พอเหวี่ยงข้าวของลงบนเตียงเรียบร้อย รสสุคนธ์ก็เกิดอาการผิวหนังแห้ง หายใจไม่ออกขึ้นมาอีก
ตามธรรมชาติของสัตว์หายใจทางผิวหนัง
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ตลอดระยะเวลาที่พักร่วมกัน เดี๊ยนจะเห็นมันอาบน้ำวันละ 4-5 รอบ
และปริศนา น้ำมันงา ลึกลับที่มันพกมาด้วยก็กระจ่าง
เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดลงพร้อมกับเรือนร่างเปลือยเปล่าของรสสุคนธ์ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ
หล่อนนั่งลงที่เตียง ยกขาขึ้นไขว่ห้าง หยิบขวดลิโพฯ เก่าๆ จากในกระเป๋า ฉลากเลือนจนมองเห็นเครื่องหมาย ชู 2 นิ้ว ไม่ชัดเจน
นั่นคือน้ำมันงาที่เดี๊ยนคิดว่ามันจะเอามาทำอาหารนั่นเอง
รสสุคนธ์เปิดขวดแล้วเทน้ำมันสีช้ำเลือดช้ำหนองบนฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ละเลงลงบนผิวหนังตะปุ่มตะป่ำของหล่อน
หล่อนเชิดปากน้อยๆ ปรือตาทำท่ายั่วยวนเซ็กซี่ขณะลูบไล้ขาสั้นๆ ป้อมๆ ไปพลาง
เหมือนฉากที่ เดมี่ มัวร์ ทาซันแทนใน ชาลีแองเจิล ฟูลทร็อตเทิล
แต่เดี๊ยนเห็นแล้วนึกถึงภาพพ่อครัวกำลังทาซีอิ๊วน้ำส้มลงบนหนังหมูหันมากกว่า
“กูต้องรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ จะได้แลกเปลี่ยนออกซิเจนได้สะดวก” รสสุคนธ์อธิบายเพื่ออะไร เดี๊ยนไม่ได้อยากรู้ซักหน่อย
“เหรอจ๊ะ มิน่าล่ะ ผิวรสสุฯ ถึงส๊วยสวย” เดี๊ยนกัดริมฝีปากพูด
“มึงก็ควรเลิกใช้คาเวียร์แล้วเปลี่ยนมาใช้น้ำมันงาเหมือนกูนะ เพราะคาเวียร์มีคลอเรสเตอรอลสูง ทามากๆแล้วอ้วน”
แล้วทัวร์ใน อ. ปาย ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากกะเทยอาบน้ำอาบท่า แต่งหน้าทำผมกันเสร็จแล้ว
รสสุคนธ์กับเดี๊ยนปรึกษากันว่า ครั้นจะให้พวกเราใส่ส้นสูงเดินสำรวจไปทั่วเมืองก็คงไม่ไหว
กลับกรุงเทพพอดีกล้ามน่องขึ้นเป็นกะเทยนักมวย ไม่ต้องใส่ชุดค็อกเทลกันอีกเป็นแน่ เราจึงตัดสินใจที่จะเช่ารถขับกันในเมือง
เมื่อ เดินไปสอบถามที่อินฟอร์เมชั่นของรีสอร์ตที่เราพักอยู่ เพื่อถามหาเต็นท์เช่ารถยุโรปอย่าง มินิโรเวอร์ มินิคูเปอร์S หรือ ไดฮัทสุมิร่า
แต่คำตอบที่ได้รับ เพื่อนๆ ขา ไม่น่าเชื่อ
ที่นี่มันเป็นแหล่งท่องเที่ยวภาษาแตดอะไร เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเหรอคะ ทำไมไม่มีบริการรถเช่า เดี๊ยนรับไม่ได้ ต่ำมาก บ้านนอกที่สุด
ทีนี้ ไอ้ครั้นจะให้ไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์มาขี่ ทั้งเดี๊ยนและอีรสต่างก็ขี่ไม่เป็นทั้งคู่ ก็เหลือทางเลือกสุดท้ายคือ จักรยาน
จักรยานที่ทางรีสอร์ตจัดเตรียมไว้ให้แขกผู้มาพักเช่า มีเหลือทั้งหมด 6 คัน
4 คันเป็นจักรยานภูเขาที่เรียกว่า เสือหมอบ ส่วน 2 คันที่เหลือเป็นจักรยานแม่บ้าน แบบที่มีตะกร้าจ่ายกับข้าวนั่นแหล่ะค่ะ
จักรยานภูเขาโครงกลางรถมันจะสูง ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา 2 คนขาคร่อมไม่ถึง เวลาขี่ก็ไม่สะดวก เพราะกระโปรงจะเปิด
ดังนั้นกะเทยจึงเลือกจักรยานแม่บ้านแทน
จักรยานลายคิตตี้สีชมพูพื้นดำของรสสุคนธ์
จักรยาน ลายคิดตี้เช่นกัน คันนี้ของเดี๊ยน อีแม่เย็ด โคตรแม่อีเจ้าของรีสอร์ตโดนอีคิตตี้เย็ดมาเหรอคะ ฝังใจซื้อแต่จักรยานคิตตี้ไว้ให้เช่า!!
แต่ละตัวหนังหน้าเข้ากับจักรยานมากๆ อีสัตว์
เราปั่นตุปัดตุเป๋กันไปจนถึงสี่แยก สัญชาตญาณหีก็สั่งให้อีรสเลี้ยวไปจอดยังร้านอาหารตรง just beyond the traffic ทันที
แล้วเราก็พบว่า พี่เจ้าของร้านหล่อม๊าก น่าแดกที่สุด ที่สำคัญ ตั้งชื่อร้านไว้เหมือนเป็นเนื้อคู่กับกูสองคน อีดอก
ป้ายร้านสวยงามน่ารัก ‘แมวชมภู’
แต่กะเทยฉลาดๆ อยู่ได้ด้วยข้าว ไม่ได้อยู่เพราะควย อีรสจึงสั่งอาหารมาทานเป็น ข้าวซอย และ ไข่กระทะแมวชมพู
ใจจริงเดี๊ยนอยากแดกไข่และควยแดงๆ ของเจ้าของร้านมากกว่า ไม่รู้จะสั่งเหี้ยอะไรก็เลยสั่งเหมือนอีรส
ยอมรับว่าทางร้านของพี่รูปหล่อเสิร์ฟอาหารมาน่าแดกมากๆ แต่รสชาติก็งั้นๆ แหละ
ข้าวซอยหมู ซึ่งตอนที่ถ่ายรูปมันดูไมท่น่ากินแล้ว เพราะอีรสไปกวนๆ หาแมลงอะไรไม่รู้
รสชาติก็โอเค แต่ราคากูไม่โอเค ตั้ง 40 บาท อีเหี้ย
ไข่กระทะ แถมโทสต์มาหนึ่งชิ้น เนยเหลว (กูไม่เข้าใจ มันจะเอาเนยไปเวฟด้วยทำไม) ราคา 60 บาท
สรุปมื้อเช้าเราแดกกันไปคนละ 100 กว่าบาทโดยประมาณ
ถ้าไม่นับค่าอาหารตาที่เดี๊ยนแอบดูควยพี่เจ้าของร้าน เดี๊ยนเอาขี้ไปปาหลังคาร้านแล้ว แพงชิบหาย กูอยู่กรุงเทพแดกแค่มื้อละ 15 บาท
รับประทานอาหารเสร็จสรรพ หัวหน้าทัวร์ก็ออกไอเดียว่าบ่ายนี้ เราจะขี่จักรยานคิตตี้ไปสะพานแม่น้ำปาย ไปชื่นชมประวัติศาสตร์สงครามโลก
สะพานที่ว่านี้ ก็คือที่ที่กะเทยโดนเอามาปล่อยไว้เมื่อเช้า อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลนั่นเอง
อีช้างเย็ด!! แล้วเมื่อเช้าทำไมมึงไม่คิดจะเดินดูซะก่อน จะรีบแหกหีเข้าเมืองมาทำไม
แต่เดี๊ยนไม่อยากทำตัวน้อยเรื่อง ก็เออออห่อหมกไปกับมัน อยากจะไปไหนก็เชิญนำกูไป อีสัตว์!!
ว่าแล้วก็เทยก็พากันปั่นจักรยานคิตตี้จากหน้าร้านแมวชมภู มุ่งไปตามถนน แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่
ปั่นไปแค่กิโลเดียวกะเทยก็หอบแล้วค่ะ อีห่า อายุอานามก็จะ 40 กันแล้วยังไม่เจียมสังขารอีก
แค่ขึ้นเนินสะพานกะเทยก็ต้องจอดแล้วใช้วิธีเข็นรถเอา เป็นที่น่าเวทนาของผู้พบเห็นยิ่งนัก
เพราะนอกจากจะแก่แล้ว หน้าตายังไม่เข้ากับจักรยานอีก
แม่น้ำปายจากสะพานที่กะเทยเข็นรถผ่าน สวยเหี้ยๆ เหมือนแม่น้ำแซนที่ปารีสมากๆ
เนินยาวตามทางผ่าน กะเทยถีบรถไม่ขึ้น ต้องใช้วิธีจูง
หลังปั่นกันมาได้ประมาณ 10 นาที อีหัวหน้าทัวร์ก็ล้มเลิกโครงการทัศนาจรสะพานปายโดยเด็ดขาด
เพราะแค่ครึ่งทางกะเทยก็เป็นลม นั่งปาดเหงื่อ ดมยาดมข้างทางกันประมาณ 7 รอบ
เราจึงแวะที่ร้าน Coffee in Love ร้านกาแฟจุดท่องเที่ยวมีชื่ออีกแห่งที่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตรแทน
แต่ขอโทษนะคะ ไปยื๊มพักเอาแรงและถ่ายรูปเท่านั้น กาแฟไทยกะเทยแดกไม่ได้ เดี๋ยวเสาะท้อง
ศาลาไม้ระแนงสีขาว โปร่งสบาย สำหรับลูกค้ามานั่งแดกข้าวแดกกาแฟ กะเทยก็อาศัยเป็นที่แดกเป๊ปซี่แม็กซ์เช่นกัน
กระถางดอกไม้น่ารักๆ ตั้งเป็นแถวอยู่บนชั้นวางที่ผนังด้านในของศาลา
ม้ายาวที่เฉลียงศาลา มองเห็นภาพขุนเขาสวยงาม เป็นที่ที่กะเทยอาศัยนอนแดกเป๊ปซี่กัน
ทิวทัศน์จากสะพานไม้ที่ทอดระหว่างศาลากับตัวร้าน อาคารไม้ 2 ชั้น
ลานด้านหน้าบริเวณร้าน เปิดเป็นซุ้มขายน้ำอัดลม ขนม แมลงทอด etc.
พอนั่งพักกันหายเหนื่อยแล้ว กะเทยก็พากันกลับไปที่จอดจักรยาน
สิ่งที่เราพบก็คือ ชะนี 2-3 ตัวกำลังผลัดกันขึ้นไปนั่งบนจักรยานคิตตี้ของเราและถ่ายรูปกันราวกับมันเป็นรถไฟเหาะตีลังกา
รสสุคนธ์เห็นแล้วโกรธจัด ทำไมอีชะนีช่างกล้ามายุ่งกับรถของกะเทย นี่มันเป็น private property นะยะ
ว่าแล้วอีรสก็กระโดดเข้าไปแล้วพองตัวขู่
ก่อนที่จะพ่นยางใส่ตาชะนีเหล่านั้นทัน ชะนีที่เห็นอีรสกระโดดใส่ต่างก็พากันกรีดร้องแล้ววิ่งหนีไป
กะเทยก็เชิดใส่ แล้วก้าวขึ้นจักรยาน ปั่น (สลับกับเดินจูง) กลับเมืองไปหาข้าวเที่ยงแดกต่อ