ณ ขณะรัก A Moment in June
กำกับ ณัฐพล วงศ์ตรีเนตรกุล
แสดงนำ ชาคริต แย้มนาม,สินิทธา บุญยศักดิ์,
กฤษดา สุโกศล, สุเชาว์ พงษ์วิไล, เดือนเต็ม สาลิตุล,
นภัสกร มิตรเอม และฮิโร ซาโน่
แนว เมโลดราม่า
บทวิจารณ์ : วีร์ จีระเศรษฐ
คะแนน : 7 / 10
[size=18]ในเวลาที่เราสามารถจะแก้ไขแต่เรากลับจำต้องปล่อยมันไป กับโอกาสที่จะเริ่มใหม่เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ในยามที่เราต้องพลัดพรากเพื่อจะได้พบกันใหม่ กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ มันอาจไม่มีสิ่งไหนหรือทางเลือกใดที่จะกำหนดได้ แต่สิ่งที่คงอยู่คือความทรงจำที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร มันก็จะไม่เลือนหายไป
เมื่อปกรณ์และพลรู้สึกว่าชีวิตของเขาทั้งคู่ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาหวัง เมื่ออรัญญาเดินทางกลับไปพบคนที่เธอรักเมื่อครั้งอดีต เมื่อเจ้าสาวพบว่าเธอกำลังตกหลุมรักเพื่อนเจ้าบ่าว ชีวิตของพวกเขาก็มีอันต้องพบกับความกดดันและความรู้สึกผิด นำไปสู่การตัดสินใจที่พวกเขาหวังว่ามันจะเป็นโอกาสที่จะเริ่มใหม่อีกครั้ง
ณ ขณะรัก เล่าเรื่องและลำดับเรื่องอย่างประณีตสวยงามและชวนให้ติดตามว่าในขณะที่เรื่องราวดำเนินไปบทบาทของตัวละครจะจบลงอย่างไรได้เป็นอย่างดี การที่หนังเลือกใช้เพลง, ยุคสมัย และแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษอย่าง Moment In June ล้วนแสดงถึงรสนิยมชั้นดีของผู้กำกับตลอดจนสื่อความหมายที่ลึกซึ้งและหัวใจของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างหมดจด
อุปสรรคของปกรณ์และพล อาจจะต่างจากอุปสรรคของกรุงและอรัญญา ที่ดูจะไม่มีความเป็นไปได้เสียเลย หากแต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือเวลา ทว่าเวลาอาจไม่คอยท่าและกว่าจะถึงเวลาที่เราจะตัดสินใจ มันก็อาจจะสายเกินไป หนังเล่าเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งหมดและใช้ละครเวทีในการเฉลยปมเรื่องราวได้อย่างเข้าท่า เรื่องราวของปกรณ์และพลเริ่มขึ้นเมื่อพวกเขากำลังจากลา ในขณะที่อรัญญาและกร กำลังกลับมาพบกันอีกครั้ง หนังเดินเรื่องด้วยการเดินทาง เดินทางเพื่อพบ เดินทางเพื่อจาก แต่ทั้งหมดก็ด้วยความหวังที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เหมือนอย่างเช่นเพลงท่าฉลอมที่มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า ท่าฉลอม กับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า บอกเพียงสักคำว่าไม่รักจะหักใจลา ซ่อนตัวตามประสา จะหนีซ่อนหน้าห่างไกล แต่ว่าเป็นเพราะรักและเป็นเพราะมันไม่ใช่เวลา การจากลาจึงอาจเป็นหนทางที่จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงหัวใจของตนได้ในที่สุด
หนังได้ทีมนักแสดงชั้นเยี่ยมที่ตีบทแตกทุกคน แต่ปัญหาของหนังคือการดึงอารมณ์ร่วม หลายครั้งที่หนังมี moment ที่ชวนให้อึดอัดและบทพูดที่ทำให้ขาดความสมจริงอยู่มาก โดยเฉพาะการคัดนักร้องที่มีบุคลิกและเอกลัษณ์เฉพาะตัวมากล้น จนทำให้การสวมบทใดๆ หรือแม้แต่การแสดงความรู้สึกในน้ำเสียงทำให้ไม่สมบทบาทและขาดพลังไปได้ไม่น้อย ตรงกันข้ามกับชาตริต ที่บทส่งเขาอย่างมากประกอบกับความพยายามของเขาที่จะเข้าถึงบทซึ่งแม้ตอนแรกๆ อาจจะดูขัดเขินแปลกตาไปบ้าง แต่ยิ่งเรื่องราวดำเนินไปบทของเขาก็เด่นและมี moment ที่จับใจคนดูอยู่ไม่น้อยเลย
หนังได้คู่นักแสดงลายครามอย่างสุเชาว์ พงษ์วิไลและเดือนเต็ม สาลิตุลที่รับบทกรุงกับอรัญญา ส่วนตัวผมคาดหวังกับบทของเดือนเต็มอยู่มาก เนื่องจากตอนได้ดูตัวอย่างรู้สึกว่าเพียงเสี้ยวเวลาสั้นๆ ที่ตัดตอนบทของเธอมามันเต็มเปี่ยมไปหมด แต่เมื่อได้ดูหนังทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าการแสดงของนักแสดงฝีมือระดับนี้ย่อมไม่มีคำว่าพลาดหรือแม้แต่คำว่าไม่สมจริง แต่ความประทับใจมันไม่สุดอย่างที่คิดอย่างไรไม่ทราบได้เหมือนกัน และถ้าหากว่าการแสดงของกฤษดา สุโกศลจะเป็นจุดบอดเดียวของหนังที่น้อยเกินไป การแสดงของนภัสกร มิตรเอมในบทพลก็ดูจะมากไปอยู่เหมือนกัน
เดือนมิถนายน เป็นเดือนที่อยู่ระหว่างกลางของปี เป็นเดือนที่เหมือนกับว่าเราได้ใช้ชีวิตครึ่งปีแรกผ่านไป และชีวิตอีกครึ่งปีหลังกำลังจะมาถึง เราจะใช้เวลาครึ่งปีหลังนั้นอย่างไร จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในครึ่งปีแรกได้ไหม หรือเราอาจจะต้องก้าวต่อไปอย่างที่ไม่มีโอกาสได้แก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หลายครั้งในชีวิตคนเราเดือนมิถุนาน ก็อาจจะยาวนานกว่าที่คิด
เกร็ดเดือนมิถุนา
ในช่วงเริ่มเดือนมิถุนายนดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งราศีพฤษภ (ทอรัส) ซึ่งในตำนานของชาวบาบิโลนเชื่อว่าทอรัสคือเทพซุสที่แปลงกายมาลักพาตัวเจ้าหญิงฟีนีเชียน ในขณะที่เมื่อถึงราวสิ้นเดือนมิถุนายนดวงอาทิตย์จะอยู่ในตำแหน่งราศีคนคู่ เดือนมิถุนายนเองนั้นยังมีความหมายถึงสุขภาพและช่วงชีวิตที่ยาวนานอีกด้วย ชั่วขณะหนึ่งในชีวิตของคนเราที่ต้องรอคอยเมื่อจำจากและพลัดพราก ก็คงเหมือนการเริ่มต้นเดือนมิถุนาฯ และการเฝ้ารอก็คงไม่ต่างอะไรกับช่วงเวลาที่ยาวนานของชีวิต จวบจนเมื่อมาถึงปลายทางการรอคอยที่สิ้นสุด แม้มันอาจไม่ได้หมายถึงการได้อยู่คู่เคียงกัน แต่ความทรงจำจะคงอยู่นิจนิรันดร์
แก้ไขล่าสุดโดย VJ เมื่อ Wed Feb 11, 2009 2:26 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
