
V for Vendetta
กำกับ James McTeigue
แสดงนำ Natalie Portman, Hugo Weaving
แนว ทริลเลอร์ / ดราม่า
คะแนน 8 / 10
จงแปรสมการต่อไปนี้ : ถ้า ท่านผู้นำ เท่ากับ นายกฯ ทักษิณ, วี เท่ากับ สนธิ และ อีวีย์ เท่ากับ สโรชา ประชาชน เท่ากับอะไร ?
ถึงจะเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูน แต่ V for Vendetta กลับเข้มข้น จริงจังและหนักแน่น กว่าหนังเรื่องไหนๆ ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยว่าเรื่องราวของวีรบุรุษกู้ชาติผู้สวมหน้ากาก กาย ฟอคส์ไม่ใช่ซูปเปอร์ฮีโร่ที่ออกมาปราบเหล่าร้ายคืนสันติสุขให้ประชาชน แต่เขาเป็นผู้นำการปฏิวัติผู้กลายเป็นสัญลักษณ์อันส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของประชาชนให้ลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตนเอง
V for Vendetta พูดถึงอังกฤษในโลกอนาคตที่ถูกคุกคามจากไวรัสและถูกปกครองแบบเผด็จการภายใต้การนำของท่านผู้นำ ประชาชนถูกบังคับให้อยู่ในกรอบและขีดเส้นให้รับข่าวสารที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนด แต่การปรากฏตัวของบุรุษลึกลับสวมหน้ากากที่รู้จักกันในชื่อ วี ก็ได้สั่นคลอนความมั่นคงของรัฐบาลและปลุกกระแสต่อต้านที่ประชาชนได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ให้ลุกโชนขึ้น
หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำบุคคลในประวัติศาสตร์อย่าง กาย ฟอคส์ ผู้ซึ่งก่อรัฐประหารในยุคของกษัตริย์ เจมส์ที่หนึ่งของอังกฤษในยุคเข็ญอันเกิดจากการปกครองของทรราชย์ พร้อมกันนั้นก็เป็นการบอกคนดูให้รู้ถึงที่มาของหน้ากากที่ วี สวมด้วยเช่นกัน หนังไม่รอช้าที่จะแนะนำตัวละครหลักและสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง วี กับ อีวีย์ในทันทีแต่ด้วยบทพูดที่เยิ่นเย้อและมากความก็อาจทำให้ผู้ชมที่เป็นแฟน The Matrix ได้กลิ่นทะแม่งๆ ที่แสนคุ้นจากฉากวิศวกรใน Reloaded ไม่น้อย ความตั้งใจที่จะสร้างความประทับใจให้กับ วี ด้วยการให้เขาใช้คารมคมคายรุ่มรวยมากด้วยศัพท์แสงต่างๆ อาจกลายเป็นความน่าหมั่นไส้และชวนรำคาญไปแทน แต่ดูเหมือนผู้กำกับจะมองออกถึงจุดนี้ บทพูดช่วงหลังๆ ของวี ที่คงความสละสลวยไว้แต่ก็กระชับสั้นได้ใจความมากขึ้น
ความเข้มข้นของหนังอยู่ที่การเล่นกับจิตวิทยาของคนดูที่ชวนให้คนดูสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลำดับและค่อยๆ เปิดเผยความจริงของเรื่องไปที่ละตอน โดยเฉพาะความจริงที่ว่าวีได้ปลดปล่อยอีวีย์จากความกลัวของเธอเองนั้นกลายเป็นจุดผกผันที่คาดไม่ถึงและยังส่งผลต่อความรู้สึกของคนดูให้ได้คิดต่อไปว่าที่จริงแล้ววีใช้ประโยชน์จากอีวีย์เพื่อแก้แค้นส่วนตัวของเขาราวกับเธอเป็นโดมิโน่ตัวนึงหรือไม่ ฉากที่มีพลังมากๆ ของหนังที่ผมชอบมากคือฉากที่อีวีย์ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความกลัวท่ามกลางสายฝนที่ตัดสลับกับภาพวีที่ลุกขึ้นท่ามกลางไฟที่เผาผลาญ มันสะท้อนถึงแรงผลักดันที่นำไปสู่การแก้ปัญหาของทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด ที่ฝ่ายหนึ่งแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงดุจไฟที่ทำลายทุกอย่างจนมอดไหม้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้เลือกที่จะใช้น้ำเย็นเข้าลูบและปล่อยให้พลังมวลชนยุติปัญหาตามวิถีประชาธิปไตย
หนังแสดงให้เราเห็นว่า วี ก่อการด้วยความแค้นส่วนตัวของเขากับฝ่ายผู้นำ เขาชักจูงอีวีย์ซึ่งเป็นพลเรือนคนหนึ่งที่ถูกกดขี่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการให้หันมาเป็นฝ่ายเดียวกับเขา แต่เมื่อเธอได้รับรู้ความจริงที่เขากระทำต่อเธอ คำเชิญชวนที่หวานหอมของวีก็ไม่ต่างอะไรกับนโยบายลวงโลกของรัฐบาลเลย ยิ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาด้วยแล้ว
ฮิวโก้ วีฟวิ่งส์จากบทเอเย่นต์สมิธใน The Matrix ที่เขาทำได้อย่างเยี่ยมยอดแล้ว การแสดงโดยไม่ใช้สีหน้าของเขาเลยในเรื่องนี้ยิ่งยอดเยี่ยมกว่า เขาสามารถถ่ายทอดความวิปริต ความสับสนและความบ้าคลั่งของวีออกมาจากท่าทางและน้ำเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ นาตาลี พอร์ตแมนกับบทเข้มข้นของเธอในเรื่องนี้ก็ได้ให้เธอได้แสดงอารมณ์บีบคั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างมากเช่นกัน จะมีก็แต่การพูดสำเนียงอังกฤษแปร่งๆ ของเธอเท่านั้นที่ดูจะเทียบไม่ได้กับที่ แองเจลลิน่า โจลี่ หรือ เรเน่ เซลวีเกอร์เคยทำไว้
ตัวละครวีได้แรงบันดาลใจมาจาก กาย ฟอคส์ผู้ก่อรัฐประหารแต่ไม่สำเร็จ เขาถูกจับในอุโมงค์ที่เตรียมไว้เพื่อวางระเบิด หนังก็ซ้อนเหตุการณ์นี้ดัดแปลงเข้ามาในหนังด้วย วีได้ชำระแค้นของเขาในที่สุดแต่ก็ต้องสูญเสียด้วยเช่นกัน ฉากเปิดหน้ากากของท่านผู้นำกับนัยยะเรื่องหน้ากากที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของคนเรามาตลอดทั้งเรื่องมีพลังมากๆ ในฉากนี้
ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของหนังเห็นจะเป็นการขายหน้าหนังในแบบแอ๊คชั่นที่กะขายแฟน The Matrix แต่น่าจะทำให้คอหนังแอ๊คชั่นผิดหวังไปตามๆ กันแน่นอน เพราะหนังมาพร้อมบทและเรื่องราวที่เข้มข้นในแบบทริลเลอร์และมีดราม่าดีๆ อีกทั้งมุมมองต่างๆ ที่มือเขียนบทพี่น้องวาโชวสกี้ใส่เข้าไปยังคงเรื่องราวการต่อสู้ของคนกลุ่มเล็กๆ กับผู้มีอำนาจเบื้องสูงแบบเดียวกับ The Matrix อยู่แต่นี่ไม่ใช่หนังที่แฟนแอ๊คชั่นไซไฟจะเอนจอยแน่นอน
การปลุกระดมของวี อาจได้ผลตอบรับร้อยเปอร์เซ็นต์จากประชาชนภายใต้การปกครองแบบเผด็จการที่ล้วนเห็นด้วยและสะใจไปกับการกระทำอุกอาจของเขา แต่ใครจะพูดได้ว่าการก่อการร้ายและความรุนแรงคือทางออกในการแก้ปัญหา เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของการก่อการร้ายของวีก็เริ่มมาจากความแค้นส่วนตัวทั้งสิ้น หนังให้วีได้แสดงความเป็นฮีโร่อย่างแท้จริงในตอนจบที่ในที่สุดแล้วมันได้พิสูจน์ว่ารัฐบาลไม่ได้มีอำนาจปกครองประชาชน แต่อำนาจนั้นอยู่ในมือประชาชนต่างหาก บทสรุปของหนังทำให้วีกลายเป็นผู้ปลดปล่อยอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับการตัดสินใจของอีวีย์ที่แสดงให้เห็นว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ได้มาจากความรุนแรงหรือมาจากอคติ แต่มาจากเสรีภาพทางความคิดของประชาชน
บทวิจารณ์โดย VJ