
Tahiti 80 : Fosbury : 4/5
รูปแบบเพลง
หลายแทร็คในอัลบั้มยังคงยืนพื้นอยู่ที่เสน่ห์ของความเป็นเฟรนซ์พ็อพและอินดี้ในแบบฉบับของ Tahiti 80 ผสานความเป็นโอลด์สคูลพ็อพย้อนยุคเจือกลิ่นอายโซลลอยละล่องในบางแทร็คก่อนจะต่อยอดสูความเป็นทริพฮอพ ดิสโก้ เรโทร ฟั้งค์กี้ย์ ซินธ์พ็อพ อิเล็คโทรแดนซ์พ็อพและดาวน์เทมโพที่แทรกรสชาติซึมอยู่ในหลายๆแทร็ค นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจคือพัฒนาการในเรื่องของการเล่นกับบีทกลองที่เร้าใจและหนักแน่นขึ้นในเพลงเต้นรำหลายๆแทร็คจนติดกลิ่นฮิพฮอพเป็นสรรพสำเนียงเท่หืๆซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่พอตัวในงานของT80จากงานชุดก่อนๆเท่าที่เคยสัมผัสมาเลยจริงๆ
จุดด้อย
ส่วนตัวยังรู้สึกว่าบางแทร็คยังมีอารมณ์ที่ฟังยากอยู่ซึ่งหาใช่ฟังยากจากภาคดนตรีล้ำลึกไม่หากแต่เป็นความฟังยากจากความไม่ลงตัวของภาคดนตรีที่อัดแน่นไปด้วยโครงสร้างที่ข้นคลั่ก ความบ้าพลังและองค์ประกอบทางภาคดนตรีอันแสนจะยิบย่อยจนถึงซับซ้อนวนไปวนมายิ่งช่วงครึ่งหลังของอัลบั้มนี่ในรอบการฟังแรกๆขอสารภาพว่าจัดเป็นการฟังชนิดแบบผ่านมาผ่านไปเลยทีเดียว (เพลงน่ารักแต่ก็น่าเบื่อถึงขนาดนั้นได้คิดเอา) ไม่ใช่ว่าเพลงไม่เพราะเพียงแต่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงสีสันในบางแทร็คที่ควรจะมีให้ผู้ฟังหยิบจับได้มากกว่าที่ได้ยินอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อสามารถปรับความคาดหวังลงมาได้บ้างส่วนตัวแล้วได้สัมผัสถึงความสวยงามหลายสิ่งที่แฝงอยู่ในงานชุดนี้มากกว่าความน่ารักและความหวานใสที่แค่สัมผัสได้จากการฟังผิวเผินเบื้องต้น ซึ่งเป็นสิ่งนามธรรมที่มีค่าทางจิตใจซึ่งหาไม่ได้จากอัลบั้มที่ฟังแล้วประทับใจม้วนเดียวจบในะยะเวลาสั้นๆไปจนถึงอัลบั้มของศิลปินคนโปรดของเดี๊ยนแต่ไม่เคยสัมผัสสิ่งพิเศาดังกล่าวได้แม้แต่นิดเลยทีเดียว
ซิงเกิ้ล
Changes (5) ซิงเกิ้ลแรกที่ภาพรวมยังคงสามารถรักษาเสน่ห์และเอกลักษณ์ของภาคดนตรีสร้างชื่อโดยยืนพื้นที่ความเป็นเฟร้นซ์พ็อพสวยๆก่อนที่จะหยิบเอากลิ่นอายของความเป็นซล โอลด์สคูล ดิสโก้ ทริพฮอพ เฮ้าส์และอิเล็คโทรแดนซ์-พ็อพประโลมลงไปได้อย่างมีชั้นเชิงแถมยังทำเก๋หยอดบีทและสรรพสำเนียงฮิพฮอพลงไปให้กรี๊ดกันเล่นๆอีกต่างหาก ผลลัพธ์ออกมาเป็นเฟร้นซ์พ็อพเต้นรำน่ารักๆที่ทรงพลังทั้งในด้านเนื้อหาและสมบูรณ์แบบทางภาคดนตรีอย่างหาตัวจับยาก สมควรอย่างยิ่งแก่การเป็นซิงเกิ้ลแรกโดยไร้ข้อกังขา
แทร็คเด็ด
เปิดอัลบั้มได้สวยมากๆกับ Big Day(5) แทร็คที่ได้รับเลือกให้ไปสิงสถิตย์อยู่ในเกมส์ฟุตบอลฟีฟ่า2007โดยตัวเพลงยืนพื้นที่เฟรนซ์พ็อพเต้นรำที่เจิดจรัสบนท่วงทำนองโอลด์สคูลพ็อพเต้นรำผสานบีทอิเล็คโทรนิคเจือความเป็นซินธ์พ็อพ ฟั้งค์กี้ย์อ่อนๆและดิสโก้สวยๆที่ประดังกันมายกระดับภาคดนตรีให้มีความอลังการมากๆ ส่วนตัวขอยกให้เป็นมาสเตอร์พีซของงานชุดนี้ ต่อด้วย Here Comes... (4/5) อินดี้พ็อพเจือกลิ่นอายเต้นรำจังหวะกลางๆและคงวามเป็นดาวน์เทมโพเนิบนาบผสานความเป็นฮิพอพและร็อคด้วยบีทกลองกับกีตาร์หนักๆก่อนจะตบด้วยโพรแกรมมิ่งซินธ์พ็อพ ชิลล์เอ๊าท์และความเป็นเวิลด์มิวสิคแสนทรงเสน่ห์แล้วหักทุกสิ่งทุกอย่างลงด้วยกีตาร์อคูสติคละเมียดละไม ภาคดนตรีงดงามจับใจมากเลยทีเดียวค่ะแต่มองในแง่ลบก็ถือว่านี่เป็นตัวอย่างของความไม่ลงตัวจนรกรุงรังและความมากเกินพอดีจนกลายเป็นแต้มเสียอยู่บ้างนะคะ แทร็คถัดไป Your Love Shine Feat.Linda Lewis (3.5/5) ที่ร่วมงานกับลินดา ลูอิสตัวเพลงเป็นพ็อพเต้นรำเจือบีทอเล็คโทรนิคตึ้บๆผสานโพรแกรมมิ่งฟั้งค์กี้ย์เก๋ๆปะทะบีทฮิพฮอพบินว่อนทั่วเพลง ส่วนตัวเห็นว่าฟังง่ายสุดในงานชุดนี้แล้ว
Something About You Girl (4/5) เพราะมากๆค่ะเพลงนี้ โอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีช้าๆผสานทริพฮอพหวานๆเจือดาวน์เทมโพหอมหวนก่อนจะตบหนักๆด้วยกลิ่นอายโซลจางๆลอยละล่อง เป็นหนึ่ในแทร็คที่ชอบที่สุดของงานชุดนี้เลยทีเดียว มาที่ Matter Of Time (3.5/5) พ็อพจังหวะกลางๆติดกลิ่นของบีทเต้นรำแบบเรโทรยุค70-80เมโลดี้ติดหูชะงักตั้งแต่รอบแรกที่ฟัง ส่วนตัวประทับใจกับภาคเนื้อหาที่สะท้อนโลกทัศน์ในการดำเนินชีวิตของเดี๊ยนได้อย่างชัดเจนที่ว่า "Life Is A Test.It Can Be Tough But I'm Doing My Best.It Takes Some Time And A Lot Of Stress But I'm Finding My way." โดนมากกกกกกกกก!!! นั่นน่ะชีวิตแนสทิน่าเลยนะคะ หึหึหึ แทร็คถัดไป King Kong (4.5/5) ชื่อเพลงแลดูน่าด่านะคะแต่เนื้อในนี่บริสุทธิ์จนเข่าอ่อนยวบไปเลยทีเดียว ตัวเพลงยืนพื้นที่ความเป็นทริพฮอพหวานๆลอยละล่องผสานชิลล์เอ๊าท์ โซล ดาวน์เทมโพและบีทเต้นรำแบบอิเล็คโทรนิคเป็นแบ็คกราวนด์จางๆเข้ามาขับขานภาคเนื้อหาเริ่ดๆได้อย่างเหนือชั้น ฟังแล้วหลุดลอยไปอีกโลกหนึ่งเลยเพราะมากๆ
ปิดท้ายโซนแห่งความประทับใจด้วย Take Me Back (4.5/5) กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ต๊ายยยยยย!!!!!!ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะได้ยินพ็อพโฟล์คอินดี้ผสานร็อคจางๆในแบบฉบับกลิ่นอายยุค60-70จัดๆจากวงนี้ด้วยจัดว่าเป็นอะไรที่แปลกหูเกินจะสรรคำมาบรรยายเมื่อเทียบกับเพลงเต้นรำหลายๆแทร็คที่ค่อนข้างจะซับซ้อน โฉ่งฉ่างมาด้วยชั้นเชิงและรายละเอียดแต่พอมาได้ยินเพลงที่โครงสร้างแลบะการดำเนินเรื่องเรียบง่ายขนาดนี้ก็กลับรู้สึกว่าเข้ากันได้อย่างกลฃมกล่อมกับภาพรวมของอัลบั้มได้ดีไปอีกแบบ น่าเสียดายที่ทำมาแค่เพลงเดียว
สรุป
หากฤดูฝนนี้คุณต้องการอัลบั้มที่จะพัดพาเมฆหมอกอันอึมครึมและความหมองหม่นมืดมิดต่างๆให้อันตรธานหายไปจากจิตใจแล้วแทนที่ด้วยบบรยากาศที่สดใสสวยงามด้วยอิทธิพลจากดนตรีที่สุดแสนจะน่ารักและเปี่ยมไปด้วยความสุขทุกตัวโน๊ตแล้วล่ะก็ ลองหยิบFosburyชุดนี้มาทำความรู้จักหน่อยสิเชื่อว่ามันจะสร้างฤดูที่แตกต่างให้เกิดขึ้นในใจของคุณได้ท่ามกลางบรรยากาศอันอึมครึมหนาวเหน็บมืดหม่นและเย็นชารอบๆตัวในฤดูแห่งโลกความเป็นจริงนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Da Nastina เมื่อ Sat Jul 12, 2008 1:31 am, ทั้งหมด 5 ครั้ง
_________________
