
Mariah Carey : The Emancipation Of Mimi : 3.5/5
รูปแบบเพลง
หลังจากอาร์แอนด์บีเนิบๆแกนๆจากอัลบั้มที่แล้วพร้อมกับกระแสตอบรับที่ไม่โสภาเท่าที่ควรจะเป็นสำหรับศิลปินระดับหล่อน มางานนี้ แม่มาลัยขอยกเครื่องรวบรวมธาตุทั้ง5คืนสู่จริตความเป็นศิลปินแนวหน้ากลับมากู้หน้าอีกครั้งพร้อมกับ The Emancipation Of Mimi ที่หลักใหญ่ใจความยังคงยืนพื้นอยู่ที่ดนตรีพ็อพอาร์แอนด์บีผสานฮิพฮอพและลูกเล่นโอลด์สคูลอย่างสวยงามพริ้งเพริศก่อนที่จะต่อยอดไปส่บัลลาด โซล กอสเพล สแตนดาร์ดแจ๊ซซ์ แร็พ แดนซ์ลงสู่โลกแห่งดนตรีของแม่หมีอย่างลงตัว เรียกได้ว่างานนั้มาลัยสู้ตายขายบ้านขายทุกสิ่งอย่างเพื่อกลับมากู้หน้าโดยแท้ค่ะและดันทะลึ่งทำสำเร็จด้วยนะคะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆ เริ่ดค่ะ สำหรับเดี๊ยนขอบอกนะคะว่าฟังแล้วถอนหายใจค่ะรอดหมดทุกสิ่ง ภาพรวมแข็งขึ้น มีสีสันขึ้นและน่าสนใจชวนติดตามมากกว่างานชุดที่แล้วชนิดกินขาดทีเดียว แหมๆๆๆๆโล่งฮ่ะนึกว่าจะเสียแม่มาลัยเพื่อนสาวสุดเซ็กซี่ของเดี๊ยนกับเพลงเริ่ดๆของหล่อนไปเสียแล้ว หึหึหึหึ
จุดด้อย
แม้ว่าภาพรวมจะดีขึ้นกว่าชุดที่แล้วชนิดขนาดลอยก็ตามนะคะ แต่สำหรับเดี๊ยนงานชุดนี้ถ้าวัดในมาตรฐานการทำเพลงของเธอแล้วก็ไม่ได้ถือว่าดีเลิศเลอน่าสรรเสริญอะไรมากมายถ้าเทียบจากหลายๆอัลบั้มที่เราๆเคยได้รับจากเธออย่าง Emotion,Music Box,Day Dream,Butterflyอะไรพวกนี้แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับในอีกแง่นะคะว่าอัลบั้มนี้ก็นำเสนอหลายๆด้านที่เดี๊ยนไม่คาดว่าจะได้เห็นจากมารายห์รวมถึงภาคดนตรีและการนำเสนอในบางแทร็คที่ฟังแล้วแบบ "ต๊ายย ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำได้" ถือว่าเป็นอะไรที่น่าชื่นชมพอตัวนะคะ มาที่จุดด้อยอีกประเด็นที่มารายห์ยังไม่เคยสลัดให้หลุดเสียทีคือบางแทร็คที่ฟังแล้วรู้สึกเป็นส่วนเกินประมาณว่ายัดแทร็คให้มันเต็มอัลบั้มน่ะค่ะฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยประมาณว่า "เจ๊จะทำออกมาทำไมเหรอคะ?" บางแทร็คนี่ล่อซะเสียเอกภาพไปพอตัวเลยทีเดียว แต่ยังไงซะถึงเธอจะสลัดไม่ขาดแต่ขอยอมรับค่ะว่าภาพรวมในงานล่าสุดนี้เธอสามารถประคับประคองผู้ฟังไปจนจบแม้ว่ามีขัดใจนิดๆแต่ทุกแทร็คก็โดดเด่นพอที่จะติดอยู่ในหัว หูและความทรงจำของคนฟังมากกว่าฟังเพลินๆเข้าหูซ้ายทะลุออกรูที่เหลือในสรรพางค์กายทั้งหมดแบบที่ได้รับจากงานชุดที่แล้วน่ะค่ะ ที่สำคัญเป็นหนึ่งในอัลบั้มของมารายห์ที่เดี๊ยนฟังแล้วไม่เกิดความรู้สึกเบื่อก่อนที่จะฟังจบทั้งหมดเสียก่อน มหัศจรรย์!
ซิงเกิ้ล
It's Like That (4/5) ซิงเกิ้ลแรกที่จะบอกว่าเปรียบเสมือนเป็นไทเทิ่ลแทร็คกลายๆก็คงไม่ผิดเนื่องจากสามารถบ่งบอกภาพรวมของอัลบั้มในส่วนของภาคดนตรี การนำเสนอรวมถึงด้านเนื้อหาเป็นการประกาศเจตนารมณ์อย่างรุนรงให้โลกระทึกโดยทั่วถึงว่า "งานนี้มาลัยคืนบัลลังก์แน่ฮ่ะ" มาที่ตัวเพลงยืนพื้นที่อาร์แอนด์บีฮิพฮอพเสริมทัพด้วยพ็อพแร็พ โอลด์สคูลฮิพฮอพ พ็อพอาร์แอนด์บีลากไปจนถึงอารมณ์พ็อพเต้นรำอ่อนๆผสมผสานคลุกเคล้ากันได้อย่างลงตัว เริ่ด1 นอกจากนี้แม่มาลัยยังอุตส่าห์ทำเก๋ไก๋จิกท่อนฮุค It's Like That Y'all จาก Horris Crew ของ Run D.M.C. ในปี1984มาแปะไว้ในเพลงอย่างแนบเนียนเพิ่มความขลังอีกหนึ่งคำรบ ภาพรวมจึงออกมาอย่างที่เห็นล่ะค่ะแร็พโย่วซ่องระเบิดสมศักดิ์ศรีการกลับมาประกาศอิสรภาพของผีเสื้อสมุทรโดยแท้
ป.ล. ส่วนตัวเดี๊ยนว่าเพลงนี้เพลงเดียวนี่ฆ่าอาร์แอนด์บีแกนๆจากอัลบั้มกำไรนรกนั่นชนิดที่ตายกระเจิงเกินครึ่งเลยทีเดียวค่ะ
We Belong Together (4/5) กลับมาเกยตื้นที่อันดับหนึ่งได้สมใจภายในในซิงเกิ้ลที่สองนะคะ บทแม่คุณจะขึ้นนี่ก็ปรู๊ดปร๊าาาาาดเร็วเหลือเชื่อชนิดที่ไม่ให้แฟนๆได้ตั้งตัวดีใจตั้งตัวลุ้นระทึกกันเลยทีเดียวแต่นั่นก็ดีค่ะ มาที่ตัวเพลงเป็นโอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดที่ฟังแล้วส่วนตัวรู้สึกถึงอิทธิพลของดนตรีโซลและอาร์แอนด์บีช่วงยุค80ส่งกลิ่นอายตลบอบอวนเลยทีเดียว พิจารณาภาคเนื้อหาแม้ว่าบางคนจะบอกว่า "ไม่เห็นมีอะไรดี" "ก็แค่อาร์แอนด์บีบัลลาดเพราะๆพิมพ์นิยมเกลื่อนตลาดนั่นแหละ" ในวงเล็บที่ได้ยกตัวอย่างมานี่เดี๊ยนขอบอกนะคะว่าส่วนตัว "ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง" คือสำหรับเดี๊ยนมีความเห็นและความรู้สึกที่ต่างออกไปค่ะว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในบัลลาดที่มีความพิเศษอยู่ในตัวชนิดที่บัลลาดที่ว่าดีๆของมารายห์บางเพลงยังทำได้ไม่ถึงในระดับนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดี๊ยนประทับใจในส่วนของการเรียบเรียงถ้อยคำซึ่งมันทำให้เดี๊ยนสัมผัสได้ว่ามารายห์เข้าถึงและพัฒนาในส่วนของวาทะศิลป์และความประณีตในการแต่งเนื้อร้องไปอีกระดับ และส่วนสำคํยที่สุดคือยิ่งได้มารับการถ่ายทอดโดยน้ำเสียงและความสามารถในการร้องเพลงจากศิลปินระดับเธอนี่ มันมีอะไรหลายๆสิ่งอย่างที่เหนือระดับกว่าบัลลาดอาร์แอนด์บีทั่วไปเลยทีเดียวน่ะค่ะ
Shake It Off (3/5) พ็อพอาร์แอนด์บีเจือฮิพฮอพแซมเข้ามาเป็นลูกเล่น ภาคการนำเสนอและสรรพสำเนียงนี่ก็เหมือนกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกับ The One กับ Breakdown นั่นแหละค่ะ ฟังครั้งแรกขอบอกตามตรงว่าไม่ชอบถึงขั้นเกลียดเข้าไส้เลยทีเดียวด้วยความง่อย เงือกและซ้ำซากจนสงสัยว่าปีนไปได้ถึงอันดับ2บนบิลด์บอร์ดได้ไงกันวะ (รสนิยมคนชาตินี้นี่ดีเนอะ!) แต่พอให้เวลากับมันมากขึ้นก็ "โอเคอ่ะค่ะ" ฟังได้เพลินๆแถมติดหูชะงัดด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในส่วนของเนื้อหานี่ได้ใจสุดๆเป็นอะไรที่สะท้อนถึงความเป็นมารายห์ทั้งอัตลักษณ์ทางดนตรี ทัศนคติและพฤติกรรมได้อย่างครบถ้วนจนน่าทึ่ง (นี่ชมนะคะ)
Get Your Number Feat.Jermaine Dupri (2/5) แร่ดมากค่ะแม่เพลงนี้! พ็อพอาร์แอนด์บีเต้นรำนำเสนอบนท่วงทำนองของฮิพฮอพอาร์แอนด์บี พ็อพและคลับแดนซ์ ถือว่าลูกเล่น ลูกล่อ ลูกชนในการผสมผสานโอเคอยู่นะคะ แต่ภาพรวมกลับออกมาไม่มีชั้นเชิงดาษดื่นน่าสนใจเท่าที่ควร รวมถึงความลงตัวด้วยนะคะอีเจ๊ แหม ป้าเอ๊ยยยยยยเพลงที่ดีกว่านี้มีตั้งเยอะแยะไม่รู้จักตัดนะคะคุณนาย รู้ค่ะว่าต้องการเป็นเจ๊ดันส่งเพลงง่อยๆให้มันเกิดติดลมบนโผล่เป็นบัวบานเสนอหน้าพ้นน้ำบ้าง แต่เหงือกเงือกขนาดนี้นี่ เอ่อ เพลงอื่นดีกว่ามั้ยคะ
Don't Forget About Us (2.5/5) น่ะค่ะ เพลงนี้เป็นแทร็คพิเศษที่แถมให้ในUltra Platinum Editionของอัลบั้มนี้นะคะ (ทำไมต้องกระแดะตั้งชื่อซะยาวเชียวคะ) ตัวเพลงเป็นโอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีบัลลาดที่ภาคการนำเสนอมาในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันมากกับ We Belong.....น่ะคะ (จะด่าว่าก็อปว่าลอกก็เกรงใจ) ต่างกันนิดหน่อยตรงกลิ่นอายของจังหวะจะโคนมิดเทมโพอาร์แอนด์บีต้นยุค90ที่เหยาะเข้ามา แม้ว่าจะดูย่ำรอยเดิมน่าเกลียดไปนิดนะคะแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเพราะมากๆนะ ที่สำคัญแม่คิดจะย่ำรอยความสำเร็จเดิมแม่ก็แบกหน้าแบกนมย่ำขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งเป็นเพลงที่17ได้สมใจอยาก ส่งผลให้เธอกลายเป็นศิลปินหญิงที่มีอันดับหนึ่งมากที่สุดบนประวัติศาสตร์ของบิลด์บอร์ดชาร์ตขณะนี้ (ใครจะตามหล่อนทันคะเนี่ย?)
ป.ล. กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆแต่เดี๊ยนรับไม่ได้นะคะอีท่าขาพาดขอบสระในเอ็มวีน่ะป่วงมากๆ เพิ่งรู้ค่ะว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องSomething's Got To Love ของเจ้าป้ามาริลีน มอนโร โถๆๆๆๆๆๆ อีมาลัยขามึงจะเอาช่วงไหนไปเป็นมาริลีนคะ?
So Lonely (One&Only Part II) (Twista Feat. Mariah Carey) (3.5/5) แทร็คนี้นี่รวมในอัลตร้า....เช่นกันนะคะ เป็นซิงเกิ้ลที่สามจากอัลบั้ม The Day After ของทวิสทาที่ร่วมงานกับเธอน่ะค่ะ เลยขอยกมาพูดถึงคร่าวๆนะคะ ภาคดนตรีเป็นฮิพฮอพอาร์แอนด์บีกึ่งบัลลาดปะทะสรรพสำเนียงการนำเสนออาร์แอนด์บีที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Darkchild (ที่เกร่อมากๆแล้ว) ภาพรวมออกมาเริ่ดอยู่นะให้อารมณ์เก๋ๆเหวี่ยงแบบเออร์บันร่วมสมัยไปอีกแบบ
Say Something Feat. Snoop dogg (4/5) กรี๊ดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เริ่ดมากๆๆๆๆๆค่ะที่อุตส่าห์ตัด ฮิพฮอพอาร์แอนด์บีผสานพ็อพโอลด์สคูล เต้นรำและซาวนด์เรโทรแบบยุค70-80ได้อย่างเหนือชั้น จริงๆแล้วเพลงนี้ก่อนหน้านี้เคยถูกวางไว้โปรโมตเป็นซิงเกิ้ลแรกนะคะแต่ด้วยลางมรณะอันแรงกล้าของนางมาลัยชีเลยเบนเข็มไปหาเพลงอื่นที่เหมาะกว่าแทน ซึ่งเดี๊ยนก็เห็นด้วยนะคะเพลงนี้อ่ะดีมากๆแต่จะเข็นให้ดังนี้ยากค่ะเพลงดีๆแบบนี้
ป.ล. เครดิตป๋าด็อกนิดนึงนะคะป๋าแร็พได้เก๋มากๆๆๆๆๆค่ะ สามีเดี๊ยนนั่งแร็พตามเกือบทั้งอาทิตย์ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรกน่ะค่ะ เริ่ด
Fly Like A Bird (5) กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หีฉีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เริ่ดมากๆค่ะเดี๊ยนละถอดใจไปแล้วตอนแรกว่าคงไม่ได้ยินมาลัยทำเพลงระดับนี้อีกแถมยังใจดีกล้าตัดเป็นซิงเกิ้ลด้วยนะคะ ภาคดนตรีเป็นอดัลท์คอนเทมโพลราลีย์พ็อพโซลบัลลาดผสานแจ๊ซซ์ก่อนที่จะค่อยๆต่อยอดความอลังการขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดถึงขีดสุดด้วยการแปลงร่างเป็นกอสเพลชนิดที่เกณฑ์โบสถ์ทั้งซีกโลกตะวันตกมาช่วยสรรเสริญพระบิดาตามธรรมเนียมของมาลัยด้วยภาคเนื้อหาที่สวยงาม ทรงพลังสะท้อนถึงความเป็นไปของโลกที่มนุษยชาติทุกเผ่าพันธุ์ควรจะหันมาพิจารณาและตระหนักร่วมกันอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ยังทำเก๋ด้วยการแซมเพิ่ลข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลมาใส่ในตัวเพลงเพิ่มความขลังแต่สุดท้ายนังมาลัยก็ขโมยซีนโปรดิวเซอร์ คนร่วมต่งเพลง นักดนตรีและบรรดาแบ็คอัพคอรัสทั้งหลายด้วยการตะเบ็ง แผด โหย หวีด หอน กรีดแหกชนิดที่กะจะให้ได้ยินไปถึงสวรรค์กันเลยทีเดียว เริ่ดสยบมาร ไพร่ กะเทยทั่วโลกามากๆค่ะ หึหึหึ อู๊ยยย ขนหีลุกซู่ๆๆๆๆๆๆๆ
Mine Again (2/5) น่ะค่ะ ยังมีกะใจตัดเป็นซิงเกิ้ลนะคะ ต๊ายยยย ตัวเพลงไม่มีอะไรมากค่ะพ็อพโซลอาร์แอนด์บีบัลลาดชนิดที่คนฟังที่เน้นความเพราะเข้าว่ามาฟังคงจะถูกใจไม่ใช่เล่นอ่ะค่ะ แต่ส่วนตัวไม่ใช่เพลงที่เดี๊ยนชอบเท่าไรนะคะค่อนข้างจะรำคาญด้วยซ้ำไอ้เพราะอ่ะมันเพราะค่ะไม่เถียงร้อง อีมาลัยร้องเพลงช้าจะมีซักกี่เพลงคะที่ไม่เพราะ แต่เบื่อในความจำเจ คร่ำครวญและอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เพลงนี้ไม่ไดรับการเติมเต็มให้เข้าขั้นบัลลาดที่ดีอย่างสมบูรณ์เต็มขั้นในแบบฉบับที่มารายห์สมควรจะทำได้น่ะค่ะ
แทร็คอื่นๆ
To The Floor Feat. Nelly (2/5) อาร์แอนด์บีฮิพฮอพผสานแดนซ์-พ็อพที่ส่วนตัวฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นภาคต่อที่น่าจะเหนือกว่าของGet Your Number ฟังเอาเพลินๆนี่ถือว่าโอเคเลยทีเดียวค่ะแต่ถ้าจะเอารายละเอียดนี่เดี๊ยนคิดว่าก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากเพลงอาร์แอนด์บีเต้นรำอื่นๆ มาที่ One&Only Feat. Twista (3.5/5) โอลด์สคูลฮิพฮอพอาร์แอนด์บีบนท่วงทำนองกึ่บัลลาดผสานเออร์บันพ็อพ แร็พและโซลเข้าไปได้อย่างกลมกลืน ส่วนตัวคิดว่าเก๋และแปลกใหม่พอตัวมากๆสำหรับงานเพลงของมาลัยนะคะที่สำคัญทวิสทากับมาลัยแย่งกันแร็พได้เริ่ดสะเด่าสะเด็ดมากๆ อู๊ยยยยย ยิ่งกว่าแย่งกันเปียร์แชร์ ตามมาด้วย Circle (3/5) โอลด์สคูลพ็อพโซลบัลลาดที่ว่ากันตามตรงก็ต้องบอกว่าภาคดนตรีและเนื้อหาทั้งเชยและบ้านเอามากๆซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยให้หลายๆคนไม่ชอบเพลงนี้นะคะ แต่ส่วนตัวเดี๊ยนกลับชอบนะเหมือนกับได้ย้อนกลับไปมองมาลัยในยุคEmotionที่ดิบและไม่ปรุงแต่งหลายสิ่งจนเกินจริง สำหรับเดี๊ยนเพลงนี้ค่อนข้างฟังดูใช้ได้เลยทีเดียวอ่ะค่ะ ต่อด้วย Your Girl (2.5/5) แทร็คติดกัน น่ารักดีนะคะเพลงนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินเพลงนี้จากงานของมารายห์ แต่มันเสียตรงที่เจ๊เกินวัยไปแล้วล่ะสิจริงๆแล้วถ้าเพลงนี้ไปอยู่ในสองอัลบั้มแรกของเธอนี่น่าจะเหมาะกว่านี้มากโข พ็อพย้อนยุคติดกลิ่นอายโอลด์สคูลอาร์แอนด์บีอ่อนๆ โซลนิดๆร็อคจางๆและการนำเสนอแบบพ็อพยุค50-60กว่าๆ เฮ้อ เพลงออกมาโอเคเลยนะแต่ดันมาทำเพลงแก่นกระโหลกแตกเนื้อสาวแบบนี้เอาอีตอนเกือบๆจะสี่สิบ โถ ป้าเอ๊ยยยยยยช่างไม่เจียม
I Wish You Knew (3/5) บัลลาดที่คลุกเคล้าความเป็นพ็อพ โซลและคลุมทิศทางทั้งหมดด้วยสแตนดาร์ดแจ๊ซซ์ได้อย่างลงตัว แถมยังทำเก๋บันทึกเสียงแบบให้อารมณ์ร่วมผู้ฟังประมาณเข้าไปอยู่ในคอนเสิร์ตของเธอน่ะค่ะ เพลงนี้จริงๆแล้วเธอแต่งขอบคุณลูกแกะนะคะแม้จะโดนค่อนขอดว่าธรรมดาไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็นเพลงที่น่ารักและอบอุ่นดูเป็นกันเองมากๆเลยทีเดียว หาได้ไม่มากหรอกนะจากงานของมาลัยน่ะ มาที่ Stay The Night (4/5) เพลงที่เธอร่วมงานกับคานยี เวสต์นะคะผลลัพธ์ออกมาเป็นพ็อพอาร์แอนด์บีบนท่วงทำนองละเมียดละไมพริ้วๆหวานๆแบบโอลด์สคูลอาร์แอนด์บี เหยาะความเป็นโซลและบีทฮิพฮอพอ่อนๆไปนิดลงไปได้อย่างเหนือชั้น เป็นหนึ่งในเพลงที่มีชั้นเชิงที่สุดในงานชุดนี้เลยทีเดียว (ไม่ยักตัดเป็นซิงเกิ้ลอ่ะ ) ปิดท้ายด้วย Joy Ride (3.5/5) บัลลาดควมหมายดีๆที่ภาคดนตรียืนพื้นที่พ็อพบัลลาดผสานความเป็นกอสเพลและโซลบางๆ ไพเราะ น่ารักและอบอุ่นมากๆส่วนตัวชอบนะที่Signature Songของเธอเป็นบัลลาดเนื้อหาเยี่ยมขาวสะอาดบริสุทธิ์เรียบง่ายแต่ทรงพลังเนี่ย เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดให้เดี๊ยนและเชื่อว่าอีกหลายๆคนตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอฟังเพลงดีๆแบบนี้จากงานชุดต่อๆไปของเธอทุกอัลบั้มอย่างไม่ต้องสงสัย
สรุป
แม้ว่าอาจจะไม่ใช่งานที่ดีที่สุดที่เราได้รับจากเธอนะคะ แต่เชื่อว่า The Emancipation Of Mimi เป็นบทพิสูจน์ที่ดีว่าเธอเต็มที่เต็มกำลังและทุ่มเต็มศักยภาพอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นส่วนตัวสัมผัสได้ว่าเป็นงานที่เธอค่อนข้างเป็นธรรมชาติที่สุดที่ได้รับจากเธอ คือไม่มีการปรุงแต่งสิ่งใดมากเกินความเป็นจริงและแน่นอนไม่เบาโหวงปลงตกกับชีวิตอย่างงานชุด Charmbrecelet คือมันเป็นงานที่ทำให้รู้สึกว่านี่แหละเต็มที่ในความเป็นมารายห์ล้วนๆจริงๆซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะที่แฟนๆอย่างเราๆจะได้สัมผัสสิ่งที่ฝังรากลึกลงไปในจิตใจและสายเลือดของเธอซึ่งในที่สุดก็ถูกระบายออกมาสู่แผ่นซีดีเสียที นอกจากนี้งานชุดนี้ยังพาเธอหวนกลับสู่บัลลังก์ดิว่าได้อย่างสง่างามซึ้งเป็นบทพิสูจน์ที่ดีค่ะว่าเธอมีความสามารถ มีความพิเศษอยู่ในตัวจริงๆนอกเหนือจากเสียงดีและที่สำคัญสาธารณชนยังรักมารายห์ แครีย์คนนี้อยู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะตกไปค่อนข้างต่ำและแรงมากๆๆๆๆแต่วันนี้เธอก็สามารถพาตัวเองกลับสู่ความเป็นอัยดับหนึ่งจุดที่เธอควรจะยืนอยู่ตลอดกาลได้สำเร็จ อย่างว่าแหละค่ะ "คนมันจะเกิดมาเพื่ออยู่คู่วงการนี้ยังไงมันก็ต้องอยู่ไปให้รอดจนได้น่ะค่ะ" เพียงแต่ที่ตกไปก่อนหน้านี้อาจจะเป็นบทเรียนที่พระเจ้าประทานให้มารายห์คนนี้แกร่งขึ้นรวมถึงระลึกในสิ่งเลวร้ายที่ผ่านมาอยู่เสมอเพื่อที่จะดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทและก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างมั่นคงยิ่งๆขึ้นไป หวังว่าต่อจากนี้ไปทุกครั้งที่เราหันหน้ามามองบรรดาศิลปินแถวหน้าทั้งหลายจะพบเธอคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ยืนอยู่หน้าสุดทุกครั้งนะคะ มารายห์ แครีย์
แก้ไขล่าสุดโดย Da Nastina เมื่อ Thu Jan 17, 2008 5:13 am, ทั้งหมด 6 ครั้ง
_________________
