
Jennifer Lopez : Brave : 3/5
รูปแบบเพลง
สูตรสำเร็จการทำดนตรีของเจโลในอัลบั้มนี้ยังคงยึดตามธรรมเนียมเดิมบนภาคดนตรีอาร์แอนด์บีพ็อพ ก่อนที่จะตบด้วยภาคดนตรีที่เข้ามาผสมผสานหลากหลายอาทิ แดนซ์ ฮิพฮอพ เวิลด์มิวสิค โอลด์สคูลและโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟั้งค์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างเด่นชัดและเป็นตัวแสดงเอกเกือบครึ่งค่อนอัลบั้ม นอกจากนี้ในบางแทร็คยังมีลูกเล่นการนำเสนอแบบมิวสิคคัลบรอดเวย์ บางแทร็คฉาบความเป็นโซลไล่ไปถึงกอสเพล บิ๊กแบนด์ยันดนตรีเต้นรำที่มีลูกเล่นทริพฮอพอ่อนๆหลอนๆ โดยภาพรวมการทำดนตรีทั้งอัลบั้มมีกลิ่นอายของสรรพสำเนียงดนตรีแบบฉบับยุค70โชยกลิ่นอายหอมหวนกระจายอย่ทั่วอัลบั้ม
จุดด้อย
ไม่ร้ว่าจะเริ่มกับหล่อนตรงไหนก่อนดีค่ะ ให้ตาย! ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าอัลบั้มชุดนี้พอมาสัมผสจริงๆมันออกมาดีกว่าที่เดี๊ยนคาดเดาไว้อย่างเลวร้ายในตอนแรกอยู่มาก แม้ว่าในการฟัง3-4รอบรกจะรู้สึกไม่ถูกหูและไม่โดนใจเท่ากับอัลบั้มที่ผ่านๆมาของคุณนายเธอ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อให้เวลากับรอบการฟังมากขึ้นส่วนตัวแล้วก็เห็นถึงพัฒนาการและชั้นเชิงในการนำเสนอหลายๆด้านที่สูงขึ้นของเจโล ที่สำคัญในแง่ของความแปลกใหม่ เรียกได้ว่าเปลี่ยนใจผู้ตัดสินในวินาทีสุดท้ายได้อย่างหวุดหวิดน่ามหัศจรรย์ สำหรับข้อด้อยที่เห็นได้ชัดในส่วนของตัวเพลงสำหรับเดี๊ยนคิดว่าน่าจะเป็นในส่วนของ "เอกภาพ" จริงอยู่ค่ะที่เธอมีพัฒนาการ ยอมรับค่ะว่ามีการนำเสนอที่แปลกใหม่น่าสนใจกว่างานชุด่ก่อนๆอยู่บ้างแต่ในส่วนของการเรียบเรียงและควมลงตัวของภาคดนตรีของภาคดนตรีในบางแทร็คคิดว่ามันยังไม่ได้ออกมาเนียนอย่างถึงที่สุดเลยก่อให้เกิดอารมณืที่ไม่เข้าหูคนฟังอยู่บ้างอย่างที่ได้กล่าวไป แต่ส่วนตัวแล้วเดี๊ยนรู้สึกว่าอัลบั้มนี้เป็นเหมือนกับงานคลำทางไปสู่การนำเสนอภาคดนตรีใหม่ๆในอัลบั้มต่อไปของเจโล ตั้งนั้นในแง่ของการเป็นสะพานที่เชื่อมไปสู่สิ่งที่อาจจะดีกว่างานชุดนี้ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายเกินจะรับนักเพียงแต่ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกแบบเดี๊ยนมั้ยว่า ความทรงพลังในตัวของเจโลเธอลดลงอย่างน่าใจหายเอามากๆจากชื่อที่เปรี้ยวเก๋เป็นที่น่าจับตาอยู่ตลอดเวลา ในขณะนี้อะไรที่พ่วงด้วยชื่อของเจโลกลายเป็นอะไรที่โคตรจะน่าเบื่อและเอ๊าท์ไปแล้วเกือบทุกสิ่งอย่าง แล้วแบบนี้จะมีสักกี่คนล่ะคะที่สนใจจะเปิดใจฟังงานชุดนี้อย่างจริงจังมากกว่าจะวิ่งเข้าไปหาตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่า เด่นกว่า เก๋กว่า แรงกว่าและอินเทรนด์กว่าอย่างบียอนเซ่หรือริฮานน่า เป็นต้น
อีกประเด็นหนึ่งในเรื่องของตัวเพลงที่แม้ว่าพอกล้อมแกล้มหลับหูหลับตายัดเข้าหมวดคุณภาพได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงถ้าคุณไม่มาตรฐานสูงเกินไปนักแต่ในหมดของความเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางนี่เดียนไม่แน่ใจว่าจะเข็นกันไหวรึเปล่า กล่าวคือเพลงที่จัดว่าดีก็มีหลายเพลงนะคะสูตรสำเร็จเพราะติดหูก็มีเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเพลงโจ๊ะๆเอาใจตลาดเดิมก็ยังมีอยู่แต่มันติดอยู่จุดเดียวที่ตัวศิลปินว่าจะยังหลงเหลือพลังพอที่จะนำความดีในเนื้องานนี้เสนอออกไปให้เป็นที่สนใจและกล่าวถึงอ่างกว้างขวางแก่สาธารณชนในวงกว้างและระยะยาวอย่างที่เคยทำได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ผลก็ออกมาแล้วว่าไม่ได้ หึหึหึ ก็กล่าวสรุปแบบใจร้ายเลยนะคะว่าเราคงต้องยอมรับกันว่าวินาทีนี้ถือเป็นช่วงที่ตกต่ำในอาชีพศิลปินของเธอแล้วซึ่งถือว่าอันตรายพอสมควรนะคะต่อการดับสนิทในอนาคต อีแบบนี้เดี๊ยนว่าอัลบั้มหน้าถ้าจะให้ดีเจโลคงต้องงัดสูตรเดิมๆแบบแดนซ์กระจายหรือฮิพฮอพอาร์แอนด์บีแรงๆรวมถึงต้องงัดกลยุทธ์ทางการตลาดแบบทั้งสกปรกทั้งโปร่งใสแบบที่เจ๊ทำอย่างแพรวพราวในอดีตประโหมประโคมเข้าสู้กับมวลชนแล้วล่ะค่ะถ้ายังอยากคิดจะกลับมาเกิดเหมือนเดิมแต่ถ้าจะลองดันทุรังสู้ต่ออีกซักยกกับการโชว์พัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีใครห้าม ว่าแต่เธอจะทำได้แบบที่มาดอนน่า ไคย์ลีย์หรือมารายห์ แครีย์ทำได้รึเปล่าล่ะกลับมาจากจุดต่ำสุดด้วยงานระดับสูงน่ะถ้าโชคดีทำได้ก็เป็นตำนานไปแต่ถ้าทำไม่ได้ก็คงต้องทำใจนะคะว่าสายป่านของเธอในอุตสาหกรรมใกล้จะขาดเต็มทน เพราะเนื่องจากทั้งปรุงแต่ความฉาบฉวยทั้งงัดคุณภาพมาขายไปยันนั่งกินบารมีเก่ามา2-3อัลบั้มแล้วชาวบ้านร้านช่องยังไม่สนใจงานของเธอ เอาเป็นว่ารีบทำอะไรก่อนที่พาวเวอร์และเครดิตซูเปอร์สตาร์แถวหน้าจะหมดลงจนเหลือแต่จิ๋มกับรอยยิ้มเฉกเช่นเดียวกับป้าลิงดำเจเน็ตที่งานดีฉิบหายแต่ตลาดเชิ่ดใส่นั่นแหละค่ะ
ป.ล. หน้าปกเสร่อเสียสถาบันมากๆเลยค่ะ
ซิงเกิ้ล
Do It Well (3.5/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวในแบบฉบับพ็อพอารืแอนด์บีเต้นรำที่ผสานผสานความเป็นฟั้งค์ เรโทรและฮิพฮอพลงสู่ตัวเพลงได้อย่างลงตัวเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถในการทำเพลงเต้นรำของเธออีกหนึ่งคำรบว่า "ไม่แพ้ใครหน้าไหนเช่นกัน" ตัวเพลงแซมเพิ่ล Keep On Truckin' ของเอ็ดดี้ เคนดิคในปี1973ได้อย่างลงตัว โอเคค่ะ คือภาพรวมทุกอย่างที่ออกมาของเพลงนี้จัดว่าอยู่ในระดับที่ลงตัวไปเสียหมดฟังเพลินฟังมันส์แดนซ์กระจายแต่ก็ยังไม่ถึงกับขั้นเหนือชั้นหรือน่าประทับใจเท่ากับเพลงเต้นรำก่อนๆของเธอ ฟังครั้งแรกของยอมรับค่ะว่ากรี๊ดกร๊าดมาก (ไม่เชื่อถามเจ๊นาโอว่านั่งแชตไปนั่งกรี๊ดกันไปเพราะไปความเริ่ด) แต่พอเข้ารอบที่7-8นี่ความเก๋กลับกลายเป็นเบื่อและเอียนกับการนำเสนอแบบเดิมๆของเจโล ขนาดเอามุขเดิมๆที่ใช้ภาพลักษณ์แดนซ์ซิ่งดิว่าล่อกะเทยมาดันตัวเพลงยังไม่ค่อยกระเตื้องเลยอีเจ๊
Hold It Don't Drop It (2/5) ซิงเกิ้ลที่สอง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกือบจะได้เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวแล้วนะคะก่อนที่ต้นสังกัดจะเห็นเงามรณะแล้วเปลี่ยนบทให้กลายเป็นคลับซิงเกิ้ลก่อนที่จะหน้ามืดจับตัดเป็นซิงเกิ้ลซะในที่สุด (เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแท้ๆ) ตัวเพลงยืนทีโอลด์สคูลแดนซ์พ็อพอาร์แอนด์บีผสานฟั้งค์กี้ย์ คลับแดนซ์ เรโทรดิสโก้ยุค70ก่อนจะตบด้วยความเป็นบิ๊กแบนด์แบบโมทาวน์ปิดท้าย เรียกได้ว่าใส่ใจที่ความหลากหลายและปรุงแต่งรายละเอียดทางดนตรีได้อย่างน่าชมแต่เมื่อมาชนกับเสียงคุณนายเธอแล้วกลายเป็นระเนระนาดไม่มีชิ้นดีเลยทีเดียว เหลาได้แหลมแยงโสตประสาทมากไหนจะมาเจอกับภาคดนตรียุ่บๆยั่บๆนี่เข้าขั้นจลาจลย่อยๆเลยทีเดียว ขนาดออริจินัลอย่างอีอเมรีหรืออีบทำออกมายังโดนด่าและเจ๊ทำออกมาแย่กว่าเขานี่คิดดีแล้วเหรอคะว่าจะรอดไปง่ายๆ
แทร็คอื่นๆ
เริ่มที่ Stay Together (3.5/5) แทร็คเปิดอัลบั้ม เพลงอาร์แอนด์บีเต้นรำฉาบกลิ่นเรโทรแบบพ็อพเต้นรำยุค70ติดกลิ่นฟั้งค์กีย์เท่ห์ๆ โอลด์สคูลฮิพฮอพ โซลจางๆและกลิ่นเวิลด์มิวสิคอ่อนๆช่วงท้ายเพลง (อีเจ๊นี่ก็อปแม้กระทั่ง Jamiroquai แบบเห็นได้ชัดเลยนะคะ) มันส์สุดในอัลบั้มแล้วค่ะส่วนตัวเห็นว่าเป็นหนึ่งในแทร็คที่ดีที่สุดและศักยภาพสูงพอที่จะตัดเป็นซิงเกิ้ลได้เลย เปิดตัวสวยเกินคาดนะอีเจ๊ ตามมาติดๆกับ Forever (3/5) เด็ดดวงไม่แพ้กัน พ็อพแดนซ์ติดกลิ่นอาร์แอนด์บี ละทินตามด้วยอารมณ์เวิลด์มิวสิคกลิ่นภารตะพื้นเมืองอ่อนๆระบายลงบนความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เข้าทางอีเจ๊แกสุดๆล่ะค่ะเสียอย่างเดียวว่าอีมุขนี้นี่มันออกจะล้าเกินไปแล้วสำหรับการทำดนตรีในยุคนี้นะคะ มาที่ Gotta Be There (2.5/5) นำเสนอในรูปแบบของโอลด์สคูลพ็อพโซลยุค70เหยาะความเป็นฟั้งค์ อาร์แอนด์บีและเต้นรำอ่อนๆคลุมบนสรรพสำเนียงการร้องแบบอาร์แอนด์บีฮิพฮอพที่ค่อนข้างร่วมสมัยของเจโลเอง ถึงแม้ว่าภาพรวมจะออกมาดูยุ่งเหยิงและประดักประเดิดไปนิดแต่เก๋ดีนะคะที่กล้าฉีกมาลองอะไรใหม่ๆ ต่อด้วย Brave (4/5) ไทเทิ่ลแทร็ค ต๊ายยยยยยยย เริ่ดใช้ได้เลยค่ะ อัพเทมโปพ็อพอาร์แอนด์บีที่การดำเนินเรื่องไหลลื่นไปพร้อมๆกับจังหวะจะโคนเต้นรำจางๆผนวกกับภาคการนำเสนอแบบคอนเทมโพลารีย์ที่ติดลูกเล่นความเป็นกอสเพลและโซลในรูปแบบเรียบๆแต่แฝงด้วยความทรงพลังและอลังการไว้ลึกๆ อาจจะไม่ใช่แทร็คที่ถูกหูแต่ส่วนตัวแล้วขอยกให้เป็นแทร็คที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีที่เด่นชัดของเจโลเลยทีเดียว
Mile In These Shoes (3/5) 555555 ฟังแล้วขำว่ะ โอ๊ยยยย หลอนมากอีเจ๊แต่เปรี้ยวอยู่นะ ตัวเพลงยืนพื้นที่แดนซ์พ็อพแล้วต่อยอดไปสู่ทริพฮอพหลอนๆจางๆ อาร์แอนด์บี อินดี้พ็อพติดโลไฟอ่อนๆ ฟังครั้งแรกนี่พูดไม่ออกค่ะแปลกสุดในชีวิตการทำงานเจ๊แล้วล่ะ แทร็คถัดไป The Way It Is (3/5) อาร์แอนด์บีใสๆเพราะๆ ฟังเพลินและให้ความรู้สึกอบอุ่นๆมากๆ หาไม่ได้ง่ายๆนะจากงานเพลงของเธอ ต่อด้วย Be Mine (2.5/5) กับ I Need Love (2/5) สองแทร็คฟังเพลินๆ ที่ส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไรโดดเด่นให้หยิบจับมาพูดถึงมากนัก เว้นแต่ความเพราะติดหูฟังง่ายที่น่าจะถูกใจผู้ฟังหลายคนไม่มากก็น้อยอยู่ มาที่ Never Gonna Give Up (4/5) สุดยอดค่ะขึ้นต้นมาในรูปแบบมิวสิคคัลบรอดเวย์ไฮโซสุดฤทธิ์ ก่อนจะเดินตามธรรมเนียมพ็อพอาร์แอนด์บีสวยๆที่ภาคดนตรีประณีตเหนือระดับกว่าหลายๆแทร็คของเธอหนึ่งช่วงตัว ที่สำคัญที่สุดเป็นแทร็คที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีหลายๆด้านของเจโลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การใช้เสียง" ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าเธอถ่ายทอดออกมาได้มีมิติและลูกเล่นที่เหนือชั้นกว่าเดิมขึ้นมากๆ ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจเนื่องจากไม่เคยคาดหวังที่จะได้ยินดนตรีระดับนี้จากเจโล
ปิดท้ายด้วย Wrong When You're Gone (3.5/5) เพียโนบัลลาดที่ครบสูตรความไพเราะทั้งภาคเนื้อหา การเรียบเรียงดนตรีและที่สำคัญเสียงร้องซึ่งถือว่าเป็นจุดที่เด่นที่สุดที่ยกระดับให้เพลงนี้เดินมาถึงจุดที่เรียกว่า "น่าประทับใจ" เลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้ทรงพลังบาดใจเท่ากับบัลลาดของบรรดาเสียงทองคำอย่างมารายห์ วิทนีย์ คริสทิน่าหรือบียอนเซ่ แต่ก็ต้องคำนับในพัฒนาการของเธอที่สูงขึ้นมากๆอย่างเห็นได้ชัดจนสามารถตีโจทย์เพลงแตกรวมถึงเอื้ออำนวยต่อศักยภาพของเธอให้เนื้องานออกมาอยู่ในระดับที่สูงที่สุดของมาตรฐานความเป็นเจโล เริ่ดมาก
สรุป
พัฒนาการกับศิลปินที่ดีเป็นของคู่กัน โดยส่วนตัวเดียนดีใจนะคะที่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าเธอพยายามอย่างมากในการพิสูจน์ตัวเองรวมถึงมีความก้าวหน้าให้เห็นเด่นชัดจริงๆแม้ว่าในแง่ของความสำเร็จอาจจะหยิบขึ้นมาอวดอ้างในแบบงานก่อนๆไม่ได้ก็ตาม ก็ส่วนตัวขอเป็นกำลังใจให้เจโลสามารถฝ่าฟันศึกในครั้งนี้ไปด้วยดีนะคะซึ่งไม่ใช่ศึกที่เธอจะต้องรบกับศิลปินท่านอื่นหรือคุณภาพของเนื้องวานตัวเธอเอง หากแต่เป็นการจุดประกายศรัทธาและความสนใจจากมวลชนที่ก่อนหน้านี้เคยผลักให้เธอขึ้นไปยืนเป็นศิลปินหญิงเบอรืหนึ่งของวงการมาแล้วให้มันกลับมาให้ได้อีกครั้ง โดยที่ไม่ได้มาจากการสร้างกระแสหรือความฉาบฉวยทางการตลาดแบบก่อนแต่ขอให้มาจากพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งและศักยภาพที่ฝังลึกอยู่ในตัวเธอ ซึ่งจะนำพาเอก้าวกลับสู่ความเป็นศิลปินคุณภาพ ดิว่าและบุคลากรแถวหน้าของวงการเพื่อลบล้างข้อครหาที่โลกมอบให้แก่เธอมานานแสนนาน ขึ้นอยู่กับตัวเธอทั้งนั้นแล้วล่ะค่ะว่าจะระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมาสู่สายตาสาธารณชนให้เห็นว่าเธอมีดีจริงๆได้รึเปล่า นะคะ เจนนิเฟอร์ โลเพซ
แก้ไขล่าสุดโดย Da Nastina เมื่อ Tue Jun 03, 2008 10:01 am, ทั้งหมด 5 ครั้ง
_________________
