN WITH DICK AND JANE เจออย่างนี้...พี่ขอปล้น ก็ถึงกึ๋นของคนตก ว่างงาน เช่นกัน ฟังอย่างนี้ ผู้ที่ว่างงานอย่างเพิ่งเศร้าหมองไป เพราะเราก็ว่างเหมือนกัน เหอะๆ ก็เลยนึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาได้ นึกไปก็ตลกไป เจ็บไป สองอารมณ์ในหนึ่งเดียวอย่างกะดื่มกาแฟมอคค่ายังไงยังนั้น
มาเข้าเรื่องดีกว่า
DICK และ JANE เป็นคู่สามีภรรยาที่มีครอบครัวแสนจะสมบรูณ์แบบ พร้อมมีลูกที่น่ารักอีกหนึ่งคน ชื่อบิลลี่ และแม่บ้านชาวเม็กซิโกผู้จงรักภักดีและมีอิทธิพลต่อ บิลลี่ เสียเหลือเกินอีกหนึ่งคนคือ บลังก้า (ชื่อแม่บ้านนะอย่างเพิ่งงง เหอะๆ )
เรื่องราวที่แสนจะดูดี กับชีวิตที่อยู่ในขั้นอยู่ดีมีสุขอุดมสมบรูณ์ ครอบครัวเบิกบานใจ ซึ่งก็เป็นชีวิตที่ Dick(จิม แคร์รี่) รู้สึกเพียงพอแล้ว(แต่อาจมีอิจฉาหรือหมั่นใส่เพื่อนบ้านขี้อวดบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นของธรรมดาที่เราอยากจะถีบหน้าพวกชอบอวด เหอะๆ) แต่ยังไงซะ ดิค ผู้ทำงานอย่างจริงจัง ซื่อสัตย์มาตลอด 15 ปีของการทำงานก็ได้รับข่าวดีอย่างไม่คาดฝันด้วยการได้เลื่อนตำแหน่งไปบนชั้นบนสุดโดยการได้เป็นรองประธานเลยทีเดียว(บริษัทต่างประเทศจะเรียงลำดับชั้นตามระดับตำแหน่ง อย่างที่ว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว) ซึ่งได้เลื่อนขั้นจากชั้นล่างๆไปยังบนสุดขนาดนี้ เป็นใครๆจะไม่สนล่ะ ดังนั้นความฝันอันบรรเจิดและจินตนาการกับชีวิตที่รื่นรมย์ยิ่งกว่าเดิมของเขาจึงเกิดขึ้นในคืนก่อนวันแถลงการณ์ของบริษัท ว่าทุกอย่างของเขาจะเปลี๋ยนไป๊ และ....และมันก็เปลี๋ยนไป๊ จริงๆ แต่เปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิมเลยทีเดียว โดยบริษัทได้ล่มจมพร้อมประธานที่แสนจะน่านับถือหอบเงินมูลค่ามหาศาลหนีหายแว้บไปปล่อยให้นายดิครองประธานข้ามคืนต้องมาแบกรับกับคำถามสารพัดเกี่ยวกับบริษัท และสภาพของคนตกงานอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง น่าสงสารพนักงานบ๊องแบ็วคนนี้จริงๆ ที่จู่ๆก็ตกเป็นตัวตลกดังไปทั่วเลยทีเดียว
แต่ชีวิตก็ยังมีหวังอยู่บ้างโดย
ความหวังที่ 1. ความหวังที่จะพึ่งพาเงินเดือนของภรรยาไปสักระยะนึง เพราะเธอก็ได้เงินเดือนที่ดีไม่น้อยทีเดียว หากเขายังหางานไม่ได้
ความหวังที่2.กับเงินเดือนล่วงหน้าของพนักงาน(เวลาที่ถูกออก ลาออก หรือไรทำนองนี้ ก็เรียกไม่ค่อยถูกเหมือนกัน ต้องขออภัยด้วย จ้า)ที่เขาต้องได้รับตามกฎหมายซึ่งจะทำให้เขานำมาใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างสบายในระยะเวลานึงเลยทีเดียว แต่ความหวังตัวแรกก็เริ่มหมดลงเมื่อเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีวิวแววของเงินทดแทนส่วนนี้เลย
ความหวังที่ 3. ในเมื่อสองแผนแรกหมดไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่คนอารมณ์ดีและมองโลกดี๊ดีอย่างนายดิคก็ยังอุตสาห์หาทางออกอื่นๆอีก โดย ค่อยๆขายของในบ้านไปทีละชิ้นๆเพื่อนำมาใช้จ่าย และนำของในบ้านให้แม่บ้านไปแทนค่าจ้าง เพราะเขาไร้ซึ่งเงินสักแดงแล้ว
แต่ก่อนหน้านั้น ดิคกะเจนก็ออกหางานทำตลอด ได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะเป็นงานที่ไม่ถนัดแต่ก็ทะลึ่งบ่องเข้าไปทำเพียงเพราะหวังให้มีค่าใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัวบ้าง แต่งานที่ทำก็แห้วเสียทุกที
เมื่อความหวังที่ 3.กับทุกอย่างที่กำลังหมดสิ้น เพราะบ้านกำลังจะถูกยึด ไฟฟ้า น้ำประปาโดนตัด สนามหญ้าที่สั่งปูก็ถูกเอาคืน สระน้ำที่สั่งขุดก็มีแต่หลุม เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าทำสระ เหมือนทุกอย่างกำลังจะสูญสิ้นด้วยเงินทองสิ่งของที่มี(แต่จิตใจไม่สูญเสีย เพราะเจนเป็นกำลังใจให้ดิคอยู่เสมอ) ดิคจึงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นเส้นทางที่เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามาก่อน เป็นเส้นทางของพวกมิจฉาชีพที่เขาเคยรังเกียจแต่ก็จำใจต้องทำโดย
1.เริ่มขโมยสนามหญ้าจากบรรดาเพื่อนบ้าน สนามกล์อฟ ทั่วทุกทิศเพื่อนำมาปูนที่บ้านตนเอง
2.เริ่มปล้นร้านขนมแต่ปอดแหกซะก่อนเลยขโมยได้แค่สเลอปี้
3.ร้านแรกที่ประสบความสำเร็จคือ ร้านขายของเรือนแสงด้วยฝีมือของเมียสุดที่รักเป็นตัวเปิดตัวปล้นแบบเด็ดขาด เพราะเพิ่งรู้ว่าบ้านกำลังถูกยึด เท่านั้นแหละ แม่เสือสาวอาละวาดทันที งานนี้จึงเป็นงานแรกและเป็นงานที่ทำให้เขาทั้งสองได้หันมาทำธุรกิจปล้นร้านเล็กๆ เป็นอาชีพอิสระที่ไม่ควรทำเยี่ยงอย่างนะจ๊ะ
ชีวิตเริ่มกลับคืน ความฝันที่เคยสูญสหายเริ่มก่อตัวเป็นจริงกับอาชีพอิสระ ธุรกิจปล้นตรง(ไม่ใช่ขายตรงนะ) ทำให้ครอบครัวกลับมาอู่ฟู้อีกครั้ง
แต่ การปล้นที่คิดจะเป็นครั้งสุดท้าย และครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้ลงมือปฎิบัติการณ์แล้วก็ได้พบเหตุการณ์บางอย่างจากเพื่อนร่วมงานที่หันมายึดอาชีพเดียวกันแต่ก็ต้องล้มเหลวเพราะถูกตำรวจจับเข้าสังเตไป ด้วยเหตุการณ์นี้จึงทำให้เขาทั้งสองคิดได้ว่า สักวันนึงอาจเป็นพวกเราก็ได้ ที่ได้เข้าอยู่แทน ดังนั้น ดิคและเจนจึงได้คิดแผนการใหม่อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายเพื่ออำลาวงการอาชีพอิสระปล้นตรงอย่างนี้ (หรือธุรกิจในครัวเรือนก็ไม่รู้) ซึ่งเขาทั้งสองจะทำสำเร็จไหมคนที่เคยดูคงได้รู้แล้ว ส่วนที่ไม่เคยก็ลองไปดูบทสรุปที่น่ารักของพวกเขาได้นะจ๊ะ
ความคิดเห็นส่วนตัว
1.หนังเรื่องนี้ชอบมากๆตรงการเสียดสีชีวิตชาวอเมริกันกับการแข่งขันกันแย่งงานอย่างเอาเป็นเอาตาย(แต่คงไม่ฮาเหมือนในหนังแน่) เพราะที่อเมริกา นครนิวยอร์กหรือย่านเศรษฐกิจล้วนแล้วแต่งานหายากมากจนแทบจะฆ่ากันตายเพื่อให้ได้งานมา (นี่เปรียบเปรยนะ)
2.หนังเรื่องนี้เห็นแล้ว ก็คิดว่า ดิคน่าจะไปเล่น 13 เกมสยองแทนน้อย วงพรู มากกว่า ชีวิตอดสูกว่าเยอะ
3.หากเป็นหนังชีวิตจะเป็นหนังที่เศร้า และมีจริงจังมากๆ แต่เขาสามารถทำออกมาเป็นหนังตลกเสียดสีให้แง่คิด และที่สำคัญให้เราได้เห็นจุดที่เขาโฟกัสได้อย่างชัดเจนเลย คือ แม้ชีวิตจะลำบากเพียงไร หากมีจิตที่มั่นคงและศรัทธาต่อกันอยู่เสมอ ครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัว ชีวิตก็ยังคงเป็นชีวิตที่มีจิตวิญญาณของความเป็นคน(ดี)อยู่เสมอ
4.หากดูๆไปจะมีกลิ่นอายของ ยิ้มไปก่อนพ่อสอนไว้นิดนึง นิ๊ดนึงจริงๆ ตรงที่การดิ้นรน การมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ก็มีกลิ่นอายของโรบินฮูดปนอยู่ด้วยล่ะ
5.ไม่รู้จะชอบตลกแนวนี้ป่าว แต่เราชอบแทบทุกมุมทุกตอนเลย เพราะมันแฝงด้วยการเสียดสี ปนมุกฮาๆ ที่เรามองข้ามในชีวิตประจำวันไป เช่น การที่ลูกของเราอยู่กับแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงมากเกินไป เขาก็จะซึมซัมคนๆนั้นมา มากกว่าพ่อแม่ซะอีก อย่างตอนที่ ดิคถูกตำรวจจับเพราะคิดว่าเป็นชาวเม็กซิโก เขาก็โทรไปที่บ้านหวังว่าให้เมียเขาช่วยยืนยัน แต่ที่ไหนได้ลูกชายสุดที่รักได้รับสาย แทนที่จะพูดอัลโล แต่พูดคำว่า โอล่า ซึ่งแปลว่าสวัสดี แทน ทีนี้โดนเลยนายดิค
6.จากข้อ 5. อย่างที่บอกไปว่า เมื่อเด็กอยู่กับใครก็มักจะซึมซับหรือผู้ดูแลมีอิทธิพลต่อเด็กคนนั้น ภาษาพูดส่วนใหญ่ของบิลลี่จึงเป็น ภาษาเม็กซิโก มากกว่าอังกฤษ ซะอีก เหอะๆ
7.หนังตลกให้ปรัชญาที่คุณสามารถค้นหาได้ ตามซอกมุมที่ค้นเจอ
8.ความจริงแล้ว จิม แคร์รี่ เป็นยากจนและมีชีวิตที่ย่ำแย่มากก่อน ตัวจริงนั้นเป็นคนซีเรียสมากๆ และวันหลังนำเสนอชีวิตที่น่าสนใจของเขาให้ทราบกันนะ ว่าน่าสนมั่กๆทีเดียว ไม่ต่างจาก คริส การ์ดเนอร์ในเรื่อง persuit of happiness เลย
BEFORE
AFTER
ครอบครัวที่ยังอบอุ่น ยิ้มแย้ม และอารมณ์ดีอยู่เสมอ แม้สุดท้ายจะไม่เหลืออะไร
เกร็ดส่งท้าย: เมื่อปี 1977 หนังเรื่องนี้เคยได้นำออกฉายแล้ว แสดงโดย เจน ฟอนด้า และ จอร์จ ซีกัลป์ และจิมแคร์รี่ก็ได้นำมาสร้างใหม่ไฉไลกว่าเดิม
แก้ไขล่าสุดโดย satangif เมื่อ Fri Nov 09, 2007 9:31 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง